ตอนที่ 108 ไปกับข้าไหม
ณ ที่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวงอมตะนคร
นกอาคมตัวหนึ่งบินร่อนอยู่บนฟากฟ้า ก่อนจะโฉบลงไปเบื้องล่าง ณ บริเวณใจกลางป่าที่มีการตั้งกระโจมพักแรมอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ชายในชุดนักบวชที่มีสัญลักษณ์ตะวันดำอยู่บนชุดคลุมรับนกอาคมขณะที่แปรเปลี่ยนเป็นจดหมาย เขาอ่านมันเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้นำคณะเดินทางด้วยท่าทีนอบน้อม
“สายของเราแจ้งมาว่า เป้าหมายอยู่ที่เมืองโกงกางครับ พวกเขาน่าจะรู้ตัวแล้ว คนของเราคลาดกับพวกเขา และอีกไม่นานพวกเขาน่าจะหลบหนีออกจากเมือง”
“ให้นักล่าตามหาตัวเขาให้พบ เขาไปที่เมืองโกงกางก่อนเมืองหลวง มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ ดังนั้นเขาคงไม่หนีออกมาจากเมืองนั่นเร็ว ๆ นี้หรอก”
“ครับ”
“เดียวก่อนอาซา”
“ครับนายท่าน”
“เจ้าคิดว่าสิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่ตอนนี้มันถูกแล้วหรือเปล่า”
อาซานิ่งไปชั่วครู่ ขณะจ้องมองนายชราของตนด้วยความรู้สึกเห็นใจ
“นายท่านทำถูกต้องแล้วครับ หากท่านไม่ทำก็เกรงว่าจะไม่มีใครทำแล้ว แม้วิธีการจะไม่งดงามนัก แต่อย่างน้อยเจตนาของท่านก็ไม่ได้เลวร้าย ท่านก็แค่อยากช่วย และข้าอาซา ในฐานะที่ปรึกษาท่าน ข้าสัญญาว่าจะรับใช้นายท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ไม่ว่านั่นจะถูกหรือผิด”
“ขอบใจเจ้ามาก”
ชายผู้เป็นผู้นำใช้มือขวาที่สวมทับด้วยถุงมือหนังตบบ่าที่ปรึกษาของตัวเองอย่างแผ่วเบา
ณ หอระฆังใจกลางเมืองโกงกาง
แกว๊ก แกว๊ก แกว๊ก
เสียงนกประหลาดร้องลั่นอยู่เหนือระฆังยักษ์ทำให้การสนทนาระหว่างเหนือภพกับมีนาต้องจบลง สายตาของมีนามองไปบนฟ้า แล้วก็หันมองรอบ ๆ หอคอยเบื้องล่าง
“พวกมันหาพวกเราเจอแล้ว เอาไว้คราวหน้าถ้าข้าหาที่อยู่ที่แน่นอนพบ ข้าจะส่งข่าวให้เจ้า”
“ได้”
เหนือภพรับปากพร้อม ๆ กับที่สมุทรเอ่ยแทรกขึ้นมา
“พวกมันกำลังขึ้นมา”
สมุทรมองผ่านช่องว่างของบันไดวน เขาเห็นเหล่านักล่าค่าหัวกำลังกรูกันขึ้นมามากกว่าสามสิบคน หรืออาจจะมากกว่านั้น
“พวกเราถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว”
เหนือภพเสริมขึ้นหลังจากที่เขามองสำรวจไปยังเบื้องล่างรอบฐานหอคอย ข้างล่างนั่นดูเหมือนจะมีผู้คนเดินพลุกพล่าน ละคนพวกนั้นก็ไม่ใช่ประชาชนเมืองโกงกางอย่างแน่นอน ดูจากการเคลื่อนไหว และการแอบซ่อนอาวุธเอาไว้ใต้ร่มผ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นพวกนักฆ่ารับจ้างที่น่าจะตามมาจับเหนือภพเพื่อเอาค่าหัว
เหนือภพประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเช่นนั้น
“ข้าไม่เคยเห็นนักฆ่ารับจ้างมารวมตัวกันมากขนาดนี้มาก่อน ปกติพวกมันจะทำงานคนเดียว”
“ก็ไม่แปลก ก็ค่าหัวของเจ้ามากเกินไป แม้แต่ข้ายังหวั่นไหว”
มีนาตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เหนือภพขนลุกเลยทีเดียว
“ไปกับข้าไหม ข้าคิดไม่แพงหรอกนะ”
มีนาก็เสนอตัวขึ้นมาอย่างมีน้ำใจ แต่เธอก็อยากเอาคืนจอมงกอย่างเหนือภพบ้าง จึงเสนอทางช่วยที่มาพร้อมกับราคา
“ไม่”
เหนือภพปฏิเสธทันควัน และไม่ว่าเขาจะหนีด้วยตัวเองเองหรือไปกับมีนา ผลก็ไม่ต่างกัน เขาก็ยังคงต้องถูกตามล่าอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
“แล้วเจ้าล่ะสมุทร ไปกับข้าไหม”
“ข้าก็อยากไปกับเจ้านะ แต่ดูจากรูปการณ์แล้วข้าเกรงว่าจะเสียเงินเปล่า”
สมุทรพูดจบก็มองลงไปข้างล่าง แม้บรรยากาศจะมืดมน แต่เขาก็เห็นว่าตอนนี้ข้างล่างมีนักล่าค่าหัวมารวมตัวกันนับร้อยคนแล้ว ด้วยความสูงชะลูดของหอระฆังทำให้มองเห็นพวกที่อยู่ข้างล่างเป็นเหมือนฝูงมดฝูงใหญ่ที่รอจะพุ่งเข้ากัดกินพวกเขา นี่ยังไม่นับรวมพวกที่กำลังกรูกันขึ้นบันไดมาอีก
“งั้นก็แล้วแต่พวกเจ้าละกัน ข้าไปล่ะ”
มีนาพูดจบ เธอก็หันหลังวิ่งไปที่ระเบียงหอระฆัง แล้วกระโดดลงไปทันที ท่ามกลางสีหน้าชายชาตรีทั้งสองที่ได้แต่เบิกตากว้าง พวกเขาตกใจด้วยไม่คิดว่าวิธีการของมีนาจะบ้าบิ่นแบบนี้ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่ดี
“โดด !”
เหนือภพตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นนักล่าค่าหัวกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ เขากระโดดลงไปโดยไม่คิดมาก ส่วนสมุทรก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ยิ่งเขาได้เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กล้ากระโดดลงไปต่อหน้าเขาก็ยิ่งทำให้เขา ต้องทำใจกล้ากระโดดตามพรรคพวกไป
“ย๊ากกก”
สมุทรทิ้งตัวตามลงมา เขาเห็นก้อนเสื้อผ้าสีชมพูอยู่ใต้ตัวเขา และก็เห็นมีนาที่กำลังทิ้งตัวดิ่งลงมาอยู่ใต้ก้อนสีชมพูอีกที
เมื่อมีนาทิ้งตัวลงมาถึงเกือบครึ่งทางของหอระฆังก็มีสัตว์อสูรนกตัวใหญ่โฉบเข้ามารับร่างของเธอ ทำให้ร่างเล็ก ๆ ของมีนาตกลงบนหลังของนกยักษ์ตัวนั้นอย่างพอดิบพอดี แล้วนกตัวใหญ่ก็พามีนาบินจากไปไกล หายลับเข้าไปในท้องฟ้ายามราตรี
เหนือภพกับสมุทรตะลึงค้างอยู่อากาศ พวกเขาเพิ่งเข้าใจความหมายของมีนา ที่แท้เธอก็มีสัตว์อสูรนกอยู่แล้ว
‘รู้งี้ข้าไปกับเจ้าก็ดี’
สมุทรนึกเสียใจ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะยังตกดิ่งลงมา เขาเปลี่ยนปราณอาคมภายในร่างให้เป็นลูกศรสีทองขนาดใหญ่ แล้วเขาก็คว้าจับลูกศรปักลึกเข้ากับผนังหินของหอระฆังเพื่อสร้างแรงต้าน ด้วยน้ำหนักตัวของสมุทรและความเร็วจากการตกทำให้ลูกศรต้านเอาไว้ไม่อยู่ มันครูดลงมาตามผนังหินราวกับกิ่งไม้แข็งแรงที่ครูดบนผืนทราย แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้สมุทรตกสู่พื้นช้าลง
ผิดกับเหนือภพที่ยังคงปล่อยตัวเองตกดิ่งลงมา เขามีแผนในใจตั้งแต่ตอนที่คิดจะกระโดดลงมาแล้ว เหนือภพตกลงมาสู่พื้นในเวลาอันรวดเร็วไม่กี่วินาทีหลังจากที่กระโดดลงมา
ตูม !!!
ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีเขียวสดตกลงมาในท่าย่อเข่า ตัวงอลงเพื่อรักษาสมดุล กระโปรงยาวพลิ้วสะบัดแผ่ออกรอบด้านราวกับดอกไม้สีชมพูที่พองตัวบานออก เหนือภพไม่ยั้งกำลังกายที่เขามี เขาไม่เพียงหยุดยืนบนพื้นได้อย่างมั่นคง แต่เขายังสร้างคลื่นกระแทกออกไปรอบทิศ มันทำลายพื้นผิวหินบนลานรอบหอระฆังจนแตกกระจาย แรงคลื่นกระแทกที่เหนือภพสร้างขึ้นทำให้ เหล่านักล่าค่าหัวที่แฝงตัวอยู่รอบ ๆ ทั้งที่เปิดเผยและที่ปิดบังตัวตน กระเด็นล้มลงระนาว
จากนั้นเหนือภพก็กำหมัดเกร็งกำลังเพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีต่อมา ทุบลงไปยังพื้นซ้ำ ๆ จนหลุมกระทะที่เกิดขึ้นจากการที่เหนือภพตกลงมาขยายกว้างร้าวเป็นใยแมงมุมมากกว่าเดิม เหล่านักล่าค่าหัวไม่มีโอกาสลุกขึ้น พวกมันถูกกระแทกจนปลิวออกไป เศษหินปูพื้นแตกกระจายกลายเป็นอาวุธที่สาดออกไปรอบทิศให้เหนือภพโดยที่เขาไม่ตั้งใจ แต่แล้วเขาก็พบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจหยุดยั้งความบ้าคลั่งและความกระหายในเงินของเหล่านักล่าค่าหัวได้ เมื่อพวกมันลุกขึ้นตั้งหลักได้ พวกมันก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาเหนือภพอีกครั้ง
สมุทรตกลงมาช้ากว่าเหนือภพหลายสิบวินาที ทันทีที่เขาตกถึงพื้นเขาก็ม้วนตัวไปตามพื้นเพื่อลดแรงกระแทกตามที่ได้ร่ำเรียนมา เมื่อลุกขึ้นอีกครั้งลูกศรอาคมก็ถูกยิงออกมาจากสมุทรตรงเข้าหานักล่าค่าหัวที่เข้าใกล้เหนือภพ เกิดเป็นแรงระเบิดดังบรึ้ม ! ก่อให้เกิดฝุ่นควันและเศษหินกระจาย เมื่อกลุ่มควันจางลงสมุทรก็เห็นเหนือภพยืนอยู่กับที่ในสภาพดำเกรียม ชุดคลุมผู้หญิงฉีกขาดออกจนเห็นชุดเกราะที่ซ้อนอยู่ภายใน
“โอ้ ข้าขอโทษ”
สมุทรยังคงยิงไม่แม่นอยู่เช่นเดิม ลูกศรดอกนั้นเบี่ยงออกไปโดนเหนือภพแทน แต่อย่างน้อยแรงระเบิดของมันก็ทำให้เหล่านักล่าค่าหัวที่อยู่รอบตัวเหนือภพกระเด็นกระดอนไป มีทั้งที่เจ็บสาหัสและก็เสียชีวิตในทันที
เหนือภพเหลือบมองสมุทรเพียงแวบเดียว จากนั้นเขาก็ทุ่มเทไปกับการพยายามฝ่าวงล้อม เขาพุ่งชนเหล่านักล่าค่าหัวที่กรูกันเข้ามา แม้เหนือภพจะพยายามรั้งฝีมือเอาไว้แต่เขาก็ไม่อาจปิดบังความแข็งแกร่งทางร่างกายที่มีมากจนเกินกว่าปกติ มีนักล่าค่าหัวกว่าครึ่งถูกเหนือภพกระแทกจนตาย แต่เหนือภพก็ไม่มีเวลามาเห็นใจ
“ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้เป็นคนของพี่เจ้าหรอกเหรอ”
สมุทรพูดขึ้นขณะวิ่งตามเหนือภพมาติด ๆ พร้อมกับสาดลูกธนูระเบิดไปรอบ ๆ โดยไม่เล็งเป้า หากเขาจำไม่ผิดพวกนักล่าค่าหัวมักอยู่ภายใต้การควบคุมของหอโลหิต
“ไม่มีคนควบคุมไอ้พวกนอกกฎหมายพวกนี้อีกแล้ว ปัญหาในตอนนี้คือเราควรจะหาวิธีหนีให้ได้”
เหนือภพพูดเสียงดังขณะจัดการเหล่านักล่าค่าหัวที่กรูกันเข้ามา สมุทรหันหลังชนกับเหนือภพพร้อมกับตั้งท่าต้านรับไปด้วยวิ่งตีคู่กันไปด้วย ต่อให้พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ต่างจากพญาเสือที่เผชิญหน้ากับฝูงแมลงวี่น่ารำคาญที่ไม่ว่าจะฆ่าเท่าไหร่จำนวนของมันก็ไม่ได้ลดน้อยไปเลย
เหนือภพพยายามต้านรับด้วยท่าหมัดที่ธรรมดาที่สุด หากไม่จำเป็นจริง ๆ เขาก็ไม่อยากให้ศัตรูประเมินความสามารถที่แท้จริงของเขาได้ ทำให้กำลังของพวกเขาทั้งสองค่อย ๆ ถดถอยลงโดยเฉพาะสมุทร การใช้อาคมต่อเนื่องมันก็มีขีดจำกัดของมัน ผิดกับเหนือภพที่มีร่างกายและกำลังอันมากล้น เขายังสามารถทนการโจมตีและยังตอบโต้กลับไปได้อีกนาน
“เหนือภพ ข้าว่ามันแปลก ๆ”
สมุทรพูดขึ้นด้วยเสียงเหนื่อยหอบก่อนจะจัดการนักล่าค่าหัวที่พุ่งเข้ามาด้วยปลายรองเท้าของชุดเกราะที่เขาคัดสรรมาอย่างดี
“อะไร”
“เจ้ายังจำได้ไหมตอนที่เราเข้าเมืองมา มีทหารติดอาวุธมากมาย แล้วตอนนี้ที่มีเหตุจลาจลมากขนาดนี้ กลับไม่เห็นหัวทหารสักคน เจ้าว่ามันไม่แปลกเหรอ”
เหนือภพก็เริ่มเอะใจอย่างที่สมุทรพูด เขาจึงตัดสินใจทำบางอย่าง เขาคว้าร่างสมุทรโยนไปบนฟ้า ก่อนจะทำการเกร็งกำลังแล้วกระทืบเท้าลงไปที่พื้นเพื่อสร้างคลื่นกระแทก ทำอย่างนั้นซ้ำหลายครั้ง จนเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหว
เปรี๊ยะ !
หอระฆังบังเกิดรอยร้าว เหนือภพรู้สึกรำคาญพวกนี้เต็มที ก่อนร่างที่สมุทรจะตกถึงพื้น เหนือภพก็กำหมัดโดยใช้แรงสามส่วน ซึ่งเป็นแรงในระดับที่เขายังไม่เคยนำออกมาใช้มาก่อน เขาต่อยหมัดลงไปที่พื้นอีกครั้ง
ตูม !!
หอระฆังถล่มลงมาทั้งอาคาร ระฆังใบใหญ่กลิ้งหลุน ๆ ไปพลางส่งเสียงเกร๊ง เกร๊ง ราวกับไว้อาลัยให้กับนักล่าค่าหัวทั้งหมดที่นอนตายอยู่บนพื้น พวกมันทั้งหมดช้ำในจนตายอีกทั้งยังถูกซากหอระฆังกลบทับอีก ส่วนสมุทรก็ถูกคลื่นบางส่วนกระแทกกลับให้ลอยกลับขึ้นในบนฟ้า แต่สุดท้ายเหนือภพก็ยืนรอรับร่างสมุทรอยู่ข้างล่าง เขาย่อมไม่ปล่อยให้สหายรักต้องบาดเจ็บจากตัวเองแน่นอน
“เจ้าทำแบบนี้ได้ ทำไมไม่ทำตั้งแรก”
สมุทรถามในขณะที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของเหนือภพ เหนือภพอุ้มเขาด้วยท่าเจ้าหญิงแล้วกระโดดออกไปไกลจากบริเวณที่เกิดเรื่อง เมื่อมาถึงระยะที่ปลอดภัยเหนือภพก็ปล่อยให้สมุทรออกวิ่งด้วยตัวเอง
“ข้าไม่อยากฆ่าคนเยอะ”
เหนือภพตอบไปพร้อมกับทำหน้าเซ็งไปด้วย ส่วนสมุทรได้แต่พึมพำอยู่กับตัวเอง
“เหรอออ สุดท้ายมันก็ไม่ต่างกันหรอก”
“รีบไปเถอะสมุทร หอระฆังถล่มแบบนั้นเดี๋ยวทหารคงแห่กันมา”
“อืม แล้วเจ้าคิดว่าทหารกับพวกนั้นเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า”
เหนือภพส่ายหัวทันที
“ไม่คิด พวกราชวงศ์ไม่ทางยื่นมือเข้ามายุ่งในเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหาหรอก”
“แล้วเจ้าจะกลัวอะไร จัดการมันเลยสิ”
สมุทรพูดอย่างฮึกเหิม เขาเองก็เพิ่งได้เห็นฝีมือของเหนือภพหลังจากที่ไม่ได้พบกันนาน ไม่นึกว่าเหนือภพจะพัฒนาตัวเองไปได้ไกลขนาดนี้ หากว่าเหนือภพได้มีโอกาสเกิดเป็นผู้มีพรสวรรค์ละก็ สมุทรคิดว่าในแผ่นดินนี้คงไม่มีใครสู้เหนือภพได้อีกต่อไป แต่ประโยคต่อไปของเหนือภพก็แทบจะทำให้สมุทรเข่าอ่อน
“จัดการอะไรล่ะ พวกมันมามากเราก็ต้องหนีสิ”
จากนั้นเหนือภพก็เหวี่ยงร่างสมุทรข้ามกำแพงเมืองที่สูงกว่ายี่สิบเมตร ก่อนจะเกร็งกล้ามเนื้อต้นขายกตัวขึ้นสุดไม่ต่างจากตั๊กแตน แล้วก็ดีดตัวขึ้นฟ้าตามสมุทรที่กรีดร้องไป โชคดีที่เหนือภพยังคงมีมโนธรรมและมีจิตใจที่ดีมากพอ เขาพุ่งเข้ารับร่างของสมุทรในสภาพทรงผมชี้ฟู แล้วก็ทิ้งร่างสมุทรลงพื้นได้ทันเวลา ก่อนที่สมุทรจะอ้วกออกมาพอดี