ตอนที่แล้วตอนที่ 13 - เหตุการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดนรกร้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 ชุมนุมผู้แข็งแกร็ง

ตอนที่ 14 - ความสิ้นหวัง


ตอนที่ 14 - ความสิ้นหวัง

สิ่งน่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์มาถึงแล้ว!

เมื่อพวกเขาคิดถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทุกคนต่างสั่นสะท้าน ภายในจิตใจของทุกคนจมดิ่งลงเหวการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในทันทีทันใดจึงไม่มีใครสามารถเตรียมจิตใจได้อย่างเหมาะสม

ในอีกด้านหนึ่งความโหดร้ายและความไร้ปรานีของคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นมีตำนานมากเกินไป มันเป็นตัวแทนของยมโลกดินแดนแห่งความทุกข์!

ยิ่งไปกว่านั้นจากการคาดเดาก่อนหน้านี้หายนะครั้งใหญ่ในยุคนี้น่าจะแรนแรงเกินกว่าที่ผ่านมาชนิดพลิกคว่ำจักรวาลทั้งหมด พวกเขากำลังจะเข้าสู่ยุคมืดในที่สุด

“นี่มันกะทันหันเกินไป! เหตุใดจึงเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้? ข้ายังไม่ได้เตรียมใจไว้เลย!” เด็กหนุ่มบางคนร้องไห้ออกมา

หลายคนสั่นสะท้านใครเล่าจะเตรียมตัวพร้อมแล้ว แทบไม่มีใครทำ!พวกเขาต่างหวังให้เวลานั้นมาถึงยิ่งช้ายิ่งดี

แม้แต่ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทพสวรรค์ตำนานที่ยังมีชีวิตยังเปลี่ยนไป ข่าวที่ถูกนำมาในครั้งนี้ทำให้เขาตกตะลึงเช่นเดียวกัน

เป็นเพราะคนเหล่านี้เคยร่วมมือกันเพื่อวิเคราะห์ภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเชื่อว่ายุคแห่งความมืดจะไม่มาถึงเร็วขนาดนี้อย่างน้อยก็ยังเหลือเวลาอีกหลายกี่พันปี

“มันเร็วเกินไปพวกเขาทำลายกำแพงได้อย่างไร? ทำร่างกายตัวเองให้แข็งแกร่งหรือปลอมตัวเป็นผู้ฝึกฝนวิชาเซียน?” ใครบางคนพูดอย่างเงียบๆ

“ตื่นขึ้นมาอย่ามัวแต่เสียสติ! บอกเราเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด!” ผู้อาวุโสใหญ่ชี้ไปที่ช่องว่างระหว่างคิ้วของชายวัยกลางคนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาด้วยญาณวิเศษ

อาการบาดเจ็บของชายวัยกลางคนนั้นร้ายแรงเกินไปเช่นเดียวกับเรือรบทองแดงเขาสูญเสียร่างกายไปครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรือเหาะหรือร่างกายของเขาทั้งคู่ก็ได้รับความเสียหายร้ายแรง

ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็แทบแตกสลายออกจากกัน

“ผู้อาวุโสเมิ่งมันโหดร้ายเกินไปพรมแดนกลายเป็นนรก ไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตกี่คนวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกทำลายไม่มีใครทนดูได้!” น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของชายวัยกลางคน

เขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างแท้จริง พี่น้องของเขาคนที่เขารักเพื่อนของเขาหลายคนที่เขาคุ้นเคยถูกฆ่าตายในทันทีไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย

เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้เส้นผมของคนจำนวนมากลุกชัน ผู้โจมตีจากต่างแดนดุร้ายเกินไปผู้แข็งแกร่งจากฝั่งนี้ไม่สามารถอุดช่องแตกของกำแพงได้ทัน

ในช่วงเวลานั้นผู้คนจำนวนมากถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพังเลือดเนื้อและเศษซากของเมืองถูกฝังอยู่รวมกันเป็นภาพที่น่ากลัวเกินจะทน!

“เจ้าบอกว่าเจ้ามาจาก สวรรค์สีชาด” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วยังคงไม่สูญเสียความเยือกเย็นของเขาพยายามรักษาความสงบต่อไป

“ถูกต้องสวรรค์สีชาดดินแดนโบราณที่รู้จักกันดีว่าแข็งแกร่งและไม่เคยได้รับความเสียหายมาก่อน สถานการณ์เลวร้ายมากสถานที่แห่งนั้นกลายเป็นอาณาจักรแห่งภูตผีไปแล้ว!”ที่ดวงตาของชายวัยกลางคนมีเลือดสีแดงไหลหลั่งเขาร่ำไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดแล้ว

ตอนนี้ผู้อาวุโสจากสำนักปราชญ์ได้หลอมยาศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทองให้เขากิน สภาพของเขาดูดีขึ้นมาก

จากนั้นกระดูกภายในร่างกายของเขาก็ปล่อยเสียงดังกึกกัก เนื้อและเลือดดิ้นไปมา ครึ่งล่างของร่างกายเขาเริ่มงอกออกมาในอัตราที่มองเห็นได้

เห็นได้ชัดว่านี่คือยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้เขาฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น!

“ขอบคุณท่านมากผู้อาวุโส!” ชายวัยกลางคนแสดงความขอบคุณ ด้วยพลังการฝึกฝนของเขาไม่มีทางที่เขาจะรอดจากความตายเพราะเหตุนี้ หลังจากพักไปครู่หนึ่งเขาก็สามารถสร้างแขนขาที่เสียไปของเขาขึ้นมาใหม่ได้

ตอนนี้เขามีแต่ความเหนื่อยล้าและความเศร้าโศก

“สวรรค์สีชาดไม่ได้ถูกสร้างมาจากกระดูกของผู้อมตะหรือ? เส้นทางนั้นถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนามันจะพังลงได้อย่างไร”

ผู้อาวุโสทุกคนขมวดคิ้วสีหน้าของพวกเขามืดครึ้ม หากสิ่งนี้กลายเป็นจริงสถานการณ์จะเลวร้ายอย่างถึงที่สุด

ในสายตาของพวกเขาหากสิ่งมีชีวิตในอีกฝั่งสามารถหลุดรอดเข้ามาได้ต้องผ่านทางชายแดนร้าง 3,000 แคว้น เพราะที่นั่นมีสภาพโกลาหลที่สุด

หลังจากผ่านไปหลายปีไม่มีใครรู้ว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับเซียนอมตะกี่คนไปที่สวรรค์สีชาดเพื่อปกป้องเมืองโบราณไว้

ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมีเพียงชายแดนที่รกร้างสามพันแคว้นเท่านั้นที่ไม่แข็งแกร่งพอ หลังจากเวลาผ่านไปหลายปีแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถบุกเข้ามาได้ แต่พวกเขาก็ยังคงนำปัญหามาสู่ฝั่งนี้

นั่นคือเหตุผลที่บุคคลที่น่าเกรงขามรุ่นแล้วรุ่นเล่าเมื่อพวกเขาเหลืออายุขัยไม่มากนักพวกเขาก็จะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อใช้พลังเฮือกสุดท้ายจุดประกายตัวเองหวังทะลวงขั้นบ่มเพาะที่สูงขึ้นไปกว่าเดิมใช้ต่อเวลาชีวิตของพวกเขา

“ถ้าสวรรค์สีชาดอันยิ่งใหญ่ยังล่มสลายทุกอย่างกลายเป็นความยากลำบากมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าเส้นทางอื่นๆ ก็น่าจะไม่ปลอดภัยเช่นกันเพราะเป็นเส้นทางโบราณระดับใกล้เคียงกัน” ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจเบา ๆ

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ความสงบสุขของหลายชั่วอายุคนมาถึงจุดจบ เช่นนั้นเลือดและเปลวไฟกำลังจะแผดเผาแผ่นดินใหญ่

“รีบไปขอแตรมังกรบรรพบุรุษเพื่อเรียกกลุ่มต่างๆใน 9 สวรรค์ด้านบนมาป้องกันสวรรค์สีชาด!” ผู้อาวุโสใหญ่ออกคำสั่งอย่างรวดเร็วเพราะสถานการณ์เลวร้ายถึงที่สุด

ทุกคนตัวสั่น พวกเขากำลังฟังชายวัยกลางคนเล่าเหตุการณ์ในตอนที่ผนึกเส้นทางโบราณถูกทำลายและตอนนี้พวกเขากำลังจะเข้าสู่สงครามอย่างแท้จริง

แม้ว่าพวกเขาจะรู้มานานแล้วว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้น แต่เมื่อมันมาถึงจริงๆสิ่งที่วางแผนไว้ต่างๆนานากลับไม่สามารถนำออกมาทำได้ ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์มาถึงเร็วกว่าที่คิดแต่เป็นเพราะว่าครั้งนี้ต้องเดิมพันด้วยชีวิตตัวเองจริงๆไม่ใช่แค่ลมปากเหมือนกับที่เคยจินตนาการไว้

บรรพบุรุษพี่น้องของพวกเขาแม้กระทั่งตัวของพวกเขาเองก็อาจกลายเป็นหนึ่งในเลือดที่ย้อมสีสนามรบ!

“บอกเราทุกอย่างที่เจ้ารู้ สวรรค์สีชาดถูกทำลายได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้มีสัญญาณอะไรบ้าง!” ผู้อาวุโสจากสำนักปราชญ์กล่าวด้วยเสียงต่ำ

“ในเวลานั้นเมืองโบราณไม่มีความผิดปกติใด ๆ มันถูกปกคลุมไปด้วยปราณเซียนเมืองยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามในตอนเช้าเมื่อแสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่องลงมา  เกิดเสียง กากา! ดังขึ้น ฉับพลันปราณเซียนที่ปกป้องเมืองก็หายไป จากนั้นหม้อโบราณใบใหญ่ก็กระแทกเข้ากับกำแพงเมือง เมืองถูกทำลายลงเช่นนี้”

ชายวัยกลางคนบรรยายฉากที่หวาดหวั่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบทำให้หลายคนรู้สึกประหม่าราวกับว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น

เมืองโบราณที่แข็งแกร่งซึ่งสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อเซียนโบราณหลายหมื่นคนถูกทำลายในพริบตา

ไม่คิดว่า ‘หม้อ’เพียงใบเดียวจะสามารถทำลายได้แม้กระทั่งเมืองที่สร้างจากกระดูกผู้อมตะ

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ใบหน้าของสือฮ่าวก็เปลี่ยนไปทันที เขานึกถึงอะไรบางอย่างแล้วมองไปที่มดเขาสวรรค์บนไหล่

“อาจจะเป็น…หม้อหลอมเซียน?” มดตัวน้อยสีทองอดตัวสั่นไม่ได้

เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาเคยเห็นหม้อใบนี้ที่ด้านหน้ายอดเขาที่สูงที่สุดในสนามรบเซียนโบราณจำลอง เสียงคำรามของมันผ่านภูเขาและแม่น้ำกำลังดูดซับแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุด

สิ่งเหล่านี้เป็นรอยประทับที่หลงเหลือจากช่วงสุดท้ายของยุคเซียนโบราณ!

มีข่าวลือว่าหม้อใบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอมผู้อมตะที่แท้จริงให้ตายได้อย่างรวดเร็วความชั่วร้ายของมันไม่มีสิ่งใดเทียบได้

เดิมทีมันเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้แข็งแกร่งจากอีกฝั่งนึงแต่เขากลับตายไป อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ปรากฏขึ้นมานานมากแล้ว

ด้วยเหตุผลบางประการในสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้ายหม้อหลอมเซียนไม่ปรากฏขึ้น มีคนเคยบอกว่าหม้อถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าของของมัน

มีเพียงสือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์เท่านั้นที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ นับตั้งแต่พวกเขาไปที่ยอดเขาที่สูงที่สุดลูกนั้นพวกเขาได้รู้ความจริงบางอย่าง หลังจากยุคเซียนโบราณอันยิ่งใหญ่สิ้นสุดลงเฮ่ออู๋ซวงได้นำหม้อใบนี้ไปที่สนามรบเพื่อรวบรวมเลือดแก่นแท้

“อู๋หวู่…” เสียงแตรเดี่ยวที่หนักหน่วงดังขึ้นขัดความคิดของสือฮ่าว

เสียงแตรนี้ดังก้องไปทั่วหมือนฟ้าร้องคำรามดังก้องไปทั่วสวรรค์ไร้ขอบเขตจากนั้นมันก็ผ่านกำแพงอาณาจักรกระจายไปทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพ

สิ่งนี้ได้รับการปลุกเสกจากเขาของมังกรที่แท้จริง หลังจากถูกใช้โดยบุคคลที่มีทรงพลังชั้นเหนือกว่าเจ้าสำนักนี้เสียงของมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้ เสียงที่ดังต่อเนื่องสามารถผ่านกำแพงอาณาจักรเรียกตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุด

พวกเขาไม่สามารถเสียเวลาได้พวกเขาต้องติดต่อกับตระกูลใหญ่ทั้งหมดในทันทีให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม!

โดยปกติแล้วแตรมังกรจะไม่ถูกเป่าและในความเป็นจริงมันถูกใช้เพียงครั้งหรือสองครั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ต่อเมื่อเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งเป็นอันตรายต่อเก้าสวรรค์สิบพิภพเกิดขึ้นเท่านั้น!

เมื่อเสียงแตรนี้ดังขึ้นนั่นหมายความว่ายุคแห่งความมืดมาถึงแล้ว!

เขาของมังกรที่แท้จริงเป็นสมบัติล้ำค่าที่ยากจะหาได้ในโลกนี้ หลังจากที่มันถูกทำให้เป็นแตรเดี่ยวแล้วก็สามารถจินตนาการถึงพลังของมันได้ อย่างไรก็ตามเสียงแตรนี้ไม่ได้ทำร้ายจิตวิญญาณแม้ว่ามันจะดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลกแต่ก็ไม่ได้ทำให้พลังปราณโลหิตพุ่งพล่านแต่อย่างใด

ในขณะที่เสียงแตรเดี่ยวดังขึ้นผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกเคารพอย่างยิ่ง มีหนุ่มสาวบางคนที่รู้สึกได้ถึงเลือดร้อนอันระอุหวังว่าพวกเขาจะสามารถพาตัวเองเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ได้ทันที แต่ก็มีบางคนที่ใบหน้าซีดขาวหวาดกลัวสั่นสะท้าน

“สวรรค์สีชาดพังทลายลงมากกว่าร้อยละเก้าสิบผู้ที่ปกป้องมันล้วนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ พวกนั้นแข็งแกร่งยากเกินจะต้านทาน…” ชายวัยกลางคนพูดต่อ

หลังจากที่หม้อหลอมเซียนปรากฏขึ้นมันก็ทำลายทุกอย่าง ผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ในเส้นทางสวรรค์สีชาดไม่สามารถต้านทานได้ถูกบดขยี้ลงอย่างง่ายดาย มีเพียงแก่นแท้จากธรรมชาติเท่านั้นที่ถูกดูดเข้าไปในหม้อปีศาจใบนั้น

นี่เป็นฉากที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ใครจะต้านทานพลังปีศาจประเภทนี้ได้?

สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาสับสนคือหม้อหลอมเซียนลอยอยู่เหนือซากปรักหักพังไม่ได้พุ่งไปข้างหน้าและในที่สุดมันก็ถอยกลับออกไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตามฉากที่ตามมาก็ยังคงน่ากลัวถึงที่สุด มือสีดำขนาดใหญ่เอื้อมออกมาตามเส้นทางนั้นออกมาบริเวณชายแดนบดขยี้ทุกชีวิตที่อยู่ที่นั่น

ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นชายหญิงคนแก่เด็กไม่ว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะเป็นอย่างไรทุกอย่างก็กลายเป็นคราบเลือดใต้กรงเล็บนั้น คนที่ไม่ได้อยู่ในเมืองก็ตายทุกคน

นี่เป็นการเปิดฉากที่รุนแรงโหดร้ายและไร้ความปรานี!

“ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะเป็นพิธีบูชายัญประเภทหนึ่งโดยใช้เลือดของสิ่งมีชีวิตจากด้านของเราเพื่อเปิดเส้นทางที่แข็งแกร่งมากพอ!” ชายวัยกลางคนฟันแน่นดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีแดง เป็นเพราะคนที่เขารักเพื่อนของเขาล้วนเสียชีวิตภายในเหตุการณ์

พวกเขาไม่ได้ตายในสนามรบ แต่ถูกพรากชีวิตไปอย่างไม่ทันตั้งตัวความอับอายและความเศร้าโศกเต็มจิตใจของเขา

“ทุกคนตายหมดสิ้นในเขตแดนของสวรรค์สีชาดแม้แต่เด็กที่อายุเพียงไม่กี่ขวบก็ตายภายใต้กรงเล็บนั้นตาย ดวงตายังเบิกกว้าง! ข้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้!” ชายวัยกลางคนคำราม แม้แต่เหลนของเขาก็เสียชีวิตอย่างน่าสังเวชความโกรธแค้นเต็มหัวใจจนต้องกระอักเลือดออกมา

ย้อนกลับไปตอนนั้นเขาอยู่ไกลมาก เมื่อเขาวิ่งไปอย่างบ้าคลั่งลมแรงที่พัดมาจากมือใหญ่ได้กระแทกร่างของเขาจากระยะไกลทำลายเรือและร่างกายของเขาไปครึ่งนึง!

เมื่อทุกคนได้ยินมาถึงตอนนี้ต่างก็รู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ชายคนนี้แข็งแกร่งมากถึงขั้นครึ่งเซียน แต่เขาก็ยังเกือบตายที่นั่นโดยไม่มีแรงต้านทานใด ๆ

เพียงแค่ลมที่พัดมาจากระยะไกลก็น่ากลัวแล้วถ้ามือใหญ่ของศัตรูบดขยี้ลงใครจะต้านทานพลังปนั้นได้?

ทุกคนเงียบและพบว่ามันยากที่จะพูด พวกเขาตื่นตระหนกจริงๆ

ตามที่ชายวัยกลางคนพูด เก้าสวรรค์สิบพิภพน่าจะจบสิ้นในไม่ช้า เป็นเพราะไม่มีใครหยุดพลังนั้นได้อย่างแน่นอน!

พวกเขาหลายคนสงสัยว่านี่น่าจะเป็นบุคคลระดับผู้อมตะที่แท้จริงซึ่งซึ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงปัจจุบัน ใครในอาณาจักรนี้จะสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ได้? ไม่มีสิ่งมีชีวิตแบบนั้นในโลกฝั่งนี้!

“เขาไม่ได้ไล่ตามเจ้า?” ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนถามเสียงเครียด

“ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่มือใหญ่นั้นถอยออกไปหลังจากโจมตีเสร็จสิ้น” ดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยน้ำตาที่ร้อนแรง เมื่อเขานึกถึงคนที่เขารักที่ตายไปแล้วเขาก็อยากจะบ้าตายจริงๆ

เป็นเพราะเขารู้ว่าความแตกต่างระหว่างตัวเองกับมือขนาดใหญ่นั้นมากมายเพียงใดเช่นเดียวกับหม้อหลอมเซียนนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาจะเอาชีวิตไปทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์สู้รอดกลับมาแจ้งข่าว ให้ผู้คนฝั่งนี้ทราบถึงสถานการณ์ยังจะดีกว่า

น่าเสียดายที่มีกำแพงขนาดยักษ์กั้นระหว่าง9 สวรรค์ 10 พิภพ ค่ายกลส่งผ่านมิติถูกทำลายด้วยมือขนาดใหญ่นั้นเขาจึงใช้เวลานานในการฝ่ากำแพงอาณาจักรมาถึงสำนักเทพสวรรค์แห่งนี้

“พวกเจ้ากลัวกันแล้ว? ข้ารู้สึกว่าพวกเจ้าหวาดกลัวกันแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่พูดโดยมองไปที่ทุกคน

ตอนนี้ไม่มีทางที่ทุกคนจะไม่ตื่นตระหนก ไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะในฝั่งนี้พวกเขาจะเอาอะไรมาต่อสู้กับผู้อมตะของอีกฝั่งมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่พวกเขาจะถูกกวาดล้างไป

มันเหมือนกับตั๊กแตนตำข้าวที่พยายามหยุดรถม้าซึ่งเป็นสถานการณ์แห่งความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีร่องรอยแห่งความหวังแม้แต่น้อย!

ตอนนี้หลายคนเริ่มเงียบและรู้สึกเหมือนท้องฟ้ามืดลง ทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวังมองไม่เห็นเส้นทางชีวิต!

“ข้าขอบอกพวกเจ้าทุกคนอย่าได้รู้สึกกลัวไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีพลังมากแค่ไหนพวกมันก็ยังคงต้องถูกเราไล่กลับ!” ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกน

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพวกมันเมื่อข้ามมาฝั่งนี้เหตุไฉนจึงต้องรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว? เป็นเพราะมีพลังลึกลับบางอย่างกดขั้นพลังของพวกมันไว้หาพวกมันอยู่ที่นี่นานเกินไปขั้นพลังของพวกมันจะตกลงอย่างถาวร!” ผู้อาวุโสใหญ่คำราม “ยุคนี้ไม่จำเป็นต้องรู้สึกสิ้นหวังเพราะพวกมันจะไม่สามารถตั้งหลักได้ในโลกนี้!”

เขากระตุ้นความเชื่อมั่นของทุกคนไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตื่นตระหนกและสูญเสียความมั่นใจได้

“อู๋หวู่…” เสียงแตรมังกรดังก้องไปทั่วสถานที่แห่งนี้ทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน จิตใจของทุกคนพุ่งพล่านอย่างมาก

เป็นเพราะเสียงแตรดังกึกก้องกังวานปลุกเร้าวิญญาณต่อสู้ของทุกคน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด