ตอนที่แล้วตอนที่ 63 ช่วยเหลือขโมย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 65 เข้าไปด้านใน

ตอนที่ 64 ป่าลึก


ตอนที่ 64 ป่าลึก

หลังจากที่สองสาวนิมฟ์หนีออกมาจากสนามต่อสู้ได้แล้ว ทั้งสองก็พยายามตรงไปที่ประตูทางออกแต่ดูเหมือนว่าประตูทางออกจากโคลอสเซียมจะถูกปิดไปแล้ว ทำให้ทั้งสองได้แต่มาหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังหนึ่งเพื่อหาทางออกไปจากที่นี่

สาวปริศนาที่เป็นนิมฟ์ปลอมตัวมารีบเข้ามาโอบกอดนิมฟ์ตัวที่ถูกไว้อย่างเป็นห่วง ซึ่งภาษาที่พวกเธอใช้สื่อสารกันนั้น เป็นการสื่อสารที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะเพียงแค่พวกเธอสัมผัสกันก็รับรู้ความคิดของอีกฝ่ายได้ในทันที

แต่ในตอนนั้นเองที่อยู่ ๆ ก็มีชายสวมหน้ากากทองคำโผล่มาออกมาจากเงามองไปที่ทั้งสองตน

“ไง พวกเธอเข้าใจภาษาของมนุษย์หรือไม่” ไนเรลพูดออกมาขณะที่เดินออกมาจากเงา

นิมฟ์ตนที่ดูเหมือนจะเป็นพี่สาวรีบเข้ามาปกป้องน้องสาวของเธอในทันที เธอมองไปที่มนุษย์คนนั้นอย่างพิจารณา และจำได้มาเขาก็คือคนที่ช่วยเธอไว้ที่ประตูลานต่อสู้

“ต้อง...การอะ..ไร” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตลกเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงพอฟังรู้เรื่อง เนื่องจากนิมฟ์เกิดมาจากธรรมชาติโดยตรง จึงทำให้พวกเธอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และการที่พวกเธอยู่ใกล้กับมนุษย์มาสักพักแล้ว เขาจึงพอจะรู้ว่าพวกเธอทั้งสองนาจะรู้ภาษาของมนุษย์มา

ในชีวิตก่อนอสูรนิมฟ์จัดเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นมิตร และมีการแลกเปลี่ยนกับมนุษย์บ้างพอสมควรโดยเฉพาะน้ำค้างแห่งชีวิตที่แสนจะล้ำค่านั้น แต่เพราะรูปร่างที่มีเสน่ห์จนเกินไปของพวกนิมฟ์ระดับต่ำถูกมนุษย์บางคนจับมาเพื่อสนองอารมณ์

นั้นทำให้นิมฟ์สาวเหล่านี้บางส่วนโกรธแค้นและจัดการสังหารโหดคนเหล่านั้นและการเชื่อใจของนิมฟ์ต่อมนุษย์ก็น้อยลงไป

ไนเรลไม่ได้หวังว่าจะหยุดเรื่องราวเหล่านี้แต่ที่เขาหวังคือต้องการแลกเปลี่ยนน้ำค้างแห่งชีวิตกับนิมฟ์เผ่านี้

“การตอบแทนที่ฉันช่วยพวกเธอสองคนไว้” นิมฟ์ทั้งสองที่ได้ยินก็ระวังตัวจากไนเรลในทันที แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาทาทีของพวกเธอก็ระวังตัวมากกว่าเดิม

“ฉันต้องการน้ำค้างแห่งชีวิต”

“ไม่...” พอได้ยินนิมฟ์ที่เป็นพี่สาวก็ปฏิเสธในทันทีโดยไม่สนใจที่จะฟังต่อ

“เฮ้ เธอจะไม่ฟังข้อเสนอของฉันก่อนงั้นหรือ...”

“ข้อ...เสนอ”

“ใช่! ข้อเสนอ ตอนนี้พวกเธอไม่สามารถออกไปจากโคลอสเซียมได้ และอีกไม่นานคนพวกนั้นก็คงจะตามหาพวกเธอเจอ แต่ฉันสามารถช่วยพวกเธอหนีออกไปได้ แต่ต้องแลกกับน้ำค้างแห่งชีวิต ว่าไงตกลงหรือไม่”

นิมฟ์ทั้งสองมองไปที่ไนเรลด้วยท่าทีระวัง แต่เมื่อพวกเธอคิดตามคำพูดของไนเรลก็รู้มันคือความจริงอีกไม่นาน มนุษย์เหล่านั้นก็ต้องจับพวกเอทั้งสองได้แต่ ถ้าขืนยังอยู่ในโคลอสเซียม

แต่ถึงแบบนั้นถ้าจะให้เชื่อใจชายหน้ากากทองเต็มร้อย ก็ดูจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน

ในตอนนั้นเองที่ข้างนอกก็มีเสียงของผู้คนที่วิ่งมาทางที่พวกเขาอยู่ จากมุมมองของความสามารถ [ตรวจจับความร้อน C] ของไนเรลเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่มาก็คือ กลุ่มมนุษย์ชั้นสูง

และดูเหมือนนิมฟ์ทั้งสองก็สัมผัสได้เช่นกันว่ากำลังมีคนจำนวนมากตรงมาทางนี้

“ว่าอย่างไร จะยอมรับข้อเสนอหรือไม่”

นิมฟ์ที่เป็นพี่สาวที่กัดริมฝีปากแน่นมองไปที่ไนเรลอย่างแนวแน่ เธอพยายามสัมผัสถึงความคิดของเขาว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่เมื่อมองไปที่แววตาที่มองผ่านหน้ากากนั้น ซึ่งไม่มีเจตนาร้ายอยู่เธอก็พยักหน้าตกลงในทันที

“เลือกได้ดี” ไนเรลมองไปทั้งสองตน

หลังจากที่โรฮานและกลุ่มของคนอื่น ๆ พังประตูเข้ามาด้านในเขาก็ไม่พบเจออะไรเลยแม้แต่น้อย นอกจากบ้านที่ว่างเปล่า

“เป็นไปได้อย่างไร ก็ฉันเห็นผู้หญิงท่าทางแปลก ๆ เข้ามาหลบในนี้กับตาตัวเอง อีกอย่างที่นี่ก็มีประตูทางออกเดียว พวกเธอจะหายไปได้อย่างไร”

เนื่องจากทางกลุ่มมังกรดำและกลุ่มอื่น ๆ บอกว่าจะให้รางวัลกลับคนที่รู้ว่าไนเรลและนิมฟ์สองตัวหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนได้

ชายคนนี้ก็คิดว่าเขาจะต้องได้รับรางวัลจำนวนมากแน่นอนแต่ตอนนี้รางวัลของเขาหายไปแล้ว

“ไม่ใช่ ที่นี่มีกลิ่นของคนพวกนั้นอยู่” มนุษย์ชั้นสูงที่มีความสามารถในการดมกลิ่นก็กล่าวออกมาขณะที่กำลังใช้จมูกของตนเองดมหาไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่ากลิ่นจะมี ๆ หาย ๆ ซึ่งกลิ่นที่ทิ้งไว้ก็คือตอนที่ไนเรลกระโดดข้ามเงาไปมาและพวกเขาก็ตามมาจนถึงประตูทางออกจนได้รู้ว่าไนเรลและหญิงสาวทั้งสองได้ออกไปจากโคลอสเซียมแล้ว

ในขณะเดียวกันที่กลางป่าหลังจากที่ไนเรลมาโผล่อยู่ในป่าที่ห่างจากโคลอสเซียมไปไกลพอสมควรแล้วเขาก็ให้สองพี่น้องนิมฟ์ออกมาในทันที

“ถึงแล้ว ตามข้อตกลงฉันขอน้ำค้างแห่งชีวิตด้วย” ไนเรลมองไปที่สองสาว แต่แล้วเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลก ๆ ของทั้งสองคนเขาก็รู้สึกว่าพวกเธอมีอะไรปิดบังอยู่

นิมฟ์ผู้พี่ก็พูดออกมาในทันที “น้ำค้างแห่ง...ชีวิต...พวกเราไม่มีอยู่..กับ...อยู่กับตัว”

“หมายความว่าไง?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของไนเรลทั้งสองก็ตั้งท่าระวังตัวในทันที ชายคนนี่อันตราย นั้นคือในความคิดของพวกเธอ

“มันมีอยู่กับราชินีนิมฟ์ แต่ตอนนี้...พวกเราถูกโจมตี”

“ถูกโจมตี”

หลังจากนั้นพวกเธอก็เล่าเรื่องของเผ่าอสูรนิมฟ์ที่พวกเธอถูกสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีตัวใหญ่กว่าที่ขึ้นมาจากหลุม ได้บุกโจมตีเผ่านิมฟ์ และจับตัวของเผ่าเธอไป

และนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเธอทั้งสองหนีตายกันออกมา จนนิมฟ์ผู้น้องถูกจับตัวโดยมังกรดำ ส่วนเธอที่หลบซ่อนเห็นเหตุการณ์ก็ได้ปลอมตัวเข้ามาช่วยน้องสาว

“ที่เผ่า...มีน้ำค้างแห่งชีวิต...อยู่”

“งั้นก็ไปที่เผ่าของพวกเธอและเอาน้ำน้ำค้างแห่งชีวิตมา” แต่ไนเรลก็เห็นพวกเธอส่ายหัวอยู่เหมือนเดิม หลังจากนั้นก็บอกกลับมาอีกว่า “คนที่สามารถทำได้มีแค่ราชินีนิมฟ์คนเดียว”

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็รู้ในทันทีว่า เขามีแค่สองตัวเลือกเท่านั้นนั้นก็คือ ไปช่วยราชินีนิมฟ์ออกมาเพื่อให้เธอเอาน้ำค้างแห่งชีวิตมา หรือไม่เขาก็ทิ้งเรื่องนี้ไปซะและออกเดินทางตามแผนที่วางไว้เพื่อมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียต่อ

แต่คิดอยู่สักพักว่าจะเอาไงต่อไนเรลก็ตัดสินใจว่าจะไปดูสถานการณ์ก่อน ถ้าช่วยราชินีนิมฟ์ได้เขาก็จะช่วยแต่ถ้าไม่ไหวเขาก็แค่ถอยออกมาเท่านั้นมันไม่ได้มีอะไรเสียหาย

ซึ่งเมื่อทั้งสองสาวนิมฟ์ได้ยินไนเรลบอกว่าเขาจะไปช่วยพวกเธอพาราชินีนิมฟ์ออกมา ทั้งสองก็รู้สึกว่ามีความหวังมากขึ้น เพราะถ้าใช้ความสามารถของไนเรลจะต้องลอบเข้าไปช่วยเผ่าพันธุ์เธอออกมาได้แน่นอน

แต่ถึงแบบนั้นทั้งสองก็ยังระวังตัวจากไนเรลอยู่ดี

ไนเรลออกเดินทางไปตามทิศที่นิมฟ์บอกในทันที แต่ที่เพราะทั้งสองคนเดินทางช้าไปไนเรลจึงบอกให้ทั้งสองพี่น้องเข้าไปในเงาของเขา

ส่วนไนเรลก็ใช้ความสามารถของ [ราชานักวิ่ง c] วิ่งไปตามทิศทางนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เขาทำได้นั้นมันมากกว่า 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเข้าก็มาถึงผืนป่าที่พวกเธอบอก

ป่าหมอกที่ซ่อนตัวของพวกเธอ ที่นี่มีหมอกหนาทึบมากจนมองเห็นเส้นทางข้างหน้าจากตัวเองแค่ไม่กี่เมตรก็มองไม่เห็นอะไรอีกนอกจากหมอกหนา

ทั้งสองคนเห็นป่าที่คุ้นเคยก็ดีใจเป็นอย่างมาก เธอสัมผัสรีบกับต้นไม้พวกนั้นก็เหมือนกลับมาว่ามันจะมีชีวิตรีบเปิดเส้นทางหมอกให้กับพวกเธอ

ไนเรลที่เห็นแบบนั้นก็นึกถึงข้อมูลในชีวิตก่อนเกี่ยวกับนิมฟ์ที่มีอยู่น้อยนิด ว่ากันว่านิมฟ์สามารถสื่อสารกับต้นไม้ได้ และอาจจะควบคุมต้นไม้ได้เลยทีเดียว เพราะตามข่าวตอนนั้นที่นิมฟ์บุกฆ่ามนุษย์ที่จับตัวคนของเผ่าพันธุ์ตนนั้น มนุษย์ชั้นสูงและคนเหล่านั้นถูกฆ่าโดยเหล่าพืชพันธุ์และต้นไม้ ซึ่งเป็นการตายที่น่าสยดสยองมาก

ไนเรลเดินตามหลังทั้งสองไปและคิดว่าเขาควรจะกินทั้งสองคนดีหรือไม่เพื่อให้ได้ความสามารถควบคุมพืชมา แต่เขาก็คิดว่าไม่กินเพื่อนรวมทางของตนเองดีกว่า

ในขณะที่เขากำลังคิดว่าจะกินทั้งสองดีหรือไม่นั้นไนเรลไม่รู้เลยว่านิมฟ์ผู้พี่ได้สังเกตุเห็นสายตาของเขาแล้ว เธอก็อดสั่นไปทั้งตัวไม่ได้ สายตาของไนเรลที่มองพวกเธอเป็นแค่อาหาร

แต่พอเห็นสายตาของไนเรลกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมไม่ได้มองเธอเป็นอาหารอีก เธอถึงได้ถอนหายใจออกมา

บางครั้งความสามารถของนิมฟ์ในการสัมผัสกับอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตได้นั้นก็ทำให้เธอต้องระวังสิ่งรอบข้างมากกว่าปกติ

เมื่อเดินไปไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ตั้งของเผ่านิมฟ์ ซึ่งถ้ามองจากปกติแล้วมันก็เป็นแค่ผืนป่าธรรมดาเท่านั้น ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยขี้เถ้า ผืนป่าด้านหน้าของไนเรลเต็มไปด้วยซากต้นไม้และเถาวัลย์ที่โดนเผาจนตายถึงตอ

มันยังมีรอยเท้าขนาดใหญ่ของผู้ที่โจมตีอยู่ เมื่อมองดูมันก็เหมือนกับรอยเท้าของมนุษย์ แต่มันใหญ่กว่ามาก

“ยักเถื่อน...” เมื่อนับดูมันมีไม่ต่ำกว่า 3-4 ร้อยตัวอย่างแน่นอน และดุจากขี้เถ้าที่มันทิ้งไว้คงจะเป็นพวกเผ่าอัคคีที่มีความสามารถในการใช้ไฟ ซึ่งถ้าเป็นพวกมันก็ไม่แปลกที่จะสามารถจัดการกับเผ่านิมฟ์ที่ควบคุมพืชได้

เพราะถ้าพืชทั้งหมดถูกเผาไปจนหมดก็ไม่มีพืชให้เผ่านิมฟ์ควบคุมได้อีก แค่นี้ก็สามารถถอนเขียวเล็บเสือของเผ่านิมจนกลายเป็นลูกแมวน้อยที่ไร้พิษส่งได้

ยิ่งเดินเข้ามาด้านในก็รู้ว่าป่าที่พวกยักษ์เถื่อนเผ่านั้นกินพื้นที่หลายสิบกิโลกเมตร พวกมันใช้ไฟปิดล้อมจากนั้นก็บีบให้นิมฟ์ยอมแพ้ ถึงแม้จะมีนิมฟ์บางส่วนที่สามารถหนีออกไปได้แบบนิมฟ์สองพี่น้องนี้ แต่ก็มีไม่มากพวกเขาได้แต่เร่ร่อนหนีตายกันไปเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีอะไรเหลือแล้ว...” ไนเรมองไปรอบ ๆ ที่มีแต่ขี้เถ้า จากการบอกเล่าของทั้งสองดูเหมือนการโจมตีพึ่งจะผ่านไปแค่ 7 รอบดวงตะวันขึ้นและตกเท่านั้น หรือก็คือ 7 วัน

“เดียวก่อน มีคนอยู่ที่นี่” ขณะที่พวกเขากำลังเดินกันอยู่นั้นอยู่ ๆ ไนเรลก็มองเห็นร่องรอยของความร้อนที่ออกมาจากตัวของสิ่งมีชีวิต

เขาค่อย ๆ เดินตามมันไปก็เจอเข้ากับซากของต่อต้นไม้ด้านล่างมีเด็กสาวเผ่านิมฟ์ที่ตามผิวหนังของเธอไหมจากไฟที่ถูกเผา

“นี่มัน...”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา นิมฟ์สองสาวก็รีบวิ่งเข้าไปกอดนิมฟ์เด็กสาวคนนั้นทันที พร้อมกับร้องไห้ออกมาและเรียกเธอว่าน้องสาวอีกคน

สำหรับนิมฟ์แล้วนั้นการเกิดก่อนก็จะกลายเป็นพี่ส่วนเกิดที่หลังก็จะกลายเป็นน้อง แต่สำหรับนิมฟ์ที่เกิดเป็นตนแรกและแข็งแกร่งที่สุดก็จะถูกเรียกว่าราชินีนิมฟ์

ส่วนการกำเนิดนั้นไนเรลก็ไม่ทราบข้อมูลนี้เหมือนกัน แต่ก็มีข่าวลือว่าพวกนิมฟ์กำเนิดมาจากต้นไม้ แต่บางคนก็บอกว่าพวกเธอจะจับเพศผู้เผ่าพันธุ์อื่นไปเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นพ่อและก็จะปล่อยตัวออกมาเมื่อได้รับสิ่งที่พวกเธอต้องการแล้ว

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเพศผู้แบบไหนก็ได้ ว่ากันว่าต้องเป็นพวกที่มีความสามารถเป็นที่ต้องการของพวกเธอด้วย ซึ่งทั้งสองก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น

หลังจากที่นิมฟ์พี่สาวสอบถามกับนิมฟ์เด็กผู้หญิงนั้น ก็ได้คำตอบว่าเธอคือหนึ่งในคนที่หนีรอดออกไปได้ หลังจากนั้นนิมฟ์เด็กสาวก็ได้แอบตามยักษ์เถื่อนที่จับนิมฟ์ทุกตนไปจนรู้ว่าพวกมันหยุดอยู่ที่ปากหลุมที่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกล แต่เพราะเธอบาดเจ็บจากไฟจึงกลับออกมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่และรอค่อยให้นิมฟ์ที่หนีไปคนอื่น ๆ กลับมา

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีนิมฟ์ตัวไหนกลับมาอีกยกเว้น นิมฟ์สาวที่มากลับไนเรล

ไนเรลที่เห็นว่านิมฟ์นั้นบาดเจ็บ เขาจึงนำยาบางส่วนออกมาจากเงา ซึ่งของเหล่านี้คือสิ่งที่เขาเตียมมาในกรณีฉุกเฉิน ไนเรลม่รู้ยาเหล่านี้จะได้ผลกับนิมฟ์พวกนี้หรือไม่ แต่นิมฟ์ก็ได้จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่อสูรเหมือนกันมันก็น่าจะรักษาได้บ้าง

เพราะในชีวิตก่อนก็มีอสูรที่สามารถใช้ยาของมนุษย์รักษาอาการบาดเจ็บเหมือนกัน

แต่ทันทีที่ทั้งสองสาวนิมฟ์เห็นไนเรลเดินเข้าไปหานิมฟ์เด็กพวกเธอก็เข้ามาขวางไว้ในทันที เพราะคิดว่าไนเรลจะคิดไม่ดีไม่ร้ายกับสาวน้อยนิมฟ์ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก็เป็นไปได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด