ตอนที่แล้วCrisis ตอนที่ 8 : ค่ายผู้ลี้ภัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCrisis ตอนที่ 10 : ซอมบี้ร่างวิวัฒนาการขั้นที่ 3

Crisis ตอนที่ 9 : การมาถึงของดวงจันทร์สีเลือด


Crisis : WorldDestruction ตอนที่ 9 : การมาถึงของดวงจันทร์สีเลือด

ฟ่านเสียน กำลังเพลินอยู่กับตรวจสอบอาวุธใหม่ที่เพิ่มเข้ามา หลังจากเขาอัพเกรดระดับสกิลอาชีพ [BlackSmith] เพิ่มเป็น Level 2 เขาก็สามารถสร้างอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น แต่ด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างจำกัดในตอนนี้ เขาจึงเลือกสร้างลูกธนู Steel Arrow เพราะมันใช้วัตถุดิบไม่เยอะ และมีค่าพลังโจมตีที่สูงกว่าลูกธนูทั่วไป

== [Steel Arrow] ==

พลังโจมตี : 40

==================

ขงเชี่ยเอ๋อ เดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย เส้นผมที่เปียกปอนทำให้เธอดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากยิ่งขึ้น ฟ่านเสียน เลิกให้ความสนใจกับการสร้างไอเทมทันที เขาเดินเข้าไปกอดหญิงสาว และจูบไซร์ไปที่ซอกคอขาวเนียน กลิ่นสบู่อ่อนๆ ตามตัวของหญิงสาวช่วยปลุกเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะการเดินทางที่เร่งรีบทำให้ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองต่อสอง

หญิงสาว ผลักชายหนุ่มเบาๆ เพื่อให้เขาหยุดเล้าโลม เธอจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาด้วยท่าทางเขินอาย ก่อนจะพูดกับเขาว่า " พี่ฟ่าน! อย่าพึ่งรังแกเชี่ยเอ๋อสิคะ ไปอาบน้ำก่อน "

" เชี่ยเอ๋อ ของพี่น่ากินไปทั้งตัวแบบนี้ ใครจะอดใจไหว " ฟ่านเสียน พูดไปพร้อมๆ กับเริ่มซุกไซร์ไปที่ซอกคอของหญิงสาวอีกครั้ง

" แน่ะ! ไปอาบน้ำก่อนเลยนะ แล้ว เชี่ยเอ๋อ จะตามใจพี่ทุกอย่าง " ขงเชี่ยเอ๋อ พยายามดันตัวออกจากชายหนุ่มอีกครั้งเพื่อให้เขาหยุด

" โอเค! พี่จะรีบไปอาบตอนนี้เลย " ฟ่านเสียน จูบไปที่ริมฝีปากของหญิงสาว ก่อนจะปล่อยตัวเธอแล้วเดินไปห้องน้ำด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

ใช้เวลาไม่นาน ฟ่านเสียน ก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาตกตะลึงเมื่อเห็น ขงเชี่ยเอ๋อ นอนเปลือยกายรออยู่บนเตียงพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่ยั่วยวน ชายหนุ่มไม่อาจข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป ฟ่านเสียน ซุกหน้าไปที่หน้าอกอันใหญ่โต พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งบีบเค้นหน้าอกที่ว่างอยู่อย่างเมามันส์ ไฟสวาทของทั้งสองลุกโชนกระหน่ำอยู่เป็นเวลานานก่อนจะสงบลงในที่สุด

ความมืดได้ปกคลุมทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง แต่ค่ำคืนนี้มีแสงของดวงจันทร์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า แสงของดวงจันทร์แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันมีสีแดงเข้มราวกับถูกย้อมไปด้วยเลือด ตลอดหลายวันชั้นบรรยากาศของโลกถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละลองของหินอุกกาบาตและเมฆฝน ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นดวงจันทร์โคจรเข้ามาใกล้โลก

ดวงจันทร์บนท้องฟ้ามีขนาดใหญ่กว่าปกติ แรงระเบิดจากการชนกันของดาวหางที่ด้านหลังของดวงจันทร์ ได้เปลี่ยนตำแหน่งวงโคจรของดวงจันทร์ให้เข้าใกล้โลกมากขึ้น แรงโน้มถ่วงจากดวงจันทร์จะส่งผลกระทบต่อโลกโดยตรง และจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เข้าใกล้โลกมากที่สุด

ปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีเลือดเมื่อคืนนี้ เป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากในหมู่ผู้รอดชีวิต หลายคนต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ

" มันต้องเป็นลางร้ายแน่ๆ ตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นดวงจันทร์สีเลือดมาก่อน "

" ใช่ๆ ผมก็ว่าเป็นต้องเป็นลางร้ายแน่ๆ "

" พวกนายคิดกันไปเอง นายไม่เห็นเศษหินอุกกาบาตที่ลอยอยู่รอบๆ ดวงจันทร์เหรอ "

" ฉันว่านะ มันต้องเป็นเศษหินอุกกาบาตที่อยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ เมื่อแสงของดวงอาทิตย์ส่องกระทบกับผิวของดวงจันทร์ มันจะทำให้พวกเรามองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง "

" ผมก็คิดเหมือนกับคุณ หากพูดตามหลักวิทยาศาสตร์ปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีเลือด เกิดขึ้นจากแสงของดวงอาทิตย์ส่องกระทบกับเศษหินอุกกาบาตบนผิวของดวงจันทร์แน่นอน "

" แต่ตามคำทำนายของคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่ง กล่าวเอาไว้ว่าปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้า ถือเป็นลางบอกเหตุร้าย มันจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ "

" คำทำนายบางครั้งก็เชื่อถือไม่ได้ มันเป็นแค่เรื่อง งมงาย เอาไว้หลอกให้ผู้คนหลงเชื่อ เพื่อพวกเขาจะได้ชักจูงคนเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น "

ปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีเลือดทำให้หลายคนวิตกกังวล แต่หลายคนก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะมันเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์บนท้องฟ้า สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้วเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมดา พวกเขาเริ่มกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังดวงจันทร์โคจรเข้ามาใกล้โลก

ฟ่านเสียน และขงเชี่ยเอ๋อ ตื่นขึ้นมาช่วงบ่าย หลังจากทั้งสองใช้เวลาร่วมรักกันจนเกือบถึงเช้า หลังจากอาบน้ำพวกเขาออกจากห้องพักไปหาอะไรกิน พวกเขาแวะเดินดูร้านค้าแผงลอยภายในค่ายผู้ลี้ภัย สิ่งของส่วนใหญ่ที่วางขายเป็นพวกสิ่งของที่ดรอปมาจากซอมบี้ บางร้านขายเนื้อสดที่ได้จากการไปล่าสัตว์กลายพันธุ์ แต่ราคาจะสูงกว่าปกติเพราะเป็นอาหารสด

อาหารเริ่มขาดแคลนหลังจากเหตุการณ์วันสิ้นโลก การหาอาหารเป็นไปด้วยความยากลำบาก ร้านค้าหรือโกดังเก็บของส่วนใหญ่ภายในเมืองก็เต็มไปด้วยอันตรายจากซอมบี้ สัตว์กลายพันธุ์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกพวกมันจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีคุณค่าทางอาหารที่สูงกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป

ฟ่านเสียน พา ขงเชี่ยเอ๋อ กลับไปส่งที่ห้องพัก ในระหว่างนั้นนายทหารคนหนึ่งได้มาดักรอที่หน้าประตู ผู้การเจียลู่ สั่งให้เขามาพาตัว ฟ่านเสียน ไปพบที่ศูนย์บัญชาการ เพราะมีเรื่องด่วนที่จะต้องปรึกษาร่วมกับผู้กอง หานตงจวิน

เมื่อ ฟ่านเสียน เข้าไปด้านในของศูนย์บัญชาการเขาสังเกตเห็นสีหน้าของท่านผู้การค่อนข้างเคร่งเครียด เขาพูดคุยกับผู้กอง หานตงจวิน และขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปในแผนที่ ก่อนนายทหารเข้าไปรายงานว่าเขาได้พาตัว ฟ่านเสียน มาตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว

" ฟ่านเสียน มาแล้วเหรอ! หลับสบายดีมั้ย " ผู้การเจียลู่ กล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม

" ห้องพักที่ท่านจัดเตรียมเอาไว้ให้สะดวกสบายดีครับ " ฟ่านเสียน ตอบ

" ผมมีภารกิจให้คุณ กับหน่วยพยัคฆ์ขาวของผู้กองหาน ไปช่วยทหารที่ป้อมสังเกตการณ์บนกำแพงประตูหน้า หน่วยลาดตะเวณตรวจพบการเคลื่อนไหวของฝูงซอมบี้ที่ผิดปกติ พวกมันอาจจะบุกเข้ามาโจมตีค่ายเร็วๆ " ผู้การเจียลู่ พูดพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ ก่อนจะกล่าวต่ออีกว่า " จากรายงานเมื่อครู่พวกมันรวมตัวกันไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ซอมบี้ฝูงนี้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่น ตอนนี้ผมได้สั่งยกระดับความปลอดภัยเตรียมเอาไว้แล้ว "

" พวกเรามีเวลามากน้อยแค่ไหน ก่อนที่พวกมันจะบุกเข้ามา " ฟ่านเสียน ถามด้วยสีหน้ากังวล

" ประมาณ 2 วัน พวกคุณเตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้นผมต้องการกำลังคนทั้งหมดที่สามารถต่อสู้ได้ มาช่วยกันป้องกันค่ายแห่งนี้เอาไว้ "

" ได้ ผมจะเตรียมพร้อมเอาไว้ " ฟ่านเสียน พูดเสร็จ ก็บอกลาผู้การเจียลู่แล้วเดินตรงกลับไปยังห้องพักพร้อมกับ ขงเชี่ยเอ๋อ

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้การเจียลู่ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินขึ้นในค่าย หลังจากได้รับรายงานล่าสุดว่าซอมบี้เหล่ากำลังมุ่งหน้ามาที่ค่าย พวกเขาเร่งสร้างแนวป้องกันเพิ่มเติมเพื่อสกัดการบุกโจมตีของซอมบี้ บรรยากาศภายในค่ายผู้ลี้ภัยดูเคร่งเครียด และเร่งรีบไปหมด

เช้าวันที่ 2 บนท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆบางๆ ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูมืดครึ้ม มีเสียงฟ้าร้อง และฟ้าผ่าดังขึ้นเป็นระยะ เสียงดังกึกก้องของฟ้าฝ่าในแต่ละครั้ง ทำให้หัวใจของผู้คนภายในค่ายผู้ลี้ภัยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ คล้ายกับมีลางบอกเหตุว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

เวลาในช่วงกลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรความมืดก็เข้ามาปกคลุมท้องฟ้า แต่บรรยากาศในช่วงเวลากลางคืนกลับแตกต่างจากเมื่อตอนกลางวัน ท้องฟ้ากลับดูปลอดโปร่งไร้ซึ่งเมฆฝนปกคลุม ทันใดนั้น แสงสีแดงของดวงจันทร์สีเลือดก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นที่ปลายเส้นขอบฟ้า มันเปลี่ยนท้องฟ้าที่เคยมืดมิดให้สว่างไสว ราวกับท้องฟ้าได้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเหมือนเลือด ทำให้บรรยากาศดูน่าสยดสยองมากยิ่งกว่าเดิม

" แอร่รรร!  ฮือออออ! ฮ่าาาร์! "

มีเสียงคำรามหลายเสียงดังก้องมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงฝีเท้าของบางสิ่งกำลังวิ่งใกล้เข้ามา หัวใจของทุกคนเต้นสูบฉีดเลือดแรงขึ้น เมื่อรู้ว่ากำลังจะได้เผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ ทหารที่ประจำอยู่ป้อมปืนต่างๆ พากันปลดล็อคเซฟปืนทุกกระบอกเพื่อเตรียมยิง สองมือของพวกเขาจับปืนเอาไว้กระชับแน่น

ทันใดนั้น ดวงตาสีแดงนับพันคู่ได้ส่องประกายในความมืดราวกับสัตว์ร้าย มันเป็นภาพที่ชวนให้หวาดหวั่นเมื่อเห็นดวงตาสีแดงนับนับร้อยนับพันปรากฏขึ้นจากระยะไกล เสียงฝีเท้าของซอมบี้ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนพื้นดินสั่นสะเทือน

" บรึ้มมมมมมม! "

" ตูมมมมม! "

" บรึ้มมมม! "

" ตูมมมมมมมม! "

เสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อซอมบี้วิ่งผ่านแนวกับระเบิดที่ติดตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ แรงระเบิดฉีกร่างของซอมบี้ขาดกระจุยแหลกเละจนไม่เหลือชิ้นดี แต่ระเบิดเหล่านั้นก็ไม่สามารถหยุดฝูงซอมบี้ที่กำลังบ้าคลั่ง พวกมันไม่มีความหวาดกลัว และวิ่งตรงเข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

" ยิงงงงงงงงงงงงงงงง! "

ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกน ปืนนับร้อยกระบอกก็ยิงออกจากปากกระบอกปืนพร้อมกันทันที

" ปังงง! ปังงง! ปังงง! ปังงง! ป้าางงงงง!"

" ปังงง! ปังงง! ปังงง! "

" ปังง! ปังง! ปังง! ปังง! ป้าางง!"

ปลอกกระสุนปลิวว่อนไปทั่ว พร้อมเสียงของปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างของซอมบี้ถูกกระสุนปืนล้มลงตัวแล้วตัวเล่า แต่อย่างไรก็ตาม ซอมบี้เหล่านี้เป็นเพียงซอมบี้ร่างวิวัฒนาการขั้นเริ่มต้นเท่านั้น

" ปุ้งงงงง! "

" วี้ดดดดดดด! "

" ตูมมมมม! "

เครื่องยิงลูกระเบิดถูกยิงออกไปเพื่อสกัดให้ซอมบี้ช้าลง เพียงไม่กี่นาทีกระสุนจำนวนมากมายได้ถูกใช้ไปแล้วถึง 1 ใน 3 ของกระสุนทั้งหมด แต่จำนวนของซอมบี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดน้อยถอยลง พวกมันยังวิ่งเข้ามาไม่ยอมหยุด แสงจากดวงจันทร์สีเลือดกระตุ้นซอมบี้ให้ดุร้ายมากกว่า และยังเพิ่มความแข็งแรงให้กับพวกมันอีกด้วย

ดวงจันทร์สีเลือดปลดปล่อยคลื่นพลังงานบางอย่างออกมา ยิ่งมันโครจรใกล้โลกมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น คลื่นพลังงานเหล่านี้ส่งผลโดยตรงกับซอมบี้ และสัตว์กลายพันธุ์ต่างๆ พวกมันแข็งแรงมากขึ้น และวิวัฒนาการตัวเองได้เร็วมากยิ่งขึ้น ฟ่านเสียน ตกตะลึงเมื่อเห็นข้อมูลรายละเอียดของซอมบี้ที่เปลี่ยนไปจากเดิม

== [ ซอมบี้ ] ==

HP :  150 / 75 (+75)

= [รายละเอียด] =

ร่างของมนุษย์ติดเชื้อ ร่างวิวัฒนาการขั้นเริ่มต้น

ได้รับคุณสมบัติพิเศษ : + [Special Ability : Dark Power Energ ]

ซอมบี้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และให้ค่า EXP เพิ่มเป็น 2 เท่า

== [Special Ability : Dark Power Energ ] ==

พลังความมืด

= [รายละเอียดพิเศษ] =

ดวงจันทร์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นแหล่งกำเนิดพลังความมืดของราชาปีศาจ

คุณสมบัติพิเศษ : เพิ่มพลังให้กับเมล็ดพันธุ์ปีศาจ ความแข็งแกร่ง x 2 เท่า และวิวัฒนาการ x 2 เท่า

==================

จำนวนของซอมบี้เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้พวกเขาจะฆ่าซอมบี้ด้วยกระสุนปืน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ค่า EXP จากซอมบี้ เพราะไม่ได้ฆ่าพวกมันด้วยอาวุธจากระบบ อย่างไรก็ตาม ซอมบี้เหล่านี้ก็ดรอปไอเทมออกมาเมื่อถูกฆ่า แต่อัตราการดรอปของพวกมันจะลดลงมากกว่าปกติเท่านั้นเอง

หลังจากซอมบี้ระลอกแรกถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น หลายคนต่างถอนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ปืนกลหลายกระบอกร้อนจัดจนไม่สามารถใช้ยิงได้อีกต่อไป ปลายกระบอกปืนกลายเป็นสีแดงเหมือนเหล็กที่กำลังลุกไหม้ ด้านหน้าทางเข้าของค่ายเต็มไปซากศพของซอมบี้จำนวนมาก แต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้หยุดพักหายใจ ทันใดนั้น มีเสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง

" แฮร่รรรรรร! "

" ฮร่าาาาาาาาาา! "

ร่างของซอมบี้ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่บวมปูดผิดรูปร่างหลาย 10 ตัว กำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ซอมบี้เหล่านี้คือ แมดเดม่อนซอมบี้ [Mad Demon Zombie] แม้ว่า ฟ่านเสียน จะเคยต่อสู้กับ แมดเดม่อนซอมบี้ มาก่อนหน้านี้ แต่ความแข็งแกร่งของมันในตอนนี้ต่างไปจากเดิมมาก เมื่อพวกมันได้รับพลังความมืดจากดวงจันทร์

== [Mad Demon Zombie] ==

HP : 2,400 / 1,200 (+1,200)

= [รายละเอียด] =

ร่างของมนุษย์ติดเชื้อ จากเศษหินอุกกาบาต  Demon Stone  [ร่างวิวัฒนาการขั้นที่ 2]

ได้รับคุณสมบัติพิเศษ : + [Special Ability : Dark Power Energ ]

ซอมบี้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และให้ค่า EXP เพิ่มเป็น 2 เท่า

== [Special Ability : Dark Power Energ ] ==

พลังความมืด

= [รายละเอียดพิเศษ] =

ดวงจันทร์ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นแหล่งกำเนิดพลังความมืดของราชาปีศาจ

คุณสมบัติพิเศษ : เพิ่มพลังให้กับเมล็ดพันธุ์ปีศาจ ความแข็งแกร่ง x 2 เท่า และวิวัฒนาการ x 2 เท่า

==================

ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจบรรดาเหล่าพลทหารที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่กำแพง พวกเขาไม่เจอกับซอมบี้รูปร่างแบบนี้มาก่อน ด้วยรูปร่างอันสยดยสยองของมัน และการวิ่งที่ดุดันเหมือนกับวัวกระทิง ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาหล่นวูบไปในทันที พวกเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย ความกลัวทำให้พวกเขาตัวแข็งค้างไม่สามารถขยับเขยื้อนแม้แต่จะเหนี่ยวไกปืน

บรรดาทหารที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่กำแพงพากันหวาดหวั่นกับการบุกโจมตีของแมดเดม่อนซอมบี้ พวกเขาไม่เคยเจอกับซอมบี้ที่มีรูปร่างอันสยดยสยองเช่นนนี้มาก่อน และการวิ่งของมันดุดันราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย ขวัญกำลังใจของทหารเหล่าถูกสั่นคลอนพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะมันได้หรือเปล่า  พวกเขาสัมผัสถึงอันตรายความหวาดกลัวครอบง่ำจิตใจของพวกเขาจนไม่สามารถแม้แต่จะเหนี่ยวไกปืน

" เฟี้ยววว! "

" ตึงงงงงงงงง! "

ร่างของแมดเดม่อนซอมบี้ล้มกระแทกไปด้านหลังอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงดังสนั่นร่างของมันชักกระตุกอยู่ครู่ก่อนจะแน่นิ่งไป สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ร่างของซอมบี้ที่ล้มลง ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ก็มีเสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง

" ปังงงงงงงง! "

ร่างของ Mad Demon Zombie อีกตัวหนึ่งล้มหน้าคว่ำกระแทกกับพื้น เสียงปืนนั้นเป็นเสียงจากปืนสไนเปอร์ Remington MSR ของ เสี่ยวถัง ขวัญกำลังใจของทุกคนกลับคืนมาทันที พวกเราสามารถฆ่ามันได้ จากนั้นทุกคนก็เปิดฉากยิงถล่มไปที่ร่างของ Mad Demon Zombie ทันที

เสี่ยวถัง ยิ้มที่มุมปากด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ เพราะครั้งก่อนเธอยิงปะทะกับ Elite Zombie แต่กระสุนของเธอไม่สามารถเจาะเข้าไปหัวของมันได้ หญิงสาวเชื่อมั่นในพลังทำลายของปืนสไนเปอร์ Remington MSR ของเธอเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอเกือบจะต้องสูญเสียความมั่นใจไปทั้งหมด

" ปังง! ปังง! ปังง! ปังง! ป้าางง!"

เสียงปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AK-47 และ M4 Carbine ถูกระดมยิงไปที่ร่างของซอมบี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า Mad Demon Zombie จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แต่เมื่อโดนระดมยิงด้วยปืนจำนวนมาก ความแข็งแกร่งของ แมดเดม่อนซอมบี้ ก็อ่อนพลังลงและถูกสังหารในที่สุด

หลายคนโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจ หลังจากพวกเขาสามารถสังหารซอมบี้เหล่านั้นทั้งหมดลงได้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ หลายคนถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจ มีเพียง ฟ่านเสียน คนเดียวเท่านั้นที่ยังรู้สึกว่ามันยังไม่จบเพียงแค่นี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด