ตอนที่แล้วตอนที่ 108 ไปกับข้าไหม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 110 ชีวิตแสนสงบของพิภพ

ตอนที่ 109 ตระกูลไตรลักษณ์


“พวกนั้นเป็นพวกเดียวกัน เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม”

สมุทรยังคงยืนยันว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้อง เหนือภพเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แต่เขาจดจำสัญลักษณ์ของเหล่าทหารไว้ในใจ จนเขามั่นใจว่าเขาไม่ทางลืมมันแน่ ไม่ว่าพวกนั้นจะเป็นใครความแค้นนี้ต้องได้รับการชำระ และเขาจะสืบให้ได้ว่ามันเป็นใคร

“ไปเถอะ”

สมุทรยังไม่วางใจ แม้เขาอยากจะหยุดพักสักครู่ แต่เขาก็เลือกที่จะไปต่อ

“ที่บ้านข้ามีระบบรักษาความปลอดภัย มันอาจจะช่วยให้เจ้าไม่ถูกตามล่าไปสักพัก”

สมุทรเสนอความคิดที่เขาไม่อยากพูดออกมามากที่สุด พอคิดว่าต้องกลับเข้าไปที่นั่นจริง ๆ เขาก็เกิดรู้สึกอึดอัดขึ้นมา แต่ว่าเขาจำเป็นต้องกลับไปไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา

“โอ้ ใช่เลย”

เหนือภพตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

“เจ้าคิดอยากจะกลับบ้านจริง ๆ รึเนี่ย แต่ข้าคิดว่าถ้าเจ้ากลับไปเฉย ๆ มันจะดูไม่ดีเอานะ”

“ห่ะ ยังไง ?”

สมุทรเอียงคอมองเหนือภพอย่างสงสัย

ไม่กี่วันต่อมา...

        ณ เมืองหลวงอมตะนคร เขตตระกูลไตรลักษณ์

เดิมทีตระกูลไตรลักษณ์คือตระกูลแม่ทัพที่ทำงานรับใช้ราชวงศ์อมตะมาหลายรุ่น แต่น่าเสียดายที่เมื่อถึงรุ่นพ่อของสมุทรเหตุการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาถูกศัตรูทางการเมืองโจมตีทำให้ต้องออกจากราชการด้วยความจำใจเพื่อรักษาชีวิต

จากนั้นพวกเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต แล้วดำเนินรอยตามท่านตาของสมุทร ด้วยการเข้าสู่หนทางการค้าขาย เพียงไม่กี่สิบปีพวกเขาก็ทำเงินได้มหาศาล จนกลายเป็นหนึ่งในตระกูลผู้มีอิทธิพลที่สุดตระกูลหนึ่งในแคว้นอมตะ มีพื้นที่ในการครอบครองนับพันไร่ ที่ดินส่วนใหญ่ล้วนทำการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และค้าขาย เป็นส่วนใหญ่ มีพื้นที่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้สำหรับการฝึกฝนปราณอาคมของสมาชิกในตระกูล

นอกจากนี้ตระกูลไตรลักษณ์ยังมีคฤหาสน์สำหรับพักอาศัยเท่านั้น สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองอมตะ มันมีพื้นที่นับร้อยไร่ ที่ถูกโอบล้อมด้วยป่าไม้หนาทึบ มีการคุ้มกันแน่นหนา มีฮันเตอร์มากฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนคอยอารักขา ซึ่งดูรวม ๆ แล้วไม่ได้ด้อยไปกว่าการคุ้มครองของราชวงศ์เลย หากมีเงินมากพอ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

“ไอ้เพื่อนชั่ว !! เจ้าทำกับข้าแบบนี้หรอ ? ไอ้คนคบไม่ได้ ไอ้คนขายเพื่อนกิน”

เสียงตะโกนด่าทอของสมุทรเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น เขาอยู่ในสภาพถูกมัดตรึงด้วยเชือก แล้วก็ถูกแขวนอยู่กลางสระปลากินคน ซึ่งเป็นสระที่อยู่หน้าคฤหาสน์ของตระกูลเขาเอง

เหนือภพที่กำลังดึงปลายเชือกอยู่อีกด้าน มองเมินสมุทรแล้วทำท่าไขสือ

“เจ้าคือเหนือภพที่อยู่ในใบประกาศสินะ”

สายธารผู้เป็นพี่สาวของสมุทรพูดขึ้นด้วยมาดนางพญา เธอรู้สึกว่าเหนือภพเป็นบุคคลที่น่าสนใจ เขาช่างดูแตกต่างจากเหนือฟ้าลูกศิษย์คนหนึ่งที่เธอเคยสอนยิ่งนัก เหนือภพดูเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ที่แกร่งกร้าวเต็มขั้น ส่วนเหนือฟ้ากลับดูเหมือนหญิงสาวผู้มีพรสวรรค์ที่น่าทะนุถนอมและสูงส่งเกินเอื้อม หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนมีโครงหน้าที่คล้ายกันนิดหน่อย เธอคงทึกทักไปว่าทั้งสองไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน

สายธารเชิญให้เหนือภพไปนั่งคุยกับเธอในศาลาริมน้ำข้างสระ แล้วก็แขวนสมุทรไว้บนไม้โค้งงอเหมือนคันเบ็ดกลางสระน้ำ

“ใช่ ท่านคงไม่คิดอยากจะขายข้าหลังจากที่ข้าจับตัวน้องชายท่านมาให้ท่านหรอกมั้ง”

“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านมีพระคุณต่อข้า ข้าย่อมตอบแทนท่าน ท่านอยู่ที่นี่พักผ่อนให้สบายจนกว่าท่านจะพอใจ นี่ถือว่าเป็นคำขอบคุณเล็กน้อยของตระกูลไตรลักษณ์ของเรา”

รอยยิ้มของสายธารดูซับซ้อนและแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะหยั่งถึง เหนือภพเพิ่งเข้าใจว่าทำไมสมุทรถึงไม่อยากกลับบ้านนัก

‘นี่ขนาดพี่สาวของเขายังดูน่ากลัวขนาดนี้ แล้วพวกผู้เฒ่าในตระกูลล่ะจะน่ากลัวขนาดไหน’

ดังนั้นความรู้สึกเหนือภพที่อยากจะซ่อนตัวอยู่บ้านสมุทร จึงกลายเป็นความคิดสุดท้ายของเหนือภพในทันที

“ข้าคิดว่าไม่.. ไม่ดีกว่า ข้าขอรับเงินค่าหัวเขาก็พอ จากนั้นก็เชิญท่านอบรมน้องชายท่านตามสบาย”

เหนือภพพูดจบก็คว้าป้ายวงเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองมากำไว้ ก่อนจะลุกขึ้นทำความเคารพเธอแล้วก็ใช้อาคมย่นระยะทางหนีออกจากเขตตระกูลไตรลักษณ์ไปอย่างรวดเร็ว สมุทรยังไม่ทันหยุดดิ้น เหนือภพก็ลับหายพ้นจากเขตตระกูลไตรลักษณ์ไปเรียบร้อยแล้ว

สายตาของสายธารจับจ้องไปยังน้องชายของตนที่ยังห้อยอยู่กลางสระ

“เลิกแสดงละครได้ละ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าสนิทกันแค่ไหน คิดว่าวางแผนมาหลอกเอาเงินพี่มันง่ายนักเหรอ”

“แต่ท่านพี่ก็ให้เงินเพื่อนข้าไปแล้วนี่”

“มันก็ใช่”

สายธารยอมรับ จากนั้นเธอก็ยิ้มอีกครั้ง แต่รอยยิ้มของสายธารกลับเหมือนฉาบด้วยยาพิษ ทำให้สมุทรกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้พิษสงของพี่สาวดี เธอไม่ยอมให้ใครมาหลอกง่าย ๆ ถ้าคิดจะหลอกเธอก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ดี

“เจ้าอยู่ที่นี่ไปหนึ่งคืน สำนึกผิดซะ วันพรุ่งนี้พี่กับผู้อาวุโสจะมาตัดสินความผิดเจ้า หวังว่าเจ้าจะมีข้อแก้ตัวดี ๆ”

“เดี๋ยวสิ กลางคืนมันหนาว อีกอย่างกลางคืนน้ำในสระมันจะเอ่อล้นขึ้นมานะ ท่านจะผูกข้าไว้แบบนี้ไม่ได้”

“โอ๊ะ ข้าลืมไป”

สายธารแสดงสีหน้าตกใจ ก่อนจะกลับมาเป็นสีหน้าเย็นชา

“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า ข้าอยากรู้จริงว่าระหว่างเจ้ากับเพื่อนเจ้าใครจะถูกกินก่อนกัน”

ตูม !!!

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของสายธาร พื้นที่ด้านที่เหนือภพเพิ่งจากไปก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น สมุทรได้แต่ภาวนาให้เหนือภพหนีรอดไปให้ได้ เขาไม่คิดว่าท่านพี่บ้าคนนี้จะบ้าถึงขนาดปล่อย ‘เจ้ากินกิน’ ออกไปจับเหนือภพ เจ้ากินกินเป็นอสูรพิทักษ์ตระกูลที่ได้พิทักษ์ตระกูลมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ขนาดคนในตระกูลที่ไม่ใช่สายเลือดหลักก็ยากที่จะควบคุมมันได้

สมุทรพยายามอย่างมากที่จะฉีกเชือกอาคมที่ผูกตัวเขาด้วยพละกำลังที่มี แต่มันยากเกินไปสำหรับเขาที่ยังถูกมัดมือไขว้หลังไปพร้อมกับขาทั้งสองข้างที่งอไปด้านหลัง เขาจึงทำได้เพียงลอยต่องแต่งอยู่เช่นนั้น สายตาจับจ้องไปยังผิวน้ำที่ค่อย ๆ เพิ่มระดับทุก ๆ ชั่วโมง ฝูงปลากินคนที่ว่ายไปมาอยู่บนผิวน้ำกำลังดิ้นสะบัดอย่างรอคอยเวลาที่จะฉีกเนื้อเขา ถ้าตอนเด็ก ๆ เขาสนใจให้ความรักความใส่ใจฝูงปลาพวกนี้สักหน่อยก็คงดี อย่างน้อยมันจะได้จำเขาได้บ้าง

‘ตัวอะไรนั่น ?’

เหนือภพจ้องสิ่งมีเบื้องหน้าอย่างสงสัย มันมีขนาดพอ ๆ กับสัตว์อสูรช้างโตเต็มวัย แต่ร่างเหมือนสุนัขที่หัวเป็นหมาป่า มีเกล็ดเหมือนปลา มีหางเหมือนปลา มีสองเขาอยู่บนหัวเหมือนเก้ง และอุ้งเท้าทั้งสี่เหมือนเสือ

‘กิเลน ? งั้นเหรอ’

เหนือภพกระโดดถอยหลัง เขาเพิ่งซัดหน้าเจ้ากิเลนยักษ์ตัวสีแดงตัวนี้ไป แต่มันดูเหมือนไม่ระคายเคืองเลย เขาสังเกตเห็นปลอกคอสีทองที่มันสวมใส่อยู่ เห็นได้ชัดว่ามันมีเจ้าของ อีกทั้งพื้นที่ที่เขายังอยู่นั้นก็เป็นพื้นที่สุดเขตแดนของตระกูลไตรลักษณ์ ไม่ต้องมีใครบอกเหนือภพก็คาดเดาได้ว่าเจ้ากิเลนตัวนี้เป็นของใคร และใครเป็นคนปล่อยมันมา

“พี่สาวเจ้ามันแสบและบ้าอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ”

เหนือภพพึมพำ จากนั้นเขาก็ยิ้มกว้าง

“ครั้งนี้เจ้าต้องขอบคุณข้า ข้าจะสั่งสอนพี่สาวเจ้าให้เอง”

จากนั้นเหนือภพก็ทำอะไรบางอย่างที่จะทำให้ตระกูลไตรลักษณ์ตีตราหน้าเขาว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของตระกูลเลยทีเดียว

        สองเดือนต่อมา

ป๊อก ป๊อก

เสียงค้อนไม้กระแทกตะปูตรึงกระดาษประกาศภายในสำนักงานฮันเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่เจ้าหน้าที่สำนักงานฮันเตอร์ผละออกไป เหล่าฮันเตอร์ที่รออยู่ก็ต่างลุกฮือเข้ามาจ้องมองป้ายประกาศแรงค์ F ที่มีมูลค่าถึงหนึ่งแสนเหรียญทอง

“ถอยไป ! ภารกิจนี้เป็นของข้า”

ฮันเตอร์ขาใหญ่ของเมืองอมตะวิ่งแจ้นเข้ามาในทันที เมื่อรู้ว่ามีภารกิจง่ายแสนง่ายที่มีค่าหัวถึงหนึ่งแสนเหรียญทอง หลายปีมานี้แม้แต่ภารกิจที่ได้เงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองก็ยังปรากฏขึ้นน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรางวัลภารกิจที่มากถึงหนึ่งแสนเหรียญทองเลย จึงเป็นธรรมดาที่ภารกิจนี้จะทำให้เหล่าฮันเตอร์สนใจ

“ภารกิจนี้เป็นภารกิจพิเศษ ใครหรือแรงค์ไหนจะทำก็ได้ ใครไวกว่าคนนั้นก็ได้ไป พวกเจ้าทะเลาะกันมันก็เสียเวลาเปล่า รีบตัดสินใจซะ”

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ ทำให้เหล่าฮันเตอร์เลิกความคิดที่จะต่อสู้กันแล้วหันไปขบคิดหาวิธีการทำภารกิจให้สำเร็จแทน

“อ้อ พวกเจ้าอย่าลืมนะ อีกสามเดือนครั้งหน้าจะมีการสอบเลื่อนขั้นฮันเตอร์ ข้าอยากให้พวกเจ้าที่คิดอยากจะเลื่อนระดับ ไปเตรียมตัวให้พร้อม อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ได้ยินแล้วก็บอกต่อกันไปด้วย”

“ครับ ๆ รู้แล้วครับเจ้านาย”

เหล่าฮันเตอร์ที่อยู่ในห้องโถงภารกิจสำนักงานฮันเตอร์ สาขาเมืองหลวง ได้แต่ตอบแบบขอไปทีราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ

“เออนี่เจ้านาย...”

ฮันเตอร์ผมแดงคนหนึ่งถามขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฮันเตอร์เอียงหน้ามาฟัง

“ภารกิจนี้ เราควรจะทำยังไงกับมัน”

ความหมายของฮันเตอร์หนุ่มคือเนื้อหาภารกิจเงินรางวัลหนึ่งแสนเหรียญได้บอกเล่าเพียงว่า ชายที่ชื่อเหนือภพกระทำการอุกอาจ กล้าถอดเกล็ดกิเลนของตระกูลไตรลักษณ์แล้วหลบหนีไป เนื้อหามีเท่านี้ มันไม่ได้บอกว่าให้ตามจับคน หรือตามเอาเกล็ดกิเลนกลับมา หรือฆ่าเหนือภพทิ้งซะเลย หากเป้าหมายของภารกิจไม่ชัดเจนก็ยากที่จะทำภารกิจให้สำเร็จได้

“ถ้าเอาหัวมันมาได้ให้หนึ่งแสนเหรียญทอง แต่ถ้าเอาตัวเป็น ๆ กลับมาได้ก็จะได้เงินสองเท่า”

“โอ้แบบนี้นี่เอง ข้าเข้าใจล่ะ งั้นข้าไปนะ”

“เออ ๆ โชคดี เดี๋ยวก่อน”

“มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือครับ”

“เจ้าอยู่บ้านไหน”

“ข้ายังไม่มีบ้านหรอกครับ แต่ข้ามีกลุ่ม”

“อ่อ ก็ยังดี กลุ่มของเจ้าชื่ออะไร ข้าจะได้จำเอาไว้ ช่วงนี้ข้าต้องทำแบบสำรวจเกี่ยวกับกลุ่มและบ้านฮันเตอร์ ยังไงก็ขอความร่วมมือเจ้าหน่อย”

“ได้ครับ แต่ชื่อมันจะยาวสักหน่อย”

“รีบพูดมาเถอะน่า”

“งั้นข้าพูดล่ะนะ ชื่อรุ่งโรจน์ร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที”

“ห่ะ”

เจ้าหน้าที่อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจ้องมองหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า แล้วก็เขียนตามที่ตัวเองได้ยินลงไปในสมุคบันทึก

“ถ้าหากข้าจำไม่ผิด เจ้าชื่อพิภพใช่ไหม”

“โอ้ เจ้านายท่านยังจำข้าได้ งั้นครั้งหน้าเจอกันครับ”

พอชายหนุ่มผมแดงที่ชื่อพิภพพูดจบ เขาก็จากไปทันที เจ้าหน้าที่ฮันเตอร์ยังมีความคิดสงสัยบางอย่างในใจ เขาจึงหันไปถามเพื่อนร่วมงาน

“เจ้าว่า เจ้าหนุ่มนั่นมันหน้าตาคุ้น ๆ หรือเปล่า”

“เจ้าคิดมาก เจ้าหนุ่มนั่นมาทำภารกิจที่นี่ได้สองเดือนกว่าแล้ว ถ้าเจ้าไม่คุ้นหน้ามันสิแปลก รีบทำงานเถอะ ก่อนที่หัวหน้าเขตจะมาตรวจ”

“งั้นหรอ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด