ตอนที่แล้วตอนที่ 95 ข้าต้องการยี่สิบล้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 97 บ้าคลั่งและอิ่มแปล้

ตอนที่ 96 คนเมืองโลหะ


“ภพหรอ”

ช่างดาบร้องถาม หลังจากที่เขาได้ยินเสียงเคาะประตูห้องรับรองเล็ก ๆ ที่อยู่ชั้นสามของอาคารประมูล

“ใช่ ข้าเอง”

เหนือภพเดินเข้ามาหลังจากประตูเปิดออก เขาพบกับชายมีอายุที่กำลังยืนหันหน้าเข้าหากำแพง สายตาของชายคนนั้นกำลังจับจ้องไปยังเกล็ดพญานาคสีดำสนิทในลังอย่างครุ่นคิด

เหนือภพยกมือไหว้อย่างรู้มารยาททันทีที่ชายมีอายุหันมา เขาน่าจะเป็นศิษย์พี่ที่ช่างดาบเคยพูดถึง

“สวัสดีครับ”

“อย่างน้อย ๆ ในเกล็ดนี้ก็มีกระแสปราณอาคมปาเข้าไประดับ 70 หากจะเปลี่ยนมันเป็นชุดเกาะต้องใช้เปลวเพลิงที่มีความร้อนกว่าสองพันองศาในการหลอมมันให้อ่อนลง”

ชายมีอายุเริ่มต้นบทสนทนาที่ตัวเองสนใจในทันที โดยที่เหนือภพยังไม่ได้เริ่มแนะนำตัวเองด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเหนือภพชอบที่เป็นแบบนี้ ตรงไปตรงมาดี เข้าเรื่องกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา

“มีเงื่อนไขอะไรอย่างอื่นอีกมั้ยครับ”

ชายมีอายุยิ้ม เกิดประกายสนใจในแววตาเขา ก่อนจะผายมือเชิญเหนือภพให้นั่งลงบนชุดเก้าอี้กลางห้อง ซึ่งมีช่างดาบนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“แร่ห้าสี”

ตึง !

เหนือภพวางแร่ห้าสีบนโต๊ะทันที ปฏิกิริยาของเหนือภพไวมาก จนทั้งช่างดาบและชายมีอายุถึงกับนิ่งค้างตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกเหนือภพเรียกคืนสติ

“ใช้เวลาเท่าไหร่ครับ”

“อย่างน้อยหกเดือน”

“นานเกินไปนะครับ”

“ปัญหาจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่การทำ แต่เป็นสถานที่ต่างหาก ข้าจำเป็นต้องใช้เตาหลอมที่ให้ความร้อนสูง แต่ที่แคว้นอมตะไม่มีเตาแบบนั้น”

เหนือภพเอียงคอมองอย่างสงสัย และเพื่อไม่ให้เสียเวลาช่างดาบจึงชิงอธิบายเรื่องราวให้เหนือภพฟัง

“ความจริงข้ากับพี่ไม่ใช่คนแคว้นอมตะ แต่เราเป็นคนจากแคว้นสุริยัน บ้านเกิดของเราคือเมืองโลหะ”

“ห่ะ”

เหนือภพอึ้งไปกับคำบอกเล่าของช่างดาบ เขาย่อมรู้จักแคว้นสุริยันและย่อมรู้จักเมืองโลหะ ซึ่งเป็นเมืองที่มีผู้ไร้พรสวรรค์รวมตัวอยู่ด้วยกันมากที่สุดบนโลกเงาสุริยัน ที่นั่นนับเป็นแหล่งรวมช่างฝีมือมากมาย ทั้งยังเป็นถิ่นกำเนิดของปรมาจารย์ศาสตราอีกด้วย

เหนือภพพูดคุยกับศิษย์พี่ของช่างดาบเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งปัญหาของมันก็ยังคงเป็นเรื่องวิทยาการ อุปกรณ์ เครื่องมือของแคว้นอมตะที่ยังคงด้อยกว่าแคว้นสุริยันอยู่มาก อีกทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางก็ไม่น้อย ดังนั้นในระยะเวลาสามเดือนจึงนับว่าเร็วที่สุดแล้ว

“ท่านเกราะ ข้าขอเวลาตัดสินใจก่อน พรุ่งนี้ข้าจะให้คำตอบแก่ท่าน”

เหนือภพอาจจะไว้ใจช่างดาบเพราะพวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมาไม่น้อย ทว่าสำหรับช่างเกราะแล้วเขากลับไม่ไว้วางใจนัก ถึงเขาจะเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของช่างดาบก็ตาม

“งั้นตามที่เจ้าว่าเถอะ พรุ่งนี้หลังประมูลแร่ ข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”

ช่างเกราะเข้าใจดีพวกเขาก็แค่คนที่เพิ่งรู้จักกัน เรื่องสำคัญแบบนี้ต้องรอบคอบไว้ก่อนอยู่แล้ว

เหนือภพยิ้มอย่างเป็นมิตร แล้วลุกยืนขึ้นไหว้ ช่างเกราะ อย่างมีมารยาท ก่อนรุดออกจากห้องไป ส่วนช่างดาบก็เดินตามมาส่งถึงหน้าประตู

“ข้าจะไว้ใจพี่ของพี่ได้แค่ไหน”

เหนือภพกระซิบถาม แน่นอนว่าช่างดาบรู้ดีว่านี่ยังเป็นเรื่องที่เหนือภพข้องใจ เขาจึงเลือกตามมาส่งถึงประตู

“พวกเราล้วนเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ เราอาจจะทรยศผู้มีพรสวรรค์ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับพวกเดียวกันเอง เจ้าสามารถไว้วางใจพี่ข้า อย่างที่เจ้าไว้ใจข้า”

“งั้นตามที่พี่ว่าเถอะ”

เหนือภพพูดจบก็ดึงดาบอนธการกับดาบอาภัสระออกมาให้ช่างดาบ

“ข้าอยากได้ดาบเล่มใหม่”

ช่างดาบรับอาวุธทั้งสองมาแบบงง ๆ ขณะดึงดาบทั้งสองเล่มออกมาพิจารณาดูก็พบว่ามันมีรอยบิ่นร้าวที่น่าจะผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก

“เจ้าจะให้ข้าซ่อมมันหรือหลอมเป็นเล่มใหม่”

“แล้วแต่พี่เลย ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้มันเป็นแบบฟันฉับเดียวพวกแรงค์ C ปางตายก็พอ ถ้าทำได้หลาย ๆ เล่มก็ยิ่งดี”

ช่างดาบพยักหน้ารับ ขณะพยายามคิดว่าควรจะทำออกมาแบบไหน ในหัวสมองของเขาคิดไปถึงวัตถุดิบที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้ว ขณะรับถุงผ้าที่ภายในบรรจุแร่ห้าสีจากเหนือภพมา

“รีบ ๆ หน่อยละกัน หวังว่าพบกันครั้งหน้า ข้าจะได้ยลโฉมผลงานของพี่นะ”

เหนือภพโบกมือลาก่อนจะเดินจากไป เมื่อเหนือภพเดินลับหายไปแล้วช่างเกราะก็เปิดประตูตามออกมา

“เขาเป็นคนที่เจ้าเลือกงั้นเหรอ”

ช่างดาบยิ้ม ก่อนจะตอบพี่ชายอย่างยียวน

“ดาบที่ไม่มีคนใช้ มันไม่สมควรเรียกว่าดาบ”

“เดี๋ยวนี้สำบัดสำนวนขึ้นเยอะเลยนะ ไอ้น้องชาย ไปเถอะ ดูเหมือนเจ้ากับข้าคงต้องทำงานกันยาว เงื่อนไขเจ้าเด็กนั่นดูเหมือนจะไม่ง่าย”

ติ ดิ๊ง !

หลังจากเหนือภพกลับมาถึงเรือนรับรองไม่นาน เขาก็ต้องตกใจกับเสียงดังประหลาด ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

‘อะไร ?’

เหนือภพหงายข้อมือขวา แล้วจ้องไปยังตราสัญลักษณ์ฮันเตอร์รูปเหรียญทองที่เปล่งแสงสว่างสีนวล แท็บแล็ตที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นเด้งออกมาในทันที

เหนือภพจ้องมองการเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอแท็บแล็ตอย่างไม่เข้าใจ ตามปกติแล้วหากมีข้อความจากผู้ชี้นำ เสียงที่ดังขึ้นจะเป็นเสียง ติ๊ง ! ไม่ใช่เสียงแปลก ๆ อย่าง ติ ดิ๊ง ! แบบนี้

-*-*- โปรดรอสักครู่ ระบบกำลังทำการปรับปรุงกงล้อหรรษารูปแบบใหม่-*-*-

“หืม ?”

ติ๊ง !

-*-*- ระบบทำการปรับปรุงกงล้อหรรษารูปแบบใหม่ เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอให้สนุกกับ กงล้อหรรษาเวอร์ชัน 2 ค่ะ-*-*-

เหนือภพแตะลงไปยังกงล้อหรรษาเวอร์ชัน 2 ที่นอกจากเปลี่ยนภาพพื้นหลังแล้วอย่างอื่นก็ดูเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และจำนวนครั้งในการหมุนก็ยังคงเหลือ 0 ดังเดิม ในขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น ผู้ชี้นำก็ส่งข้อความมาหาเขาพอดี

เต็งหนึ่ง No.1 : < กูดอีฟนิ่งครับ คุณเหนือภพ >

ข้าคือเหนือภพ : < นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่เข้าใจ >

เต็งหนึ่ง No.1 : < ไม่ต้องกังวลไปครับ ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เพียงแต่ว่าช่วงนี้คุณมีศัตรูเยอะเกินไป ผมกลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไปเสียก่อน เลยคิดอยากจะช่วยเหลือคุณนิดหน่อยครับ >

ข้าคือเหนือภพ : < ยังไงหรอครับ >

เต็งหนึ่ง No.1 : < ลองแตะไปที่ปุ่มสุ่มกงล้อหรรษาดูสิครับ มีเซอร์ไพรส์ ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับเวอร์ชั่นใหม่นะครับ ไว้คุยกันอีกทีตอนเวอร์ชัน 3 ครับ สวัสดี >

เหนือภพปิดหน้าต่างข้อความติดต่อระหว่างเขากับผู้ชี้นำ ขณะที่หัวใจเต้นรัวระทึก เขารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งกับสิ่งที่เรียกว่า เซอร์ไพรส์ ของผู้ชี้นำ ตอนแรกเขาอาจจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะเขาไม่ชอบการเสียเงิน แต่ในงานประมูลที่ผ่านมามันทำให้เขาเรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาอย่างง่ายดาย ทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ สิ่งของ อาวุธ เนื้อสัตว์อสูรหรืออะไรต่าง ๆ นานาที่ทำให้คนคนหนึ่งแข็งแกร่งได้ ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องไขว่คว้าและต้องทุ่มเทแลกเปลี่ยนมันมา

ดังนั้นความรู้สึกเสียใจกับการเสียเงินให้ระบบ จึงเจือจางลงมาก แม้เขาจะเสียดาย แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เสียเปล่า

-*-*- เนื่องจากจำนวนครั้งในการหมุนกงล้อหรรษาเวอร์ชัน 2 ของคุณหมดแล้ว หากคุณต้องการหมุนอีกครั้ง จำเป็นต้องรีเซตจำนวนครั้งในการหมุนกงล้อหรรษาเวอร์ชัน 2 โดยการใช้เงิน 100 เหรียญทอง -*-*-

“หืม ?”

แม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหยุดความกระหายในพลัง

-*-*- รีเซตกงล้อหรรษาครั้งที่ 1 สำเร็จ คุณสามารถหมุนกงล้อ 3 ครั้ง -*-*-

เหนือภพเริ่มสุ่มกงล้อในทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เห็นผลลัพธ์การสุ่ม ก็เกิดเสียงดังก้องขึ้นเสียก่อน

โครม !!

ประตูเรือนรับรองถูกพลังมหาศาลบดทำลายไปพร้อม ๆ กับผนังกำแพงของตัวเรือนที่ค่อย ๆ แหลกสลาย เหนือภพภพรีบดีดตัวลุกยืน แล้วก็พุ่งตัวทะลุขึ้นไปบนหลังคา เพื่อมองดูว่าอะไรกันแน่ที่กล้าทำลายเรือนรับรองกลุ่มภราดา

“น้องสามหนีไป”

เสียงตะโกนของทานธรรมดังขึ้น พร้อม ๆ กับที่ร่างของวัฏจักรถูกซัดกระเด็นจนพุ่งเข้ามาทางเหนือภพ เสียงร่างของวัฏจักรปะทะเข้ากับเรือนรับรองดังโครม จากนั้นตัวเรือนรับรอง 3 ชั้นก็ค่อย ๆ พังทลายลงมา

“เกิดอะไรขึ้นศิษย์พี่รอง”

เหนือภพเร่งถามอย่างร้อนใจ ขณะพุ่งเข้าไปประคองร่างวัฏจักรที่พยายามยันตัวขึ้นจากซากปรักหักพัง เขาสังเกตสีหน้าของศิษย์พี่รองด้วยความตะลึง ใจเต้นระรัว เขาไม่เคยเห็นศิษย์พี่รองอยู่ในสภาพนี้มาก่อน

“ใครทำท่าน”

“ดับสุริยัน”

“อะไรนะ !”

เหนือภพร้องถามขณะกระโดดซิกแซกไปมาเพื่อหลบห่าธนูอาคมแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาเป็นชุด ชุดละยี่สิบดอก พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่เขาไม่สามารถหาต้นตอคนยิงได้

เหนือภพเคลื่อนที่ซิกแซกไปมา ตีคู่ไปกับวัฏจักรที่จู่ ๆ ก็เอ่ยคำสั้น ๆ ขณะตวัดดาบต่อต้านลูกธนูอาคมที่พุ่งเข้ามาต่อเนื่องว่า

“วิ่ง”

“ห๊ะ ?”

ด้วยวัฏจักรเป็นคนที่พูดน้อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คำพูดของเขาจึงทำให้เหนือภพไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้หมด ไม่มีคำอธิบายใด ๆ เลย

ส่วนคนที่จะอธิบายได้ดีอย่างศิษย์พี่ใหญ่ก็กำลังเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง การต่อสู้ของพวกเขาทั้งรุนแรง รวดเร็ว ละว่องไว จนสายตาของเหนือภพจับไม่ทัน ทิ้งไว้เพียงเส้นแสงสองสีกระทบกัน และคลื่นกระแทกที่แผ่กระจายออกเป็นวงกว้างเท่านั้น

เหนือภพไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรวิ่งไปในทิศทางไหน และวิ่งเพราะอะไร เขากับพวกศิษย์พี่อยู่รวมตัวกันทั้งหมดยังจะสู้ไม่ได้อีกหรือ แต่ในเมื่อศิษย์พี่รองบอกให้วิ่งเขาก็วิ่ง ขนาดศิษย์พี่รองยังได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนั้น แล้วอย่างเขาจะไปทำอะไรได้

เหนือภพหันกลับมามองศิษย์พี่รองที่ตวัดดาบปลดปล่อยคลื่นกระแทกจันทร์เสี้ยวออกไปนับร้อย เพื่อปะทะกับชายสวมหน้ากากดวงตะวันสีดำผ่าครึ่ง เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็ถูกเสียงหวานแหลมของอังกาบดึงความสนใจไป

“เป้าหมายของพวกนั้นไม่ใช่แค่เจ้า แต่เป็นพวกเจ้าทั้งสามคน ทานธรรม วัฏจักร และก็เจ้าด้วย”

“มันเป็นใคร”

“คนของลัทธิดับสุริยัน เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้ศิษย์พี่ของเจ้าพยายามรั้งพวกนั้นไม่อยู่เจ้ารีบหนีไปก่อน อย่าทำให้พี่ ๆ ของเจ้าต้องเป็นห่วง”

เหนือภพหันมองอังกาบที่อยู่ในสภาพไม่สู้ดีนัก เสื้อผ้าของเธอฉีกขาด ตามตัวมีบาดแผลบอบช้ำนับไม่ถ้วน หากเทียบสภาพของเธอกับวัฏจักรก็คงจะดูแย่กว่าเล็กน้อย

‘นี่ข้ากำลังเผชิญกับอะไรกันแน่’

“เร็วเข้า มัวชักช้าอยู่ทำไม”

ราตรีปรากฏตัวขึ้น ด้วยสภาพไม่สู้ดีเช่นกัน เธอก็เป็นคนเช่นเดียวกับวัฏจักรที่ไม่ชอบพูดเวิ่นเว้อ นักฆ่าสนใจผลลัพธ์มากกว่าการกระทำ ในเมื่อวัฏจักรฝากให้เธอดูแลเหนือภพ เธอก็จะทำตามนั้น และสิ่งที่ราตรีกระทำนั้นก็ไม่ได้เหนือความหมายของทุกคน เธอคว้าร่างเหนือภพแล้วเหวี่ยงไปยังทิศทางหนึ่งทันที จนกระทั่งร่างแกร่งของเหนือภพตกลงไปยังพื้นที่แห่งหนึ่งในเขตเรือนรับรอง

แรงกระแทกจากการตกกระทบ ทำให้กลไกบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้พื้นดินทำงาน แผ่นโลหะแข็งแหวกออก ปล่อยร่างเหนือภพให้ตกลงไปใต้ดินที่มืดมิด ก่อนที่กลไกจะปิดตัวทันทีโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ยกเว้นเพียงแค่ราตรีกับอังกาบ พวกเธอสองคนไม่ตกใจ แต่กลับมีสีหน้าผ่อนคลายที่เห็นเหนือภพปลอดภัย จากนั้นพวกเธอก็รีบพุ่งเข้าไปสมทบกับคนรักของตน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด