ตอนที่1อุบัติเหตุ
ตอนที่1อุบัติเหตุ
“อย่า..อย่ากินฉัน..กริ๊ดดดดด..”สะดุ้งตัวเฮือกใหญ่หลังจากฝันประหลาดๆ เมื่อวาน
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ..เป็นอะไรรึเปล่า”พยาบาลที่กำลังยืนตรวจเช็คอุณหภูมิร่างกายให้เดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงเพราะเสียงกรีดร้องของฉันเมื่อกี้
“โรงพยาบาล..?? ..”ฉันที่ตื่นขึ้นมาในสภาพหัวกระเซอะกระเซิงเหมือนถูกหมารุมทึ้ง กำลังอ้าปากเหวออยู่บนเตียง ถึงจะจำเรื่องตอนนั้นไม่ค่อยออกแต่ก็จำได้ลางๆอยู่นะ
“ค่ะ..ที่นี่โรงพยาบาล..เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นคะ?? ถึงได้ไปนอนสลบกับเสาไฟแบบนั้น”พยาบาลถามออกมาอย่างสงสัยระหว่างตรวจเช็คอุณหภูมิของฉันไปพลางๆแล้วก็ดูสายน้ำเกลือที่แขวนบนเสาข้างเตียง
“สลบ??..เมื่อคืน...ฉันจำได้ลางๆว่า..กำลังขับรถกลับบ้าน..แล้วก็ทุกอย่างก็มืดลงไปเลย..”ฉันพูดออกไปตามที่จำได้จากในหัวคร่าวๆประมาณนั้นนะ
“ค่ะ..งั้นพักผ่อนต่ออีกสักเล็กน้อยนะคะเดี๋ยวจะจัดเตรียมยามาให้กินนะคะ”พยาบาลยิ้มรับเบาๆพร้อมเดินหายลับออกจากห้องไปทิ้งให้ฉันนอนถอนหายใจหลายเฮือก
“ขอบคุณค่ะ..”ได้แต่นอนงงๆ กับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลยแถมยังเจ็บที่หลังแปลกๆ
“ฉันอาจจะเส้นผลิกก็ได้มั้ง..?”
“ปึง..จำปา..มึงเป่นจั๋งใด๋แน่อีดำ”แขกไม่ได้รับเชิญเปิดประตูห้องของฉันเข้ามาปึง
(จำปาแกเป็นยังไงบ้างวะอีดำ)
“..อีซ่างมึงเข้ามาเฮ็ดหยังออกไปติล่ะกูสินอน อีหมู่เวร”
(อีช้างมึงเข้ามาทำไรวะออกสักทีดิวะกูจะนอน อีเพื่อนเวร)
“กูได่ข่าวมึงหวังวานว่ามึงรถคว่ำ”ช้างเดินดุ่มๆมาหยุดที่ข้างเตียงฉันพร้อมด้วยสายตาที่ไล่ตรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับตลกในสภาพของฉันที่นอนเน่าในเตียงที่โรงบาล
(กูได้ข่าวเมื่อวานว่ามึงรถคว่ำมา)
“คว่ำพ่อมึงติ..กูบ่ได่รถคว่ำมึงสิฟ้าวแซ่งกูติอีห่าราก”
(คว่ำพ่อมึงดิ กูไม่ได้รถคว่ำมึงจะรีบแช่งกูไปไหนวะอีห่ารากนี่)
“ป๊าดๆหมู่อุส่าห์ห่วง..ครืดด..ว่าแต่เมื่อคืนมึงถืกผีหลอกมาบ่”
(โอ้ๆเพื่อนอุส่าห์เป็นห่วง ว่าแต่เมื่อคืนมึงถูกผีหลอกมาใช่ป่ะวะ)
“บ่ฮู้..ออกไปติล่ะกูสินอน”ผลิกตัวหันก้นให้อีช้างที่มานั่งคั้นคอถามไม่เลิก
(ไม่รู้ แล้วก็รีบๆออกไปสักทีกูจะนอน)
“กึดดด..อย่าฟ้าวหันดากมาให่กูเบิ่งอีดำ..บอกกูมาก่อนว่ามึงถืกผีหลอกมาบ่”
(อย่ารีบหันตูดมาให้กูดูสิวะอีดำ บอกกูมาก่อนว่ามึงถูกผีหลอกมาใช่ไหม)
“กูบ่ฮู้..อย่าดึงผ่าห่มกู..ปล่อยยย”
(กูไม่รู้เรื่อง อย่าดึงผ้าห่มกู)
ยื้อดึงผ้าห่มแทบตายสุดท้ายก็โดนช้างเพื่อนเวรดึงผ้าห่มหนีไปจ้า นอนตัวขดกับเตียงเลยทีนี้
“บอกกูมาก่อน..”
“เว้ากลางได่บ่”
“ได่ค่ะ..เมื่อคืนน่ะแกเจอผีหลอกมาใช่ป่ะ ได้ข่าวว่าพวกชาวบ้านที่ไปเจอตัวแกน่ะเห็นรอยเท้าเบ่อเร้อเต็มไปหมด ยิ่งมีรอยครูดที่ข้างรถแกนี่คนยิ่งแตกตื่นไปใหญ่” ช้างเล่าเรื่องไปมันก็ทำท่าโอเว่อร์ไปด้วยจนฉันอดที่จะหัวเราะไม่ได้แหะ
“เรื่องอะไรวะ..ฮึบ”ผลิกตัวหันมาทางฝั่งของช้างที่เริ่มเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
“ชาวบ้านบอกว่าน่าจะเป็นเสือผี..ไม่ก็เสือสมิงแหละมั้งเห็นเขาบอกมางั้นนะแต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะอย่างที่รู้ๆว่าบ้านเรามันป่าทั้งนั้นก็คงไม่แปลกที่จะมีเสือนั่นแหละติดเขาติดป่าซะแบบนั้น”
“อะฮะ..”ฉันฟังไปก็ผยักหน้ารับไปด้วยอย่างเข้าใจที่ช้างมันสื่อ
“แถมมีอันหนึ่งที่คนพากันร้องเฮใหญ่คือ ทะเบียนรถแกน่ะตรงๆ ตัวเลยเว้ย”ช้างอดไม่ได้ที่จะฟาดขาตัวเองทีนึงเหมือนกับว่ามันสำคัญมากกับไอ้ทะเบียนรถฉันนี่นะ
“อะไรวะทะเบียนรถอะไร?”ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างมึนๆกับเรื่องป้ายทะเบียนรถ มันหลุดหายแล้วชาวบ้านเจอรึไงหรือยังไงกันแน่
“ก็คนที่ไปเจอแกน่ะเขาเอาเลขทะเบียนรถแกไปตีเลขถูกกันใหญ่เลยเฮ้สนั่นซอย พวกนั้นก็เลยฝากเงินมาให้ที่ทำให้พวกเข้าถูกเลขกัน”
“กี่บาทวะที่ถูก..”ฉันถามอย่างไม่คิดมากเพราะยังไงฉันก็คงไม่น่าถูกด้วยมั้งเพราะนอนเหี่ยวเป็นผักแบบนี้จะเอาเวลาไหนไปซื้อหวยอ๋อ สลากกินแบ่งรัฐบาลขืนบอกหวยโดนจับแหง
“2ล้าน..”
“แล้วให้กูกี่บาท..”
“20..” ช้างพูดจบก็ควักเงินออกจากกางเกงยื่นใส่มือฉัน
“แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่ากูซื้อให้มึงเหมือนกัน..มึงก็ถูกนะไม่ต้องห่วงๆ นี่เงินก้อนกูใส่ถุงก๊อปแก๊ปมาให้เอ้า..2หมื่นน่าจะพอนะส่วนอันอื่นๆกูฝากให้แหละ”ช้างยื่นถุงใสที่มีเงินก้อนนึงมัดหนังยางใส่มือฉันอีกรอบ
“อื้อ..กูอยากกลับบ้านพากูกลับหน่อยดิ”ฉันขอร้องกับช้างที่น่าจะเป็นสะพานหลักพาฉันออกจากโรงบาลซะที ขืนอยู่ต่อคงจะเสียเงินอีกหลายพันแหงแค่นี้ก็คิดดูรวมๆว่าหลายพัน
“เฮ้อ...รถมึงซ่อมอยู่..งั้นกลับกับกูก็ได้..รอก่อนเดี๋ยวกูไปคุยกับหมอแป๊บนะ”
“อือๆเร็วๆนะมึงกูกลัวปลากูตาย”
“จ้า..แม่ชาวสวนนน”พร้อมประตูห้องที่ปิดลงไป
“เฮ้อ...ย่าทำอะไรอยู่นะ..อือ..เจ็บหลังชะมัดให้ตายเถอะ..อื้อ..เจ็บโว้ยยยย”ฉันเริ่มแหกปากดิ้นพล่านไปมาเพราะว่าหลังที่เจ็บแปล๊บๆไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้ มันอาจจะเป็นมากกว่าเส้นยึดหรือว่าฉันหลังเด๊าะซะแล้วล่ะ
กว่าจะได้กลับบ้านก็เที่ยงพอดี ช้างก็เลยอาสาพาไปกินส้มตำแถวๆ นี้ก่อนกลับ
“แม่ค่าๆ..เอาตำส้มแน่แซ่บๆ..ปลาแดกเป็นต่อนๆเลยเด้อ”
“เอาเผ็ดบ่หล้า..”
“บ่ๆ..หมู่ข้อยกินเผ็ดบ่ได่”
“จ้า..เหนียว ไก่ย่างเอาบ่”
“เอามาซุดหนึ่งโล้ด...”
“จัดไปบักคำหล้า..เอาไปพี่เพิ่ลชุดหนึ่งงง”
เลือกโต๊ะที่อยู่ริมๆ จากฝั่งทางเดิน โดยมีชาวบ้านมากหน้าหลายตามานั่งกินส้มตำกันเยอะแยะ ก็งี้แหละคนอีสานชอบอะไรแซ่บๆ
“เอาน้ำแข็งป่ะ..เยอะไหม”
“2ก้อนพอ..เดี๋ยวไปหาน้ำแป๊บนะ”
“อือๆ..กูเอาน้ำแป๊บซี่นะ”
“ได้ๆ”แบ่งหน้าที่กับช้างเสร็จก็เดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำขวดเย็นๆ ก่อนจะกลับมานั่งประจำที่กับโต๊ะเดิม ไม่นานนักส้มตำแซ่บๆ ก็มาเสิร์ฟพร้อมเหนียวไก่ย่างร้อนๆ
“กินโล้ดสิได่มีแฮงงง”
“อือ..”นั่งหยิบข้าวเหนียวเข้าปากเคี้ยวเล่นตุ้ยๆ ระหว่างฉีกขาไก่เนื้อแน่นๆ แล้วเอาเข้าปากไปเคี้ยว แต่ก็กินได้ไม่กี่คำมีสายโทรเข้ามา
“ตรู๊ด..ตรู๊ด..”ฉันตวัดหางตามองดูหน้าจอมือถือตัวเองที่สั่นครืดๆไปมาบนโต๊ะ
“ทำไมไม่รับล่ะปา”ช้างถามอย่างสงสัย
“ไม่เอา..ฉันไม่อยากคุย”ฉันบอกไปอย่างปัดๆเพราะว่าชื่อที่โชว์หราตรงหน้าก็ทำให้ฉันไม่อยากรับแล้วล่ะนะ
“อ่อไอ้นั่นใช่ป่ะ..เออๆปล่อยไปเถอะ”ช้างที่เข้าใจอะไรได้ไวก็โบกมือปัดไปมาบนอากาศก่อนหม่ำข้าวเข้าปากต่อเรื่อยๆ
“อืม..”นั่งกินข้าวและส้มตำไปเรื่อยๆจนหมด ช้างถึงได้พากลับบ้าน ตลอดทางที่ผ่านเข้ามาจนถึงซอยที่ฉันนอนตัวบวมอืดกับฝนเมื่อวานมีรอยครูดขนาดใหญ่อย่างที่ช้างมันบอกจริงๆ
“เห็นป่ะตรงต้นไม้ต้นตรงนั้น..นั่นๆ”ช้างพยายามชี้นิ้วให้ฉันเพ็งสายตาไปที่ต้นกระถินต้นนึงที่หักครึ่งเพราะรอยรถชน แต่ก็มีรอยครูดขนาดใหญ่ที่ฟาดลงกลางผิวเปลือกไม้จนขาดเป็นทาง
“กระจกรถฉันบาดรึเปล่า...”
“ไม่น่าใช่หรอกมั้ง..ป่ะๆ อย่าสนใจเลยกลับบ้านดีกว่า”
“อื้อ..อย่าคิดมากเลยเนาะ”
ฉันเลือกที่จะนั่งอมขี้ฟันไปตลอดทางระหว่างฟังเพลงในรถที่ช้างมันเปิดให้ฟังไปตลอดทาง
“ช้าง..”
“อือ.มีไรปา”
“กูอยากไปอยู่ในตัวเมืองกับแม่..แต่กูทิ้งย่าไม่ได้ว่ะทำไงดี”
“แม่มึงนี่ก็ขยันทำงานเนอะ..ทิ้งมึงกับย่าได้ลงคอนานปีหนโผล่หัวออกมาเยี่ยมที กูนี่นับถือจริงๆ..หวังว่าเขาจะไม่ทิ้งมึงไว้กับย่าอีกเหมือนตอนเด็กนะกูล่ะสงสารย่ามึงฉิบหาย”
“เค้าก็คงมีธุระของเขาแหละเลยยุ่งๆ..”ฉันพยายามไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องตอนเด็ก
“แต่ก็ยังดีที่มึงดูแลย่าตลอดไม่ได้ทิ้งๆ ขว้างๆ เหมือนพ่อมึงที่มาทำแม่มึงท้องปุ๊บก็หนีหายไปทันที คนเหี้ยอะไรเหี้ยแบบเหี้ยโครตๆ..พอพูดกูล่ะขึ้นแม่งเอ๊ย”
“อย่าไปว่าเขาเถอะ..เรื่องมันก็ผ่านมานานเป็นชาติแหละ ปล่อยไปเถอะไม่ต้องไปคิดมากนะ”
“ก็จริง..แล้วเรื่องไอ้เรืองล่ะจะเอาไงกับมัน”
“กูไม่รู้..กูบอกมันไปแล้วล่ะว่าเลิกกันเถอะ แต่มันก็มาวอแวกับกูไม่เลิก”
“อืมๆ..แล้วจะให้กูไปจัดการมันเลยป่ะ”
“ไม่ต้องๆ..ถ้ามันยังสงบเสงียมในรูหอยเมียมัน”
“เออๆ..อย่างที่มึงบอกแหละเนอะ พวกนี่แม่งสารเลวหน้าตัวเมียแต่เกิด มีเมียแต่เสือกมาจีบมึง ยังดีที่มึงไหวตัวทันนะปาไม่งั้นล่ะมึงเอ๊ยยย..เมียหลวงตบมึงหน้ากระจุย”
ฉันนั่งคิดภาพตามที่ช้างมันเล่า เหมือนกับคลิปที่ฉันชอบเจอแล้วไปก็เปิดดูเวลาเล่นเฟส
“ฮ่าๆๆส้นตีนกูนิ..กูไม่เอามันหรอกมันน่าHeeจะตาย”
“ว้าย..ใช้ภาษาฝรั่งแหม่ๆนับถือแน่ค่ะหมาดำๆ..สาธุเพี้ยงๆ”
“แหวะ..มีแต่มาดามเว้ยอีช้าง..ฮ่าๆๆ”
สุดท้ายก็พากันออกทะเลคุยมั่วตั้วไปเรื่อย จนช้างมันขับรถมาส่งถึงบ้านพอดี
“เออๆ..เรื่องหวยมึงจะเอาไงดีจะบอกย่ามึงป่ะว่าถูกหวยมาตั้งหลายบาท”
“กูไม่รู้ว่ะ..ว่าจะเอาเงินมาเติมบ้านแล้วก็ซ่อมของ...งั้นโชคดีนะมึงถ้ามีอะไรขาดเหลือก็โทรหากูนะกูพร้อมช่วยเสมอ”
“เคๆงั้นกูไปก่อนนะถ้าอยากไปหาหมอหรืออะไรก็โทรบอกกูล่ะกัน..ไปแหละ”
โบกมือหยอยๆ ให้ช้างที่ขับรถกระบะซิ่งควันตลบไป ก่อนจะหอบเงินถุงใส่อกแล้วเดินจ้ำอ้าวไปหาย่าทันที
“ย่า..อยู่บ่ปากลับมาแล้วเด้อ..ย่า..อยู่ไส”ไร้ซึ่งเสียงตอบใดๆจากย่า แต่ก็ไม่นานมีเสียงเป้งๆ อยู่ในครัวดังออกมา เฮ้อแสดงว่าย่าทำกับข้าวสินะเลยไม่ได้ยิน
ถอดรองเท้าตัวเองออกแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าบ้านไปหาย่าที่ยืนคนต้มแซ่บในหม้อเพราะกลิ่นมันฟุ้งออกมาซะขนาดนี้ใครล่ะจะไม่รู้หืม?
“หอมแถ่ะ..เฮ็ดหยังกินย่า..ฟอดดด..ต้มแซ่บแม่นบ่”
(หอมจัง..ทำอะไรกินเหรอย่า..ต้มแซ่บใช่ไหม)
“กลับมาแล้วติปา..ย่าคือบ่ได่งินเสียงโต..”
(กลับมาแล้วเหรอปา..ทำไมย่าถึงไม่ได้ยินเสียงหลานเลยล่ะหึ)
กอดเอวหลวมๆของย่าก่อนจะหอมไปที่แก้มย่นๆ หลายทีจนชุ่มน้ำลาย ถึงผละตัวออกมา
“ปาถืกหวย..”
(ปาถูกหวย)
“อือ..ได่จั๋งบาท”
(อือ..ได้กี่บาทล่ะ)
“2หมื่น..”
“2หมื่นบ่..แล้วสิเฮ็ดอีหยัง??”
(2หมื่นเหรอ..แล้วจะเอามาทำอะไรบ้างล่ะ)
“เอาให่ย่า2หมื่น อีกล้านเก้าปาสิซ่อมบ้านเฮ็ดใหม่เบิ่ดเลย แล้วกะสิซื้อรถกระบะนำ”
(เอาให้ย่า2หมื่น อีกล้านเก้าปาจะซ่อมบ้านทำใหม่หมดเลย แล้วก็จะซื้อรถกระบะด้วย)
“สิซื้อมาเฮ็ดหยัง??เฮาบ่ได่ไปไสเดะล่ะปา..”
(จะซื้อมาทำไมอีก เราไม่ได้จะออกไปไหนสักหน่อยปา)
“เอาไว้พาย่าไปเที่ยวแมะ..สิได่บ่ต้องปวดดากตอนขึ้นรถปาแหมะ..มันแคบตั๋ว”
(เอาไว้พาย่าไปเที่ยวน่ะสิ..จะได้ไม่ต้องบ่นปวดก้นตอนขึ้นรถของปา..เพราะมันแคบ)
“อย่าใซ่เบิ่ดเด้อ..เงินมันหายาก”ย่าบ่นเบาๆตามประสาคนแก่
(อย่าใช้หมดนะ..เงินมันหายาก)
“จ้าๆ..งั้นปาไปอาบน้ำก่อนเด้อย่า..ฟอดดดด”
หลังจากแลกเงินสดกลับบ้านมา ก็เอาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าตัวเองชั้นบนสุด รื้อตู้ค้นหาเสื้อยืดสบายๆ กับผ้าถุงเตรียมไปอาบน้ำที่ห้องน้ำหลังบ้าน
“..ฝนจะตกอีกไหมเนี่ย..”เดินเต๊าะแตะลงจากชั้นบนของบ้านไปเอาสบู่ขันเงินแล้วก็ยาสระผม ใส่ขันเดินระลิ่วตัวปลิวไปที่ห้องน้ำทันที เป็นห้องน้ำเล็กๆไม่ใหญ่ไม่กว้างมากรอบข้างเป็นปูนโบกปิดสูงหลังคาก็เป็นสังกะสีด้านๆกับประตูสังกะสี ส่วนด้านในก็เป็นโอ่งน้ำมังกร2โอ่งแล้วก็มีแค่นี้แหละ จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดแล้วพาดผ้าถุงและชุดเปลี่ยนขึ้นบนราว
“ซ่า..ซ่า..เย็นจังเลยย..”
ตักน้ำเย็นๆ ใส่ขันราดตัวตามด้วยการฟอกสบู่จนฟองพูน ก่อนจะราดน้ำใส่อีกรอบ
“บรื๋อออ..หนาวๆ”ราดน้ำใส่หัวตามด้วยยาสระผมบีบจ๊วดๆ เกาด้วยความเร็วสูงพอประมาณแล้วก็เทน้ำจ๊วดๆใส่ พอเงยหน้าขึ้นมาคว้านหาเสื้อผ้าที่ราวแต่ก็ไม่เจออะไรแม่แต่ชุดเก่าของตัวเอง
“เอ้า..เสื้อไปไหนหมดเนี่ย..”ลูบน้ำที่หน้าออกให้หมดก่อนจะเพ็งสายตาดูดีๆ แต่ก็ไม่เจอชุดเสื้อผ้าตัวเองเลยสักนิด
“ชุดกูไปไหนวะเฮ้ย..!!”ฉันเริ่มมีน้ำโหก่อนจะชะโงกหน้าออกมาเพื่อเปิดประตู ดังปึงสอดส่องสายตามองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอ ทำได้แค่ยืนตัวหลีบอยู่หลังประตูสังกะสี แถมตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้วด้วยคงไม่มีใครบังเอิญเดินผ่านมาหรอก
“เป็นไงเป็นกันวะ..ห่างกันแค่5ก้าวก็ถึงตัวบ้าน พอถึงปุ๊บก็วิ่งปรู๊ดขึ้นบ้านก็รอดแล้วเว้ย..1..2..”
“จะไปไหนเหรอ..”เสียงใครบางคนร้องทักเตือนสติฉันที่กำลังก้าวขาจะเผ่นแนบ
“กริ๊ดดดดดด..เสียงใครน่ะ..อย่าเข้ามานะเว้ยมีขันนะ”ฉันคว้าขันเงินติดมือก่อนจะกวาดสาวตาล่อกแล่กไปมาอย่างระแวดระวัง
“ข้าเอง..แล้วนี่ก็ใช่ชุดของเจ้าใช่ไหม?”เสียงปริศนาเอ่ยขึ้นมาก่อนจะยื่นมือขาวๆ ออกมาจากอีกฟากของประตูห้องน้ำของฉันที่ยืนแอบอยู่ ฉันยื่นมือไปรับทันทีไม่รอช้า
“ขอบคุณ..”
“ระวังตัวไว้ก็ดีนะ..มันไม่ปลอดภัย” ก่อนที่เสียงพูดจะเงียบหายไปพร้อมกับอากาศ
ไม่มีแม้แต่เสียงย่ำเท้าเดินผ่านหรอแม้แต่เสียงเหยียบใบไม้แห้ง อย่าบอกนะว่า ฉันอดไม่ไหวที่จะชะโงกหน้ามาดูตอนที่คนเมื่อต๊ะกี้หายไป ฉันไม่เจออะไรเลยแม้แต่รอยเท้าหรือแผ่นหลัง
“อึก..เฮ้ยๆๆเดี๋ยวนะ..ไม่จริงใช่ป่ะ..”รีบปิดประตูหนีทันทีจัดการสวมเสื้อลวกๆทับด้วยผ้าถุงก่อนจะวิ่งเผ่นเข้าบ้านไปหาย่าทันที หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์ไปตลอดเวลาที่กินข้าวก็ขอย่าขึ้นตัวนอนก่อนเพราะวันนี้รู้สึกไม่ดี ทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างหมดแรงทั้งๆ ที่มันพึ่งจะบ่ายแต่ก็ง่วงเหลือเกิน
“ฉันคงจะเพลียยารึเปล่า..หาววว”ตบปากพลัวะๆก่อนจะกระพริบตาสองสามทีแล้วก็หลับไปทั้งแบบนั้นโดยไม่ได้เอามุ้งลงเลย สะดุ้งตัวตื่นอีกทีในตอน4ทุ่มกว่าๆเพราะว่าได้ยินหน้าต่างโดนลมตี
“ปึง..ปึง..หาววกี่โมงแล้วเนี่ย..อื้อมือถือๆ..”คว้านหามือถือในความมืดก่อนจะจับเข้ากับอะไรสักอย่างที่นิ่มๆที่เหมือนจะเป็นหมอนแต่ก็ไม่เชิงเพราะนิ่มคนละแบบ
“หื้ม?..อะไรเนี่ย..บีบๆ..”จับมือบีบฉึบๆก่อนจะลูบมือไปตามขนาดของมันที่ยาวเรื่อยๆ จนถึงอะไรสักอย่างที่อยู่เป็นแผ่นๆก้อนๆแล้วก็มีขนแปลกๆที่นุ่มมือดีมาก
“บีบๆ..อะไรวะ..”ฉันที่ไม่รู้ว่าจับอะไรเข้าก็เริ่มบีบแรงขึ้นกว่าเดิม
“อื๋อ..”
“????”
ชักมือตัวเองหนีทันทีตอนได้ยินครางเมื่อกี้ ฉันพยายามคว้านหามือถือตัวเองที่หมอนแล้วก็เจอจริงๆ สไลด์หน้าจอเปิดไฟฉายส่องไปยังที่ๆฉันเจอ ร่างผู้หญิงคนนึงตัวเปลือยล่อนจ้อนและมีคราบเลือดเปื้อนตามตัวหลายแห่งกับรอยช้ำบนร่างกาย แล้วก็ใบหูดุ๊กดิ๊กๆสีเหลืองๆที่ดุกดิกไปมาเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ที่คาดผมอย่างที่ฉันคิดไปก่อนหน้านั้น
ในหัวของฉันตอนนี้คิดไปต่างๆนาๆแล้วว่ามันคืออะไรยังไง แล้วเป็นตัวอะไรทำไมกล้าบุกขึ้นบ้านฉันได้ขนาดนี้
อ้าปากเตรียมกรีดร้องแต่ก็โดนคนชีเปลือยกระโจนตัวเข้าใส่แล้วเอามือโชกเลือดตัวเองอุดปากฉันแน่นจนหายใจไม่ออก
“อื้อๆ..”ฉันดิ้นคลุกคลักไปมาบนอ้อมแขนแน่นๆที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อที่ซึมออกมาจากร่างที่เปลือยล่อนจ้อนอยู่ตรงหน้า
“อย่า..ส่งเสียงได้ไหม..”น้ำเสียงที่วิงวอนและสายตาวิบวับๆ ที่ส่องประกายในความมืดกำลังแผ่วลงอย่างริบหรี่ จนฉันต้องชะงักเสียงร้องตัวเองไว้แล้วก็เงียบเสียงลง
“อื๋อ??”ฉันที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมทำตามที่เจ้าตัวขอมาอย่างไม่ขัดขืน เพราะว่าตอนนี้ฉันคงไม่กล้าแหกปากสุ่มสี่สุ่มห้าเผื่อว่าคนตรงนี้เป็นโจรขึ้นมาจริงๆฉันไม่ถูกฆ่าหมกห้องไปทั้งแบบนี้น่ะรึไงกัน
“ขอบคุณ..”คนชีเปลือยค่อยๆลดมือตัวเองออกแล้วลุกตัวหนีจากฉันทันที เมื่อทุกอย่างปลอดภัยฉันก็ปรับสายตาปิ๊บๆให้คุ้นชินกับความมืดก่อนจะอ้าปากถามเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบ
“เธอ..เป็นตัวอะไร”
“ข้า..”
เจ้าตัวชะงักกับคำถามของฉันเล็กน้อย ก่อนจะเม้มปากแน่นไม่ยอมพูด
“เจ็บแผลเหรอ....”
“อื้อ...”เจ้าตัวผยักหน้าเบาๆพร้อมหูเล็กๆที่อยู่บนหัวมันขยับไปมาเหมือนใส่ถ่านยังไงยังงั้น
‘ไอ้นั่นมันอะไรวะ ของเล่นเด็กสมัยนี้เขาใส่ถ่านแล้วมันขยับดุกดิกไปมาได้ถึงขนาดนี้เลยรึไง’
“อ..เอ่อ..คือแบบ”
“...”
เราทั้งคู่นั่งเงียบให้กันและกันส่วนฉันก็นั่งตัวแข็งปึ๋งไม่ขยับดุกดิกไปไหน เพราะสายตาจดจ้องไปที่หูสีเหลืองกับหางยาวๆที่เต้นตุ๊บๆบนพื้น
*จ..จะจ้องข้าอีกนานไหม*
“ชะอุ้ย...”