ตอนที่แล้วตอนที่ 148 สนามรบบนต้นไม้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 150 ศึกที่สะพานข้ามแม่น้ำเมืองซานติเกีย

ตอนที่ 149 ทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นนรกเพลิง


ตอนที่ 149 ทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นนรกเพลิง

เขาจึงพยักหน้าและหันไปสั่งกองกำลังข้างหลัง โลแกนให้มนุษย์ชั้นสูง 500 นายกระจายตัวตามต้นไม้รอบแนวป่า จากนั้นก็ส่งเฒ่าไมเคิลที่อาสาลงไปข้างล่างพร้อมกับมนุษย์ชั้นสูงผู้ใช้ความสามารถเพลิงอีกจำนวนหนึ่ง แต่เขาก็ทิ้งไว้ที่นี้อีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะยังไงก็ต้องคอยปิดทางถอยของซอมบี้

ด้วยความที่ก่อนหน้านี้กองกำลังหมาป่าฆ่าซอมบี้ปีกไปจำนวนมาก ซอมบี้ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่จึงเป็นพวกที่ไม่สามารถบินได้ เมื่อมันบินไม่ได้ก็ต้องใช้การวิ่งปีนป่าย แต่ตอนนี้เริ่มมีมนุษย์ลงมาที่พื้นดินพวกมันจึงเลือกจะไล่ตามมนุษย์ชั้นสูงเหล่านั้นไป

ซอมบี้สติปัญญาเองก็เห็นเช่นกันว่ามนุษย์เหนื่อยล้ามากแล้ว อีกไม่นานมันก็จะได้อาหารเริสรส และอาจจะถึงขั้นวิวัฒนาการเป็นระดับ 5 เหมือนกับองค์หญิงแฝดทั้งสองที่ตอนนี้ก็เตรียมกวาดล้างมนุษย์แล้วในอีกไม่นาน

“ทำลาย” ซอมบี้ปีกยืนอยู่บนแทนขนาดใหญ่ที่แบกโดยซอมบี้ไททัน ด้านหลังมันยังมีซอมบี้ไททันระดับ 4 อีกหลายหัว และมีระดับ 5 อยู่สองตัวซึ่งยังไม่เคยเปิดเผยออกมา

เพราะมันคิดว่าจะต้องเก็บไพ่ตายไว้ใช้ ดังนั้นซอมบี้ไททันทั้งสองจึงเดินปะปนในฝูงซอมบี้ธรรมดาไม่ได้เข้าร่วมในครั้งนี้

ซอมบี้ไททันระดับ 4 ที่ได้รับการสั่งการก็เหมือนจะบ้าเลือดร่างที่สูงใหญ่กว่าสิบเมตรวิ่งชนทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้แต่ต้นไม้ใหญ่กว่า 30 เมตรก็แหลกได้ด้วยหมัดเดียว มันจับต้นไม้ด้วยกล้ามเนื้อที่เหมือนจะปริแตกเพราะใช้พลังมากเกินไปยกต้นไม้ปาไปทิศทางที่หนึ่งในมนุษย์ชั้นสูงแมงมุมอยู่

ด้วยความที่เป็นการโจมตีกะทันหันจึงหลบไม่ทัน ร่างของมนุษย์ชั้นสูงที่อยู่ตรงนั้นสองสามคนโดนทุบเหมือนกับแมลงที่โดนตบร่างบี้แบนตายไปทันที

มนุษย์ชั้นสูงคนอื่น ๆ ที่เห็นก็พอกันถอยหนีตายเช่นกัน นั้นทำให้คนที่ลงไปล้อซอมบี้ที่พื้นลำบากมากขึ้น แต่พวกมันก็ทำสำเร็จ

สามารถหลอกล่อซอมบี้ทั้งฝูงมาที่กลางทุ่งหญ้าได้สำเร็จ

ซอมบี้ที่เหลือรอดกว่าสองถึงสามหมื่นตัววิ่งไปในหญ้าที่สูงสามเมตร มันไม่สามารถมองเห็นด้านหน้าได้ ยกเว้นซอมบี้ไททันที่ตัวใหญ่และซอมบี้ปีกที่หลงเหลืออยู่

แต่พวกมันได้กลิ่นเลือด เลือดมนุษย์ที่มาจากอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ดังนั้นมันจึงวิ่งสุดกำลัง ส่วนมนุษย์ชั้นสูงบ้างบาดเจ็บ บ้างเหนื่อยล้าจากการใช้ความสามารถกลายร่างติด ๆ กันไปก็กัดฟันหลอกล่อพวกมัน

ส่วนมนุษย์ชั้นสูงอีกกลุ่มที่นำโดยโลแกนหลังจากเห็นว่าซอมบี้ส่วนใหญ่เข้าไปในทุ่งหญ้าแล้วมันก็พามนุษย์ชั้นสูงระดับ 4 ที่เหลือรอดอยู่ 7 คนเข้าเล่นงานซอมบี้สติปัญญา ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะไม่ต้องการให้ซอมบี้สติปัญญาออกคำสั่งฝูงซอมบี้ที่ติดกับแล้ว ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ทำมาจะต้องเสียเปล่าไป

โฮกกก!!! ๆ ๆ ๆ

“ไปตายซะ” โลแกนที่กลายร่างเต็มรูปแบบ กลายเป็นหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ยักษ์กว่า 6 เมตร ด้านหลังยังมีหมาป่าอีก 3 ตัวที่ขนาดไม่ต่างจากโลแกน ตามมาด้วยหมียักษ์สูง 7 เมตรอีกสองตัว งูเหลือมยาว 20 เมตรอีกหนึ่ง และเสือโคร่งขาวที่ขนาดไม่ด้อยกว่าหมาป่ายักษ์ข้าง ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว

และนี้ก็คือความน่ากลัวของมนุษย์ชั้นสูงที่มีความสามารถประเภทกลายร่าง พวกเขาคืออสุรกายในร่างมนุษย์ คือนักสู้ที่แท้จริงในโลกของสัตว์กลายพันธุ์นี้

เสียงร้องคำรามที่ดังก้องของโลแกนและพรรคพวก ดังปลุกจิตวิญญาณต่อสู้ในร่าง ปลุกความเป็นสัตว์ร้ายของมนุษย์ชั้นสูงทุกคนขึ้นมา และความบ้าคลั่งที่แท้จริงจึงเกิดขึ้น

โลแกนพา 7 มนุษย์ชั้นสูงสู้กับซอมบี้สติปัญญาที่ตอนนี้มีซอมบี้ไททันระดับ 5 สองตัวเข้าร่วม เฒ่าไมเคิลก็ไม่น้อยหน้านำมนุษย์ชั้นสูงที่ใช้พลังธาตุไฟเผาทุ่งหญ้าที่กว้างหลายสิบกิโลเมตรเป็นทะเลเพลิง แม้ฝนที่ตกลงมาก็ยังไม่สามารถดับไฟในที่แห่งนี้ได้ ฝูงซอมบี้ที่ต่อให้เป็นซอมบี้เงาระดับ 3 ก็ไม่สามารถหนีเพลิงความร้อนระดับนี้ได้ ตอนนี้กำลังเหมือนมดที่โดนความร้อนเผาทำลาย

ซอมบี้สติปัญญาที่รับรู้ได้ก็ถึงกับร้อนรนใจไม่ต่างเพลิงที่ลุกไหม้สั่งการด้วยพลังทั้งหมดนำพาฝูงซอมบี้ให้หนีออกมา แต่มันก็ไม่มีทางที่จะทำได้ เพราะโลแกนเข้ามาขัดขวางมันตลอด

ซอมบี้สติปัญญาระดับ 4 ใช้ความสามารถพลังจิตของมันโจมตีไปที่พวกเขาทั้งแปดคน ถ้ามีแค่นั้นก็คงดีไป แต่กับมีซอมบี้สติปัญญาอีกสามตัวโจมตีผสานพลังจิตไปด้วย พลังจึงรุนแรงมากขึ้นหลายเท่า

แม้จะอยู่ในร่างของสัตว์ยักษ์ แต่มันก็ช่วยป้องกันพลังจิตได้เล็กน้อยเท่านั้น

มนุษย์ชั้นสูงหมาป่ายักษ์ทั้งสามตัว หมียักษ์สองตัว เสือโคร่งขาวอีกหนึ่งที่ตามโลแกนมาถึงกับทนไม่ไหวร่างกายร่วงหล่นชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด โลแกนก็ได้รับผลก็ทบเช่นกัน แต่ก็ไม่สนใจอาศัยเพียงจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นในใจที่นึกแต่ว่า

“ฉันคือหัวหน้ากองกำลังหมาป่า ส่วนแกก็แค่ศพที่ตายไปแล้วเท่านั้น ดังนั้นจงตายอีกครั้งซะ”

ปากขนาดใหญ่ของร่างหมาป่ากัดฝังเขี้ยวเข้าไปที่หนึ่งในร่างของซอมบี้สติปัญญาระดับ 3 ตัวหนึ่งจนมันตกตายไปพร้อมกับซอมบี้ไททันที่แบกมัน

แต่ดูเหมือนโลแกนจะมาได้เท่านี้เขาไม่สามารถต้านทานได้อีกแล้ว

แต่แล้วหนึ่งในมนุษย์ชั้นสูงที่ดูเหมือนจะถูกหลงลืมไปชั่วคราวก็เผยตัวออกมา มันคือมนุษย์ชั้นสูงที่กลายร่างเป็นงูเหลือยยักษ์ที่จู่โจมในมุมอับสายตาของซอมบี้สติปัญญา มันพันไปทั้วร่างของซอมบี้ไททันระดับ 4 ที่แบกซอมบี้สติปัญญาระดับ 4 อยู่

เสียงกระดูกที่ถูกบดของซอมบี้ไททัน แสดงให้เห็นถึงพลังของงูเหลือมยักษ์ว่ามีมากแค่ไหน แต่งูเหลือยักษ์ก็ยังไม่สามารถฆ่าซอมบี้สติปัญญาได้ ถึงอย่างนั้นก็ทำให้มันไม่สามารถใช้พลังจิตได้ชั่วคราว

ทำให้ทุกคนกลับมาสู้ต่อได้ หมียักษ์ทั้งสองตัวฝืนระดับพลังเข้าต่อสู้กับซอมบี้ไททันระดับ 5 ตัวหนึ่ง แต่เพียงหนึ่งการตบร่างของมนุษย์ชั้นสูงหมียักษ์ก็กระเด็นไปชนได้ไม้ใหญ่แตกละเอียดบาดเจ็บสาหัสทันที

อีกตัวสามารถหลบการโจมีแรกได้ทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับซอมบี้บี้ไททันได้ แต่มันก็โดนซอมบี้ไททันที่ไม่สนใจความเจ็บจับร่างฉีกออกจากกันตกตายไปทันที

คนอื่น ๆ ที่เห็นก็ไม่ได้หวาดกลัว แต่กลับพรุ่งเข้าหาคิดจะฆ่าทั้งสองตัวให้ได้

โลแกนและเสือโคร่งขาวช่วยงูเหลือมสังหารซอมบี้สติปัญญาที่ไม่มีซอมบี้ไททันระดับ 5 ทั้งสองคุ้มกันได้สำเร็จ แต่ก็เป็นการแลกมาด้วยหนึ่งมนุษย์ชั้นสูงระดับ 4 ที่กลายร่างเป็นหมีที่พึ่งตายไป

พวกเขารู้ว่าการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้คุ้มค่า แต่อีกด้านหนึ่งในใจก็บอกว่าพวกเขาช่างปัญญาอ่อนที่คิดแบบนั้น

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเศร้า เพราะแม้ซอมบี้ฝูงนี้จะสูญเสียการสั่งการไปแล้ว แต่ซอมบี้ที่รอดอยู่ก็โจมตีตามสัญชาตญาณอยู่ดี และปัญหาก็คือซอมบี้ไททันระดับ 5 ทั้งสองตัว

เฒ่าไมเคิลที่จัดการเผาทุ้งหญ้าเป็ทะเลเพลิงแล้วก็พาคนของตัวเองถอยกลับออกมาและมาช่วยโลแกนจัดการซอมบี้ไททันทั้งสองตัว

ถึงแม้มันจะโดนโจมตีอย่างต่อเนื่องก็ยังไม่ตาย ในตอนนั้นเองที่บนท้องฟ้าก็ปรากฏมนุษย์ชั้นสูงคนหนึ่งขึ้นบินมาด้วยความเร็วสูง แต่ที่เร็วกว่าคือดาบดำสองเล่มที่อัดแน่นไปด้วยเพลิงถูกปาออกมาจากมือ เพียงแค่พริบตาต่อมาดาบดำก็เสียบคาหัวของซอมบี้ไททันระดับ 5 ทั้งสองตัว

ดาบดำที่ร้อนเริ่มเผาไหม้หัวของซอมบี้ไททันที่ใหญ่เกือบสองเมตรจนหัวของมันเป็นขี้เถ้าถึงได้หยุดเคลื่อนไหว

ตึก!!!

ตัวของซอมบี้ไททันระดับ 5 ทั้งสองล้มลงพร้อมกับความตกตะลึงของทุกคน เพราะเบื้องหน้าของพวกเขามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนนี้มาอยู่ตรงนี้ตอนไหน แต่พอเห็นน่าก็พากันโห่ร้องขึ้นมาเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็คือไนเรลที่เร่งรีบบินมาด้วยความเร็ว

“ท่านประธาน”

“ท่านไนเรล”

โลแกนและเฒ่าไมเคิลเดินเข้ามาทำความเคารพ แต่ไนเรลกลับไม่ได้สนใจมากนัก เพียงแค่พยักหน้าและถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นก็แบ่งโลหิตชีวิตบางส่วนให้กับมนุษย์ชั้นสูงที่บาดเจ็บสาหัส

ซึ่งคนที่บาดเจ็บมีมาก แต่โลหิตแห่งชีวิตมีน้อยดังนั้นเขาจึงเลือกใช้มันรักษาชีวิตคนที่กำลังจะตายก่อน ส่วนคนอื่น ๆ คงได้แต่ใช้วิธีการและยาปกติในการรักษาไปก่อน

แม้จะบอกว่าเป็นยาปกติ แต่เพราะโลกที่เปลี่ยนไปพืชพันธุ์ก็เปลี่ยนด้วย ตัวยาที่สกัดได้ก็เปลี่ยนเช่นกัน ประสิทธิภาพของยาสูงขึ้นหลายเท่าตัว แม้ยาพวกนี้จะแพง แต่สำหรับความลำรวยของสมาพันธ์นักล่ามันช่างน้อยนิดนักถ้าสามารถใช้รักษาชีวิตคนได้

หลังจากนั้นไนเรลก็สั่งให้รวบรวมคนที่ยังพอมีแรงตามฆ่าซอมบี้ที่กระจายรอบ ๆ จนหมดและสั่งให้โลแกนสำรวจความเสียหาย

พวกเขาสามารถฆ่าซอมบี้ได้ทั้งหมดสี่หมื่นตัว แลกกับที่คนของกองกำลังหมาป่าตายไป 55 คน ม้ายักษ์อีก 124 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายที่รับได้

แต่ใบหน้าของไนเรลที่ฟังรายงานจากโลแกนก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่ไม่แสดงความยินดียินร้าย คนที่เห็นก็มีท่าทีที่ต่างกันไป บ้างไม่พอใจ บ้างก็เงียบขึม บ้างก็ไม่สนใจเพราะตัวเองยังมีชีวิตอยู่

แต่แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และบางทีอาจจะเข้าใจเหตุผลการแสดงออกของไนเรลอยู่ลึก ๆ

เนโคปู่ของไนเรลเคยพูดว่า คนที่จะเป็นผู้นำต้องสงบนิ่งและคอยแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ แม้ท้องฟ้าจะถล่มลงมาก็ต้องแบกรับมันไว้ให้ได้ ห้ามแสดงความหวาดกลัวออกมา

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไนเรลได้นำสิ่งนี้มายึดถือปฏิบัติ บางที่อาจจะตั้งแต่ที่เขากระโดดหน้าผาตายไปในครั้งนั้นแล้วก็ได้

แม้ไนเรลไม่สนใจความตายของคนอื่น ๆ แต่ความตายของกองกำลังหมาป่าไม่เหมือนกัน เพราะพวกนี้คือคนของเขาในทางอ้อม ๆ อาจจะเป็นครอบครัวเพื่อนมนุษย์ด้วยซ้ำ ดังนั้นนี้จึงเป็นสิ่งที่ไนเรลรู้สึกเสียใจ

ถึงไนเรลจะเงียบขึมมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดสิ่งหนึ่งได้นั้นคือจิตสังหาร โลแกน เฒ่าไมเคิลและคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ไนเรลถึงกับรับรู้ได้ว่ารอบ ๆ หนาวเย็นกว่าเดิมราวกับโลกจะกลายเป็นน้ำแข็งแต่มันก็แค่ชั่วครู่เท่านั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาปลดปล่อยจิตสังหารมามากขนาดนี้ ครั้งแรกคือตอนที่อยู่ซานเมืองช่วงปะทะกับทหาร ครั้งนี้คือครั้งที่สอง

ไนเรลตั้งสติหันไปบอกกับทุกคนว่าเกิดเรื่องที่เมืองซานติเกีย ให้ถอยกลับไปก่อน ไปสมทบกับกองกำลังพยัคฆ์ซึ่งรอพวกเขาห่างออกไป 600 กิโลเมตรก่อนถึงเมืองซานติเกีย

ส่วนไนเรลก็ไม่ลืมเก็นซากซอมบี้สติปัญญาทุกตัวไปด้วยและบินกลับตรงไปที่เมืองซานติเกียทันที

“ด้วยความเร็วน่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ไปถึง ส่วนกองกำลังหมาป่าเนื่องจากบาดเจ็บพอสมควรคงจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงพร้อมกับที่กองกำลังพยัคฆ์และกองกำลังเวหาที่อาจจะไปเร็วกว่า

ดังนั้นตอนนี้นิเรียและคนที่เหลือน่าจะไปถึงแล้ว” ไนเรลคิดขณะที่สัมผัสถึงใบไม้รอยสักของความสามารถ [คำบัญชาเผ่าพันธุ์ C] ไปด้วย แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก

หลังจากที่ไนเรลจากไปกองกำลังหมาป่าก็ออกเดินทางกลับไปที่เมืองซานติเกียด้วยความเร่งรีบไม่แพ้กัน ทิ้งทุ่งหญ้ากว้างกว่า 30 กิเมตรที่เปลี่ยนเป็นนรกเพลิงไว้เบื้องหลัง

และไม่นานไฟก็ดับ เมล็ดพืชที่ยังเหลือรอดก็จะแทงยอดแตกใบกำเนิดชีวิตขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านอีกครั้ง มันจะเติบโตขึ้นในโลกใบนี้เหมือนกับที่ทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ซึ่งทุกอย่างนี้คือเรื่องที่จะเกิดในอีกหลายวันหลังจากนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด