ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 89 เอาชีวิตให้รอดเถอะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 91 จะซ้ำเติมหรือช่วยเหลือกันแน่?

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 90 หยวนหัวที่น่านับถือ


ตอนที่ 90 หยวนหัวที่น่านับถือ

หย่งตงก้มหัวลงและจุดบุหรี่ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตอบว่า “ฉันไม่คิดว่าความคิดเขาจะเปลี่ยนไปหรอก”

“เรื่องของเรื่องก็คือ เราต้องการกำจัดเขา แต่เขาหลุดมือไปได้” หยวนหัวขมวดคิ้ว “ฉันเกรงว่าเขาจะกลับมาแก้แค้น”

“ถ้าตระกูลหม่าไม่รู้ว่าเขาทำ เขาก็อาจจะแก้แค้นเราในเรื่องนี้” หย่งตงตอบอย่างมั่นใจ “ตอนนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังเห็นเลยว่า เสี่ยวฉู่เป็นคนสับเปลี่ยนสินค้าในโกดังของตระกูลหม่า คุณคิดว่าเด็กคนนี้จะยังกล้ารับมือกับตระกูลหม่าอีกหรือ? แม้ว่าเฒ่าหม่าจะปล่อยเขาไป แต่หมาเหล่าเอ้อก็ไม่น่าเห็นด้วย ถ้าพูดกันตรงๆ เลย แม้ว่าเฒ่าหม่าจะไม่เอาเรื่อง แต่กองกำกับการฯ จะยอมไหมล่ะ? สรุปแล้วมีชาวบ้านสองคนตายไป และพบยาปลอมอีกจำนวนหนึ่ง ตอนนี้ทางการต้องการคนมารับผิดชอบอยู่แล้ว”

หยวนหัวคิดเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และรู้สึกว่าสิ่งที่หย่งตงพูดมานั้นก็สมเหตุสมผลดี

“ตราบใดที่ในหัวเสี่ยวฉู่ไม่ได้มีแต่น้ำ เขาจะเลือกหนีไปพร้อมกับค่าจ้างล่วงหน้าแน่นอน” หย่งตงกล่าวเสริมอีกครั้ง “เงินค่าจ้างก่อนเริ่มงานที่ฉันให้ไปนั้นไม่ใช่น้อย ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงลงมาลุยน้ำโคลนให้เปื้อนโดยไม่จำเป็น เพราะตอนนี้เรื่องก็ยุ่งยากมากแล้ว ถ้าเขาไม่ระวังตัว อาจจบชีวิตลงได้ง่ายๆ”

“ไม่ได้” หยวนหัวส่ายหัว “การเก็บเขาไว้ ถือเป็นอันตรายที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะยังไง เฒ่าหม่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว ยังมีเฒ่าหลี่หนุนหลังเขาอยู่ เพราะฉะนั้น ทำให้เจ้าเด็กนี่หุบปากตลอดไปเท่านั้นแหละ ที่ฉันต้องการ”

“อืม ใช่จริงๆ ด้วย” ชายหัวโล้นผงกหัวรับเชิงเห็นด้วย

หยวนหัวเดินไปมาในห้องสองสามก้าว จากนั้นหันกลับมาและพูดกับหย่งตง “คุณควรไปหาเขาและทำเรื่องให้เสร็จดีกว่า ก่อนที่จะกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา”

“ไม่มีปัญหา” หย่งตงเห็นด้วย

“เอาล่ะ ไม่ต้องทะเลาะกัน” หยวนหัวเดินเอามือไพล่หลังออกไปที่ประตูพลางบอกกับหย่งตง “ออกมากับฉัน มีเรื่องคุยกันต่อ”

“ตกลง” หย่งตงลุกขึ้นเดินตามเขาออกไป

……

สิบนาทีต่อมา

ในสำนักงาน หยวนหัวหยิบสมุดเช็คออกมาจากลิ้นชัก ก้มลงเขียนหมายเลขหนึ่งแสน ประทับตราเหล็กแล้วเลื่อนไปที่หย่งตง

“นี่หมายความว่าไง?” หย่งตงตกตะลึง

“นี่เป็นส่วนหนึ่งของเงินปันผลของคุณในช่วงครึ่งหลังของปี” หยวนหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะอนุมัติให้คุณก่อน และส่วนที่เหลือจะจ่ายช่วงปลายปี”

“มันจะเหมาะเหรอ?” หย่งตงตอบอย่างไม่คาดคิด “ช่วงนี้ยอดขายยาของเราค่อนข้างหดตัวลงและยอดก็ตกลงด้วย ถ้าคุณจ่ายเงินปันผลให้ฉันก่อน คนอื่นจะคิดมากเกินไปหรือเปล่า?”

หลังจากได้ฟังเช่นนั้น หยวนหัวลุกขึ้นยืนและพูดอย่างเคร่งขรึม “หย่งตง ในบรรดากลุ่มผู้อาวุโสในบริษัทของเรา คุณคือคนที่มีสมองดีที่สุด เวลามีเรื่องวิกฤติทุกครั้ง คุณสามารถคิดหาวิธีบางอย่างที่จะช่วยให้ฉันผ่านความยากลำบากไปได้ ดังนั้น ความสามารถพิเศษต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ถ้าหากคนอื่นจะรับไม่ได้ พวกเขาต้องโชว์ผลงานออกมาบ้าง”

หย่งตงยิ้ม “ทำไมวันนี้คุณอารมณ์อ่อนไหวนักล่ะ?”

“เปล่า” หยวนหัวเดินไปรินไวน์ที่โต๊ะใกล้หน้าต่างพลางเล่าว่า “เสี่ยวเค่อทะเลาะกับฉันเมื่อสองสามวันก่อน เขาบอกฉันว่ารูปแบบการดำเนินงานของบริษัทเราล้าหลังเกินไป ในองค์กรยังดูเหมือนกลุ่มคนโง่งุ่มง่าม ทำงานกันอย่างยุ่งเหยิง แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะรุนแรงไปสักหน่อย แต่หากสังเกตดีๆ มันมีความสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน”

หย่งตงเงียบฟังและไม่พูดอะไรออกมา

“เพื่อที่จะพิชิตโลก เราต้องการคนอย่างเจ้าโล้น เพื่อปกป้องโลก เราต้องการคนแบบคุณ” หยวนหัวเงยหน้าขึ้นมองหย่งตงแล้วพูดต่อ “ในสองปีที่ผ่านมา นายได้ทำงานเคียงข้างฉันเป็นอย่างดี ดังนั้นฉันจึงค่อยๆ มอบสิทธิพิเศษบางอย่างให้คุณ ถ้าคุณช่วยงานบริษัทดีต่อไป เฒ่าหยวนคนนี้จะไม่ปฏิบัติต่อคุณอย่างเลวร้าย และกับทุกคนด้วยเหมือนกัน”

หย่งตงยิ้ม “ฉันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะโอกาสรุ่งเรืองของบริษัทดีแค่ไหน แต่เพราะเจ้านายคือคุณ หยวนหัว คุณเป็นคนมีความชอบธรรม ดังนั้นการได้ทำงานกับคุณแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ”

“อืม” หยวนหัวพยักหน้าอย่างหนักแน่น

……

ในเขตตัวเมือง

บนถนนสายเล็กๆ ที่ล้อมรอบลานกว้าง หมาเหล่าเอ้อนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หลังจากรอประมาณ 10 นาทีเขาก็เห็นเสี่ยวลิ่วนำชายหนุ่มวัยเดียวกับเขาออกมาจากประตูหน้าของอาคารแห่งหนึ่ง

“ขึ้นรถ” หมาเหล่าเอ้อทักทายและเปิดประตูรถให้

ระหว่างทาง ชายหนุ่มพูดกับเสี่ยวลิ่วด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “พี่ชาย ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาทำอะไร”

“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากจะถามคำถามนายสองสามข้อเท่านั้น” เสี่ยวลิ่วตอบด้วยรอยยิ้ม

ในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มถูกเหวี่ยงเขาไปกระแทกกำแพงและหมาเหล่าเอ้อเข้าไปเอาแขนกดคอเขายันกำแพงพลางถามว่า “นายรู้จักฉันไหม?”

“ฉันรู้...ฉันรู้จักคุณ” ชายหนุ่มหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว “มีเรื่องอะไร... มีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่หมาเหล่าเอ้อ?!”

“นายหาเสี่ยวฉู่ให้ฉันได้ไหม?” หมาเหล่าเอ้อกดมือขวาบนไหล่ของชายหนุ่ม ด้วยสีหน้าหม่นหมอง

ชายหนุ่มยอมจำนนไม่ขัดขืน “พี่ชาย ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน วันนี้เราไม่ได้ติดต่อกันเลยจ้ะ”

หมาเหล่าเอ้อได้ยินเสียงจึงดีดนิ้ว ลุงหลิวจื่อหยิบปืนออกมาจอเข้าที่หัวของชายหนุ่ม

“พี่ พี่… อย่า อย่าทำฉันเลย…”

“ฉันจะถามนายอีกครั้ง นายสามารถหาเสี่ยวฉู่ให้ได้ไหม?” เสียงของหมาเหล่าเอ้อแหบลงเล็กน้อย และเขาก็ยกนิ้วชี้หน้าชายหนุ่ม “นายฟังให้ดีนะ แล้วฉันจะถามนายอีกครั้งเดียว!”

ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเย็นชาจากปากกระบอกปืนและได้กลิ่นดินปืนรุนแรงโชยเข้าจมูก ขาของเขาเริ่มอ่อนแรงทันที “...เขา... ดูเหมือนเขาจะไปเฟิ่งเป่ย”

“มันไปที่นั่นทำไม?” หมาเหล่าเอ้อถามอีกครั้ง

“เรามีเพื่อนที่ทำงานในกาสิโนในเฟิ่งเป่ย” ชายหนุ่มพูดหลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “เสี่ยวฉู่จะมีที่พักที่นั่น”

หมาเหล่าเอ้อเงียบไปครู่หนึ่ง “เสี่ยวฉู่บอกนายเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือเปล่า?”

“ไม่...ไม่” ชายหนุ่มส่ายหัว “เสี่ยวฉู่โกหกทุกคนและไม่เคยบอกความจริงเลย ฉันรู้ว่าเขาจะไปเฟิ่งเป่ยเพราะเพื่อนในกาสิโนโทรหาฉันวันนี้...เขาถามฉันว่าฉันต้องการไปเฟิ่งเป่ยกับเสี่ยวฉู่หรือเปล่า...ฉันบอกว่าติดงานเลยไปไม่ได้”

“นายสามคนสนิทกันใช่ไหม?”

“ถ้าเพื่อนคนนั้นละก็ รู้จักฉันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้า

“คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”

“พี่ชาย เสี่ยวฉู่ทำให้คุณขุ่นเคือง แต่เพื่อนของฉันคนนี้...”

“ฉันแค่มองหาเสี่ยวฉู่เท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเพื่อนของนาย และไม่เกี่ยวอะไรกับนายด้วย” หมาเหล่าเอ้อขมวดคิ้วและตอบว่า “นายแค่ต้องบอกที่อยู่เขาให้ฉันเท่านั้น”

“เขาอยู่ในเฟิ่งเป่ย ที่เมืองบันเทิงพาส” ชายหนุ่มก้มลงนิ่งเงียบไปหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา

หมาเหล่าเอ้อจ้องมองชายหนุ่ม “นายไม่ได้โกหกฉันใช่มั้ย?”

“ไม่ ไม่โกหกแน่จ้า” ชายหนุ่มส่ายหัวรัวๆ ปฏิเสธ “ฉันได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของพี่ ฉันไม่กล้าโกหกหรอก”

“ก็ได้” หมาเหล่าเอ้อพยักหน้าแล้วหันกลับมาตะโกน “เสี่ยวลิ่ว พาเขาไปที่โกดังที่ถนนถู่จ้า ให้เขาอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน หลังจากที่ฉันพบเสี่ยวฉู่แล้ว ฉันจะปล่อยเขาไปทันที”

“พี่ชาย หมายความว่ายังไงครับพี่? ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ฉันบอกพี่ไปแล้ว ทำไมยังจะจับฉันไว้อีกล่ะ” ชายหนุ่มร้องขอด้วยความตื่นตระหนกบนใบหน้า “ขอให้ฉันกลับบ้านไปเถอะ พ่อของฉันสุขภาพไม่ดี ฉันต้องทำอาหารให้เขาทุกเช้า…”

“อาหารของพ่อนายฉันจัดการให้แล้ว” หมาเหล่าเอ้อหันหลังกลับพลางพูดขณะจากไป “ฉันปกป้องคนดีจากคนร้ายด้วย ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ฉันพบเสี่ยวฉู่ นายจะเป็นอิสระทันที”

ชายหนุ่มยืนตัวสั่นอยู่ข้างกำแพง “พี่ชาย ฉันจะไม่ยอมให้ทำอย่างงี้ พี่ชาย อย่าเพิ่งไป...พี่ชาย ให้ฉันบอกใหม่อีกครั้ง...พี่ชาย ฉันโกหก...เขาไม่ได้อยู่ในเมืองบันเทิงพาส เขาอยู่ที่เอ็มจีคานิวัล…”

ลุงหลิวจื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเตะสั่งสอนเขา “นี่แกล้อเล่นใช่ไหม?!”

“โอย… พี่ชาย ฉันจะไม่ล้อเล่นอีกแล้ว คราวนี้ฉันพูดความจริงแน่นอน” ชายหนุ่มคุกเข่าลงพร้อมกับคร่ำครวญและก่นด่าไปต่างๆ นานา

……

สองชั่วโมงต่อมา

หมาเหล่าเอ้อยืนอยู่ที่สถานีซงเจียงเหนือ คุยโทรศัพท์กับฉินหยู่ “ฉันจะไปเฟิ่งเป่ย เสี่ยวฉู่หนีไปที่นั่น”

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด