ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 88 คนน่าสงสาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 90 หยวนหัวที่น่านับถือ

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 89 เอาชีวิตให้รอดเถอะ


ตอนที่ 89 เอาชีวิตให้รอดเถอะ

ในร้านขายเนื้อสด

เสี่ยวฉู่นั่งอยู่บนเตียงและสูบบุหรี่ไฟฟ้า ดวงตาของเขาดูกังวลเล็กน้อย และเขายังคงมองนาฬิกาบนข้อมือของเขาต่อไป

บนถนนมีเสียงเบรกรถอย่างรวดเร็ว รถออฟโรดสภาพทรุดโทรมคันหนึ่งแล่นมาจอดที่ทางแยก  ชายหน้าแดงนั่งอยู่ในรถก้มลงกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาม แล้วพูดสั้นๆ ว่า “ฉันมาถึงแล้ว พร้อมลงมือ”

“เขาอยู่ที่ห้อง 307” พี่สามตอบด้วยน้ำเสียงต่ำ

“เข้าใจแล้ว” ชายหน้าแดงวางสายโทรศัพท์ ก้มลงหยิบถุงมือยางผ่าตัดออกมาจากกล่องเก็บของที่แผงหน้ารถ สวมเข้าที่มือ จากนั้นก็หยิบหมวกขนสัตว์จากเบาะหลังมาสวมบนหัว ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

รถถูกปล่อยให้เครื่องติดไว้และอยู่ในเกียร์ว่าง แต่ล็อกด้วยเบรกมือ หน้ารถหันหน้าไปทางถนนใหญ่ เพื่อให้เขาสามารถหลบหนีที่เกิดเหตุได้อย่างว่องไวทันทีที่ขึ้นรถ

หลังจากที่ชายหน้าแดงพร้อมแล้ว เขาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก้าวตรงเข้าไปในร้านขายเนื้อสด

“พี่ชาย คุณจะมาเล่นใช่ไหม?” ชายหนุ่มที่ประตูยืนขึ้นแล้วกล่าวทักทาย “สาวๆ ของฉันอยู่ในบ้าน ฉันจะโทรเรียกพวกเธอออกมาให้คุณเลือกตามสบาย”

“ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันมาคุยกับเพื่อนที่มาเที่ยวที่นี่” ชายหน้าแดงเงยหน้ามองอาคารแล้วหันมาถามชายหนุ่ม “ห้อง 307 อยู่ที่ไหน”

หลังจากที่ชายหนุ่มที่ประตูได้ยินเช่นนั้นก็ทรุดลงนั่งเก้าอี้อย่างผิดหวัง แล้วเขาก็ชี้ไปที่บันไดทางซ้ายด้วยอารมณ์บูดเล็กน้อย “ขึ้นไปชั้นบน เลี้ยวซ้ายแล้วเดินต่อไปอีก 2 ก้าวก็จะเห็น”

“ขอบใจ” ชายหน้าแดงก้าวเดินขึ้นไปชั้นบน

ในบาร์เหล้าเล็กๆ ในตึก ชายหนุ่มหน้าประตูเข้ามานั่งลงดื่มไวน์พลางแบะปากด่าด้วยความรังเกียจ “ไอ้พวกผีน่าสมเพช แกมาที่นี่เพื่อจะพูดไร้สาระเวลาไม่มีอะไรทำเหรอวะ ไอ้เวร” เขาแอบด่าพลางมองตามหลังชายหน้าแดงไป

……

ในทางเดินชั้นบน มีเพียงแสงไฟสลัวๆ มือขวาชายหน้าแดงแตะปืนที่เอวพลางกวาดสายตาอันแหลมคมของเขาไปที่ห้องทั้งสองฝั่ง

ในห้องของเสี่ยวฉู่

เสี่ยวฉู่ขมวดคิ้วขณะเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ แต่เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ หลังจากที่ตัวละครในเกมเสียชีวิตติดต่อกันสองครั้ง เขาก็ลุกขึ้นยืนก่นด่าใส่เกมอย่างหมดความอดทน “ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงช้าอย่างนี้วะ? แม่งไม่อยากจะเชื่อเลย?”

หลังจากลุกขึ้นเดินไปรอบๆ ห้อง เสี่ยวฉู่สะพายกระเป๋าพาดลำตัวเดินเรื่อยเปื่อยไปที่ประตู เขาลงนอนดื้อๆ อยู่ที่ทางเข้าประตูและเฝ้ารอคอยคนจะมาช่วย

303

305

ชายหน้าแดงมองดูหมายเลขที่ประตูด้านซ้ายแล้วหยุดกะทันหัน จากนั้นก็ชักปืนออกถือไว้ข้างตัวขณะเดินอย่างเงียบกริบอีกสองก้าว

307 อยู่ตรงหน้าแล้ว

ชายหน้าแดงหันหน้ามองไปรอบๆ เพื่อความแน่ใจอีกที จากนั้นจึงโน้มตัวไปใกล้ประตูแล้วเคาะ

ภายในห้อง

เสี่ยวฉู่แอบมองออกไปและเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในทางเดิน เขาจึงหันหลังกลับและไปเข้าห้องน้ำอีกครั้ง เขากังวลมากจนต้องฉี่เกือบสิบครั้งแล้วในเวลานี้

“ก๊อก ก๊อก!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู

เสี่ยวฉู่สะดุ้ง จากนั้นจึงหันกลับเดินมาที่ประตูทันที เขาแนบแก้มของเขากับประตูและมองออกไปผ่านช่องตาแมว

“เสี่ยวฉู่ เปิดประตูได้แล้ว พี่สามอยู่ข้างล่าง เขาให้ฉันขึ้นมาเรียกนาย” เสียงของชายหน้าแดงดังขึ้น

เสี่ยวฉู่ดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น และเขาอ้าปากจะพูดตอบ มือจับลูกบิดประตูกำลังจะเปิด ทันใดนั้นเขาก็ชะงักค้าง นิ่งเงียบไป

“เสี่ยวฉู่ นายอยู่ที่นี่หรือเปล่า? เปิดประตู?” ชายหน้าแดงยังคงตะโกนต่อไป

ทันใดนั้นเหงื่อเย็นราวน้ำแข็งก็ไหลออกมาบนหน้าผากของเสี่ยวฉู่ ใบหน้าของเขาซีดเซียว แล้วเขาก็หยิบมีดพกเรียวยาวด้วยแขนขวาที่สั่นเทาออกมาจากกระเป๋าของเขา

หลังจากเกิดสภาวะเงียบงันได้ไม่นาน ชายหน้าแดงก็หมดความอดทน ถอยหลังหนึ่งก้าว และยกปืนขึ้นเล็งทันที

“ปัง!”

“ปัง!”

หลังจากเสียงปืนดังสองครั้งติดต่อกัน ตัวล็อกประตูก็แตกและประตูก็เปิดออก

ชายหน้าแดงก้าวเข้าไปในห้องและเห็นว่าห้องค่อนข้างมืดและว่างเปล่า

“ฟู่!”

เสียงหายใจถี่ดังขึ้น เสี่ยวฉู่เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีแล้วกดปุ่มปิดเสียง ขณะเดียวกัน เขาก็กำมีดพกในมือขวาแน่น เขายังคงยืนในห้อง 306 และมองไปยังประตูห้องฝั่งตรงข้าม

ชั้นล่าง

มีเสียงฝีเท้าและพนักงานเสิร์ฟก็ตะโกนเสียงดัง “ใครกำลังทำอะไรอยู่น่ะ ใครทุบประตูเสียงดัง?”

“เวรเอ๊ย”

ชายหน้าแดงขมวดคิ้วสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วหันหลังกลับเดินออกจากห้อง เคลื่อนตัวเรียบผนังไปอย่างรวดเร็ว แต่ไปไกลมากนักเมื่อเข้าชนเข้ากับพนักงานเสิร์ฟพอดี

“ใครเตะประตู?” พนักงานเสิร์ฟถาม

“มีใครเปิดห้อง 307 บ้างไหม?” ชายหน้าแดงจ่อปากกระบอกปืนเข้าที่หัวของพนักงานเสิร์ฟและถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “คนที่เปิดห้อง 307 เปิดห้องอื่นด้วยใช่ไหม?”

พนักงานเสิร์ฟตกตะลึง

“พูดมา ไม่งั้นแดกลูกปืน” ชายหน้าแดงแสดงท่าทางดุร้าย

“ฉัน…ฉันไม่ได้สนใจ ตอนนั้นฉันไม่ได้ขึ้นมาเสิร์ฟบนชั้นนี้เลย” พนักงานเสิร์ฟบอกอย่างตื่นตระหนก

ชายหน้าแดงขมวดคิ้วจ้องมองพนักงานเสิร์ฟครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขามีเครื่องส่งรับวิทยุอยู่ที่เอว ชายหน้าแดงก็สั่งทันที “วิทยุไปถามคนอื่นๆ สิ! รีบๆ หน่อย”

“บูม!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงโครมครามข้างนอกอย่างกะทันหัน

ชายหน้าแดงหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียง จึงตะคอกถามอย่างรวดเร็ว “ห้องมีหน้าต่างหรือเปล่า?”

พนักงานเสิร์ฟไม่กล้ายุ่งกับมือปืน ดังนั้นเขาจึงตอบทันทีว่า “หะ ห้องเลขคู่ก็มีหน้าต่าง”

ชายหน้าแดงหันหลังวิ่งกลับมาถึงประตูห้อง 306 อย่างรวดเร็ว แล้วยกเท้าขึ้น ถีบประตูสามครั้งติดต่อกัน

“โครม!”

ประตูเปิดออก ไฟในห้องเปิดอยู่ กลิ่นควันบุหรี่ฉุน หน้าต่างฝั่งตรงข้ามถูกเปิดทิ้งไว้ ลมหนาวพัดเข้ามาในห้องอย่างไม่ขาดสาย

ชายหน้าแดงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบวิ่งไปที่หน้าต่างด้วยความงุนงง ก้มมองลงไป แล้วเห็นว่าเสี่ยวฉู่วิ่งกะโผลกกะเผลกข้ามถนนแล้วเข้าไปในซอยฝั่งตรงข้าม

“แม่งเอ๊ย! เงินพันห้าของข้าวิ่งหนีไปแล้ว” ชายหน้าแดงสาปแช่งด้วยความโกรธ พร้อมก้มลงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขของพี่สามพลางวิ่งออกไปด้วย

……

ประมาณสามนาทีต่อมา

เสี่ยวฉู่วิ่งออกจากตรอกด้วยความตื่นตระหนก จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล?”

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวฉู่ก็ตอบรับโทรศัพท์ “พี่สาม คุณมันเล่นไม่ซื่อ!”

“เสี่ยวฉู่ นายเข้าใจผิดหรือเปล่า?”

“เข้าใจผิดอะไร? ทำไมฉันไม่เห็นอย่างนั้นล่ะ? ฉันได้กลิ่นดินปืนโชยมาตั้งแต่ปากซอยแล้ว…” เสี่ยวฉู่ตอบด้วยความโมโห “ถ้าฉันไม่ได้ติดตามเฒ่าหม่าและคนอื่นๆ มาเป็นหลายปี และมีประสบการณ์ในวงการนี้มาบ้าง เห็นทีคืนนี้ฉันอาจจะหนาวถึงตายแน่ๆ”

“นั่นเป็นคนที่ฉันส่งไปรับนาย”

“พี่สาม ฉันเป็นแค่ลูกกระจ๊อก ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่เอาค่าจ้างแล้ว” เสี่ยวฉู่กระซิบ “ถ้าคุณไม่ตามมารังควานฉันอีก ฉันจะไม่กลับไปซงเจียงอีกแล้วในอนาคต”

“เสี่ยวฉู่ ฟังฉัน…”

“คุณกำลังพูดอะไรพี่สาม! เพื่อนของคุณทำให้ฉันกลัวจนขี้หดตดหายแล้ว” เสี่ยวฉู่วางสายโทรศัพท์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วเขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วในความมืดของค่ำคืนนั้น

……

ที่โต๊ะไพ่ หยวนหัวเห็นว่าสีหน้าพี่สามเปลี่ยนไปมีความเครียดมากขึ้น จึงถามทันที “มีอะไรหรือ?”

“เสี่ยวฉู่หลุดมือไป…” พี่สามตอบอย่างสั่นเทา “เจ้าหนุ่มคนนี้ค่อนข้างรู้งาน มันบอกหมายเลขห้อง 307 ให้ฉัน แล้วมันไปแอบดูจาก 306”

เมื่อหยวนหัวได้ยินดังนั้น เขาก็คว่ำไพ่นกกระจอกทันที แล้วลุกขึ้นยืนหันมาทางพี่สาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ค...ครับ” พี่สามพยักหน้า

“พัวะ!”

เมื่อหยวนหัวได้รู้เช่นนั้น เขาก็ตบหน้าพี่สามอย่างแรง จนเขาเสียหลักเซถอยหลังไปสองสามก้าว “แกมีสมองเท่าเม็ดถั่วเหลืองหรือไง หา!? เป็นตำรวจมือปราบประสาอะไร โจรกระจอกคนเดียวยังควบคุมมันไม่ได้”

พี่สามก้มหน้าลง “เจ้าพวกไม่ได้เรื่องพวกนี้มันดิ้นรนอยู่บนถนนมาเป็นปีๆ ทำให้มันกลายเป็นพวกรู้มากไปได้”

“ฉันคิดว่าแกกำลังจะกลายเป็นไอ้พวกรู้มากไปอีกคนแล้ว ไอ้โง่! แกไม่เข้าใจอะไรเลย” หยวนหัวหมดอารมณ์ในการเล่นไพ่นกกระจอกแล้ว เขาหันไปถามหย่งตงทันที “เด็กคนนี้จะเปลี่ยนใจหรือเปล่า ถ้ามันไม่ได้ค่าจ้างที่ค้างอยู่?”

……

ในเขตตัวเมือง

หมาเหล่าเอ้อนั่งอยู่ในรถแล้วพูดกับเสี่ยวลิ่ว “พาเขาออกมา ฉันจะรอข้างล่าง”

“ครับ” เสี่ยวลิ่วพยักหน้า

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด