ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 47 การแก้แค้นกำลังมาถึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 49 ราคาของการเอาแต่ใจ

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 48 ยุคแห่งความโกลาหล


ตอนที่ 48 ยุคแห่งความโกลาหล

ที่ประตูห้องบนชั้น 2 อันธพาลสามคนถือปืนเดินเข้ามาถึง ชายสวมหมวกขนสัตว์ยกเท้าถีบล็อกประตูหลายครั้ง แต่ประตูยังปิดสนิท เขาถีบประตูจนตัวล็อกประตูบิดเบี้ยวไป แต่บานประตูยังขยับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“มันดันประตูอยู่”

ชายฉกรรจ์ชาวเบลารุสพร้อมเคราที่มีน้ำแข็งเกาะ ยืนอยู่ทางซ้ายพูดด้วยสายตาที่ดุดัน “แกหลีกไปก่อน”

พวกเขาอีกสองคนจึงถอยไปหลบข้างประตู

“ปัง ปัง ปัง...!”

หลังจากการยิงไปหลายนัด ตรงกลางบานประตูไม้ก็ถูกเจาะเป็นกลุ่มรูกระสุนเจ็ดแปดรู

“โครม!”

ชายชาวเบลารุสอีกคนที่อยู่ด้านข้าง ยกเท้าขึ้นถีบกลางกลุ่มรูกระสุน บานประตูแตกกระจายเป็นช่องขนาดใหญ่

ฉินหยู่หลบอยู่ระหว่างตู้ไม้ที่นอนขวางบานประตู สายเกินไปสำหรับเขาที่จะถอยห่างไปจากประตูแล้ว

ทันใดนั้น ปืนสามกระบอกโผล่มาจากช่องโหว่ประตู

“ฉิบ!”

ดวงตาของฉินหยู่แดงก่ำไปด้วยความโกรธ เขาจับขอบตู้ด้วยมือทั้งสองแล้วกัดฟันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขาใช้พลังฮึดยกตู้ขึ้นตั้งแล้วปล่อยมันกระแทกไปปิดช่องโหว่ที่ประตู

เสียงปืนหลายนัดดังกึกก้องไปในทางเดิน และกระสุนเจาะเนื้อไม้ของตู้แตกกระจายเป็นรูพรุน กลิ่นเหม็นไหม้ของดินปืนฟุ้งไปทั่ว แต่ตู้ยังแข็งแรง ค้ำยันประตูหน้าห้องไว้อย่างมั่นคง

ฉินหยู่ยืนบนพื้นที่นองไปด้วยเลือดของเขาเอง พิงตู้ไม้ที่ตั้งยันประตูถ่วงเวลาไม่ให้คนร้ายเข้ามาได้ง่ายๆ

“บ้าเอ๊ย!”

ชายสวมหมวกกำมะหยี่สบถและหันกลับมาถามเพื่อนว่า “แกเอาระเบิดมาบ้างหรือเปล่า?”

“เปล่า” เพื่อนเบลารุสอีกคนส่ายหัว

“ต้องเอาตู้ออกไปให้พ้นทางให้ได้”

ในขณะนี้ คนร้ายทั้งสามไม่มีช่องให้ยิงเข้าไปได้ แม้ว่าความหนาของตู้จะประมาณครึ่งเมตรและมันกลวงตรงกลาง แต่ก็มีแผ่นไม้หนาสองแผ่นทั้งสองด้าน หากยิงเข้าตู้แล้วบางนัดทะลุแต่บางนัดติดอยู่แค่ไม้ชั้นที่สอง มันจะเปลืองกระสุนโดยเปล่าประโยชน์

ฉินหยู่ใช้เวลาหลายปีในการเก็บสะสมเงินทองจากพื้นที่โครงการพัฒนาเพื่อมาที่นี่ ในที่สุด เขาก็ได้มีที่ที่จะอยู่รอดต่อไป เพราะฉะนั้น เขาไม่ต้องการตายในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ เขาจึงพยายามเค้นพลังเฮือกสุดท้ายออกมา พร้อมกับอาศัยความสูงใหญ่บวกความสามารถทั้งหมดที่มี ค้ำยันตู้ไว้อย่างสุดแรง พยายามถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด

แม้ความหวังที่จะรอดชีวิตเริ่มริบหรี่ลงแล้วก็ตาม

หลังจากการปะทะกันเป็นเวลาสามสี่นาที แล้วทุกอย่างก็สงบลงชั่วขณะ ฉินหยู่ค่อยๆ สูญเสียความแข็งแกร่งไปเพราะเสียเลือดจากบาดแผลไปมาก เขารู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังค้ำยันตู้อย่างสุดแรงเกิด เขาสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อบังคับตัวเองให้ตื่นตัวตลอดเวลา

ชั้นล่าง

ชายใส่หมวกกำมะหยี่ลงไปหยิบขวานจากตู้ดับเพลิงข้างประตูร้านชั้นล่าง ทันใดนั้น เขาเห็นรถสองคันขับมาด้วยความเร็วสูง

“เอี๊ยด!”

มีเสียงเบรกรถดังเสียดแก้วหู รถกระบะตำรวจออฟโรดสองคันมาหยุดที่ริมถนน

“เฮ่ย แม่งซวยแล้ว!”

ชายใส่หมวกกำมะหยี่สบถและตะโกนบอกเพื่อน “ไอ้เด็กเวรนั่นโทรเรียกพวกมันมา ลงมาเร็ว!”

เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเรียก ชายชาวเบลารุสทั้งสองก็รีบวิ่งออกจากร้าน และวิ่งเลียบตลาดมุ่งหน้าไปยังรถออฟโรด แล้วเหนี่ยวไกยิงไม่ยั้ง

ทันทีที่เสียงปืนดังลั่นขึ้น โทรศัพท์มือถือของฉินหยู่ก็ดังขึ้นเช่นกัน

“ฮัลโหล?”

“พอดีพวกเราปะทะพวกมันข้างล่าง...” เสียงของจูเหว่ยดังขึ้น “ไม่ต้องห่วง เราจะขึ้นไปทันที”

เมื่อฉินหยู่ได้ยินเช่นนี้ ความตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลงทันที

……

ที่สี่แยกถนนถูจ้าตัดถนนฟู่หยวน มีรถของกองกำกับการตำรวจหลายสิบคันจอดอยู่ และมีกองกำลังปราบปราม 300 คน สวมชุดต่อสู้และเสื้อเกราะกันกระสุน ตำรวจมือปราบถือโล่กันระเบิดรีบโดดลงจากรถออกมาเป็นขบวน

“แต่ละกลุ่มปฏิบัติตามคำแนะนำ และสลายฝูงชนที่ก่อปัญหา!”

รองผู้กำกับการตำรวจถือวิทยุรับส่งตะโกนสั่งด้วยเหงื่อชุ่มใบหน้า “บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และอย่าทำให้เหตุการณ์ลุกลามเพิ่มขึ้น ขอย้ำ! เน้นสลายความขัดแย้งเท่านั้น...!”

หลังจากการตะโกนสั่งอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามร้อยนายก็ถือโล่และเคลื่อนทีมออกไปสู่ถนนดินด่าง

เสียงฝีเท้าเดินทัพดังกึกก้องไปทั่วถนนเคลือบน้ำแข็งปนหิมะอย่างวุ่นวาย เหล่ามือปราบเดินเรียงแถวหน้ากระดานเข้ามา แล้วพวกเขาต้องตกตะลึงทันทีกับภาพที่เห็นตรงหน้า

บนถนนแคบๆ มีคนหลายกลุ่มหลายพวกอย่างน้อยพันคนกำลังต่อสู้กันอย่างสับสนอลหม่าน เสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ ระเบิดขวดโมโลตอฟทำเองถูกโยนไปรอบๆ และบ้านเรือนร้านรวงทั้งสองข้างถนนกระจกแตกกระจัดกระจายไปทั่ว เปลวไฟลุกไหม้ที่ประตูบ้านหลายหลัง อาวุธมีดและไม้เกลื่อนกลาดเต็มพื้นไปหมด ผู้บาดเจ็บวิ่งหนีตาย บางคนล้มลงกับพื้นร่ำไห้คร่ำครวญ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วุ่นวายมากจนดูเหมือนเมืองที่เกิดการจลาจลเพราะประสบภัยพิบัติ

“ทีมสองเดินหน้า!”

“ทีมสามเดินหน้า!”

“ทีมรักษาความปลอดภัยเดินหน้า!”

“……!”

หลังจากที่หัวหน้าหน่วยปราบปรามตะโกนใส่วิทยุรับส่ง เหล่ามือปราบก็เริ่มเดินหน้าอีกครั้ง

“วางอาวุธลงแล้วหมอบลงตรงนั้น!”

“เอามือวางบนหัวของคุณ!”

“อย่าขยับ อย่าขยับไม่งั้นจะยิงนะ!”

“……!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเคลื่อนกำลังเข้าใกล้ฝูงชนที่ต่อสู้กัน ผู้คนและชาวบ้านบางกลุ่มก็เริ่มตะโกนโต้เถียงกับตำรวจไปมา ในขณะที่กลุ่มผลประโยชน์ 2 กลุ่มกลับฉวยโอกาส และไม่ได้แยแสกับปากเสียงของชาวบ้านเหล่านี้เลย

ในเวลาเดียวกัน ชาวบ้านระดับล่างจำนวนมากในบ้านเรือนที่แอบช่วยเหลือตระกูลหม่า ก็หยิบระเบิดเพลิงทำเอง ขว้างจากบ้านลงมาใส่ฝ่ายตรงข้าม

“บูม!”

“เฮ่ย ไฟไหม้แล้ว!”

“ใช้โล่กำบัง มีคนขว้างสิ่งของจากที่สูง!”

“……!”

แม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดเพียงสามร้อยนาย มันก็ไม่เลวนักในการจะเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ที่ทำให้กองปราบมีสภาพเหมือนเป็นง่อย เพราะได้รับคำสั่งเด็ดขาด ห้ามทำความขัดแย้งบานปลาย ถูกจำกัดขอบเขตการปฏิบัติงาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถยิงผู้ก่อปัญหาได้โดยพลการ เมื่อเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าสู่ถนนดินด่าง พวกเขาต้องหนีกระจัดกระจายออกไปเพราะระเบิดเพลิงที่บางกลุ่มเจตนาขว้างใส่เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ บวกกับฝูงชนที่วุ่นวายกระหน่ำซ้ำเติมให้แย่เข้าไปอีก

ตำรวจกลุ่มสาม สี่ห้านายก้าวเข้ามากำลังจะจับกุมชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่กำลังกวัดแกว่งดาบใส่คนอื่นอยู่ ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแถบผ้าขาวพันแขน รีบวิ่งออกมาจากตรอก และยิงเข้าด้านหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มคนหนึ่ง เขาล้มลงเสียชีวิตทันที

ลึกเข้าไปในถนนดินด่าง

ชายคนขายยาคนหนึ่งที่ภายใต้บริษัทหยวนหัวนำคนเจ็ดหรือแปดคน เข้าทุบตีชายกลางคนวัยสี่สิบคนหนึ่งจนเสียชีวิตในถนนดินด่าง

หลังจากที่ชายคนนั้นเชือดคอของชายวัยกลางคนด้วยมีด เขาก็หันกลับมาตะโกนว่า

“พวกแกไปบอกเฒ่าหม่าว่า ถ้ามันไม่ออกไปจากถนนดินด่างภายในสามวัน ฉันจะฝังพวกมันทั้งครอบครัวที่นี่”

……

ที่ทางเข้าโกดังในตรอก ผู้เฒ่าหม่าถอดเสื้อคลุมทหารออกขว้างลงพื้นพร้อมตะโกนด้วยแววตาเกรี้ยวโกรธและกัดกรามแน่น “ระยำ! มันต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดหรือ? แล้วทุกคนก็ต้องทำตามคำสั่งพวกมันใช่มั้ย?”

“ทุกคนโปรดฟัง! ใครที่ยังทำงานกับข้าอยู่ รวบรวมอาวุธมา แล้วไปลุยกับมันที่คลับแกรนด์พาเลซ!

ถ้าเรายืนหยัดไม่ได้คราวนี้ เราทุกคนก็ต้องไปจากที่นี่”

“ไอ้พวกชาติชั่ว”

“ไปบุกแกรนด์พาเลซกัน!”

“……!”

เหล่าลูกน้องระดับล่างหลายร้อยคนยังเต็มใจที่จะทำงานกับผู้เฒ่าหม่าก็ยกมือขึ้นพร้อมคำรามเห็นด้วยทันที

……

ทางออกถนนฟู่หยวน

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามร้อยนายรีบรุดเข้าไปในถนนถู่จ้าไม่ถึงสิบนาที พวกเขาก็ต้องล่าถอยมาด้วยความอับอาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน และเสียชีวิตสามคน

รองผู้กำกับยืนอยู่ข้างรถตำรวจกดโทรศัพท์ถึงผู้กำกับหลี่ด้วยสีหน้าสลดและขมขื่นใจในความพ่ายแพ้

“ว่ามา?”

“ที่พื้นที่ใจกลางของเหตุการณ์ ร้ายแรงเกินคาดครับ ทันทีที่กำลังของเราบุกเข้าไป ก็ถูกบีบให้ถอยออกทันที”

รองผู้กำกับการยังอ้าปากค้างตะลึงงันจนถึงขณะนี้ “ฉันเสนอว่าแจ้งทางกรมตำรวจให้มาจัดการเรื่องนี้โดยเร็วดีกว่า ดูเหมือนมันจะเกินความสามารถของเราที่จะหยุดความวุ่นวายนี้ได้นะครับ”

……

บนชั้นสองของบ้านเดี่ยวสามชั้นที่ถนนเซ็นจูรี่อเวนิว

หยวนหัวกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับเจ้านายทั้งสามของบริษัทในเครือของเขา

“เรื่องนี้ใหญ่เกินไป แล้วมันจะจบยังไง เลวร้ายไหม?” ชายหัวโล้นขมวดคิ้วถาม “ฉันโทรไปหาสายของฉันหลายครั้งแล้วที่กรมตำรวจ น้ำเสียงทางโน้นดูจริงจังมาก”

“ถ้าเราไม่ส่งเสียงเอะอะบ้าง ฉันก็จะไม่รู้ว่าเราจะต้องเจ็บแค่ไหน” หยวนหัวตอบอย่างใจเย็น “บอกพี่น้องข้างล่างที่รับผิดชอบงานเฉพาะนี้ ถ้าใครหายไป ฉันจะจ่ายค่าธรรมเนียมคดีความให้ ถ้าใครถูกจับเข้าคุก ฉันจะบอกคนในกรมให้ปกป้องพวกเขา เงินและคอนเน็กชัน ถ้าไม่ได้ใช้ตอนนี้แล้วจะใช้ตอนไหน ฉันแค่อยากบอกเฒ่าหม่าว่า ถ้าเปรียบเทียบกันเรื่องความแข็งแกร่ง กำลังของเขายังห่างไกลจากเรามากนัก”

“แล้วเรื่องในกรมตำรวจล่ะ คุณจะโทรกลับไหม”

ชายหัวโล้นถามอีกครั้ง

“ไม่ใช่ตอนนี้ ปล่อยให้พวกนั้นแก้ปัญหาของพวกเขาก่อน”

หยวนหัวแสดงสีหน้าเยาะเย้ยพร้อมพูดว่า “ถ้าเขาต้องการใช้ประโยชน์จากผลกำไรจากตลาดยา เขาต้องเช็ดก้นให้ฉันก่อน ไม่งั้นทำไมฉันต้องแบ่งเงินของเขาล่ะ? รอให้เรื่องจบก่อน”

……

ในห้องทำงานของผู้กำกับ ผู้กำกับหลี่พยายามโทรหาผู้เฒ่าหม่าเป็นการส่วนตัว แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ผู้กำกับหลี่โกรธแทบควันขึ้นหัว เขาตบโต๊ะพร้อมตะโกน “ฮึ่ย! โทรหากองทหาร ฉันยังไม่เชื่อเลย ไอ้พวกแก๊งค้ายาพวกนี้ มันไม่รักษาคำพูด?!”

“ตามขั้นตอน คุณควรจะถามกรมตำรวจก่อน ว่าพวกเขาต้องการอะไร” ประธานวุฒิสภาผู้รับผิดชอบด้านการเมืองเตือนขึ้นด้วยความหวังดี

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้กำกับหลี่ก็โบกมือทันทีและตอบว่า “หยวนหัวมีคอนเน็กชันในกรมตำรวจ ฉันคิดจะขอคำปรึกษาไป แต่ได้พบว่าพวกเขาจะถ่วงเวลาพิจารณาเป็นสองชั่วโมง ถึงตอนนั้นจะมีคนตายเพิ่มอีกไม่รู้เท่าไหร่บนถนนถู่จ้า ในที่สุดใครจะโดนกล่าวโทษล่ะ? มันต้องเป็นฉันสิ!”

ประธานวุฒิสภาตกตะลึงเมื่อเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น “อืม ใช่จริงๆ”

“โทรหาหม่าเถื้อเอ้าที่กองทหารรักษาการณ์ แล้วบอกเขาว่าฉัน ผู้กำกับหลี่ ขอร้องให้เขาส่งทหารไปปราบปรามการจลาจลที่นั่น”

ผู้กำกับหลี่บอกอย่างเร่งรีบ “เร่งหน่อย จะให้สถานการณ์นี้บานปลายต่อไปอีกไม่ได้”

“ตกลง ฉันไปเดี๋ยวนี้แหละ” ประธานวุฒิสภาพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินหยู่หมดสติไปก็ได้รับการช่วยเหลือจากจูเหว่ย และเขาถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด