ตอนที่แล้วบทที่ 40 ซูยี่ ประธานแปลกๆ(อ่านฟรี19-01-2021)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 ข้อจำกัดของวัสดุ(อ่านฟรี25-01-2021)

บทที่ 41 สัมภาษณ์(อ่านฟรี22-01-2021)


เมื่อโรงงานใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีสิ่งที่ซูยี่ต้องดูแลมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาที่เขาใช้ในโรงงานก็เพิ่มขึ้นด้วยดังนั้นจึงมีห้องเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสำนักงาน

ซูยี่นำแคลลี่กับอีวิต้าใปห้องทำงาน หลังจากล้างตัวแล้วเขาก็รินน้ำให้พวกเธอก่อนจะนั่งลงและมองดูพวกเขาอย่างจริงจัง

เด็กผู้หญิงสองคนนี้น่าจะอายุไล่เลี่ยกับเสตลล่าคนที่เรียกว่าแคลลี่ดูเป็นคนร่าเริงในขณะที่คนที่ชื่ออีวิต้าดูเป็นคนอ่อนโยน

สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากการแต่งกายของพวกเธอ

แม้ว่าทั้งคู่จะสวมเสื้อคลุมนักเวทย์ แต่ความยาวกระโปรงของแคลลี่ก็ยาวเหนือหัวเข่าของเธอเผยให้เห็นน่องสองข้างของเธออย่างสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่ากระโปรงนี้ถูกตัดแต่งมา

นอกเหนือจากนี้เสื้อคลุมนักเวทย์ของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกชนิดทำให้ทั้งตัวของเธอดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

ในทางตรงกันข้ามเสื้อคลุมนักเวทย์ของอีวิต้าเป็นแบบดั้งเดิม มันยาวลงไปถึงที่ข้อเท้าของเธอโดยไม่ได้รับการดัดแปลงเพิ่มเลย

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมีดอกไม้สีฟ้าอ่อนบนหน้าอกของเธอซึ่งแสดงถึงความจริงที่ว่าอีวิต้ายังเป็นเด็กสาวอยู่

ในขณะที่ซูยี่กำลังมองดูพวกเธอแคลลี่และอีวิต้าก็มองดูเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน

ในจดหมายที่สเตลล่าเขียนถึงพวกเธอมีคำอธิบายเกี่ยวกับซูยี่อยู่ไม่น้อย

ตามที่สเตลล่าได้พูดไว้คนคนนี้น่าจะเป็น“ลุงสุดหลอ” แต่เมื่อทั้งสองเห็นซูยี่ครั้งแรกพวก็พบกับชายคนนี้ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเศษดิน ใบหน้าของเขาสกปรกมากจนพวกเธฮมองไม่ชัดว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรพวกเขาจะบอกได้อย่างไรว่าเขาหล่อหรือไม่

แต่หลังจากที่ซูยี่พาพวกเธอมาที่นี่และไปล้างหน้าเผยให้เห็นลักษณะที่แท้จริงของเขา ทั้งสองคนก็เห็นด้วยกับการประเมินของสเตลล่าทันที

เอ๊ะ… ... พูดให้ถูกมันเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว

ซูยี่คนนี้หล่อมาก ใบหน้าของเขาเรียบเนียนดวงตาของเขาสดใสและจมูกของเขาตรง แต่เขายังเด็กมากดูเหมือนว่าเขาจะอายุมากกว่าพวกเธอไม่มากนัก เขาจะเป็นลุงไปได้อย่างไร?

เมื่อเทียบกับแคลลี่ที่ดูภาพลักษณ์ภายนอกของซูยี่เป็นหลักแล้วอีวิต้าให้ความสำคัญกับท่าทางการแสดงออกของซูยี่มากกว่า

อีวิต้าเชื่อว่าธรรมชาติที่แท้จริงของบุคคลนั้นสามารถมองเห็นได้จากการท่าทางการแสดงออกที่คนคนนั้นแสดงออกมา

ดังนั้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอได้เจอกับ.ซูยี่ อีวิต้าก็ได้สังเกตุท่าทางของเขา เธอต้องการใช้การเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดในการตัดสินว่าซูยี่เป็นคนแบบไหน

ถ้าเขาดีเหมือนที่สเตลล่าบอกไว้จริงๆเธอก็จะพิจารณาอยู่ที่นี่เพื่อทำงาน

มิฉะนั้นแม้ว่าจะเป็นสเตลล่าที่แนะนำให้เธอมาที่นี่ แต่เธอก็ทำได้แค่ขอโทษ

ผลการสังเกตของเธอทำให้อีวิต้าพอใจ

เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาซูยี่ได้รักษาระยะห่างจากพวกเธอทั้งสองคนไว้เล็กน้อยเพราะเขาถูกปกคลุมไปด้วยดินเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้พวกเธอเปื้อนไปด้วย เพียงแค่นี้ก็เพิ่มความรู้สึกดีต่อซูยี่กับอีวิต้าแล้ว

หลังจากมาถึงสำนักงานแห่งนี้ซูยี่ก็ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับทั้งสองคน ก่อนอื่นเขาเข้าไปในห้องเล็ก ๆ อีกห้องหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ นี่เป็นสัญญาณแสดงความเคารพต่อทั้งสองคน

ในขณะที่เขารินน้ำให้ทั้งสองคนอีวิต้าก็จดจ่ออยู่กับนิ้วของเขา เธอพบว่าชายคนนี้ไม่เพียง แต่นิ้วเรียวเท่านั้น แต่เล็บของเขายังถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อยไม่ให้ยาวออกไปข้างนอกเลยแม้แต่น้อยในขณะเดียวกันก็ทำให้เล็บของเขาสะอาดมากด้วย จะเห็นได้ว่าเขาไส่ใจต่อความสะอาดตัวเองแค่ใหน

ด้วยเหตุนี้การประเมินซูยี่ ของอีวิต้าจึงเพิ่มขึ้น 10%

นอกเหนือจากนี้อีวิต้ายังให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวอื่น ๆ ของซูยี่

รูปแบบการเดินของเขาวิธีที่เขาก้มหรือแขนของเขาหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาทำเมื่อเขาพูดสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่แท้จริงของบุคคลและยากที่จะเก็บซ่อนไว้

หลังจากที่อีวิต้าสังเกตเขาเป็นระยะเวลาหนึ่งการประเมินเบื้องต้นของเธอเกี่ยวกับเขาคือประธานคนนี้ซูยี่น่าจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก แต่เขาก็เป็นคนที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา

“ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถเปิดบริษัทและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว”อีวิต้าแอบชมในใจของเธอว่า“สเตลล่าให้ความนับถือเขาสูงเช่นนี้เป็นเพราะเขาเป็นคนแบบนี้สินะ”

“ข้าขอถามอะไรพวกเจ้าสองคนหน่อยได้ไหม” จู่ๆซูยี่ก็พูดขึ้น

“ถามทุกอย่างที่ท่านต้องการมาได้เลยเราจะตอบทุกคำถามของท่าน” แคลลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“แน่นอนถ้าประธานซูยี่ถามคำถามส่วนตัวมากเกินไปเราก็ขอไม่ตอบเช่นกัน”

ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขาคิดว่าแคลลี่คนนี้เป็นคนที่ร่าเริงอย่างแท้จริง

“คำถามนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยเพราะข้าอยากจะถามเนื่องจากเจ้าเรียนจบจากสถาบันเวทย์มนตร์ลัมปุรีเช่นเดียวกับสเตลล่า และพวกเจ้าก็ควรจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของคนที่มีพรสวรรค์ในหมู่คนรุ่นเยาว์ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงเลือกที่จะมาทำงานกับข้า”

“ หืม ท่านประทาง เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? ที่เรามาที่นี่เราแค่มาดูเท่านั้นเรายังไม่ได้บอกเจ้าเลยนะว่าจะทำงานที่นี”แคลลี่โบกมือของตัวเองขณะที่พูดออกมา

อีวิต้าสะกิดแคลลี่เบา ๆ ส่งสัญญาณให้เธอข่มใจตัวเองสักหน่อย

ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาได้รับเชิญมาที่นี่ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางหรือค่าอาหารหอการค้าเฟรสเทคจ่ายให้ทั้งหมดดังนั้นพวกเขาจึงต้องสุภาพกับอีกฝ่ายให้มากขึ้นเล็กน้อย

ซูยี่ไม่ได้สนใจอะไรในขณะที่เขาหัวเราะก่อนจะพูดต่อไปว่า“ดีแล้วข้าจะเปลี่ยนคำพูด เมื่อเจ้ามาที่นี่เจ้าก็คงจะสนใจงานที่นี่ไม่น้อยใช่มั้ย? ข้าอยากถามเจ้าว่าพวกเจ้าต้องการเงินเดือนเท่าไหร่”

“ไม่เห็นต้องถาม ตราบใดที่เจ้าให้เงินเดือนเราเดือนละสามสิบเหรียญทองเราก็จะทำงานที่นี่” แคลลี่ตอบอย่างเปิดเผย

ซูยี่ส่ายหัว“ข้ากลัวว่าจะไม่สามารถทำได้ ปัจจุบันสเตลล่าเป็นสมาชิกของห้องปฏิบัติการวิจัยและเธอทำเงินได้เพียง 15 เหรียญทองต่อเดือนข้าไม่สามารถให้เงินเดือนเจ้าเป็นสองเท่าได้ทันทีที่เจ้าเริ่มงาน”

“ท่านประธานอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของเธอ” ในที่สุดอีวิต้าก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“สเตลล่าได้อธิบายเงื่อนไขของเจ้าให้เราฟังอย่างชัดเจนในจดหมายของเธอแล้ว เรามาครั้งนี้เพราะอยากดูว่าเจ้ามีงานอะไรให้เราทำบ้าง ถ้าเรารู้สึกว่างานนี้เหมาะกับเราเราก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป”

คราวนี้ถึงคราวที่แคลลี่จ้องมองไปที่อีวิต้า

เพื่อนเธอคนนี้ทำไมถึงทำให้ตัวเองเสียผลประโยชน์กัน? พวกเธอจะไม่ลองขอค่าแรงกับประธานคนนี้หน่อยเหรอ?

“เนื้อหางาน? ข้ามีพิมพ์เขียวบางส่วนอยู่ เจ้าลองดูว่าสามารถเข้าใจเนื้อหาของงานนี้หรือไม่” ซูยี่หยิบพิมพ์เขียวสองสามชิ้นออกจากโต๊ะของสำนักงานและมอบให้ทั้งสองคน

แคลลี่และอีวิต้าหยิบพิมพ์เขียวมาดูอย่างสงสัย เธอพบว่ามีรูปแบบเวทมนตร์ถูกวาดอยู่บนกระดาษ

แต่มันแตกต่างจากรูปแบบเวทมนตร์ที่พวกเธอเคยเรียนในสถาบันเวทมนตร์ลัมปุรีรูปแบบเวทมนตร์เหล่านี้นั้นเป็นแบบหยาบๆและมีข้อความเขียนไว้ที่ด้านข้างของกระดาษ

ตัวอย่างเช่นพิมพ์เขียวที่อยู่ในมือของอีวิต้าเคยเป็นรูปแบบเวทย์ลมหมุนแต่มีการปรับแต่งที่ทำให้มันต่างออกไปอยู่สองสามจุด

หนึ่งคือการลดความเร็วลมของรูปแบบเวทย์ลมหมุนนี้ อย่างที่สองคือการรักษาเสถียรภาพการใช้งานผลึกเวทย์ของรูปแบบเวทมนตร์เป็นเวลาอย่างน้อยสิบชั่วโมง จุดที่สามคือเพื่อให้แน่ใจว่าลมที่ส่งออกมาจากรูปแบบเวทมนตร์นี้ยังคงมีเสถียรภาพ

ความต้องการทั้งสามจุดดูเหมือนง่ายมาก แต่เมื่ออีวิต้ามองอย่างถี่ถ้วนเธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

การปรับแต่งรูปแบบเวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อีวิต้ามั่นใจหากแค่ทำความต้องการหนึ่งในสามข้อนี้ อย่างไรก็ตามหากต้องรวมความต้องการทั้งสามข้อนี้เข้าด้วยกันมันจะเป็นเรื่องยากอย่างมาก

“ท่านประธานสเตลล่าปรับแต่งรูปแบบเวทมนตร์ตามความต้องการนี้เหรอ”อีวิต้าถามซูยี่

“ไม่ใช่หรอก ปกติแล้วข้าเป็นคนกำหนดความต้องการและเราก็ปรับแต่งร่วมกัน”ซูยี่ กล่าวต่อ“ลองดูรูปแบบพวกนี้สิพวกเจ้าเห็นจุดที่ต้องปรับแต่งตามความต้องการมั้ย?”

อีวิต้าและแคลลี่มองหน้ากัน นี่น่าจะเป็นการทดสอบของเธอทั้งสองคน

พวกเธอไม่ลังเลที่จะรับเอกสารจากซูยี่และเริ่มศึกษาพวกมันทันที

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีมิความมุ่งมั่นแค่ไหนซูยี่ก็เผยรอยยิ้ม เขาเติมน้ำให้กับพวกเธอและพูดขึ้นเพื่อบอกให้พวกเธอทราบก่อนออกจากห้องทำงานปล่อยให้ทั้งสองคนได้ศึกษาอย่างเงียบๆ

นอกสำนักงานมีอาคารขนาดใหญ่ทู่เคยเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

นอกเหนือจากโรงงานพัดลมเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นในช่วงแรกยังมีอาคารทรงกลมขนาดใหญ่กว่าที่สร้างจากหิน

นี่คือที่ทำงานของคนแคระใช้วิจัยและผลิตเครื่องจักรเวทมนตร์

ตอนที่เขาสร้างอาคารนี้ในตอนแรกไฮนซ์สับสนมากเพราะเขาไม่เข้าใจว่าเครื่องจักรเวทมนตร์หมายถึงอะไร เขาไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร

แต่หลังจากที่ซูยี่ลงนามในข้อตกลงกับประธานฟาร์ซัค โดยขายเครื่องจักรเวทมนตร์ทั้งห้าให้กับเขาไฮนซ์ก็เปลี่ยนทัศนคติของเขาทันที

นี่เป็นเพราะตามที่ซูยี่พูดราคาของเครื่องจักรเวทมนตร์ทั้งห้านั้นราคาอยู่ที่ยี่สิบเจ็ดเหรียญทอง แต่เขาขายให้ประธานฟาร์ซัคไปทั้งหมดสองร้อยเหรียญทอง!

พวกเขาได้กำไรถึงแปดเท่า!

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาเพิ่งเริ่มสร้างเครื่องจักรเวทมนตร์ หากเครื่องจักรเวทมนตร์เหล่านั้นเสียและต้องทำการซ่อม ประธานฟาร์ซัคจะต้องนำมาซ่อมกับหอการค้าเฟรสเทค และเขายังต้องการความช่วยเหลือจากหอการค้าเฟรสเทคในการฝึกอบรมคนให้รู้วิธีใช้เครื่องจักรเวทมนตร์เหล่านั้น

พวกเขาจะเรียกเก็บเงินสำหรับเรื่องนี้ด้วย สำหรับราคา… .. แม้แต่ไฮนซ์ที่คิดว่าตัวเองหน้าเลือดแล้วหลังจากที่เขาอ่านสัญญาเขาก็รู้สึกว่าซูยี่หน้าเลือดเกินไป

ซูยี่แค่พูดไม่กี่คำต่อการกระทำนี้

“นี่คือพลังของการผูกขาด”

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ประธานฟาร์ซัคก็พอใจกับข้อตกลงกับซูยี่ เขายังคิดว่าเขาได้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้

ส่วนไฮนซ์เขาทำได้เพียงแต่ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ พรสวรรค์ในการหาเงินของซูยี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาเทียบได้เลยจริงๆ

เนื่องจากเครื่องจักรเวทมนตร์ทั้งห้านี้ได้รับผลกำไรมหาศาลบรรยากาศในการวิจัยเครื่องจักรเวทมนตร์จึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

คนแคระที่ได้รับคำชมและกำลังใจรู้สึกเลือดในกายสูบฉีด นอกเหนือจากแวลานอนและการรับประทานอาหารในแต่ละวันพวกเขามักจะอยู่ในห้องวิจัยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้งานที่ซูยี่มอบหมายเสร็จสิ้น

แน่นอนว่าเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือคำสัญญาของซูยี่ตราบใดที่พวกเขาสร้างเครื่องเก็บเกี่ยวเวทมนตร์(Magic Harvester)สำเร็จพวกเขาก็จะได้โบนัสเพิ่มหนึ่งเหรียญทอง

.

.

.

.

Magic Harvester ผมไม่รู้ว่าจะแปลเป็นอะไรดี เอาเป็นว่าถ้าต้องการสะกิดบอกสามารถไปคอมเม้นไว้ในเด็กดีได้นะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด