ตอนที่แล้วบทที่ 25 คริสตัลเมไจ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 คริสตัลเมไจ (5)

บทที่ 26 คริสตัลเมไจ (4)


บทที่ 26 คริสตัลเมไจ (4)

คริสตัลเมไจนั้นถูกค้นพบในอดีตเมื่อตอนที่เซย์ม่อนกำลังทำการทดลองเกี่ยวกับปีศาจอยู่ ในช่วงเวลานั้นเขาได้ถูกความแค้นเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์

หลังจากเอาชนะปีศาจที่ถูกอัญเชิญด้วยเลือดของเขาเองได้แล้ว เซย์ม่อนก็ยังคงเติบโตในแบบที่ไม่มีใครสามารถตามเขาทันได้

สำหรับพ่อมดแล้ว สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ได้สัมผัสกับเมไจ พวกมันก็จะเริ่มสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเองไป

มีครั้งหนึ่งที่เซย์ม่อนได้เห็นพ่อมดคนหนึ่งวิ่งไล่ล่าผู้คนอย่างป่าเถื่อนและทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากการที่เขาได้ไปสัมผัสเข้ากับเมไจ

แต่เพื่อที่จะจดจำเรื่องราวของคาธารีน่าต่อไป เซย์ม่อนจึงยังไม่ต้องการที่จะสละความเป็นมนุษย์ของเขา เขานั้นได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับเมไจอย่างใกล้ชิด

ในตอนนั้นเองที่เขาได้พบกับความจริงที่น่าประหลาดใจ นั่นก็คือการที่เมไจและมานานั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักในแง่ของธรรมชาติ

ด้วยความสงสัย เซย์ม่อนหยุดงานวิจัยทั้งหมดที่เขาทำและเริ่มทำการศึกษาเกี่ยวกับเอกสารวิจัยโบราณ

“ในตอนแรกที่เวทมนตร์ถูกกล่าวถึง มันไม่ได้มีการอ้างอิงถึงสิ่งที่เรียกว่ามานาหรือเมไจแต่อย่างใดมันมีเพียงสิ่งที่เรียกว่า”อากาศธาตุ”

อากาศธาตุเป็นสสารที่ถูกกล่าวถึงเพียงแค่ในเทพนิยายเท่านั้น

ตามตำนานโบราณกล่าวว่า ในตอนที่เทพเจ้าถือกำเนิดขึ้นมา โลกทั้งใบก็เต็มไปด้วยอากาศธาตุแล้ว

นั่นคือสิ่งที่บรรยายถึงอากาศธาตุในตำนานเทพนิยายโบราณ

อากาศธาตุนั้นนับได้ว่าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมันยังมีลักษณะของมานาและออร่าที่สามารถจะเปลี่ยนรูปร่างให้ออกมาในแบบกายภาพได้ นอกจากนี้ยังมีลักษณะหนึ่งก็คือที่ความมืดและความโกลาหลซึ่งถูกเรียกว่าเมไจ

"พูดง่ายๆก็คือ อากาศธาตุนั้นเป็นรากฐานของพลังทั้งหมด"

มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากที่ได้ทราบว่า ในสมัยโบราณโลกของพ่อมดแม่มดนั้นไม่ได้แบ่งออกโดยใช้เกณฑ์ความดีหรือความชั่ว

พวกเขาแบ่งสิ่งต่างๆออกเป็นความมืดและความสว่างหรือ หยินและหยาง และเน้นย้ำถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความสมดุล”

แต่เมื่อเวทมนตร์เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทฤษฎีฝ่ายดีและฝ่ายชั่วก็เริ่มก่อตัวขึ้น

ในเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ มีเพียงเวทมนตร์(สีขาว)ซึ่งเป็นเวทมนตร์ที่ถูกใช้มากที่สุดเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับถึงสถานะและระดับของฝู้ใช้ แต่ในส่วนของเวทมนตร์(สีดำ)และเวทมนตร์แห่งจิตวิญญาณเท่านั้นที่ถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต

สิ่งที่ถูกกดขี่มากที่สุดในบรรดาเวทมนตร์ทั้งหมดก็คือเวทมนตร์แห่งความมืด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันถูกจัดให้เป็นอัครสาวกของเวทมนต์แขนงต่างๆเหมือนกันและถือว่าเป็นศิลปะแห่งความเศร้าโศกด้วยซ้ำไป

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพ่อมดทุกคนก็เริ่มให้ความสำคัญกับแนวคิดเรื่องของมานามากกว่าเรื่องของอากาศธาตุ

ทำไมทฤษฎีเวทมนตร์ถึงเปลี่ยนแปลงไปกัน?

ลุคซึ่งไม่พบคำตอบสำหรับคำถามนี้ ได้เริ่มสังเกตเห็นว่าในช่วงเวลาของการก่อตั้งทฤษฎีดีและชั่วนั้นอยู่ใกล้เคียงกับช่วงเวลาก่อตั้งของนิกายเอลคาสเซล ที่นำโดยนักบุญรามิเอล

“ศาสนาและเทววิทยาที่เริ่มเฟื่องฟูในยุคแรกนั้นได้ทำให้ทฤษฎีเกี่ยวกับเวทมนตร์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย”

ด้วยเหตุนี้ภาพของเวทมนตร์แห่งความมืดซึ่งเกี่ยวข้องกับความมืดและความโกลาหลจึงถูกขับออกไป

นอกจากนี้เวทมนตร์ที่เป็นพื้นฐานของเวทมนตร์แห่งความมืดก็ยังเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับปีศาจ

พวกปีศาจนั้นชื่นชอบการทำลายล้างและการเข่นฆ่า พวกมันเกลียดชังในพระวจนะของพระเจ้า

‘แต่ปีศาจทำเช่นนั้นด้วยเหตุผล’

เป็นความจริงที่ทราบกันในภายหลังว่าการมีอยู่ของเมใจและปีศาจนั้น อาศัยอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า “นรก”

มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยควันกำมะถันที่ลอยเหมือนเมฆบนท้องฟ้าและแม่น้ำมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยสารปรอท

โลกที่รกร้างแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยสารพิษทุกชนิดที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แม้แต่ปีศาจไม่สามารถทำอะไรได้มาก พวกมันทำได้แค่เพียงล่าผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเองเพื่อนำมาเป็นอาหาร

การจับคนที่อ่อนแอกว่ามาเป็นอาหารนั้นเป็นความคิดง่ายๆของคนที่อยู่ที่นั่น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะไม่สามารถเข้ากันได้กับมนุษย์

และหลังจากเรียนรู้ความจริงเบื้องหลังประวัติศาสตร์และนิเวศวิทยาของแต่ละเผ่าพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ลุคก็พบว่าเมไจก็คือแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังของปีศาจทั้งหมด

เมไจนั้นคอยพัฒนาร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาเพื่อปรับให้พวกเขาสามารถที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นๆได้

“ตามตำนานกล่าวว่าโลกนั้นเกิดจากความโกลาหล ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆงั้นมันก็จะหมายความว่าเราจะสามารถสร้างเผ่าพันธ์ใหม่หรือพัฒนาตัวเองได้ ถ้าหากเรามีพลังของเวทมนตร์แห่งความโกลาหลมากพอ”

ตราบใดที่ข้อสงสัยของเขายังไม่ได้รับคำตอบ เซย์ม่อนก็คิดที่จะเรียกปีศาจออกมาเพื่อทำการค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมไจต่อไป

เมไจที่ถูกสกัดรวบรวมและกรองออกมาถูกเรียกว่า “คริสตัลเมไจ”

“ข้าไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้เลย แม้ว่าการสร้างมันนั้นจะเป็นอะไรที่ยากมากก็ตาม”

คริสตัลเมไจในตอนนี้นั้นยังไม่มีพลังมากพอที่จะสร้างชีวิตใหม่และแม้ว่ามันจะสามารถใช้เพื่อพัฒนาร่างกายได้ แต่ผลลัธ์ของมันก็เป็นอะไรที่ต่ำเตี้ยอย่างมาก มันสามารถพัฒนาได้แค่เรื่องของความเร็วและความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เขาค้นพบเรื่องนี้ เขาก็เป็นถึงพ่อมดขั้นที่ 8 แล้ว ดังนั้นคริสตัลเมไจจึงไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขามากนัก

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องของคริสตัลเมไจก็ถูกลืมเลือนลงไปในที่สุด

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซย์ม่อนได้ตื่นขึ้นมาในร่างของลุค เขาก็เลือกที่จะมาที่นี่ในทันทีเพราะเขาต้องการที่จะได้รับพลังที่แข็งแกร่ง

“คำสาปของลูกหลานของรากันต์นั้นเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก แต่เจ้าสิ่งนี้ก็น่าจะเปลี่ยนร่างที่บอบบางแบบนี้ได้นิดหน่อย”

ในไม่ช้าลุคก็เปิดขวดและเริ่มทำการดูดซับคริสตัลเมไจเข้าไป

“กึก!”

ในตอนแรกลุครู้สึกถึงความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ มันเหมือนกับการกลืนเมือกที่มีชีวิต มันได้ทำให้แขนและขาของเขาสั่น

เมไจที่เขาดูดซับเริ่มค่อยๆแพร่กระจายผ่านเส้นเลือดและเส้นประสาทของเขา

“อั้ก!”

ความเจ็บปวดกำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของเขา ลุคล้มลงไปกับพื้นและเริ่มกลิ้งไปมาอย่างทุรนทุราย

โดยปกติแล้ว เมื่อมนุษย์รับเอาเมไจแบบดิบๆเข้าสู่ร่างกาย พวกเขาก็อาจจะตายได้ในทันที หรือกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไป

อย่างไรก็ตามคริสตัลเมไจนั้นให้ผลที่แตกต่างกันออกไป

เหตุผลนั้นมาจากการที่ความคิดของปีศาจและสารพิษที่อยู่ภายในพวกมันถูกได้กำจัดและกรองออกไปแล้วในรูปแบบของอากาศธาตุ

อย่างไรก็ตามร่างกายที่อ่อนแอของลุคก็ดูเหมือนจะไม่สามารถต้านทานเมไจที่ถูกกรองแล้วได้อยู่ดี

เพราะความจริงแล้ว การดูดซับอะไรแบบนี้นั้นนับว่ายากกว่าการดูดซับเมไจแบบดิบๆมาก เพราะสถานะของเมใจในตอนนี้นั้นมันใกล้เคียงกับอากาศธาตุในยุคแรกเริ่มอย่างมาก

และมันก็ไม่เคยมีบันทึกบทไหนที่บอกว่ามนุษย์นั้นสามารถดูดซับหรือจัดการกับอากาศธาตุได้

“อึก! ความเจ็บปวดนี้มันอะไรกัน!”

ความเจ็บปวดในครั้งนี้นั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าในครั้งที่เขาโดนแทงด้วยดาบโอริคัลคุมของรากันต์เสียอีก

อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดในครั้งนี้มันไม่ได้อยู่ในร่างกายของเขา แต่มันอยู่ข้างในจิตวิญญาณของเขาต่างหาก ลุคทำได้แค่เพียงนอนดิ้นรนรับสภาพอยู่กับพื้นเท่านั้น เพราะความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย

แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง ควันสีดำก็ลอยขึ้นออกจากร่างกายของเขา ไม่เพียงแค่นั้นดวงตาของลุคก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีแดงและดำเหมือนกับปีศาจ

"ฆ่า! ทำลายพวกมัน! ทำลายทุกสิ่ง !!”

ลุคได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องอยู่ภายในหัวของเขา

ในขณะเดียวกันเล็บที่แหลมคมเหมือนอย่างสัตว์ร้ายก็โผล่ออกมาจากปลายนิ้วของเขาและเขาก็เริ่มมีเขี้ยวที่แหลมคมงอกขึ้นอีกด้วย

เขาเริ่มจะถูกครอบงำด้วยความคิดร้ายแรงและธรรมชาติที่เป็นพิษ

ไม่นานหลังจากนั้นลุคที่กำลังคำรามเหมือนสัตว์ร้ายก็ค่อยๆลุกขึ้น

บึ้ม!

เมไจแห่งความมืดที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาเริ่มหมุนวนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันจะระเบิดห้องทดลองใต้ดินไปได้ทุกเมื่อ...

(ช่วงสาระน่ารู้แต่คุณไม่รู้ก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร)

เมไจและมานานั้นเป็นสับเซ็ตของอากากาศธาตุ

เปรียบมานาคือพลังงานที่ก่อให้เกิดเวทไฟ เวทแสง

เมไจก็จะเป็นเวทมืด เป็นต้น

ติดตามอ่านต่อได้ที่เพจ : นอนน้อยโนเวล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด