ตอนที่แล้วบทที่ 207
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 209

บทที่ 208


ชายหนุ่มชุดดำสองคนถูกมัดตัวด้วยเชือกนั่งก้มหน้านิ่งอยู่กลางศาลาแปดเหลี่ยม รายล้อมไปด้วย เนี่ยฟง หยางเวย เสี่ยวจู และฟางจวินซี แสงไฟจากพระจันทร์สาดส่อง หยางเวยกระชากผ้าปิดหน้าสีดำของชายหนุ่มทั้งสองออกมา แสงไฟจากตะเกียงสาดส่องมองเห็นเป็นจงเหรินป้าและหยางเฟย มีสองคนที่ตื่นตกใจและมีสองคนที่รับรู้อยู่ก่อนแล้ว ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณได้ยินเพียงเสียงลมพัดพาความหนาวเย็นสัมผัสกายเพียงเท่านั้น

หยางเวยส่ายศีรษะไปมาสะบัดมือขวาถือขวดยาสีขาวนวลไว้ในมือก้าวเดินเข้าหาทั้งสองอย่างช้าๆ เอื้อมมือซ้ายจี้สกัดจุดทั้งสองพร้อมกับป้อนเม็ดยาเข้าไปในปาก ไม่นานทั้งสองก็ถูกสอบสวนจนทราบความจริงที่ว่า ถูกสั่งให้สอดแนมเนี่ยฟงและเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่เพื่อแจ้งข่าวแก่ผู้อาวุโสเหยินสงเพื่อแลกกับอำนาจในเขตเมืองหลวงที่บิดาของทั้งสองต้องการ แน่นอนว่าทั้งสองรับรู้ดีว่ากำลังถูกหลอกใช้แต่เพราะคำสั่งของบิดาก็ยากที่จะขัด เนี่ยฟงยืนครุ่นคิดอยู่นานนับหลายเค่อ

“ไอ้หนูเจ้าจะทำอย่างไรกับชายหนุ่มทั้งสอง”

“เรื่องนี้ยากที่จะตัดสินใจขอรับ หากสังหารทั้งสองคน กลุ่มที่กำลังสร้างอาจต้องเสียเวลาปรับใหม่ทั้งหมด”

“แล้วเหตุใดเจ้าไม่หลอกใช้ชายหนุ่มทั้งสองแทนตาแก่นั้นละ”

เมื่อได้ยินลุ่ยกงกล่าวเช่นนั้นเนี่ยฟงก็แสยะยิ้มสะบัดมือขวานำขวดยาสีขาวนวลออกมา เม็ดยาสีแดงถูกนำออกมาสองเม็ดป้อนให้แก่ทั้งสองคนละเม็ด

“ข้าจะไม่สังหารพวกเจ้าทั้งสอง แต่ยาที่ข้าป้อนไปนั้นเป็นยาพิษที่ข้าได้มาจากผู้อาวุโสท่านหนึ่งในอดีต ขอเพียงพวกเจ้าไม่หักหลังข้าหลังจากนี้หนึ่งเดือนข้าจะให้ยาถอนพิษ พวกเจ้าเพียงแค่รายงานเรื่องต่างๆเช่นเดิมเพียงแต่เรื่องของข้าเท่านั้นที่พวกเจ้าข้าจะเป็นคนแจ้งต่อพวกเจ้าเอง เรื่องนี้พวกเจ้ารับได้หรือไม่”

จงเหรินป้ากล่าวออกมาโดยไม่ต้องใช้เวลาครุ่นคิดแม้แต่น้อย

“เรื่องนั้นศิษย์น้องไม่ต้องกลัว ข้ารับปากเจ้า จริงแล้วพวกข้าทั้งสองก็ไม่อยากกระทำเรื่องแบบนี้แต่เพราะมันเป็นเรื่องของตระกูลเจ้าก็น่าจะรู้ ตอนนี้ในเขตเมืองหลวงล้วนแล้วแต่มีตระกูลใหญ่ๆจากหลายเมืองรวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่าต้องมีการแยกชิงอำนาจกันอย่างลับๆ”

เนี่ยฟงรีบยกมือขวาขึ้นห้าม

“เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี เอาเป็นว่าเรื่องที่นี่ขอให้พวกเจ้ากระทำตามที่ข้ากล่าวก็พอ”

“ได้ เชิญศิษย์น้องสั่งเถอะข้ายินดีกระทำ ว่าแต่เมื่อครู่เหมือนว่าเจ้าและศิษย์น้องหยางเวยจะรับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเป็นข้าและหยางเฟย”

“แน่นอนนั้นเพราะข้าเป็นคนสังหารชายชุดสีเทาที่พวกเจ้าแอบพบเจอกันในภารกิจล่าสัตว์อสูร”

“นี่”

“เอาละพวกเราออกมานานมากแล้ว รีบกลับเถอะก่อนที่คนอื่นจะสงสัย”

หยางเวยเข้าไปแก้มัดเชือกทั้งสองพร้อมกับจี้คล้ายสกัดจุด หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็พุ่งทะยานกลับไปที่ค่ายทิ้งให้จงเหรินป้าและหยางเฟยนั่งนิ่งอยู่กลางศาลา

“ศิษย์พี่”

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะกล่าวสิ่งใด แต่ทำตามที่เนี่ยฟงกล่าวเถอะ หากไม่ได้เนี่ยฟงเราคงตกตายไปนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้เราก็หากระทำสิ่งใดได้”

“ขอรับ”

“หากกลับไปที่เมืองหลวงข้าจะออกจากตระกูลไปใช้ชีวิตของตัวเอง ว่าแต่เจ้าเถอะจะติดตามข้าอีกหรือไม่”

“แน่นอนขอรับ”

“เอาเถอะตอนนี้ก็กลับไปที่ค่ายก่อน”

ไม่นานทั้งสองก็พุ่งทะยานออกจากศาลาแปดเหลี่ยมมุ่งหน้ากลับไปที่ค่าย ชั่วน้ำเดือดเนี่ยฟงและหยางเวยก็เดินออกมาจากมุมมืดหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ศาลา

“เนี่ยฟงเจ้าป้อนยาพิษให้ทั้งสองจริงรึ”

“เหอะที่ข้าป้อนให้ทั้งสองมันเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายเพียงแค่นั้น”

“ไอ้บ้าเอ้ยข้านึกว่าเจ้าให้ยาพิษแก่ทั้งสองจริง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าเพียงแค่หลอกพวกเขาเท่านั้น แต่เพียงได้ยินที่จงเหรินป้ากล่าวออกมาข้าก็มั่นใจว่าทั้งสองไม่หักหลังพวกเราแน่ ตอนนี้เรากลับไปที่ค่ายกันเถอะพรุ่งนี้เราต้องออกไปลุยด้านนอกกันแล้ว”

“เช่นนั้นเชิญคุณชายเนี่ยฟงขอรับ”

รุ่งเช้าแสงอรุณสาดส่องทันทีที่เนี่ยฟงและหยางเวยออกมาจากกระโจมที่พักก็พบเห็นจงเหรินป้าและหยางเฟยยืนรอด้านหน้า จงเหรินป้ามอบจดหมายให้เนี่ยฟงสองฉบับ ทันทีที่เนี่ยฟงเปิดอ่านได้ไม่นานก็แสยะยิ้มยื่นจดหมายคืนให้แก่จงเหรินป้า

“ขอบคุณที่ทำตามร้องของข้า เอาละเราไปรวมตัวกับทุกคนเถอะ”

ไม่นานทั้งสี่ก็เดินมารวมตัวกันที่กระโจมใหญ่ มีหลายคนเช่นกันที่มาถึงที่นี่ก่อนแต่ละคนกล่าวทักทายกันอย่างปกติไม่ถึงหนึ่งเค่อทั้งหมดก็มาอยู่ที่นี่กันครบ เจ้าสำนักถันลู่จวิ้นอาการเริ่มดีขึ้นมากแล้ววันนี้เดินออกมาจากกระโจมได้แต่พลังปราณยังคงที่เท่าไรนัก

“ข้าขอบคุณเจ้ามากเนี่ยฟง หากไม่ได้เจ้าข้าคงตกตายไปแล้วเพราะพวกปีศาจบัดซบนั้น ภารกิจที่พวกเจ้าได้กระทำเมื่อวานต้วข้าเองขอขอบใจพวกเจ้ามากเช่นกัน ส่วนภารกิจตั้งแต่วันนี้ไปเราจะกวาดล้างโดยรอบรัศมีสองร้อยลี้และตั้งแต่วันนี้ไปเราจะกระจายกันตั้งค่ายด้านนอกยึดพื้นที่เขตไฟก่อนเป็นอันดับแรก เอาละพวกเจ้าเตรียมตัวเดินทางเถอะอีกหนึ่งชั่วยามพบกันที่นี่ ส่วนเนี่ยฟงรออยู่ก่อน”

สิ้นเสียงกล่าวเสียงตะโกนโห่ร้องดังสนั่น ไม่นานทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวเหลือเพียงเนี่ยฟง และผู้อาวุโสอีกสองคนยืนอยู่

“ข้าสนใจแผ่นหินอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่น้อย ตอนนี้ข้าได้ส่งจดหมายด่วนถึงบรรดาช่างเพื่อนข้าหลายคนให้เดินทางมาที่นี่ เจ้าสนใจแบ่งปันชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ข้าได้หรือไม่”

“แน่นอนขอรับ หากท่านต้องการข้ายินดีมอบชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ให้ขอรับ”

“ข้าขอบใจเจ้ามากเนี่ยฟง หากอาจารย์ของเจ้ายังอยู่คงยินดีกับเจ้าไม่น้อยที่เติบใหญ่ถึงเพียงนี้ ส่วนเรื่องเจ้าบัดซบหลิวปังขอเพียงข้าหายดีข้าจะเป็นคนสังหารมันเองตอนนี้ข้าแจ้งข่าวแก่เจ้าสำนักอักขระเต่าดำแล้วเช่นกัน เจ้าไปเตรียมตัวเดินทางเถอะ อีกเจ็ดวันคนพวกนั้นคงมาถึง ถึงเวลานั้นข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

“ขอรับเจ้าสำนัก เช่นนั้นข้าต้องตัวก่อนขอรับ”

หลังจากกลับมาที่พักเนี่ยฟงก็มอบแผ่นหินให้แก่เสี่ยวจูอีกสองร้อยแผ่นสำหรับนำไปใช้ที่ด้านนอก

“เนี่ยฟงเกิดสิ่งใดขึ้น”

“ไม่มีสิ่งใดมากเจ้าสำนักถันลู่จวิ้นเอ่ยปากขอชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังรับปากจะสังหารหลิวปัง ว่าแต่เจ้าเถอะเตรียมตัวเสร็จแล้วใช่หรือไม่”

“ข้าหาได้ต้องเตรียมตัว”

“เช่นนั้นก็ไปรวมตัวที่กระโจมใหญ่เถอะ”

เกือบชั่วยามเริ่มที่จะมีผู้คนเริ่มทยอยมาที่กระโจมใหญ่ ไม่นานทุกคนก็มากันครบ มีการจัดแบ่งกำลังคนเป็นห้ากลุ่มใหญ่ โดยแบ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มสี่คน จงเหรินป้า หยางเฟย ฟางจวินซีและเสี่ยวจู โดยมีผู้อาวุโสติดตามกลุ่มละสองคน ส่วนอีกกลุ่มประจำการที่นี่เพื่อป้องกันปีศาจบุกโจมตี เนี่ยฟงและหยางเวยขอเป็นเพียงกองกำลังอิสระคอยดูอยู่รอบนอก หลังจากแบ่งกำลังคนเสร็จสิ้นเสี่ยวจูก็แจกแผ่นหินที่ได้มาใหม่ให้แก่หัวหน้ากลุ่มทั้งสามเพิ่มเติม หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นทั้งหมดก็ออกเดินทาง

ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามทั้งสี่กลุ่มก็ได้สถานที่ตั้งค่ายพักโดยห่างจากเมืองหน้าด่านเก้าสิบลี้ โดยแบ่งกำลังคนออกลาดตระเวน จัดตั้งค่าย ส่วนเนี่ยฟงและหยางเวยทั้งสองรับอาสาทำกับดักโดยรอบค่ายที่พัก ในจังหวะนั้นเองก็เกิดเสียงปะทะดังขึ้นด้านซ้ายของค่าย เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

“หยางเวยรีบออกไปดูกันเถอะว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”

หยางเวยหาได้กล่าวตอบรับเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้น หลังจากนั้นทั้งสองก็พุ่งทะยานไปตามเสียงที่ได้ยิน เมื่อมาถึงก็พบกลุ่มของฟางจวินซีเข้าปะทะกับสัตว์อสูรลิงตัวใหญ่สีขาวมีสี่แขนสภาพกลายร่างเป็นปีศาจแล้ว แขนทั้งสี่หลงเหลือเพียงกระดูกมีปราณสีดำปกคลุม เสียงปะทะของปราณกระบี่พุ่งเข้าปะทะร่างกายเสียงดังสนั่น ไม่นานฟางจวินซีก็ร้องตะโกน คนทั้งหมดกระจายล้อมตัวสัตว์อสูร ชั่วน้ำเดือดโดมสีฟ้าก็ปรากฏออกมาครอบทั้งคนทั้งสัตว์อสูรไว้ ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังลั่น พร้อมกับโดมสีฟ้าสลายหายไปหลงเหลือเพียงเสียงเฮของผู้คนด้านใน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด