ตอนที่แล้วตอนที่ 12 - ความโกลาหลครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 - ความสิ้นหวัง

ตอนที่ 13 - เหตุการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดนรกร้าง


ตอนที่ 13 - เหตุการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดนรกร้าง

ในขณะที่พายุใหญ่กำลังพัดไปทั่วทุกดินแดน ความวุ่นวายก็ปะทุขึ้นอย่างไรก็ตามกลุ่มอำนาจหลายกลุ่มในเก้าสวรรค์สิบพิภพยังไม่ทราบถึงเรื่องนี้

ที่พรมแดนที่อยู่ติดกับอีกฝั่งซึ่งเป็นกำแพงกั้นขนาดใหญ่ที่ยังคงปิดผนึกไว้อย่างหนาแน่นไม่มีใครทราบทราบว่าเกิดรอยร้าวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด!

คำสั่งของตระกูลหวังถูกส่งไปทั่ว ทุกดินแดนสั่นสะเทือน!

เฉพาะครั้งนี้มันแตกต่างจากก่อนหน้า นี่ไม่ใช่การแสดงอำนาจของตระกูลหวัง

การต่อสู้ของผู้อาวุโสใหญ่กับเซียนอมตะหวังทำให้โลกต่างตกตะลึง

ชื่อของฮวงก็ยิ่งถูกส่งต่อไปยังทุกตระกูลดึงดูดความสนใจจากทุกด้านเตือนสาวกของพวกเขาอย่างเคร่งครัดว่าอย่าได้ยั่วยุ

ผลของการต่อสู้ครั้งนี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ตระกูลใหญ่ต่างๆล้วนแสดงท่าทีว่าพวกเขาจะไม่เป็นศัตรูกับสือฮ่าว พวกเขาทั้งหมดเห็นว่าผู้อาวุโสใหญ่มีทัศนคติแบบไหนต่อสถานการณ์นี้โดยรู้ว่าเขาจะไม่ยอมให้มีการยั่วยุใดๆเกิดขึ้น

“นี่เรื่องจริงเหรอ…” เฉาอวี้เซิงรู้สึกมึนงง เมื่อได้รับข่าวเขาก็อึ้งสงสัยเล็กน้อยว่านี่เป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม

เป็นเพราะความวุ่นวายในครั้งนี้มากเกินไป เพื่อผลประโยชน์ของฮวงผู้อาวุโสใหญ่ได้ต่อสู้กับตระกูลอมตะด้วยตัวคนเดียวด้วยขั้นพลังที่สูงส่งแข็งแกร่ง

หนุ่มสาวหลายคนเช็ดเหงื่อเย็นๆพวกเขาอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใน 9สวรรค์ 10 พิภพ เมิ่งเทียนเจิ้งแสดงจุดยืนปกป้องศิษย์ของเขาใครจะกล้ายั่วโมโห?

ด้วยปรมาจารย์ระดับนี้สามารถเดินผ่านเก้าสวรรค์สิบพิภพได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่มีที่ให้หลบซ่อน

“ ตระกูลหวังสมควรจะถูกจัดการซะบ้าง พวกเขาคงหลงคิดว่าพวกเขาเป็นเจ้าเหนือหัวของ เก้าสวรรค์สิบพิภพสามารถตัดสินชีวิตและความตายของผู้อื่นได้?

คราวนี้ผู้อาวุโสใหญ่จัดการพวกเขาลงไปมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!” มีคนแสดงความยินดีจำนวนไม่น้อย

หลายคนมาจากสำนักเทพสวรรค์

การสำรวจถ้ำเซียนอมตะใต้ดินสิ้นสุดลงแล้วผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์เหล่านั้นก็ออกมารวมถึงราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วง, มหาโสดา, หลานเซียน, ซีกู้และคนอื่น ๆ

เมื่อหวังซีได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนใบหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย นางอยากจะออกไปจากที่นี่ทันที

เมื่อเทียบกันแล้วองค์หญิงเหยาเยว่มีความสุขมากกว่า เมื่อเห็นคู่แค้นต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่มีอะไรที่ทำให้มีความสุขไปกว่านี้เพราะทั้งสองตระกูลเป็นศัตรูเก่า

พ่อขององค์หญิงเหยาเยว่คือซูหมิงซวน คราวนี้ตระกูลซูยืมธงสงครามโบราณอมตะให้กับผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทพสวรรค์ เป็นการแสดงออกชัดเจนว่าสำนักเทพสวรรค์กับตระกูลราชวงศ์ร่วมรุกร่วมถอยด้วยกัน ผู้อาวุโสใหญ่เข้ามาในดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลหวังด้วยพลังของผ้าห่อศพและแสดงให้เห็นถึงพลังสมบัติเซียนขั้นสูงสุดของตระกูลซูถือได้ว่าช่วยให้พวกเขามีหน้ามีตาไปด้วย

“เทพธิดาหวังซีไม่จำเป็นที่เจ้าต้องกังวล ด้วยความที่บรรพบุรุษของท่านเซียนอมตะหวังเป็นที่ทราบกันว่าเขามาถึงขึ้นเซียนอมตะได้ไม่มีทางที่เขาจะพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้” มีคนปลอบใจหวังซี

บรรดาคนจากสำนักปราชญ์เชื่อมั่นว่าจินซานกำลังจะออกจากการกักตัว เมื่อถึงเวลานั้นเขาอาจต่อสู้ขั้นสุดท้ายกับฮวง

จินซาน นับเป็นความภาคภูมิใจของศิษย์สำนักปราชญ์ไม่มีใครสามารถประเมินความแข็งแกร่งของเขาได้ ตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะมา เขากวาดล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า

แต่ถึงปากจะกล่าวอย่างเชื่อมั่นแต่ในใจลึกๆแล้วพวกเขายังคงรู้สึกหนักอึ้งอยู่บ้างเพราะ สือฮ่าวใช้ร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์ซึ่งเหนือกว่าคนรุ่นก่อนๆทั้งหมดเขาเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จ พรสวรรค์ของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว

“ฮวงฝึกฝนชิชาเซียนโบราณพี่ใหญ่จินซานฝึกฝนวิชาของโลกปัจจุบัน ส่วนใครจะแข็งแกร่งกว่าและใครอ่อนแอกว่าเราจะได้รู้หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้”

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินมาว่าเขาเพิ่งฝึกฝนเท่านั้น ยังมีช่องว่างอีกมากให้ไขว่คว้าในบรรดาคนรุ่นใหม่แม้ว่าเขาจะไม่ติดอันดับ 1 แต่ก็ต้องติด 1 ใน 3 อย่างแน่นอน” ผู้คนจากสำนักปราชญ์ต่างให้เชื่อมั่นต่อจินซาน

“ทำไมเราไม่จัดวันให้พวกเขาประลองกันล่ะ? ข้าจะช่วยพวกเจ้านัดหมายฮวงให้ ที่พวกเจ้าต้องทำก็แค่เชิญจินซานออกมา?” องค์หญิงเหยาเยว่กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก

คนของปราชญ์แกล้งมองข้ามคำพูดของนางไปทันที

จากที่ห่างไกลราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงก็เก็บตัวเงียบ ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นจุดความสนใจของทุกคน เป็นที่รู้กันว่าเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้ แต่หลังจากการต่อสู้กับฮวงซึ่งเขาประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่เขาก็สูญเสียคุณสมบัติที่จะมุ่งสู่อันดับหนึ่ง

มหาโสดา , ซีกู้ และคนอื่น ๆยังคงดีกว่าแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กลับสือฮ่าวอยู่ด้วย แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าพ่ายแพ้ให้แก่ฮวง

“ เวลาไม่เช้าแล้ว?พวกเจ้าทุกคนยังคุยกันอย่างไม่สนใจระเบียบ พวกเจ้าควรสนใจเพิ่มระดับบ่มเพาะของตัวเองให้ได้มากที่สุดสิ่งมีชีวิตอีกฝั่งอาจข้ามมาเมื่อไหร่ก็ได้ ผู้อาวุโสจากสำนักปราชญ์สั่งสอนเสียงดัง

ในตอนนั้นเองลมสวรรค์พัดมาผู้อาวุโสใหญ่พาสือฮ่าวกลับมาแล้ว

ในความเป็นจริงพวกเขาควรจะกลับมาถึงเมื่อสองวันก่อน แต่พวกเขาหยุดพักเพื่อหลอมยาเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำหนักม่วงของสือฮ่าว จำเป็นต้องใช้สมุนไพรเก่าแก่หลายประเภทเป็นส่วนผสมเสริม

น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่สามารถรวบรวมทุกอย่างได้ครบ มียาศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่หายากเกินไปแม้แต่คนที่มีอำนาจอย่างผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่สามารถเสาะหาได้

อย่างไรก็ไม่ต้องรีบเร่งมากนัก สมุนไพรตำหนักม่วงสามารถเสริมสร้างวิญญาณดั้งเดิมได้และมันก็มีผลเช่นเดิมไม่ว่าจะถูกนำมาใช้เมื่อใด ไม่นานหลังจากสือฮ่าวกลับมาถึง จากความเงียบสงบเพียงไม่นานมานี้กลายเป็นความวุ่นวายในทันที

“ผู้อาวุโสใหญ่!” หลายคนร้องเอะอะเดินขึ้นไปคำนับทักทาย

สือฮ่าวก็ถูกล้อมรอบเช่นกัน กระต่ายจันทราชางกงเหยียน เฟิงหวู่และคนอื่นๆต่างก็มีความสุขมาก หลังจากนี้สือฮ่าวแทบจะไม่ได้รับอันตรายใดๆอีกต่อไป ไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาอย่างแน่นอน

“เฮ้เฮ้เฮ้พวกเจ้าทุกคนระวังหน่อย! หยุดตบไหล่เขาสักที! ต่อหน้าราชาองค์นี้พวกเจ้าควรทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อย!” มดตัวน้อยบนไหล่ของสือฮ่าวร้องอย่างไม่พอใจและหลีกเลี่ยงมือขนาดใหญ่เหล่านั้น

สือฮ่าวหัวเราะไปด้วย ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเขารู้สึกขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่จากก้นบึ้งของหัวใจ

ตอนนี้จิตใจของเขาไม่ค่อยสงบนักเพราะเขามีเรื่องไม่เข้าใจ 2-3 ข้อ ด้วยความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของเซียนอมตะหวังทำไมเขาถึงยอมประนีประนอมเช่นนี้?

ต้องเข้าใจว่าการต่อสู้ของเขากับผู้อาวุโสใหญ่จบลงด้วยผลเสมอ ไม่คุ้มค่ากับชื่อเสียงของเขาเสียไปในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก

ในตอนนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ดูจริงจังด้วยการถอนหายใจเบา ๆ เขาบอกว่าเป็นเพราะสายตาของเซียนอมตะหวังเฉียบคมเกินไปเขามองเห็นบางสิ่งบางอย่างต้องการหลีกเลี่ยงการจมอยู่ในพายุนี้

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เซียนอมตะหวังมีข้ออ้างในการพาตัวเข้าสู่ความสันโดษชั่วคราว เขาจะไม่ออกมาอีกในเร็วๆนี้

นั่นคือเหตุผลที่ขากลับสือฮ่าวมักจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่หรือเซียนอมตะหวังทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก เรื่องที่เซียนอมตะหวังต้องการหลีกเลี่ยงย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

“ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้วพวกเราก็ควรคุยกันดีกว่าถึงความร่วมมือของ 3 สำนัก” ผู้อาวุโสจากสำนักปราชญ์กล่าว

นี่ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างกะทันหันแต่ได้รับการกล่าวถึงล่วงหน้ามานานแล้ว สำนักเซียนสำนักปราชญ์สำนักเทพสวรรค์กำลังจะรวมตัวกันเพื่อให้เหล่าลูกศิษย์มีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนคำชี้แนะเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าสาเหตุหลักเป็นเพราะพวกเขาค้นพบถ้ำเซียนอมตะทรัพยากรที่นั่นถูกค้นกลับมาแล้วสามารถเลี้ยงดูลูกศิษย์ 3 สำนักได้อย่างสบาย

ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทพสวรรค์ไม่ได้อยู่ที่นี่แต่นำสือฮ่าวไปเมื่อเขากลับมาในฐานะบุคคลสำคัญเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องขอความเห็นจากผู้อาวุโสใหญ่

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมครั้งนี้ผู้ปกครองของเหล่าศิษย์ทั้งสามสำนักจำนวนไม่น้อยมาถึงที่นี่เป็นการส่วนตัว

อีกอย่างคนเหล่านี้ยังต้องการถามเกี่ยวกับรายละเอียดการต่อสู้ของผู้อาวุโสใหญ่กับเซียนอมตะหวังหลายคนยังตกใจและรู้สึกสงสัย

“ดินแดนโบราณเป็นดินแดนสวรรค์ที่ท้าทายอย่างยิ่งมีถ้ำเซียนอมตะมากมาย หากพวกมันถูกขุดค้นทั้งหมดแล้วย้ายไปอยู่ในพื้นที่เดียวมันจะทำให้เกิดดินแดนล้ำค่าที่ไม่อาจจินตนาการได้” ผู้อาวุโสสำนักเซียนกล่าว

“ความตั้งใจของเจ้าคือการย้ายถ้ำเหล่านั้นออกไปและรวมเข้าด้วยกัน? เรื่องนี้มีความยากลำบากมากเกินไปเพราะมันเป็นถ้ำของเซียนอมตะที่แท้จริงในถ้ำต้องมีกับดักค่ายกลทรงพลังมากมาย” ใครบางคนขมวดคิ้ว

ทุกคนพูดคุยกันและพยายามตัดสินใจว่าพวกเขาจะไปทำอะไร และที่ไหนกันแน่ที่จะใช้ก่อตั้งสำนัก

ในเวลานี้คลื่นแห่งความผันผวนที่น่าตกใจเกิดขึ้นระหว่างสวรรค์กับโลก มิติถูกแยกออกเรือรบโบราณสภาพยับเยินพุ่งออกมาพร้อมกับหมอกสีเลือดและพลังชั่วร้ายน่าสะอิดสะเอียน

“ใครกล้าล่วงเกินสถาบันเทพสวรรค์” ผู้อาวุโสบางคนตะโกน

ผู้อาวุโสใหญ่โบกมือของเขาไม่ให้ผู้อาวุโสคนนั้นตะโกนออกไป การแสดงออกของเขาดูจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อขณะที่จ้องไปที่เรือรบทองแดง

ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าทุกคนจ้องไปที่เรือทองแดงที่เปื้อนเลือดลำนั้น

เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเรือผุพังลำนี้ถึงเข้ามาในสำนักเทพสวรรค์ได้ มีหยดเลือดที่หยดลงมาจากพื้นผิวเรืออย่างต่อเนื่อง

“มันมาจากชายแดน!” การแสดงออกของผู้อาวุโสใหญ่นั้นรุนแรง เมื่อเขาพูดคำนี้ทุกคนที่นี่รู้สึกถึงความหนาวเย็นทันที

รูปแบบของเรือลำนี้เป็นลักษณะเฉพาะของพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ยังมีตราสัญลักษณ์สงครามที่ชัดเจนบนพื้นผิวถูกแกะสลักไว้ ยังมีของอีกสิ่งหนึ่งมันคือธงสงครามที่เต็มไปด้วยเลือด!

กองทัพไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์นี้เมื่อเคลื่อนที่ผ่านเก้าสวรรค์สิบพิภพ จะทำเช่นนี้ได้ที่ชายแดนเท่านั้น

หลังจากที่เรือรบทองแดงซ์พุ่งออกมาก็ไม่มีสิ่งใดตามมาอีกมันจอดอย่างสงบนิ่ง

จิ!

ผู้อาวุโสใหญ่บินขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว อาวุโสคนอื่นก็รีบตามไปด้วย

"ตื่น!" ผู้อาวุโสใหญ่ปีนขึ้นไปบนเรือทันทีก็สังเกตเห็นชายวัยกลางคนที่หมดสติเหลือเพียงครึ่งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด

ผู้อาวุโสใหญ่ถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในร่างของเขาเพื่อให้เขาฟื้นคืนสติมา

“แย่แล้ว…กำแพงมิติถูกทะลวงผู้แข็งแกร่งจากอีกฟากหนึ่งได้ปรากฏตัวแล้ว!” ชายวัยกลางคนตะโกน แม้ว่าเขาจะอ่อนแอมาก แต่เสียงของเขาก็ยังคงดังก้องไปทั่วฟ้า

"อะไรนะ?!"

ในขณะนี้เสียงคร่ำครวญนับไม่ถ้วนดังขึ้น จากนั้นทุกคนรู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขาชาด้านหนาวสั่นไปหมด คำพูดเหล่านี้น่าตกใจเกินไป

นี่เป็นข้อมูลที่สร้างความแตกตื่นทั่วโลก!

ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว สถานการณ์เปลี่ยนไปไม่เป็นไปตามแผนสิ่งที่ทุกคนกังวลมากที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว

ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันนั้นจะต้องมาถึงสิ่งมีชีวิตของอีกฝั่งจะปรากฏตัวและเข่นฆ่าพวกเขาในโลกนี้อีกครั้ง เมื่อเวลานั้นมาถึงโลกจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเลือดจะไหลนองทะเลกระดูกไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อวันนั้นมาถึงอย่างแท้จริงมันจะเป็นช่วงเวลามืดมนที่โลกคงจะไม่สงบสุขอีกต่อไป

ใครจะไปคาดคิดว่าวันนั้นจะมาถึงในวันนี้ มันเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ

จิตใจของทุกคนหนาวเหน็บพวกเขายังเตรียมการไม่เสร็จแต่สิ่งมีชีวิตของอีกฝ่ายกำลังจะเข่นฆ่าเข้ามา!

หลายคนสั่นสะท้านภายในใจ บางที…ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดได้เริ่มขึ้นแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด