ตอนที่แล้วตอนที่ 24 ฉันกับฉู่โม่เฟิงไม่ได้มีอะไรกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ผมคิดว่าผมตายแล้วซะอีก

ตอนที่ 25 ถูกจับได้


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

“หยุดเลยนะ ฉู่โม่เฟิง แกอย่าเข้ามาใกล้ฉัน! ไม่งั้นอาจารย์ที่ปรึกษาได้เรียกฉันเข้าไปคุยอีกแน่ โทษฐานทำให้แกเสียหาย ฉันจะมีโทษทั้งๆที่แกเป็นคนเสนอหน้าเอาตัวเองเข้ามาใกล้ แบบนั้นมันยุติธรรมสำหรับฉันเหรอ?”

 

ที่หลินเฉี่ยนพูดนับว่าไม่ผิด ครูที่ปรึกษากำชับเธออย่างหนักแน่นแล้วว่าต่อไปนี้ห้ามก่อเรื่องขึ้นอีกเด็ดขาด ดังนั้นตอนนี้เธอจึงต้องถอย ถึงจะต้องถอยอีกเป็นหมื่นก้าวก็ต้องทำ ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว การที่ใครมีใจให้เธอ หรือเธอถูกสารภาพรักเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น

 

-ก็ลองเธอกล้าทำเรื่องนอกใจ -- ไม่สิ -- หักหลังคนอย่างกู้เฉิงเซียวแบบลับหลังเขาแบบนั้น เกิดวันนึงคนน่ากลัวนั่นรู้ขึ้นมาเธอจะไม่ถูกฆ่าตายเลยเรอะ?-

 

“เพราะฉะนั้น ฉู่โม่เฟิงแกถอยออกไปให้ห่างจากฉัน นี่ฉันพูดจริงๆนะ ขอร้องล่ะ พวกเรากลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้เหรอ?”

 

ยิ่งหลินเฉี่ยนถอยออกไปมากเท่าไหร่ ฉู่โม่เฟิงก็ยิ่งพยายามเข้าไปใกล้เธออย่างไม่ลดละ เขาอยากจะพูดให้ชัดๆอีกสักครั้ง

 

“หลินเฉี่ยนที่จริงฉันชอบเธอมาตั้งแต่ตอน ม.5 แล้วนะ”

 

“.......” หูเราจะต้องเพี้ยนไปแล้วแน่เลย

 

ลมเย็นๆหอบหนึ่งพัดผ่านมาพาให้ใบเมเปิลร่วงโรย เวลานี้อาทิตย์ลับขอบฟ้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว หนึ่งคนตัวสูงกับอีกหนึ่งคนตัวเตี้ยกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ท่ามกลางความสลัวเลือนรางและไร้ซึ่งแสงของดวงอาทิตย์

 

“ตอนนั้น เธอถูกครูทำโทษทุกวัน ช่วงแรกๆ ฉันก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่สมควร แต่หลังจากนั้นฉันกลับรู้สึกเศร้าทุกครั้งที่เห็นเธอถูกครูทำโทษ โดยที่ฉันก็ไม่รู้เลยว่ามันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

“คนอื่นอาจจะเห็นแต่ด้านบ้าระห่ำของเธอ อาจมองเธอเป็นคนเกเร แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันเห็นน้ำตาอันแสนเศร้าของเธอตอนวันก่อนการประชุมผู้ปกครอง ฉันเห็นเธอที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวและรักความยุติธรรมเสมอโดยเฉพาะเวลาที่เพื่อนร่วมชั้นถูกรังแก ฉันเห็นความดันทุรังของเธอตอนงานกีฬาสีที่พยายามเพื่อให้สีของเราชนะ”

 

“ข้อเสียของเธออย่างที่ใครเขาว่ากัน ทุกสิ่งที่คนอื่นมองว่าแย่ เธอรู้ไหมทั้งหมดนั่นในสายตาฉัน ฉันเห็นมันมีแต่ข้อดี พอวันนึงที่ฉันรู้ตัวว่าตัวเองคิดแบบนั้น วันนั้นแหละฉันถึงได้รู้ว่าฉันชอบเธอ”

 

“แต่ตอนนั้นฉันยังไม่กล้าพอที่จะยอมรับมัน ฉันไม่กล้าที่จะเผยความรู้สึก อีกอย่างฉันก็ไม่เคยเข้าใจด้วยว่าการที่เราจะชอบคนคนนึงมันต้องทำยังไง ฉันเลยแกล้งทำตัวเหมือนปกติคือ ไม่สนใจเธอ”

 

“ตอนที่ฉันรู้ว่าเธอเลือกเข้าเรียนมหาลัยนี้เพื่อเติมเต็มความฝัน ฉันก็เลือกสอบเข้ามาเรียนคณะเดียวกับเธอแบบไม่ลังเลเลย …...ฉันสารภาพตรงๆเลยนะ ที่จริงที่ฉันเข้ามาเรียนที่นี่…..มันเป็นเพราะฉันตามเธอมา หลินเฉี่ยน”

 

---ในตอนนี้ หลินเฉี่ยนตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหินโง่ๆไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ---

 

“ครั้งก่อนที่เธอปฏิเสธฉัน ฉันก็กลับไปสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่หลายวัน มันอาจจะเป็นเพราะท่าทางหยิ่งยโสของฉันมันเลยทำให้เธอไม่ได้รู้สึกถึงความจริงใจที่ฉันมี ปกติฉันเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงนะ แล้วฉันก็ภาคภูมิใจในสิ่งที่ฉันทำเสมอ แต่รู้ไหมหลินเฉี่ยน เพื่อเธอแล้วฉันสามารถโยนเกียรติทุกอย่างของฉันทิ้งไปได้ให้เธอมีความสุข เพื่อเธอแล้ว ฉันไม่สนใจทั้งนั้นว่าใครจะมองยังไง ฉันไม่เคยเชื่อข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับเธอเลย ฉันเชื่อสิ่งที่เธอพูดเท่านั้น”

 

“หลินเฉี่ยนเธอให้โอกาสฉันสักครั้งได้ไหม? ฉันคิดมาอย่างดีที่สุดแล้วและฉันรู้แล้วว่าฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอมาก...”

 

ในสายตาคนอื่นแล้ว เรื่องแบบนี้หลินเฉี่ยนไม่ต่างจากท่อนไม้แห้งๆ แม้แต่ตัวเธอเองก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น ทั้งตัวเธอส่วนที่หนาที่สุดคือผิวหนังโดยเฉพาะหนังหน้าที่หนาจนด้าน ไม่ใช่แค่หน้าด้านแต่เธอยังอารมณ์ร้ายมากอีกต่างหาก ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับการสารภาพรักของฉู่โม่เฟิงแบบนี้ หลินเฉี่ยนไม่ใช่แค่หัวสมองว่างเปล่าเท่านั้น แต่แก้มสองข้างก็ยังแดงแปร๊ดอีกด้วย

 

ด้วยท่าทางของหลินเฉี่ยนในเวลานี้ทำให้ฉู่โม่เฟิงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเริ่มใจอ่อนกับเขาแล้ว บางทีเธอก็อาจจะมีใจให้เขาเช่นกัน

 

เวลาเราชอบใครสักคนหนึ่งแล้วหันไปมองเขา ถ้าหากจังหวะนั้นเราเห็นว่าอีกฝ่ายเองมองเราอยู่เช่นกัน เมื่อได้สบสายตากันพอดิบพอดีแบบนั้น ก็เป็นธรรมดาที่เราจะคิดว่าฝ่ายนั้นก็ชอบเราเหมือนกัน คงไม่ต่างกันกับตอนนี้ในเมื่อปฏิกิริยาของหลินเฉี่ยนมันฟ้องชัดขนาดนี้….

 

ฉู่โม่เฟิงไม่รอให้หลินเฉี่ยนตอบกลับ เขาก้าวเข้าไปประชิดตัวเธอก่อนจะถือโอกาสนี้คว้ามือเล็กๆ นั้นเพื่อจะกุมไว้

 

ทว่าทันทีที่มือใหญ่สัมผัสถูกมือเธอ หลินเฉี่ยนก็รีบสะบัดมือออกทันที เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต

 

และด้วยท่าทางการแสดงออกที่ดูมากเกินไปแบบนี้มันง่ายที่จะทำให้อีกฝ่ายเกิดการเข้าใจผิด...มากขึ้นไปอีก

 

“ทำไมกัน? เธอยังไม่เชื่อว่าฉันจริงใจอีกเหรอ?” และเพราะเขาคิดแบบนั้น หลังจากพูดจบฉู่โม่เฟิงก็ดึงไม้เทนนิสออกมาพาดไว้บนบ่าก่อนที่จะถามคนตรงหน้าเสียงทุ้ม “เธอยังจำไม้เทนนิสอันนี้ได้ไหม?”

 

หลินเฉี่ยนเพ่งมองไม้เทนนิสในมือเขาอย่างตั้งใจ แน่นอนว่าเธอจำมันได้นี่เป็นไม้เทนนิสที่เธอใช้ในการแข่งเมื่อครั้งที่เข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสในนามตัวแทนของโรงเรียนตอนอยู่ ม.5 เป็นเพราะตอนนั้นเธอแข่งชนะและได้ไม้เทนนิสคู่หนึ่งใหม่เอี่ยมเป็นรางวัล และเธอก็ได้ยกไม้เทนนิสอันเก่าของเธอให้กับฉู่โม่เฟิง...ซึ่งก็คืออันที่อยู่ในมือเขาตอนนี้

 

เธอจำได้ว่าเพราะไม้เทนนิสอันนี้มีเส้นเอ็นที่ขาดไปหลายเส้นแล้ว ไม่งั้นเธอคงไม่ยกมันให้คนอื่นแบบนั้น อันที่จริงในตอนนั้นที่เธอยกมันให้กับฉู่โม่เฟิง เหตุผลเป็นเพราะเธอแค่ตั้งใจจะอวดว่าได้แชมป์ให้เขารู้เท่านั้น

 

แต่….คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเอาไม้เทนนิสอันเอ็นขาดนั่นไปซ่อมมันจนเหมือนใหม่แถมยังมองเจตนาของเธอในแง่ดีจนเก็บมันอย่างทะนุถนอมถึงขนาดนั้น

 

“แก......” และครั้งนี้มันทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกหวั่นไหวได้จริงๆ ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเคยได้รับจดหมายรักมาแล้วกี่ฉบับหรือมีคนมาสารภาพรักด้วยกี่คน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้เธอหวั่นไหวได้มากเท่ากับครั้งนี้

 

“ที่ฉันพูดฉันจริงจังนะ ฉันไม่ได้พูดเล่น”

 

ฉู่โม่เฟิงอมยิ้มน้อย แววตาของเขาดูเป็นประกายสดใส แก้มแดงระเรื่อนั่นบอกชัดเจนว่ากำลังเขินอายแต่เขาก็ยังมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม “หลินเฉี่ยน หลังจากนี้ฉันจะดูแลเธอเอง ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธออีก”

 

--- นี่เป็นคำมั่นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาให้ไว้กับเธอ ---

 

หัวใจของหลินเฉี่ยนเต้นรัวเร็วมากขึ้นอีกขั้น จนเธอกลัวว่าเสียงหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งจะดังออกมาจนเขาได้ยิน อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังปฏิเสธอย่างหนักแน่น  “ขอโทษนะ แต่ฉันคงรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ”

 

“ฉันคิดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้คิดกับนายแบบนั้น ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้คิด ที่ผ่านมามันเป็นไปไม่ได้ยังไง ในอนาคตมันก็เป็นไปไม่ได้แบบนั้น”

 

“ทำไมล่ะ?” ความตื่นเต้นดีใจของฉู่โม่เฟิงสะดุดลงกึก อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปกะทันหัน พร้อมกันนั้นรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าหล่อเหลาก็เจื่อนลงไปทันที

 

“มันไม่มีเหตุผลอะไร แค่..ฉันไม่ได้ชอบแก”

 

“เธอโกหก”

 

“ทำไมฉันต้องโกหก? แกคิดว่าแกเป็นใคร?” หลินเฉี่ยนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาแบบนั้น แม้ว่าเธอจะเจ็บปวดหัวใจแต่เธอก็ไม่มีวิธีอื่น “ฉัน-ไม่-เคย-ชอบ-แก ที่แกมาชอบฉันแต่ฉันไม่ได้ชอบแก...แบบนี้แกจะมาโทษว่าเป็นความผิดฉันงั้นสิ?”

 

“ฉันไม่เชื่อ!”

 

ฉู่โม่เฟิงพูดด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงของเขามั่นคงมากซะจนทำให้หัวใจของหลินเฉี่ยนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย ชอบงั้นเหรอ? หนุ่มหล่อเพอร์เฟคขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องชอบอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร หลินเฉี่ยนรู้ดีว่าสำหรับเธอมันสายเกินไปแล้วที่จะมาพูดอะไรแบบนี้กันตอนนี้ โดยเฉพาะด้วยสถานภาพปัจจุบันของตัวเธอเอง

 

“ฉันจะไปแล้ว หลีกทางให้ฉันด้วย” สาวน้อยเริ่มหมดความอดทน เธออยากจะวิ่งหนีออกจากตรงนี้แล้ว

 

แต่...ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะยังขวางทางเธอไว้ไม่ยอมให้เดินผ่านไป พอเธอจะหลบไปทางซ้ายเข้าก็ขยับไปขวางทางซ้าย ถ้าเธอหลีกออกไปทางขวาเขาก็ขยับตามไปทางขวา

 

“นี่คุณชายฉู่คะ ฉันมีสิทธิ์จะปฏิเสธถูกไหม? หรือแกคิดว่าถ้าบอกชอบใครแล้วคนนั้นต้องมาเป็นแฟนแกเลยงั้นสิ? ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบหวังอี้ป๋อถ้างั้นหวังอี้ป๋อก็ต้องมาเป็นสามีฉันถูกมะ?”

 

ในเมื่อพูดแล้วไม่ได้ผล งั้นก็ต้องลงมือ! ฉู่โม่เฟิงใช้มือของเขาคว้าหมับเข้าที่แขนของหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่จะลากตัวคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามาใกล้ตัวป้องกันไม่ให้เธอเดินหนีไป

 

“เห้ย ปล่อยมือฉันนะเว้ย นี่มันที่สาธารณะ ทำอะไรแบบนี้ดูไม่ดีเท่าไหร่มั้ง!”

 

“ฉันจะให้คนทั้งโรงเรียนรู้ให้หมดเลยว่าเธอคือคนที่ฉันชอบ และหลังจากนี้ก็ห้ามไม่ให้ใครมายุ่งกับเธอแม้แต่ปลายนิ้ว!”

“……”

 

ตระกูลฉู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในประเทศก็มีโรงงานอุตสาหกรรมเปิดในนามของตระกูลนี้ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดและแน่นอนว่าเหล่าคนในตระกูลนี้มีอิทธิพลสูงมากจนเรียกว่า ‘ล้นฟ้า’ เลยก็ว่าได้

 

ฉู่โม่เฟิงมีรถหรูมารับ-ส่งที่หน้ามหาวิทยาลัยทุกวันแถมยังมีคนคอยถือกระเป๋าและเรียกเขาว่าคุณชายใหญ่อยู่ตลอดเวลา

 

อันที่จริงคนแบบเขามีสิทธิ์แม้กระทั่งชี้นิ้วเลือกผู้หญิงคนไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการให้มาเป็นของตัวเอง

 

แต่การที่จะต้องให้เขามาคอยปกป้องเธอแบบที่เขาบอก เป็นสิ่งที่หลินเฉี่ยนไม่ต้องการและเธอก็ถือว่าเขากำลังดูถูกเธอด้วย

 

ในขณะที่พวกเขากำลังยื้อยุดฉุดกระชากแขนกันไปมาอยู่นั้น จู่ๆรถแลนด์โรเวอร์คันโตใหม่เอี่ยมก็ปรากฏขึ้นมาบนถนน ไฟรถคันใหญ่สาดส่องจนเห็นทั่วถนนทั้งสายรวมไปถึงทางเท้า ถนนเส้นนี้ไม่ได้กว้างมากนัก และด้วยความที่มันค่อนข้างแคบ รถขนาดใหญ่อย่างแลนด์โรเวอร์คันนี้จึงครองพื้นที่ถนนไปจนหมด รถคันยักษ์บนถนนสายเล็กดูเป็นภาพที่ขัดตาเหลือเกิน

 

เมื่อกระจกแลนด์โรเวอร์ถูกลดระดับลง หลินเฉี่ยนก็มองเห็นหน้าของคนขับที่นั่งด้านใน เธอชะงักไปทันทีเหมือนถูกเข็มทิ่มเข้ากลางไขสันหลัง ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

 

“ขึ้นรถ” กู้เฉิงเซียวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าดวงตาของเขาที่มองมากลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ดูผิดปกติ...มันชัดเจนจนน่ากลัว...

 

หลินเฉี่ยนรีบสะบัดมือออกจากฉู่โม่เฟิงตามสัญชาตญาณ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดร้ายแรงไปซะอย่างนั้น

.

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด