ตอนที่แล้วบทที่ 39 เครื่องจักรทางการเกษต(อ่านฟรี16-01-2021)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 สัมภาษณ์(อ่านฟรี22-01-2021)

บทที่ 40 ซูยี่ ประธานแปลกๆ(อ่านฟรี19-01-2021)


รถม้าเคลื่อนตัวตามถนนมาจากทางเหนือของเมืองบันต้าและไกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นหน้าต่างของรถม้าก็เปิดออกและใบหน้าของเด็กสาวกลมมนก็ยื่นออกมาจากรถม้า เธอเห็นกำแพงเมืองบันต้าที่อยู่ไม่ไกลเธอก็ตะโกนเสียงดังออกมา“ดูสินั่นคือเมืองบันต้า! เราใกล้จะถึงแล้ว!”

ใบหน้าของหญิงสาวอีกคนปรากฏขึ้นผ่านหน้าต่าและมองไปที่เมืองบันต้าที่อยู่ห่างไกล แต่ทว่าสายตาของเธอก็สะดุดกับบางสิ่ง

“ หืม? นั่นคืออะไร?” " หญิงสาวหน้าตาบอบบางชี้ไปที่อาคารสูงนอกเมืองบันต้าแล้วถามขึ้นมา

เด็กสาวหน้ากลมหันไปในทิศทางนั้นก็พบว่าไม่ไกลจากนอกเมืองบันต้ามีเสาหนายื่นออกมาจากพื้นดิน มันกำลังรองรับสิ่งทรงสี่เหลี่ยมขนาดยักษ์ที่แปลกประหลาดสูงเหนือกำแพงเมือง

ด้านข้างของป้ายที่หันหน้าไปทางถนนดูเหมือนมีบางอย่างวาดอยู่ พวกเขามองไม่ชัดในตอนแรก แต่เมื่อรถม้าเข้าใกล้เด็กสาวทั้งสองก็พบว่ามีเสาเหล็กเป็นฐานรองรับป้ายนั้นอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา

ส่วนตรงกลางของภาพวาดก็มีเครื่องจักรแปลกๆที่วาดออกมาให้เหมือนกำลังหมุนด้วยความเร็วสูงอยู่ส่งผลให้ภาพที่ออกมาดูพร่ามัว

“นี่ใช่พัดลมเวทมนตร์รึเปล่า” ดวงตากลมโตของหญิงสาวที่ใบหน้ากลมมองไปที่เครื่องจักรที่ดูแปลกประหลาดนี้ขณะที่เธอพูด

"น่าจะใช่ ดูสิมันเหมือนกับมีลมออกมาเลย“ หญิงสาวที่ดูบอบบางตอบกลับก่อนที่เธอจะมองไปทางขวาของภาพ เธอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ” สะ สตลล่าไม่ใช่เหรอ”

“สเตลล่า อยู่ใหนล่ะ?” สาวหน้ากลมมองตามไปและพบว่ามีสาวสวยผมสีทองอยู่ทางขวาของภาพ

แม้ว่าจะมองจางด้านข้างก็ตาม แต่ด้วยรูปร่างและผิวพันธ์ของหญิงสาวผมทองนั้นสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เช่นเดียวกับชุดสีขาวเอวลอยเล็กน้อยนั่นก็ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตา

“นั่นสเตลล่าจริงๆ!” สาวหน้ากลมจำเธอได้อย่างรวดเร็ว“รูปของเธออยู่บนนี้จริงเหรอ? นี่ไม่เด่นเกินไปหรือ”

“มันน่าจะเกี่ยวข้องกับพัดลมเวทมนตร์” เด็กหญิงร่างบอบบางพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิดว่า“ดูสิมีชื่ออยู่บนป้ายนี้ ดูเหมือนว่า……”

“พัดลมเวทมนตร์แบรนด์เฟรสเทคนำความเย็นมาสู่ท่านในช่วงฤดูร้อน นั่นหมายความว่าอย่างไร?” สาวหน้ากลมรีบอ่านมันอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ครั้งที่แล้วสเตลล่าบอกว่าเธอกลายเป็นแบรนด์แอมบาสเตอร์ เป็นไปได้ไหมว่านี่คือหน้าที่ของเธอ” หญิงสาวที่บอบบางกล่าว

หญิงสาวหน้ากลมเอียงศีรษะคิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัว“ข้าไม่แน่ใจ แต่เดี่ยวเราก็ได้พบเธอแล้วถึงตอนนั้นเราค่อยถามเธอก็ได”

“ อืมดูเหมือนว่าเราจะทำได้แค่นั้น” หญิงสาวบอบบางพยักหน้า เธอพูดกับคนขับรถม้าว่า "ท่านลุงช่วยพาเราไปที่หอการค้าเฟรสเทคได้ไหม"

คนขับรถม้าเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงถามกลับว่า“หอการค้าเฟรสเทค? มีอยู่สองแห่ง ที่หนึ่งเป็นร้านค้าที่พวกเขาเปิดและอีกที่คือโรงงานที่อยู่นอกเมืองเจ้าอยากไปที่ไหนล่ะ?”

“มันต่างกันยังไง” สองสาวมองหน้ากันด้วยความงุนงง หญิงสาวหน้าตาบอบบางครุ่นคิดก่อนจะถามว่า“ท่านรู้ไหมว่าปกติประธานของบริษัทอยู่ที่ไหน?”

“ข้าไม่รู้หรอก แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าร้านต้าของพวกเขามีแต่คนขายของในร้านปกติไม่มีใครอื่น ข้าคิดว่าปกติประธานควรจะอยู่ในโรงงาน” คนขับเดา

“ดีเลยท่านช่วยส่งเราไปที่โรงงานโดยตรงได้ไหม” หญิงสาวที่ดูบอบบางกล่าว

“ได้ แต่พวกเขากำลังสร้างถนนใกล้โรงงานในช่วงเวลานี้ดังนั้นข้าจึงส่งเจ้าไปใกล้ ๆ ที่นั่นได้เท่านั้น เจ้าจะต้องเดินไปตามทางที่เหลือเอง”

“เอาล่ะเราจะเดินที่เหลือเอง”

หญิงสาวที่ดูบอบบางพูดอย่างนี้และคนขับก็สะบัดแส้ในมือทำให้รถม้าเลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปยังทางทิศตะวันตกของเมืองบันต้าทันที

ถนนเล็ก ๆ นอกเมืองไม่ราบเรียบรถม้าจึงสั่นไหว เด็กสาวสองคนที่อยู่ในรถม้ารู้สึกเวียนหัวอย่างช่วยไม่ได้

แต่สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็สั่นเล็กน้อยก่อนที่มันจะมั่นคงราวกับว่าอาการสั่นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

เด็กสาวหน้ากลมไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเธอได้และโผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างรถม้า เธอพบว่าเส้นทางที่รถม้าวิ่งอยู่นั้นราบเรียบมากไม่มีหลุมให้เห็น ถนนสายนี้กว่ามากเมื่อเทียบกับเมื่อครู่

หัวใจของเด็กสาวหน้ากลมเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามคนขับว่า“ท่านลุงทำไมถนนถึงเรียบขนาดนี้? มันจะดีมากถ้าถนนที่เราเคยเดินทางมาก่อนนั้นราบรื่นเช่นนี้”

คนขับรถหัวเราะ“ถนนสายถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษจากหอการค้าเฟรสเทค เมื่อก่อนการเดินทางมันไม่ง่ายเลย ข้าได้ยินมาว่าเพื่อูสร้างถนนสายนี้หอการค้าเฟรสเทคได้ทุ่มเงินไปพอสมควร”

“โอ้? บริษัทของพวกเขาถึงกับสร้างถนนขึ้นเองเลยเหรอ? ไม่ใช่ว่านี่คือหน้าที่ของท่านเจ้าเมืองหรอกรึ?”

“เอาจริงๆนี่ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของท่านเจ้าเมืองนั่นแหละ แต่ประธาทของหอการค้าเฟรสเทคชื่ออะไรนะ… ...ใช่ประธานที่ชื่อซูยี่ ไม่พอใจเขาจึงยินดีที่จะควักเงินของตัวเอง เพื่อแก้ไขถนน ท่านเจ้าเมืองจ้ทำอะไรได้ล่ะในเมื่อนี่เป็นความต้องการของเขา ดังนั้นถนนปัจจุบันที่เจ้าเห็นตอนนี้คือถนนที่สร้างใหม่”

“ทำไมประธานซูยี่ถึงไม่พอใจ? ถนนนั่นมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เด็กสาวหน้ากลมถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถนนสายนี้ยังคงเป็นถนนสายหลักนอกเมืองบันต้าของเรามันจะแย่อย่างนั้นไปได้อย่างไร? แม้ว่าก่อนหน้านี้ถนนจะไม่ได้ราบเรียบ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไม่จำเป็นต้องซ่อมเลย แต่ประธานซูยี่ก็ยังไม่พอใจ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้เขายังไม่พอใจกับถนนเส้นนี้เขาบอกว่าจะซ่อมอีกครั้งเมื่อเงื่อนไขถูกต้อง… .. อะไรนะ… ... ถูกต้องเขาจะซ่อมด้วยคอนกรีต ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องทำแบบนั้นทำไม แต่เมื่อเป็นความต้องการของประธานซููยี่มันก็คงจะดีกว่านี้อีกละมั้ง?”

“ดีกว่าถนนสายนี้อีกเหรอ? มันจะเรียบได้ขนาดใหนกัน?” เด็กสาวหน้ากลมพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึง“ประธานซูยี่คนนั้นคงไม่ได้โอ้อวดใช่มั้ย? จะมีทางที่เรียบกว่านี้ได้อย่างไร”

คนขับหัวเราะ“นั่นข้าไม่รู้ สิ่งที่คนใหญ่คนโตเหล่านั้นกำลังคิดนั่นไม่ใช่สิ่งที่คนขับรถตัวเล็กๆอย่างข้าจะนึกออก”

เด็กสาวหน้ากลมพึมพำเสียงเบาก่อนจะกลับเข้าไปในรถม้า เธอพูดกับเด็กสาวที่มีขนคิ้วที่ดูบอบบาง“เฮ้อีวิต้าเจ้าคิดว่าประธานซูยี่จะให้เราค้นคว้าวิธีซ่อมถนนหรือไม่”

หญิงสาวร่างบอบบางหัวเราะและเอื้อมนิ้วไปแตะหน้าผากของเด็กสาวหน้ากลม“แคลลี่เจ้านี่ช่างรู้จักพูดเสียจริง! เราเป็นนักเวทย์แม้ว่าเราจะตกลงที่จะทำงานกับประธานซูยี่เราก็มีหน้าที่แค่ค้นคว้ารูปแบบเวทมนตร์! เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการซ่อมถนนอย่างไร”

เด็กสาวหน้ากลมที่ชื่อแคลลี่ ส่ายหัวด้วยความสับสน“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้ารู้สึกว่าประธานซูยี่คนนี้เป็นคนแปลก ๆ เขาไม่พอใจกับถนนสายนี้ที่ดูยังไงก็ราบเรียบอย่างชัดเจนแต่ก็ยังคิดจะปรับปรุงมันใหม่ เจ้าคิดว่าเป็นเพราะเขามีเงินมากเกินไปรึเปล่า”

อีวิต้าส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้กับแคลลี่ที่ชอบเดาสุ่มไปเรื่อย เมื่อไหรเธอจะเลิกนิสัยแบบนี้นะ

แม้ว่าเธอจะไม่ไดเดา้สุ่มเหมือนแคลลี่ แต่หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีต่อประธานซูยี่คนนี้

เหตุใดถนนสายนี้จึงสำคัญสำหรับเขา เห็นได้ชัดว่าถนนสายนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

เป็นไปได้ไหมที่ถนนสายนี้มีความสัมพันธ์บางอย่างกับสิ่งที่ บริษัท ของพวกเขาผลิต? แต่สิ่งนี้ก็ไม่น่าเชื่อเช่นกัน

เป็นไปได้ไหมว่าประธานซูยี่ คนนี้เป็นคนเจ้าระเบียบเลยต้องการให้ถนนที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานของเขาดีที่สุด?

หากเป็นเช่นนี้ประธานซูยี่คนนี้อาจจะเข้าถึงได้ยาก เมื่อพวกเขาเจอกันเธอควรจะระวังการกระทำของตัวเองให้มาก

ในขณะที่จิตใจของอีวิต้าและแคลลี่เต็มไปด้วยความคาดเดารถม้าก็ได้เดินทางไปอีกเล็กน้อยและจู่ๆมันก็ช้าลงก่อนจะหยุด

“ยัยหนูทั้วสองทางข้างหน้ากำลังซ่อมบำรุงอยู่รถม้าที่ไม่ใช่ของหอการค้าเฟรสเทคได้ถูกห้ามไม่ให้ผ่านเข้าไป ทางที่เหลือพวกเจ้าคงต้องเดินเองแล้วล่ะ” เสียงคนขับรถดังขึ้น

อีวิต้าและแคลลี่มองหน้ากันก่อนจะเปิดม่านี่ของรถม้าแคลลี่กระโดดออกมาโดยตรงในขณะที่อีวิต้าค่อยๆลงมาในขณะที่จับบังเหียนของรถม้า

ทั้งสองเงยหน้าขึ้นและพบว่าเส้นทางตรงหน้ากำลังซ่อมอยู่จริงๆ เหลือเพียงเส้นทางที่กว้างไม่ถึงสามเมตรให้ผู้คนสัญจรไปมา

ตามมาตราส่วนของการก่อสร้างหลังจากที่ถนนเส้นนี้เสร็จแล้วจะมีความกว้างมากกว่าสิบเมตรซึ่งน่าตกใจมาก

เป็นที่ทราบกันดีว่าในอาณาจักรลัมปูรีมีเพียงถนนสายหลักสองสายของอาณาจักรลัมปุรีที่กว้างประมาณสิบเมตรเท่านั้น

เมื่อมองเข้าไปในระยะไกลมีแม่น้ำไหลผ่านและข้างแม่น้ำบนที่ดินว่างเปล่าขนาดใหญ่มีอาคารหลายหลังเรียงต่อกัน ในบางครั้งเราอาจเห็นผู้คนเคลื่อนไหวไปมาระหว่างอาคาร

ไม่ว่าจะเป็นอาคารหรืองานถนนมันเป็นฉากที่มีชีวิตชีวามาก มันเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากความร้อนที่แผดเผานี่เลย

เห็นฉากคึกคักแบบนี้สองสาวก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่มัน หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็จำเป้าหมายในการมาที่นี่ได้ในที่สุด

แคลลี่มองตรงไปและเดินไปหาคนที่กำลังซ่อมถนน เธอกำลังจะสะกิดเขาเพื่อเรียกความสนใจ แต่เมื่อเห็นว่าคน ๆ นั้นถูกปกคลุมไปด้วยดินเธอจึงวางมือลงและเปร่งเสียงออกมา“เฮ้สวัสดี ข้า่ขอถามได้มั้ยนี่ใช่หอการค้าเฟรสเทครึเปล่า”

คน ๆ นั้นมองกลับมาและทำให้แคลลี่ตกใจ

ใบหน้าของบุคคลนั้นถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกและเหงือใหลออกมาเป็นสายทำให้ใบหน้าของเขาดูดุดันเป็นอย่างมาก

แต่หลังจากที่ได้เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าเขาคนนั้นก็เผยรอยยิ้มและความดุร้ายนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ถูกต้องนี่คือหอการค้าเฟรสเทค เจ้ามาหาใครรึ”

รอยยิ้มของคนคนนั้นดูสดใสมากและเขาก็ค่อนข้างสดชื่นทำให้ความกังวลใจของแคลลี่ละลายหายไปในทันที

“ อื้ม เรามาพบประธานซูยี่ เจ้าสามารถช่วยเราแจ้งเขาได้มั้ย? เพียงแค่บอกว่าเราถูกสเตลล่าเรียกมา” แคลลี่กล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจน

เมื่อได้ยินเช่นนี้บุคคลนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขามองไปที่แคลลี่ก่อนที่จะมองไปที่อรวิต้าที่อยู่ไม่ไกลและพูดด้วยเสียงงุนงงว่า“พวกเจ้ากับสเตล่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันใช่มั้ย”

คำตอบนี้ทำให้แคลลี่และอีวิต้าตกตะลึงแคลลี่อดไม่ได้ที่จะถามว่า“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นของสเตลล่า? หรือว่าเจ้าจะสนิทกับประธานซูยี่เขาเป็นคนบอกเจ้าใช่มั้ย”

คนคนนั้นเผยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงฟันสีขาวของเขา

“ใช่ข้าสนิทกับซูยี่มาก ข้ากล้าสัญญาว่าไม่มีใครที่สนิทกับเขาไปกว่าข้าอีกแล้ว นั่นเป็นเพราะว่า… ... ข้าคือซูยี่”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด