ตอนที่แล้วตอนที่ 202 มะลิกับเส้นทางวิวัฒนาการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 204 เถาวัลย์กินเนื้อ

ประตู


ตอนที่ 203 ประตู

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างจบ ทุกคนก็กลับมาที่จุดรวมผล พวกเขาต้องถอดชุดสูท M4 ออก และแบ่งกลุ่มไปค้นหาในพีระมิดต่าง ๆ ตามที่เมสันคาดการไว้ ซึ่งได้แผนที่มาจากนิเรียที่วาดจนเสร็จ

ทำให้มองดูแล้ว โบราณสถานที่นี่ไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่เล็กเช่นกัน

ขณะเดียวกันเมสันก็กำลังเตรียมเครื่องมือเพื่อรอเวลาทดสอบว่าสามารถทำให้ชุดของพวกเขากลับมาให้ได้หรือไม่แม้จะเกิดคลื่นพลังงานรบกวน

เรื่องนี้สำคัญมาก แม้แต่ไนเรลก็ให้ความสนใจ เพราะถ้าเกิดมีคนใช้อาวุธแบบนี้โจมตีพวกเขา มันก็อาจจะเกิดหายนะได้ ถ้าไม่มีวิธีการรับมือ

“ไนเรลเนื้องูย่างสุขแล้ว” เอวาเดินเอาเนื้องูหน้าศพระดับ 5 ขั้นต้นมาให้กับไนเรลชิ้นใหญ่

ที่ว่าชิ้นใหญ่นั้นมันมากกว่า 100 กิโลกรัม

หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าเสร็จ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คนของพวกเขาค้นหาจุดทั้ง 8 ที่เส้นวงจรลากยาวไปถึง

มันคือพีระมิดทั้ง 8 รอบพีระมิดหลัก แต่มันยังมีมากกว่านั้น นั่นก็คือมีคนค้นพบภาพอักษรโบราณอยู่ในพีระมิดด้วย

ไนเรลไม่รอช้ารีบไปยังจุดที่พวกเขาค้นพบภาพอักษรโบราณ

“ท่านไนเรล ผมจอห์น เซดิธ นักโบราณคดีและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรโบราณโฮโมติกครับ” จอห์นแนะนำตัวเองอย่างง่าย ๆ พร้อมกับยื่นมือไปทักทายไนเรล

จอห์นเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เดินทางลงมากับไนเรลด้วย เขาเป็นมนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำตาล

ไนเรลจับมือทักทายจอห์นกลับและถามว่า “คุณเป็นชาวอามิวกัสเหรอ”

“ผมเป็นลูกครึ่งไทกีล่าและอามิวกัส”

ไนเรลถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของจอห์นเหมือนกับชาวอามิวกัส อันที่จริงมันมีน้อยมากที่คนของอามิวกัสจะมาทำงานกับสมาพันธ์นักล่า “ตอนนี้คุณเป็นคนของสมาพันธ์นักล่าแล้ว”

“ครับ” จอห์นยิ้มออกมาทันที

หลังจากนั้นจอห์นก็พาเขาไปดูภาพอักษรโบราณที่ค้นพบและอธิบายว่า “ภาพพวกนี้ถูกสลักลงไปในหิน มันเป็นภาษาเก่าแก่ที่มีอยู่ในทุกอารยธรรมโบราณคือภาษาโฮโมติก โชคดีที่ผมศึกษาภาษาโฮโมติกกับอาจารย์มานานจึงแปลพวกมันได้แม้จะไม่มั่นใจเต็มร้อยก็ตาม”

หลังจากนั้นนักโบราณคดีจอห์นแปลข้อความให้ไนเรลฟัง ‘ดอกไม้ในมือเชื่อมต่อผืนป่า กุญแจเพียงหนึ่งข้ามผ่านในราตรี ค้นพบเส้นทางของเหล่าพระเจ้า ผู้สร้างสรรค์โลก... เข้าใกล้เวลาหนทางทำลายล้าง เหล่าชีวิตดับสูญสิ้น’

“ตรงอักษรวรรค์นี้ ผมไม่สามารถแปลมันได้ แต่มันกล่าวถึงโลกอะไรสักอย่าง” จอห์นพูดด้วยความรู้สึกผิดเล็ก แต่ในเมื่อแปลไม่ได้ก็คือไม่ได้

“อาจารย์ของคุณแปลมันได้ไหม” เอวาถาม

“เขาตายแล้วครับ” จอห์นตอบด้วยความเศร้า

“ขอโทษที”

“ไม่เป็นอะไรครับ”

ไนเรลเองเอามือลูบอักษรภาพ เท่าที่ข้อความพวกนี้บอก หมายความว่า ที่ที่เขายืนอยู่มันคือประตู

“ถ้าตรงนี้คือประตูที่เชื่อมไปสู่พื้นที่อื่น อย่างนั้นสามารถอธิบายได้แล้วว่าเราถึงไม่เห็นคนอื่น ๆ ที่เข้ามาก่อนพวกเรา...หลังจากใส่แหล่งพลังงานก็คืออีกหนึ่งเงื่อนไข...” ไนเรลดูเหมือนจะคิดออก จึงสั่งให้ทุกคนรีบนำแก่นพลังงานไปวางตามจุดพลังงานและมารวมกันที่พีระมิดกลาง

ผ่านไปจนถึงเวลา 17.55 น. ไนเรลมองดูเวลาอย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้ทุกคนต่างถอดชุดสูท M4 ออกแล้ว เพราะหลังจากนี้พวกเขาจะให้งานมันไม่ได้

“พี่กำลังรออะไรอยู่”

“พี่กำลังรอราตรีมาเยือน” หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับคนอื่น ๆ ต่อว่า “หลังจากเกิดคลื่นรบกวนแล้ว ให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ ถ้าผมคาดการไม่ผิด พวกเรากำลังจะได้เห็นประตูที่มีความสามารถเหมือนกับการเคลื่อนย้ายสสาร ไม่รู้ว่าพวกเราจะเจออะไรหลังประตูบ้าง ระวังตัวกันไว้ด้วย”

ทุกคนที่ในตอนนี้หลังจากได้ยินคำพูดของไนเรลต่างก็ตื่นเต้นและกังวล สิ่งที่ตื่นเต้นคือพวกเขากำลังค้นพบเทคโนโลยีที่ล้ำยุคซึ่งมันไม่ได้มาจากพวกเขา แต่มาจากสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรมเหนือกว่าพวกเขา

มันทำให้พวกเขารู้ว่าจักรวาลนี้พวกเขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แน่นอนว่าความจริงข้อนี้ไนเรลรู้มานานแล้ว ไม่ว่าจะชีวิตแรกของเขา หรือ โลกของต้นไม้โลกก็ตาม

ส่วนที่ทุกคนกังวลก็คือ สิ่งที่อยู่หลังประตูคือที่ไหนกันแน่

เหลืออีกไม่ถึง 1 นาที แก่นพลังงานระดับ 5 ทั้ง 10 ถูกวางไว้แล้ว ณ เสาหินหลัก และแก่นพลังงานระดับ 5 อีก 8 ชิ้นตามเสาหินในพีระมิดทั้ง 8

หลังจาก 18:00 น. หรือก็คือเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกแล้วด้านนอกรอยแยกมืดลงไปแล้ว ในสถานที่ไนเรลอยู่นั้นมันมืดอยู่ก่อนแล้ว

พึบ!

ทันใดนั้นมีเสียงเหมือนคลื่นพลังงานกระจายออกมาจากทุกพีระมิด ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างดับสนิท ชุดสูทM4 ที่พวกเขาทอดออกไปแล้วก็ปิดตัวลงเช่นกัน

แสงสว่างจากไฟของพวกเขาหายไป แต่ในฉับพลันก็มีแสงสว่างจากบอลไฟเข้ามาแทนที่

ในมือข้างซ้ายของไนเรลมีบอลไปขนาดเท่าลูกบอลลุกโชนอยู่ มันสว่างไปทั้งพื้นที่ในโถงพีระมิดแห่งนี้

คนอื่น ๆ ที่มีความสามารถธาตุไปอีกสามถึงสี่คนในคนทั้ง 116 คนต่างก็สร้างบอลไฟของตัวเอง แม้มันจะไม่สว่างเท่าไนเรลก็ตาม

“เอาคบไฟมา” พวกเขาเอาคบไฟเข้ามาจุดและวางไฟรอบ ๆ ที่ตนเองยืนอยู่

ไนเรลมือขวาถือลูกกุญแจหกแฉก เดินเข้าไปที่เสาหิน กุญแจในมือของเขานั้นสั่นไหวเบา ๆ ราวกับมันกำลังเรียกหากันและกันของเสาหิน

“หวังว่าจะได้ผล” ไนเรลใส่ลูกกุญแจหกแฉก เข้าไปในช่องเดิมที่ใส่เมื่อตอนกลางวัน แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป

กึก!

“ลูกกุญแจเพียง 1 ดอกก็เปิดประตูได้” ไนเรลพูดออกมาขณะที่ถอยออกมา

เส้นบนเสาหินที่เมสันเรียงมันว่าวงจรกำลังส่งผ่านพลังงานจากแก่นพลังงานไหลวนไปอย่างต่อเนื่อง มันเกิดแสงสว่างที่แม้ไม่มีคบไปก็เหมือนกลับที่นี่ได้ออกไปอยู่ในแสงแดดยามกลางวัน แม้ตอนนี้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินในพีระมิดก็ตาม

เมสันมองมันอย่างสนใจ เพราะสิ่งเหล่านี้เสมือนวิทยาการชั้นสูงที่เดินออกมาแก้ผ้าให้เขาศึกษาดูได้ตามใจ

ซึ่งก็มีอีกสองคนที่เป็นแบบเมสันก็คือ จูเรีย และ ชารอน ทั้งสองก็สนใจเส้นแสงพวกนี้เช่นกัน

ในขณะที่คนอื่น ๆ นั้นกำลังมองเสาหินที่สร้างพลังงานขยายออกมาล้อมลอบตัวเองไว้

หลังจ่ากนั้นทุกอย่างก็หยุดนิ่งไป

“เกิดอะไรขึ้น มันต้องมีประตูไม่ใช่เหรอ”

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้คำตอบอยู่ ๆ วงพลังงานที่ล้อมเสาหินก็ระเบิดดูดกลืนพวกเขาเข้าไปในพริบตา แม้แต่ไนเรลก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

ทุกคนถูกแสงพวกนั้นดูดหายไปจากในโบราณสถานทั้งหมด

...

วู๊ดๆๆๆๆ

“ประกาศเตือนประชากรทุกคนที่อยู่ภายในเมืองสหพันธ์มนุษย์ ตอนนี้เรากำลังเข้าสู้สงครามกับอสูรที่เรียกตัวเองว่าเผ่าเจ้าสมุทร ขอให้พวกท่านเข้าไปหลบอยู่ในบ้านอย่าออกไปไหน ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไปรายงานตัวที่หน่วยของตนเอง เจ้าหน้าที่เข็มกลัดทองคำรายงานตัวกับผู้นำสหพันธ์มนุษยชาติ ท่านมาราคอฟโดยด่วน”

ประกาศถูกประกาศซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง เมืองสหพันธ์มนุษย์กลายเป็นป้อมปราการที่ต่อสู้กับเผ่าเจ้าสมุทรอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะมนุษย์ได้รวมกันแล้ว และมาราคอฟก็ไม่ได้นอนรอให้พวกนั้นเข้ามาโจมตีในเมืองหลังจากพวกมันบุกมาเกือบสองเดือนที่ผ่านมา

“คุณไคโร ยินดีที่คุณยอมสนทนากับทางสหพันธ์มนุษยชาติ”

“แน่นอน ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง”

“ขอบคุณ ดังนั้นบอกเงื่อนไขของคุณมาได้เลย”

“ได้ ผมในนามของตัวแทนสมาพันธ์นักล่าต้องการให้พวกคุณตามหาตัวนักฆ่าที่ตามไล่ล่าคนของสมาพันธ์นักล่าในตอนที่พาราซัสบุกโจมตีรัฐบาลไทกีล่า” ไคโรบอกความต้องการไปตรง ๆ เมื่อมาราคอฟถามมาตรง ๆ

มาราฟได้ยินก็รู้สึกถึงความยุ่งยากทันที จึงกล่าวว่า “เรื่องนี้ผมก็ยากจะช่วย แต่นักฆ่าพวกนั้นหายตัวไปนานแล้ว ซึ่งพวกเราก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน แต่ถึงแบบนั้นเราพอจะให้ข้อมูลคนพวกนี้ได้”

“ถ้างั้นก็ตกลง” ไคโรตัดสายในทันที

ขณะที่มองดูเอกสารในมืออยู่ที่เมืองซานติเกีย หลังจากไนเรลออกไปได้หลายวันไคโรก็ต้องมารับหน้าที่บริหารสมาพันธุ์นักล่าทั้งหมดแทน เพราะเอวาก็ไปด้วย

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น สมาพันธ์นักล่าในตอนนี้ก็กำลังเดินไปในทิศทางที่มั่นคง ยักษ์เถื่อนจากทางตะวันออกก็ถูกไนเรลทำลายไป และยังสร้างกำแพงพิชกินเนื้อยาวหลายร้อยกิโลเมตรขวางกั้นไว้

ทางตะวันตกที่เป็นทะเลก็ยังปกติดี

ส่วนที่ไคโรเป็นห่วงจริง ๆ ก็คือสงครามของสหพันธ์มนุษยชาติกับเผ่าเจ้าสมุทรที่ขึ้นมาจากทะเลทางอามิวกัส เพราะถ้าทางสหพันธ์มนุษยชาติแพ้ ก็เท่ากับว่าทางสมาพันธ์นักล่าคือรายต่อไปที่ต้องสู้กับเผ่าเจ้าสมุทร

ดังนั้นไคโรจึงสนับสนุนการรบในหลาย ๆ ด้านให้กับสหพันธ์มนุษยชาติอย่างเต็มที่

เขากำลังใช้สหพันธ์มนุษย์เป็นกันชน ซึ่งทางมาราคอฟก็รู้ดี แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะตอนนี้ทางมาราคอฟมีสิ่งที่ต้องดูแลอยู่นั้นก็คือผู้คนในเมืองไทกีล่าหรือก็คือเมืองของยักษ์ที่ซามูเอลดูแลอยู่ และเมืองสหพันธ์มนุษย์แห่งนี้

ถ้าที่นี่ล่มสลาย ที่ต่อไปคือเมืองของยักษ์เป็นจุดต่อไป และมันจะเกิดคนตายหลายล้านคน ซึ่งมาราคอฟยอมให้เกิดเรื่องไม่ได้

(ต่อไปนี่จะเรียกเมืองไทกีล่าที่บักอาบิเกลมันเปลี่ยนชื่อ เรียกเป็นเมืองของยักษ์เหมือนเดิมนะ)

มาราคอฟเคยมีความคิดที่จะรวมเข้ากับสมาพันธ์นักล่า แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น ถ้าเขาฝืนมันก็มีแต่จะวุ่นวายจนเกิดการพังทลายเปล่า ๆ

...

ไนเรลที่ดูดเข้าในประตู เขารู้สึกราวกับภาพตรงหน้ามันตัดวูบไป เหมือนร่างกายโดนแยกออกจากกัน แล้วก็ถูกวาบด้วยความเร็วที่ไม่อาจจะระบุได้

หลังจากที่เขารับรู้อีกทีก็มาโผล่อยู่ที่สถานที่ซึ่งเป็นเหมือนลานกว้าง มีเปลวไฟล้อมรอบอยู่

“ที่นี่มัน...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด