ตอนที่แล้วตอนที่ 3 มอบยาพิษให้ข้า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ควบคุม

ตอนที่ 4 วิญญาณเอกนิยม!


ตอนที่ 4 วิญญาณเอกนิยม!

ฟางเทียนจี้ปลดปล่อยพลังวิญญาณต้นกำเนิดของตน ทันใดนั้นมันเข้าปกคลุมร่างของเซียวอี้ในทันที กรงเล็บของแมวเงาวิหคได้ดึงเซียวอี้เข้าสู่ห้วงมิติ

ขณะเดียวกัน เซียวอี้รู้สึกว่ามีบางอย่างถูกดึงออกจากร่างกาย

ฟู่ม!

ทันใดนั้นได้มีแสงสีดำปรากฏออกมาจากร่างเซียวอี้ มันพุ่งไปรวมตัวกันเหนือศรีษะของเขา

ผนึกสีดำนั้นมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ และไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นอะไร

ฟางเทียนจี้ตกตะลึงเมื่อเห็นดวงวิญญาณของเซียวอี้

"วิญญาณต้นกำเนิดชนิดใดกัน? แต่เมื่อเป็นถึงตระกูลเซียว ถึงจะไม่ใช่รูปร่างของพยัคฆ์ มันก็ไม่น่าจะเป็นวิญญาณชั้นต่ำ!" ฟางเทียนจี้ขมวดคิ้ว

ในความคิดของเขา ร่างเงาสีดำนี้ดูไม่ต่างจากดวงวิญญาณขยะ...

ยิ่งมันต่ำต้อยมากเพียงใด การบ่มเพาะพลังยิ่งช้าเท่านั้น

โดยปกติแล้ว ความแข็งแกร่งของวิญญาณต้นกำเนิดจะสามารถวัดได้จากรูปร่างขั้นต้น ถึงแม้จะยังไม่ชัดเจนก็ตาม

แต่อันที่จริงวิญญาณต้นกำเนิดสภาพเล็กก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะอ่อนแอ

เซียวอี้เองก็มึนงงเล็กน้อย

เขาไม่คาดคิดว่า วิญญาณต้นกำเนิดชนิดนี้จะถูกปลุกขึ้น!

แม้ฟางเทียนจี้จะไม่รู้จัก แต่เซียวอี้รู้จักว่าก้อนผนึกสีดำนี้คืออะไร!

ท้องนภาและปฐพีในยุคกำเนิดแรกของโลกนั้นมีเพียงความมืดดำ ในรูปแบบของความวุ่นวายนี้ มันมีนามว่าวิญญาณเอกนิยม!

ไข่ทมิฬตรงหน้าเป็นวิญญาณต้นกำเนิดแห่งเต๋า วิญญาณต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง!

มันนับว่าเป็นวิญญาณธาตุต้นกำเนิดที่หายากอย่างมาก

หนึ่งในแปดเทพที่ปิดล้อมเซียวอี้คือเทพแห่งสวรรค์!

หากเทพองค์นั้นไม่ใช้ข่ายอาคมสวรรค์ขังเซียวอี้ไว้ เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางพ่ายแพ้เทพเหล่านั้นแน่นอน!

ตอนนี้เขาได้วิญญาณต้นกำเนิดเอกนิยมมา มุมปากของเซียวอี้ถึงกับโค้งขึ้นด้วยความดีใจ

หากเขาบ่มเพาะพลังเอกนิยมจนถึงขั้นสูงสุด เขาจะไม่มีทางพ่ายแพ้ข่ายอาคมเทพเหล่านั้นอีก!

ถึงแม้ในใจจะเอ่อล้นไปด้วยความปีติยินดี แต่ภายนอกใบหน้าเขายังคงแสดงความเฉยชา "ไม่เป็นไร ยังไงข้าก็ต้องการแค่ขั้นปฐมพลัง ข้ารู้ดีว่าตนเองเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ตระกูลฟาง หากข้ามีพรสวรรค์มากเกินไป มันจะทำให้ตายเร็วขึ้นนะสิ"

ใบหน้าฟางเทียนจี้เปลี่ยนเป็นดำมืดขณะนึกคิดในใจ เจ้าไม่สนใจแต่ข้าสนใจนี้หว่า! ข้าต้องลงทุนทรัพยากรบ่มเพาะพลังมากเท่าไหร่ขณะเลี้ยงดูจิตวิญญาณต่ำต้อยนั่น! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันส่งผลต่อความเร็วในการบ่มเพาะพลังของแกด้วย!

"ฮึ่ม! หากเซียวหยุนติงทราบว่าลูกชายตนเองมีวิญญาณต้นกำเนิดขยะเช่นนี้ เขาคงโกรธจนตรอมใจตายเป็นแน่!" ฟางเทียนจี้กัดฟันพร้อมใบหน้าที่ไม่บูดบึ้ง เขาพยายามดึงอารมณ์กลับมาเป็นปกติ จากนั้นได้โยนแหวนต้นกำเนิดไว้บนโต๊ะ "รับมันไว้แล้วรีบไสหัวไป!"

ฟางเทียนจี้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก

เซียวอี้ยิ้มพร้อมกับหยิบแหวน เขาไม่รอช้าที่จะหันหลังออกไป

ฟางหลิงหยานที่รออยู่ด้านนอกมองเซียวอี้อย่างขมขื่น นางกัดฟันแน่นพร้อมกับก้มหัวลง "ท่านปู่ หลิงหยานมีอะไรจะรายงาน!"

"หากมีธุระอันใด เช่นนั้นก็รอจนเซียวอี้บรรลุขั้นปฐมพลังก่อน! หลิงหยาน เจ้าต้องกระตุ้นให้เขาบ่มเพาะพลังและอย่าทำให้เสียเวลา!" น้ำเสียงอันเย็นเยือกของฟางเทียนจี้ดังขึ้น เขาไม่แม้แต่ต้องการจะพบหน้าฟางหลิงหยาน

ใบหน้าของฟางหลิงหยานซีดเผือด หัวใจของนางรู้สึกอึดอัดอย่างมากขณะกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซึม

เซียวอี้ยิ้มพร้อมกล่าว "แม่นาง เจ้าไม่ได้ยินที่เขาพูดงั้นหรือ?"

ฟางหลิงหยานมองเซียวอี้อย่างแค้นเคืองก่อนจะกล่าว "เซียวอี้ อย่าเพิ่งได้ใจให้มากนัก!"

"ฮ่าฮ่าฮ่า! เมื่อยังหาความสำราญในชีวิตได้อยู่ เช่นนั้นก็จงตักตวงให้หมดอย่าให้เหลือ! คนสวย กลับห้องพวกเรากันเถอะ!" เซียวอี้ยิ้มขณะดึงฟางหลิงหยานกลับห้อง

ถึงแม้จะไม่เต็มใจนางก็ปฏิเสธไม่ได้

ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปถึงสวนฟางหลิงหยาน พวกเขาได้พบใครบางคนระหว่างทาง

เมื่อเห็นคนผู้นั้น เซียวอี้อดไม่ได้ที่จะหยุดเดิน

ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดหรูหรา อายุราวยี่สิบปี ฟางเฉินลั่ว คุณชายเจ็ดของตระกูลฟาง

ฟางเฉินลั่วดูเหมือนจะตั้งใจรอทั้งสองอยู่ รอยยิ้มชั่วร้ายของเขาหันมาพบหน้ากับเซียวอี้และฟางหลิงหยาน

"ฮึ ฮึ พี่เซียว พวกเราพบกันอีกแล้ว" ฟางเฉินลั่วกล่าวหยอกล้อ

เซียวอี้หรี่ตาลงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เจ้าเองก็เป็นคนตระกูลฟางสินะ"

ในตอนแรก ฟางเฉินลี่วนำคนไปยังภูเขาเพื่อล่าสัตว์อสูรต้นกำเนิด แต่โชคร้ายที่ได้พบกับสัตว์อสูรทรงพลังเข้า คนในกลุ่มของเขาตายหมด มีเพียงฟางเฉินลั่วที่อยู่ในอาการสาหัสเพราะพลัดตกจากเขาและถูกเซียวอี้ช่วยไว้

แต่เซียวอี้ไม่คาดว่าฟางเฉินลั่วจะสืบจนพบว่าเขาเป็นคนตระกูลเซียว และไปรายงานฟางเทียนจี้หลังจากกลับไป สิ่งนี้ทำให้เกิดแผนการล่อลวงจากตระกูลฟางขึ้น

ฟางเฉินลั่วแสยะยิ้ม "ถูกต้อง เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ในตอนแรก ตอนนี้ข้าทำให้เจ้าเป็นลุงเล็กของตระกูลฟางแล้ว ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าหมดสิ้น"

มุมปากของเซียวอี้โค้งขึ้นเล็กน้อย "ชีวิตเจ้าช่างราคาถูกนัก มันมีค่าแค่เป็นลุงเล็กของตระกูลฟางงั้นหรือ?"

รอยยิ้มของฟางเฉินลั่วแข็งทื่อก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง "เซียวอี้ อย่าคิดว่าเจ้าได้เป็นลูกเขยของตระกูลแล้วจะหยามข้าได้! หากเจ้ากล้ากล่าวเช่นนั้นอีก อย่าโทษข้าหากจะไร้มารยาทบ้าง!"

เซียวอี้เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน "โว้ว! เจ้ากล้างั้นหรือ?"

ฟางเฉินลั่วขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย เหตุใดเซียวอี้ถึงกล้าบ้าบิ่นต่อหน้าเราเช่นนี้?

ทันใดนั้นฟางหลิงหยานได้กล่าวขึ้นเย็นเยือก "ฟางเฉินลั่ว หากเจ้ามีความสามารถพอก็เอาไปตบปากของเจ้าเสีย !"

ฟางเฉินลั่วยิ้มเยาะ "น้องสิบสาม ข้าทราบว่าเจ้าโกรธ แต่การที่เจ้าได้แต่งงานกับเขานั้นเป็นการตัดสินใจของท่านปู่ และไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้า"

"งั้นหรือ?" ฟางหลิงหยานกัดฟันแน่น "แล้วข้าไปได้ยินมาว่าเจ้าบอกท่านปู่ให้เสนอข้าแต่งกับเซียวอี้มาจากไหน?"

เมื่อเห็นฟางหลิงหยานทราบเรื่อง ฟางเฉินลั่วไม่คิดจะปิดอีกพร้อมกล่าวตามตรง "นี่นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้า! เพราะเจ้าเป็นคนของตระกูลฟาง การเสียสละเพื่อตระกูลนั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีงั้นหรือ?"

ฟางหลิงหยานกำหมัดแน่นพร้อมกล่าว "มันเป็นเจ้าจริง ๆ ! เจ้าเป็นคนเสนอตัวข้าให้ท่านปู่เพื่อให้แต่งงานกับเขา และจะได้แยกข้ากับฉินเหิง อีกทั้งผลประโยชน์พี่สาวเจ้าก็ได้รับทั้งหมด!"

ฟางเฉินลั่วเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฟางหลิงหยาน ฟางเทียนจี้นั้นมีลูกชายอยู่ห้าคน ฟางเฉินลั่วคือลูกของคุณชายใหญ่อีกที และเป็นนายน้อยคนที่เจ็ดของตระกูล

ฟางหลิงหยานนั้นเป็นลูกสาวคนที่สองจากลูกชายคนที่ห้าของฟางเทียนจี้ และอยู่ลำดับที่สิบสามในหมู่ลูกสาวของตระกูล

อย่างไรก็ตาม พ่อของฟางหลิงหยานได้เสียชีวิตลงอย่างลึกลับเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ครอบครัวเหลือแค่นาง มารดา และพี่ชายเพียงคนเดียว สำหรับพี่หญิงคนโตได้แต่งงานออกเรือนเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวฟางหลิงหยาน ฟางเฉินลั่วได้เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน "กี่ครั้งแล้วที่หลิงเยว่เอาชนะเจ้าได้ในเรื่องเล่ห์เหลี่ยม หลิงหยาน เจ้าคิดว่าตนเองงดงามเกินไป อันที่จริฉินเหิงแทบจะไม่มองเจ้าด้วยซ้ำ!"

"พูดจาไร้สาระ!" ฟางหลิงหยานอุทานด้วยไปหน้าที่อับอาย

"ฮึ ไร้สาระ? เจ้ารู้จักความหมายของด้วยงั้นหรือ?" ฟางเฉินลั่วกล่าวอย่างเย้ยหยัน

เซียวอี้กลอกตามองและไม่อาจทนได้อีก

พวกเขาเห็นเราเป็นอากาศธาตุไปแล้วหรือ? ต่อหน้าลุงเขยคนนี้ มันยังกล้าทำตัวกวนประสาทอีก? โอ้ย! พวกสุนัขตระกูลฟานี้งมันเห็นเราเป็นแค่ตัวเบี้ยจริง ๆ ใช่หรือไม่!

เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเราไม่เห็นแก่หน้าพวกเขาละกัน มิเช่นนั้นตระกูลฟางคงจะมีเด็กอีกมาก ที่ทำตัวน่ารำคานเช่นนี้ในอนาคต

เมื่อนึกได้เช่นนั้น รอยยิ้มชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเซียวอี้ ตอนนี้เขาเป็นคนสำคัญที่สุดของตระกูลฟาง มันราวกับถือเหรียญทองที่ใช้หลบหนีความตายได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถทำอะไรได้ดั่งใจ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด