ตอนที่แล้วตอนที่ 241 ข้าขอโทษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 243 ไร้ที่ยืนบนแผ่นดิน

ตอนที่ 242 ทุกคนต่างมีความลำบากใจ


เหนือภพซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงอมตะใกล้กับหอคอยนักปราชญ์ เพื่อรอขอคำชี้แนะ แต่น่าเสียดาย ทุกวันจะมีคนแวะเวียนมาที่หอคอยนักปราชญ์หลายร้อยคน ทำให้เขาต้องรอไปอย่างช่วยไม่ได้

อีกอย่างแม้จะมีคนมากมายมารอหน้าหอคอยนักปราชญ์ แต่หอคอยนักปราชญ์จะไม่สนใจว่าใครมาก่อนมาหลัง หรือใครแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่า หอคอยนักปราชญ์จะสุ่มเลือกตามวาสนา ซึ่งก็เป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว คนที่มารอก็ยังมากเหมือนเดิม แถมยังไม่มีวี่แววที่หอคอยนักปราชญ์จะเรียกเขาเข้าพบ

เหนือภพที่ซ่อนตัวอยู่ห้องใต้หลังคาของวิหารบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาหยิบเอาโลหะสีทองเปล่งประกายขึ้นมาดู ความรู้สึกอยากกลืนกินมันมีมากขึ้นทุกวัน ยามที่เขาจ้องมองสิ่งนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่เขาไปถาม ทุกคนที่ว่ากันว่ามีความรู้รอบตัว รวมถึงผู้เฒ่าพิภพ ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่เขาได้ว่ามันเป็นโลหะหรือเป็นอะไร

และที่น่าแปลกคือ แม้แต่พญานาคก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ทว่าพญานาคเองก็มีความรู้สึกต้องการมัน ถึงขนาดเอ่ยปากยอมเป็นทาสรับใช้เขา เพราะมัน เจ้าสิ่งนี้ประหลาดมากเกินไปแล้ว

แต่เส้นทางในการหาคำตอบก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน เหนือภพที่รอคอยอยู่ที่หอคอยนักปราชญ์ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็เริ่มถอดใจ นี่ก็เย็นมากแล้ว และการที่ใบหน้าเขาถูกพบเห็นก็ทำให้ใบประกาศจับเขาแปะว่อนอยู่ทั่วเมือง จะกลับไปโรงแรมก็ไม่ได้ ทำให้การใช้ชีวิตช่วงนี้ของเขาค่อนข้างลำบาก ทว่าอย่างน้อยที่ยังมีวังการเวกให้เขาพักอาศัย

สำรับอาหารภายในเรือนการเวกนับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเป็นเช่นนี้เฉพาะเวลาอาหารเย็นเท่านั้น โดยปกติแล้วสตรีจะงดอาหารเย็นเพื่อรักษารูปร่าง แต่ไม่ใช่ที่วังการเวก บุษย์น้ำเพชรต้องรับฟังคำครหาต่าง ๆ มากมาย ก็เพื่อคอยเลี้ยงดูปูเสื่อบุรุษประหลาดอย่างเหนือภพ

เหนือภพปรากฏกายขึ้นภายในห้องอาหารวังการเวก ในเวลาเดิมของทุกวันไม่เปลี่ยน  ขณะที่องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรก็ยังคงแต่งตัวสวย นั่งรอชายหนุ่มอยู่ทุกวี่วัน

“ว้า ครั้งนี้ไม่เห็นมีขนมหวานเลย”

พอเหนือภพมาถึง เขาก็ถามหาขนมหวานเป็นอย่างแรก นั่นทำให้ความสงสัยของบุษย์น้ำเพชรไม่อาจเก็บเอาไว้ในใจได้อีก เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างผิดวิสัยของเหนือภพ

“เจ้าไม่ชอบกินของหวานไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนเจ้าจะไม่แตะต้องเลย แล้วทำไมตั้งแต่เจ้ากลับมาจากเมืองปัญญา เจ้าถึงเอาแต่กินของหวาน”

เหนือภพได้ฟังเช่นนั้นก็นิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาขรึมลงอย่างไม่อาจปิดบัง

“ของหวานมันทำให้ข้ารู้สึกเจ็บ”

“เจ็บ ? เจ็บเนี่ยนะ”  บุษย์น้ำเพชรอึ้งไปนิดหนึ่ง

“เจ้านี่ต้องบ้าไปแน่ ๆ แล้วใครบ้างที่อยากเจ็บปวดกัน”

เหนือภพยิ้ม ก่อนหลุดขำออกมา มันเป็นการขำที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกสมเพชในตัวเอง เกิดเป็นชายแต่รักษาอะไรไว้ไม่ได้ แม้แต่จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างเช่นคนอื่น ก็จำเป็นต้องใช้ของหวานเพื่อสะกดฤทธิ์ของใบหญ้าฝาดเฝื่อน เพื่อให้ประสาทรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดทำงาน

“แค่พูดเรื่องนี้ ทำไมเจ้าต้องทำหน้าเหมือนคนรักถูกแย่งไปแบบนั้น อุ๊บ !”

เหนือภพชะงัก บุษย์น้ำเพชรเองเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็พลันเข้าใจ เธอจึงหยุดพูด เพราะรู้สึกสิ่งที่เธอพูดจะจี้ใจดำชายหนุ่ม

ส่วนเหนือภพก็ได้แต่กินอาหารไปเงียบ ๆ ก่อนจะพูดทำลายความเงียบขึ้นมา

“ช่างเถอะ ชีวิตคนเราย่อมเป็นเช่นนี้ มีขึ้นมีลง มีบางอย่างที่ต้องการแต่กลับไม่ได้ ดังนั้นเรื่องที่แล้วมาก็ช่างเถอะ ข้าเองก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ มีสตรีมากมายล้วนต้องการข้า เจ้าเห็นด้วยไหม”

เหนือภพยิ้มน้อย ๆ พลางยักคิ้วให้หญิงสาว ท่าทีคล้ายเล่นหูเล่นตานั่นทำให้บุษย์น้ำเพชรเบิกตากว้าง จิตใจสั่นไหว

“นี่เจ้า พูดมากเกินไปแล้ว รีบกินเถอะ ก่อนที่ข้าจะให้คนมาเก็บ”

เหนือภพหัวเราะ เขาก็พูดเล่นไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่ใส่ใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับสตรีแล้ว นางย่อมหวังอยู่ลึก ๆ ว่าตัวนางจะเป็นคนในใจของบุรุษที่ตัวเองหมายมั่น แต่น่าเสียดายบุรุษในใจนางกลับไม่มีนางอยู่ภายในใจเลย

หลังจากเหนือภพกินจนอิ่มหนำสำราญ เขาก็ยังไม่ลืมห่ออาหารกลับไปด้วย เขาต้องใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่พบปะผู้คน มีจดหมายจากเพื่อนส่งมาหลายฉบับ ซึ่งล้วนถามถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เนื้อหาในจดหมายดูเหมือนข้องใจ แต่โดยรวมพวกเขาก็เชื่อว่าเหนือภพนั้นเลวร้ายจริง ๆ

เหนือภพจึงยังไม่ตอบจดหมายสักฉบับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ที่ควรระวังก็มีแค่ไม่ให้มีใครมาก่อความวุ่นวายให้กับน้องสาวเขาก็พอ

ทางด้านสมุทร

ท่าทีของเขาเยือกเย็นมากขึ้น ขณะที่ฝึกยิงธนูอยู่ในสนาม ทุกครั้งที่เขาปล่อยลูกศรออกจากแล่ง ศรทุกดอกล้วนปักเข้าใจกลางเป้าซ้อมยิงที่อยู่ไกลไปเจ็ดร้อยเมตรอย่างแม่นยำ ต่อเนื่องสิบดอกติดโดยที่ไม่พลาด

“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันไม่ใช่หรือ ทำไมถึงอยากจับเขานัก”

พยัคฆ์คีรีเอ่ยขึ้น ขณะที่ยกคันศรขึ้นเล็ง ก่อนจะปล่อยศรออกไปปักใจกลางเป้าซ้อมยิงที่อยู่ห่างเจ็ดร้อยเมตรเช่นกัน

สมุทรได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่พยัคฆ์คีรีต้องการจะสื่อ

“เพราะเขาเป็นเพื่อนข้า ดังนั้นการจับเขาจึงเป็นเพียงหนทางเดียวที่ข้าจะรู้คำตอบ”

“ถ้าเหนือภพไม่ได้ทำ เจ้าก็จะช่วยเขางั้นเหรอ”

“ใช่ ข้าจะทวงความยุติธรรมและคืนความบริสุทธิ์ให้เขา นี่เป็นสิ่งเดียวที่เพื่อนอย่างข้าทำได้”

“แต่ถ้าเขาทำจริงล่ะ”  คำถามนี้ของพยัคฆ์คีรีทำให้สมุทรนิ่งงัน

“ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต นี่เป็นสิ่งที่ข้าเชื่อมั่น ต่อให้เป็นเพื่อน ข้าก็ไม่อาจละเว้น ต่อให้องค์เจ้าแคว้นไม่คาดโทษตาย แต่ข้าจะยังคงทำเช่นนั้น แล้วถ้าเป็นเจ้าล่ะจะทำยังไง”

เมื่อพยัคฆ์คีรีถูกย้อนถามเช่นนี้ เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ข้าโชคดีที่ไม่ได้รับหน้าที่ตามจับผู้ร้ายเช่นเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ เพราะต่อให้ข้าเป็นอย่างเจ้า ข้าก็คงทำใจจับเขาไม่ได้อยู่ดี”

สีหน้าของสมุทรเต็มไปด้วยคำถาม

“ไม่ใช่ว่าเจ้ากับเหนือภพมีปัญหากันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ”

“เรื่องที่พวกเจ้ารู้นั้นเป็นเพียงฉากนอก ความสัมพันธ์ของข้ากับเหนือภพนั้นซับซ้อนกว่าที่เจ้าคาดคิด พวกเรามีความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นต่อกัน แต่สิ่งที่ข้ารู้สึกต่อเขานั้น คือความรู้สึกติดค้าง ข้าติดค้างเขามากเกินกว่าคำว่า ‘หน้าที่และความถูกต้อง’ จะกั้นขวางได้”

พยัคฆ์คีรีมองสบตาสมุทรอย่างจริงจัง

“เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นกับเหนือภพ ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดให้ดี ๆ มีใครบ้างไม่เคยมีความลำบากใจ การที่เขาไม่อธิบายก็ใช่ว่าเขาจะผิด อย่าเพิ่งตัดสินเขาเพียงแค่สิ่งที่เจ้าเชื่อมั่น”

สมุทรค่อนข้างลำบากใจ หลายสิ่งขัดแย้งกันในความรู้สึก สิ่งที่เคยคิดว่าถูกต้องมันอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป ขนาดเหนือภพที่เขาเคยไว้ใจและชื่นชม ก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน

สมุทรยังคงมีกิจวัตรเช่นเดิมคือฝึกซ้อม และแวะเวียนไปเยี่ยมไร้ชื่อ เพราะจนป่านนี้ไร้ชื่อก็ยังไม่ได้สติ

“เขาเป็นไงบ้าง” สมุทรถามเฮงเฮงที่คอยเฝ้าไข้ไร้ชื่อ

“ร่างกายภายนอกดีขึ้น แต่ภายในจิตวิญญาณนั้นได้รับความเสียหายหนัก ตอนนี้ทางหมอหลวง และผู้ใช้อาคมระดับสูงยังหาหนทางรักษาไม่ได้ เว้นเสียว่าจะพาเหนือภพมาช่วยรักษา”

“ข้าต้องพาเขากลับมาแน่ ถ้าหากเขาเป็นคนทำ”

เฮงเฮงเงยหน้ามองสมุทรด้วยแววตาค่อนข้างเศร้า

“นี่ ถึงยังไงเหนือภพก็เป็นเพื่อน  พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน เป็นไปได้ก็อย่าสู้กันเลย”

เมื่อพูดจบก็เหมือนจะมีหยาดน้ำคลออยู่ในตาเฮงเฮง สมุทรหันหน้าหนี แล้วก็ถอนหายใจ

“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล อยู่ทางนี้ดูแลไร้ชื่อให้ดี ข้าจะจัดการที่เหลือเอง”

“อืม”

เฮงเฮงมองสมุทรจากไป แล้วก็ครุ่นคิดกับตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เพื่อนต้องมาห้ำหั่นกันเอง แล้วถ้าเหนือภพกลายเป็นคนเลวร้ายจริง ๆ พวกเขาจะทำอย่างไร เขาคงทำร้ายเหนือภพไม่ลงแน่ จากนั้นภาพที่เหนือภพช่วยเฮงเฮงในสนามประลองของเวทีประมูลก็ผุดขึ้นมา

ในขณะที่สมุทรกำลังขบคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ได้รับพระราชโองการจากองค์เจ้าแคว้น ซึ่งหัวหน้าขันที คนสนิทขององค์เจ้าแคว้น นำพระราชโองการมาให้เขาด้วยตัวเองที่บ้านตระกูลไตรลักษณ์

คำสั่งขององค์เจ้าแคว้นนั้นเรียบง่าย

“ในฐานะที่เจ้าเป็นเพื่อนของกบฏ จึงมีความผิดโทษฐานสมรู้ร่วมคิด ต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร แต่เห็นแก่ที่ตระกูลเจ้ามีคุณงามความดีหลงเหลืออยู่ เจ้าจะได้รับโอกาสแก้ตัวเพื่อไถ่โทษ หากเจ้าสามารถจับตัวเหนือภพ ไม่ว่าเป็นหรือตายมาให้ข้าองค์เจ้าแคว้นได้ ข้าไม่เพียงยกโทษฐานสมรู้ร่วมคิดให้พวกเจ้า แต่ข้าจะคืนบรรดาศักดิ์จอมทัพให้แก่เจ้า ผู้เป็นทายาทตระกูลไตรลักษณ์ ให้เจ้าได้รับใช้บ้านเมืองของข้าสืบต่อไป”

เมื่อสมุทรและครอบครัวได้ยินพระราชโองการจากเจ้าแคว้นก็แทบทรุดลงไปกับพื้น จากที่สมุทรคิดหนักอยู่แล้ว ก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นไปอีก เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ระหว่างเพื่อนกับครอบครัว เขาต้องเลือกครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก

ผู้นำตระกูลหนุ่มนั่งใจลอยอยู่ในห้องทำงานของเขา ขณะที่สายธาร พี่สาวของสมุทร เดินเข้ามา แม้เธอจะเป็นพี่สาว แต่เธอก็ต้องให้ความเคารพแก่ผู้นำตระกูล

สายธารเดินมายืนตัวตรงอยู่ตรงหน้าสมุทร

“สิ่งที่เจ้ากำลังกังวลคือ เจ้ากลัวสู้เพื่อนของเจ้าคนนั้นไม่ได้เหรอ”

“ข้าไม่ได้กลัวเรื่องนั้น”

สมุทรถอนหายใจ แล้วก็หลับตาลง เขาไม่ได้อยากคุยกับใครในตอนนี้

“จงกลัวเสียเถอะ เจ้าไม่มีทางสู้เขาได้ และก็อย่าหวังว่าเขาจะเห็นใจเจ้า ถ้าหากเขาสามารถเข่นฆ่าคนมากมายได้ภายในชั่วข้ามคืน เขาก็ไม่มีทางสนใจชีวิตไม่กี่ชีวิตของตระกูลเราแน่ อย่าลืมสิว่า เขาเป็นมาร ไม่ใช่เพื่อนคนเดิมที่เจ้ารู้จัก เพื่อนที่เจ้าเคยปกป้อง และคอยคิดแทนไปหมดทุกเรื่อง”

“ข้ารู้ ข้าต่างหากที่เป็นผู้นำตระกูล ไม่ใช่ท่าน !”

สมุทรขึ้นเสียงอย่างหงุดหงิด ทำให้สายธารชะงักกลืนคำพูดลงคอ แต่เมื่อเธอรู้ตัวว่าทำอะไรผิดไป เธอก็เอ่ยคำ ‘ขอโทษ’

จากนั้นสายธารจึงพูดว่า

“เจ้าก็รู้ตัวดีว่าเจ้าคือใคร ดังนั้นข้าจะไม่ถามว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไรจับเพื่อนของเจ้า แต่ข้าในฐานะพี่ของเจ้า ข้าตัดสินใจแล้วว่ามันถึงเวลาที่เจ้าควรจะได้รู้ทุกเรื่อง เกี่ยวกับตระกูลที่แท้จริงของเรา”

สมุทรเงยหน้ามองพี่สาวอย่างสงสัย ลึก ๆ ในใจมีอารมณ์ขุ่นใจอยู่บ้างที่ได้ยินเช่นนั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไหนเขาถูกบังคับให้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล เขาไม่เคยได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข มีอิสระเสรี แล้วนี่อะไร พวกผู้อาวุโสและพี่สาวแท้ ๆ ของเขายังมีอะไรปิดบังเขาไว้อีกหรือ

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็สบตาพี่สาวนิ่งโดยไม่พูดอะไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด