ตอนที่แล้วตอนที่ 11 ใต้กระโปรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 ผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ

ตอนที่ 12 โอสถอ่อนเยาว์


ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่ ฉินหยู เปิดประตูออกมา เขาก็ เห็น เจิ้งโม่เอ๋อร์ ใบหน้าของเขาแข็งค้างไปทันที เขาได้ปรับสภาพตัวเองและทักทายนางด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปหาคนที่มากับนางอีกคน"แล้วสุภาพสตรีท่านนี้คือ?"

เห็นการแสดงออกของ ฉินหยู เจิ้งโม่เอ๋อร์ รู้สึกไม่สบอารมณ์นางได้หันไปกล่าวกับคนที่มาด้วยสีหน้าไม่พอใจ"เกี่ยวอะไรกับเจ้า! พี่หนิง ระวังผู้ชายคนนี้ให้ดีเขาเป็นคนไร้ยางอาย!"

ฉินหยู รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เขาเพิ่งพบหน้า เจิ้งโม่เอ๋อร์ เพียงสามครั้งเท่านั้น แลกเปลี่ยนคำพูดไม่ถึงยี่สิบคำ อีกฝ่ายกลับว่าเขาไร้ยางอาย?

หนิงหลิง จ้องมองไปที่ ฉินหยู และตอบกลับ"สหายเต๋าไม่ใช่ว่าพวกเราพบกันเมื่อวานแล้วอย่างงั้นเหรอ?"

เหงื่อเย็นของ ฉินหยู ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง"งั้นเหรอ?ทำไมข้าถึงจำไม่ได้"

หนิงหลิง ได้สังเกตุท่าทีของอีกฝ่ายจากนั้นก็ยิ้มออกมา"ข้ามีชื่อว่า หนิงหลิง"

ฉินหยู ได้ทักทายตอบกลับทันที"ข้า ฉินหยู"

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้บ่นพึมพัมออกมา"พี่หนิง เหตุใดท่านถึงบอกชื่อของท่านออกไปง่ายเช่นนี้?ท่านควรจะระมัดระวังตัวให้มาก"

ฉินหยู ได้กระแอมไอออกมาหนึ่งครั้งและตอบกลับ"คุณหนูเจิ้ง ข้าคิดว่าข้าไม่เคยเคยดูหมิ่นเจ้าเลยสักครั้งแต่ถ้าเจ้ายังทำให้คนอื่นต้องมองข้าในแง่ร้ายอีกล่ะก็เห็นทีข้าคงต้อง..."

เจิ้งโม่เอ๋อร์ได้มองไปที่ ฉินหยู ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น"เจ้ากล้า!"

หนิงหลิง ได้กระแอมไอออกมาและตอบกลับ"สหายเต๋าฉินหยู,โม่เอ๋อร์ พาข้ามาที่นี่ข้าเพียงต้องการจะขอให้ท่านปรมาจารย์ปรุงยาให้"

จากนั้นนางก็แบมือออกมากล่องหยกสีขาวได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถุงเก็บของ!

สถานะของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย

ฉินหยู รู้สึกตกใจเพียงแต่เขาพยายามไม่ให้นางจับพิรุธอะไรได้

"ข้างในมีส่วนผสมสามชุดสำหรับปรุงโอสถอ่อนเยาว์ ข้ามีวัตถุดิบเพียงเท่านี้ หวังว่าท่านปรมาจารย์จะช่วยปรุงโอสถให้ข้า เพราะ ข้าจะได้นำไปเป็นของขวัญวันเกิดให้ผู้อาวุโส แต่ถ้าเกิดท่านปรมาจารย์ปรุงล้มเหลวก็ไม่เป็นไรข้าจะไม่โทษเขา"

โอสถอ่อนเยาว์ สามารถยับยั้งความชราภาพได้ หากใครได้ทานมันว่ากันว่ารูปร่างของคนผู้นั้นจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแม้จะผ่านไป 30 ปี ถือว่ามีค่าอย่างมาก โดยเฉพาะ สตรี มันเป็นโอสถที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในขั้นรวมปราณ แต่ความยากของมันใกล้เคียงกับโอสถที่ถูกจัดอันดับในขั้นแกนทองคำเพราะมีอัตราความล้มเหลวสูง

ฉินหยู ขมวดคิ้วแน่น เขาควรจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองไปที่ ดวงตาของ หนิงหลิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าตอบตกลง หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกลงกันว่าอีกสองวันสองสาวจะมารับโอสถก่อนที่จะแยกจากกันในทันที

เห็นพวกนางจากไปในระยะไกล ฉินหยู ได้ตบหน้าผากตัวเองและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น 'ความงามดุจหยกล้ำค่าช่างยากจะปฏิเสธได้จริง ๆ ' จากนั้นเขาก็เตือนตัวเองว่าห้ามลุ่มหลงและจะต้องไม่มีครั้งต่อไป

โอสถอ่อนเยาว์ ฉินหยู ก็ไม่เคยลองปรุงมันขึ้นมาเลยเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถประมาทได้ ท้ายที่สุดชื่อเสียงของปรมาจารย์นักปรุงยาก็แพร่กระจายไปทั่ว แม้ว่า โอสถอ่อนเยาว์ จะค่อนข้างยาก แต่เขาจะต้องปรุงมันออกมาให้ได้

*ปัง*

*ปัง*

เสียงอู้อี้ ได้ดังออกมาจากห้องปรุงยาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า ฉินหยู จะค่อนข้างมั่นใจ แต่ความยากลำบากของการปรุงโอสถอ่อนเยาว์ ก็เกินกว่าจินตนาการของเขา

ในส่วนผสมสามชุดเขาไม่สามารถปรุงมันได้สำเร็จ พอตกกลางคืน เขาก็ใช้โคมไฟสีน้ำเงินในการกู้คืนวัตถุดิบล้ำค่าที่เสียไปออกมา ในช่วงสองวันนี้ ฉินหยู ได้ลองพยายามไม่น้อยกว่า 30 ครั้ง ในที่สุดคืนที่สองเขาก็สามารถปรับแต่งโอสถออกมาได้ 1 เม็ด

ประสิทธิภาพของโอสถเม็ดนี้ มีไม่ถึง 1ใน3 ของปกติ สำหรับนักปรุงยาแล้วมันถือเป็นความล้มเหลว

แต่เขามีโคมไฟสีน้ำเงิน !

เขาไม่สนใจคุณภาพของ โอสถในมือ ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโอสถเม็ดปกติ ฉินหยู ได้รีบวางมันไว้ใต้แสงของโคมไฟสีน้ำเงิน เขาเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงหวังว่าคืนนี้จะเพียงพอ

เมื่อทำเสร็จแล้ว ความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้าใส่ร่างกายของเขา ทุกครั้งที่เขาขยับตัวล้วนมีเสียงดังออกมาจากร่างกาย ฉินหยู ได้บังคับตัวเองนั่งไขว่ห้างและหยิบ โอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณ,โอสถเพิ่มพลังปราณ และ โอสถฝึกฝนร่างกายออกมาและทานมัน

โอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณ,ช่วยในการฟื้นคืนพลังวิญญาณ,โอสถเพิ่มพลังปราณ ใช้ในการบ่มเพาะพลัง,โอสถฝึกฝนร่างกาย ช่วยปรับแต่งร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งหมดเป็นโอสถในระดับกลั่นปราณ ทั้งหมด

ฉินหยู ได้กินมันเข้าไปสามเม็ดพร้อมกันจะไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกเหรอ?

จะบอกว่าการกินโอสถพวกนี้อันตราย?ลองคิดดูหากคุณมีโอสถพวกนี้จำนวนมากจะทนเก็บมันเอาไว้หรือไม่?

ฉินหยู ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงเคาะประตูตั้งแต่เช้าตรู่ เขาได้สั่นศีรษะด้วยความมึนงงและเดินไปข้างหน้าบ้าน

เป็น เจิ้งโม่เอ๋อร์ หญิงสาวคนนี้มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อ ฉินหยู ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะของปรมาจารย์ที่สนับสนุนเขาเกรงว่า เจิ้งโม่เอ๋อร์ คงไม่สนใจอีกฝ่าย ก่อนที่ หนิงหลิง จะพูด นางก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน"ครบกำหนดวันแล้ว โอสถอ่อนเยาว์ อยู่ที่ไหน? ด้วยชื่อเสียงของปรมาจารย์อย่าบอกนะว่าเขาปรุงมันไม่ได้?"

ฉินหยู ไม่ได้สนใจนางและมองไปที่ หนิงหลิง"รอสักครู่ข้าจะไปนำมาให้"

ขณะที่เขาเข้าไปข้างใน เจิ้งโม่เอ๋อร์ มองไปที่ประตูที่เปิดอยู่ นางได้กระทืบเท้าหน้าประตูด้วยความโกรธและไม่กล้าเข้าไป แม้ว่านางจะไม่ได้เจตนาดูถูกความสามารถของท่านปรมาจารย์ แต่ พอเห็น ฉินหยู นางก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที

"ยังไม่มาอีกเหรอ?ใช้เวลาหายาประสาอะไรนานขนาดนี้"เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้กัดฟันแน่น

คิ้วของ หนิงหลิง ได้ย่นเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินหยู ก็ปรากฏตัวขึ้นในกรอบสายตาของพวกนาง เขาไม่ได้สนใจ เจิ้งโม่เอ๋อร์ และมองไปที่ หนิงหลิง"คุณหนูท่านนี้ ได้โปรดตามข้าเข้าไปข้างใน"

หนิงหลิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและมองเข้าไปข้างในบ้าน

ฉินหยูได้พูดขึ้นโดยทันที"เป็นเจตนาของท่านปรมาจารย์"

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้ดึงมือของ หนิงหลิง แน่น เพียงแต่ หนิงหลิง ไม่ได้สนใจและเดินเข้าไปข้างใน ภายในบ้านค่อนข้างรก เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ได้ทำความสะอาดมาสักพักแล้ว

ฉินหยู ได้ปิดประตูและพูดขึ้น"ที่นี่ค่อนข้างรกหวังว่าคุณหนูท่านนี้จะไม่ถือสา"

จากนั้นเขาก็หยิบขวดหยกออกมาจากหน้าอกของเขา

หนิงหลิง ได้เดินตาม ฉินหยู เข้าไปข้างใน แม้ว่า ในใจ เจิ้งโม่เอ๋อร์ จะเตือนอีกฝ่ายอยู่ข้าง ๆ ให้ระวัง แต่นางก็คิดว่าคงไม่เป็นอะไร

ฉินหยู ได้สั่นศีรษะและวางขวดหยกบนโต๊ะหินตรงหน้าเขา เขาได้ก้าวถอยหลังออกไปอย่างระวังและพูดขึ้น"คุณหนูหนิงหลิง โปรดตรวจสอบ"

หนิงหลิง ลังเลและหยิบขวดหยกขึ้นมาก่อนที่จะส่งเสียงร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ นางมองเห็นโอสถสีฟ้าขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ มันมีขนาดครึ่งนึงของโอสถธรรมดาเท่านั้น แต่นางไม่ได้สนใจเรื่องนี้ นางจ้องมองไปที่พื้นผิวของมันทันที

กลิ่นตัวยาอันเข้มข้นได้ลอยไปแตะจมูกของทั้งสอง เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้อุทานขึ้นอย่างรวดเร็ว"พี่หนิงหลิง นี่มัน..."

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้พูดอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าของนางได้แปรเปลี่ยนเป็นตกใจ

หนิงหลิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึกและพูดขึ้น"สหายเต๋าฉินหยูนี่คือ?"

ฉินหยู ได้ตอบกลับด้วยความชื่นชม"นี่คือโอสถอ่อนเยาว์ที่สมบูรณ์! ข้าเชื่อว่าคุณหนูหนิงหลิงจะไม่ถามเหตุผล แต่มันเป็นความตั้งใจของท่านปรมาจารย์ หวังว่า คุณหนูหนิงหลิงจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้"

หนิงหลิง ได้หันไปข้างในส่วนลึกของลานบ้านและโค้งคำนับ"นี่คือโอสถอ่อนเยาว์จริง ๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ของมันจะดูแปลกไปบ้าง แต่กลิ่นหอมและคุณภาพของมันไม่ผิดแน่"หนิงหลิง ได้แสดงความขอบคุณต่อปรมาจารย์

ขณะที่ นางรับมันมาแล้ว นางก็เก็บเข้าไปในถุงเก็บของทันที จากนั้น ก็หยิบจี้หยกประมาณนิ้วนึงออกมามันถูกสร้างขึ้นด้วยผลึกใสและมีพื้นผิวที่ส่องแสง

"คุณค่าของโอสถอ่อนเยาว์ มิอาจจินตนาการได้ ข้าน้อย ต้องการแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้อาวุโสด้วยจี้หยกอันนี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีคุณค่าเทียบได้กับโอสถอ่อนเยาว์แต่หวังว่าท่านปรมาจารย์จะรับมันเอาไว้"

ฉินหยู ได้หยิบจี้ขึ้นมาทันทีและตรวจสอบมัน จี้อันนี้สามารถซ่อนการบ่มเพาะพลังเอาไว้ได้ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขั้นแกนทองคำก็ยากที่จะตรวจพบ

จี้นี้ค่อนข้างมีประโยชน์

ฉินหยู ได้หันมาโค้งคำนับและตอบกลับ"ข้าจะรับของสิ่งนี้ไว้แทนท่านปรมาจารย์เอง"

จากนั้นเขาก็หันไปมองหน้า หนิงหลิง"ขอบคุณ คุณหนูหนิงหลิง"

หนิงหลิง ได้มองเขาและพยักหน้า"ข้าต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณสหายเต๋าฉินหยู หวังว่าของสิ่งนี้จะพอตอบแทนบุญคุณของท่านปรมาจารย์ได้บ้าง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้ากับน้องสาวขอตัว"

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้สะดุ้งและเดินตามหลังหนิงหลิงไปทันที

ฉินหยู ได้ส่งพวกเขาออกไป และกลับไปที่ ห้องปรุงโอสถ ด้วยสีหน้าขมวดคิ้ว เขารู้สึกสงสัยเช่นเดียวกันและไม่คิดเลยว่า โคมไฟสีน้ำเงิน จะสามารถอัพเกรดโอสถอ่อนเยาว์ให้มีคุณภาพที่สมบูรณ์ได้

เขาหวังว่านี่จะไม่ทำให้เขาตกเป็นเป้าสงสัยมากเกินไป แม้ว่า โอสถอ่อนเยาว์นี้ จะสมบูรณ์ แต่พวกนางก็เชื่อว่ามันถูกปรุงขึ้นโดยปรมาจารย์ ตราบเท่าที่โอสถเม็ดพวกนี้ไม่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบมากเกินไป ความลับของเขาก็ยังคงถูกซ่อนเอาไว้

ตอนนี้เขาได้พยายามสงบสติอารมณ์และจะไม่ปล่อยให้มีแรงดึงดูดใด ๆ มาทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหวได้

เขาจะต้องระวัง

ระวังตัวให้มากกว่านี้

...

ในรถม้าที่เงียบสงัด

หนิงหลิง ได้มองไปที่ เจิ้งโม่เอ๋อร์ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ในที่สุด เจิ้งโม่เอ๋อร์ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม"พี่หนิง ท่านไม่คิดว่าปรมาจารย์คนนี้ดูแปลก ๆ งั้นเหรอ?"

หนิงหลิงได้ตอบกลับ"เขาคงจะมีเหตุผลส่วนตัว"

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้พยักหน้าเบา ๆ และกล่าวถาม"พี่หนิง ถ้าข้าไปขอให้ท่านปรมาจารย์ปรุงโอสถให้เขาจะรับมันไหม?"

หนิงหลิง เงียบไปชั่วครู่และตอบกลับ"โม่เอ๋อร์ ท่านปรมาจารย์ ดูเหมือนจะเป็นคนลึกลับมาก หากเจ้าขอร้องโดยไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความขุ่นเคืองใด ๆ ข้าเชื่อว่าเขาอาจจะยอมรับมันก็ได้ แต่ถ้าเกิดว่าเจ้าทำให้เขาขุ่นเคือง..."

ใบหน้าของ เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้ซีดเซียวและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม"พี่หนิง,ข้าเข้าใจความจริงใจของท่าน"

นางได้เอนหลังและไม่ได้พูดอะไรอีก

หนิงหลิง ได้ถอนหายใจออกมา นางรู้ว่าทำไม เจิ้งโม่เอ๋อร์ ถึงต้องการให้อีกฝ่ายปรุงยาให้ การได้รับโอสถอ่อนเยาว์ นี้ถือเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง แน่นอนว่า สมบัติวิเศษที่นางให้ไปนั้นไม่คู่ควรกับของล้ำค่านี้แม้แต่น้อย

นางหวังว่าท่านปรมาจารย์จะเข้าใจเจตนาอันดีของนาง

ขณะเดียวกัน เจิ้งเฉินหมิง ก็ได้มาเยี่ยมเยือนอีกครั้งพร้อมกับขบวนรถขนาดใหญ่พร้อมกับของขวัญล้ำค่าจำนวนมาก

เมื่อเขาได้ยินจุดประสงค์ในการมาเยี่ยมเยือน ใบหน้าของ ฉินหยู ก็ได้เปลี่ยนไป เขาจ้องมองไปที่ เจิ้งเฉินหมิง และตอบกลับ"ผู้อาวุโสเจิ้ง ท่านคิดจะทำอะไร ท่านกำลังพยายามจะซื้อตัวท่านปรมาจารย์ให้ไปเป็นนักปรุงยาของตระกูลเจิ้งหรือไม่?"

เจิ้งเฉินหมิง ได้ถอนหายใจออกมา"สหายน้อยเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกท่านปรมาจารย์เช่นนั้น แต่หากท่านปรมาจารย์ช่วยเหลืออะไรพวกข้าสักนิดชายชราคนนี้จะรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก!"

ฉินหยู ได้ปฏิเสธทันที"โอสถอ่อนเยาว์ ที่ท่านปรมาจารย์ปรุงให้ คุณหนูหนิงหลิง ทำให้ท่านปรมาจารย์เหนื่อยล้าอย่างมาก ผู้อาวุโสเจิ้งได้โปรดเข้าใจได้ ได้โปรดนำของขวัญของท่านกลับไป"

หัวใจของ เจิ้งเฉินหมิง รู้สึกบีบรัด เขาเข้าใจทันทีว่า ท่านปรมาจารย์ คงจะเตรียมทะลวงขั้นพลังไปสู่ขั้นก่อตั้งวิญญาณ เพราะแบบนี้ จึงส่ง ฉินหยู ออกมาปฏิเสธคำขอปรุงยา

ใบหน้าของเขามืดลงทันทีเพียงแต่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้และตอบกลับไป"เช่นนั้นข้าขอตัวลา"

"ท่านปู่!"เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้มองไปที่ ด้านหน้าลานบ้านและยิ้มอย่างขมขื่น"ท่านปรมาจารย์ได้โปรดช่วยท่านลุงของข้าด้วย เขากำลังจะตายในไม่ช้า"

ฉินหยู เข้าใจว่าทำไม เจิ้งโม่เอ๋อร์ ถึงแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา เจิ้งจงซิว เป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก เขาได้บ่มเพาะพลังมาถึงระดับ 10 ขั้นกลั่นปราณ ตั้งแต่อายุ 16 อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ในการเป็นนักปรุงยา

อัจฉริยะประเภทนี้ สำหรับตระกูลใหญ่แล้ว พวกเขาล้วนมีอนาคตที่สดใส แต่ด้วยทัศนคติที่เย่อหยิ่งของเขาที่ต้องการจะบุกทะลวงไปยัง ขั้นรวมปราณ เจิ้งโม่เอ๋อร์ ก็ได้เข้ามา ซึ่งทำให้ลมปราณย้อนกลับ เป็นผลให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาณจากความเจ็บปวด ตั้งแต่นั้นมาการบ่มเพาะพลังของเขาก็หยุดนิ่ง และ ถูกบังคับให้นอนป่วยอยู่บนเตียงมาโดยตลอด แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเจิ้ง แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากนอนรอความตายอย่างสิ้นหวัง

ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของ เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้เผยออกมา"พี่ฉินหยู,ข้าโม่เอ๋อร์ ยังเด็กนักและทำให้ท่านขุ่นเคืองใจหลายครั้ง แต่ได้โปรดให้ท่านปรมาจารย์ช่วยปรุงโอสถทะลวงขั้นรวมปราณที่สมบูรณ์แบบให้ที ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขใด ๆ โม่เอ๋อร์ จะทำตามทั้งหมด"

เจิ้งเฉินหมิง ได้หลับตาลงด้วยความเจ็บปวดจากนั้นเขาก็พูดขึ้น"โม่เอ๋อร์ พอได้แล้ว!"

เขาได้จับมือของนางและเตรียมออกไปจากลานกว้าง"อย่าให้ท่านปรมาจารย์ต้องเห็นท่าทีอดสู่เช่นนี้ของเจ้า สหายน้อย ชายชราคนนี้จะพานางจากไปทันที"

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่านางจะสูญเสียจิตวิญญาณไปโดยไม่ได้แสดงออกใด ๆ บนใบหน้า

ฉินหยู ได้กระแอมไอออกมาครั้งนึง"เจ้าต้องการโอสถรวมปราณ..."

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด