ตอนที่แล้วบทที่ 52 สถานที่อันห่างไกลไร้ผู้คน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 54 ชายผู้มีชีวิตอันผ่อนคลายภายในป่า

บทที่ 53 ผลการสืบสวนของตระกูลซ่ง


ตระกูลซ่งแห่งปักกิ่งนั้นเป็น 1 ใน 5 ตระกูลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในประเทศจีน  ทว่าเวลานี้ ณ บ้านใหญ่ของตระกูลซ่งนั้นกลับมีบรรยากาศอันน่าอึดอัดกดดัน  ส่วนสาเหตุก็ไม่อาจเป็นเรื่องอื่นไปได้  นอกจากเรื่องที่ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูล ‘ซ่งฉีหมิง’ อย่างซ่งเฉ่าเหวินได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเนื่องจากขับรถยนต์ด้วยความเร็วในตอนกลางคืน

ทว่าเวลานี้คนตระกูลซ่งรู้ดีว่าการตายของซ่งเฉ่าเหวินนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการขับรถเร็วแม้แต่น้อย  หรือต่อให้ขับรถเร็วจริง...นั่นก็ยังไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดซ่งเฉ่าเหวินถึงได้ขับไปยังสถานที่กันดารห่างไกลอย่างหุบเขาชีน่งได้  อีกอย่างเขาจะขับรถด้วยความรวดเร็วไปตามทางด่วนตอนตี 3 เพื่ออะไร?

คนอื่นๆ อาจจะไม่เข้าใจในลักษณะนิสัยของซ่งเฉ่าเหวิน  แต่มีหรือตระกูลซ่งจะไม่เข้าใจ...ซ่งเฉ่าเหวินนั้นโดยสันดานแล้วเป็นคนที่เกลียดความยุ่งยากคนหนึ่ง  ถ้าเกิดมีเรื่องจำเป็นต้องผ่านทางด่วนจริงๆ แล้วล่ะก็   เขาคงจะเลือกเดินทางในตอนฟ้าสว่างเสียมากกว่าจะเลือกเดินทางตอนตี 3 ตี 4 แบบนี้

“ไปสืบมาแล้วได้ความว่าอย่างไรบ้าง?”  ตอนนี้คนเฒ่าคนแก่ของตระกูลซ่งไม่อยู่  ด้วยเหตุนี้ภายในตระกูลคำพูดของซ่งฉีหมิงจึงถือเป็นสัญลักษณ์อำนาจของตระกูลซ่ง  ถึงแม้อารมณ์ภายนอกของเขาจะดูสงบนิ่ง   ทว่าเส้นเลือดบนมือกลับปูดโปนราวกับจะระเบิดออกมา  แสดงออกถึงความโกรธและความรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ   ลูกชายเพียงคนเดียวของเขากลับมาถูกลอบสังหารแบบนี้!  มันเป็นใคร!?  ถึงกับหาญกล้าลงมือกับตระกูลซ่งได้!

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลุกขึ้นยืน  “นายท่าน…พวกผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว  เมื่ออาทิตย์ก่อนเฉ่าเหวินได้เดินทางไปยังเหอเฟิง  แต่เขาพักอยู่ที่เหอเฟิงเพียงคืนเดียวก็เดินทางออกจากที่นั่นแล้ว  หลังจากนั้นเขาคงพาอาฟาและหวังฉวนไปหนิงไห่ด้วยกัน  ทว่ากล้องวงจรปิดตรงทางด่วนหนิงเฟิงบริเวณหนิงไห่นั้นกลับไม่มีบันทึกภาพรถของเฉ่าเหวินเลย  หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ...กล้องตรงทางจราจรของหนิงไห่ได้ถูกปิดไว้อยู่ก่อนแล้วนั่นเอง”

“พวกเราได้ไปตรวจสอบที่หนิงไห่แล้ว…เป็นเฉ่าเหวินเองที่สั่งให้คนปิดกล้องเอาไว้  นอกจากไปหาหนิงชิงเชวี่ยแล้วเฉ่าเหวินก็ไม่มีสาเหตุอื่นให้ต้องไปที่หนิงไห่อีก  แต่ตอนนั้นหนิงชิงเชวี่ยก็ไม่ได้ออกจากหนิงไห่แต่อย่างใด  เมื่อ 2 วันก่อนเธอถึงเพิ่งจะเดินทางไปหยูโจว  แต่สำหรับเย่โม่ที่แต่งงานกับหนิงชิงเชวี่ยนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในเย็นวันที่เกิดเหตุการณ์นั้นเอง”

“พวกเราได้ตรวจสอบซากรถคันนั้นอย่างละเอียดแล้วกลับไม่พบศพของเย่โม่ในนั้นเลย  อาจบอกได้ว่าเดิมทีแล้วเย่โม่ไม่ได้นั่งไปด้วย...หรือไม่ก็ลงกลางทาง  จากภาพกล้องวงจรปิดของทางด่วนตรงหุบเขาชีน่งนั้น   รถ BMW ของเฉ่าเหวินที่ขับมาอยู่ๆ ก็พุ่งทะลุออกจากถนน  ร่วงตกหน้าผาไป”

“เป็นไปได้ไหมว่าจะมีใครวางยาคนขับ?”  ชายข้างๆ ที่อายุราว 50 กว่าๆ ถามขึ้น

ชายวัยกลางคนส่ายหัว  “เป็นไปไม่ได้  เพราะจากหลักฐานกล้องวงจรปิดแล้ว  นอกจากช่วงเวลาที่บันทึกไม่ได้ตรงหนิงไห่นั้น…ตรงจุดอื่นๆ รถของของเฉ่าเหวินก็ขับปกติดี  ทั้งยังไม่มีอะไรแปลกประหลาดเกิดขึ้นระหว่างทางด้วย  มีเพียงตรงถนนหุบเขาชีน่งเท่านั้นที่อยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา”

“แล้วตอนนี้มีร่องรอยของเย่โม่แล้วหรือยัง?”  ซ่งฉีหมิงถามขึ้นอีกครั้ง

ชายวัยกลางคนส่ายหัว  “ตอนนี้พวกเรายังไม่พบร่องรอยของเย่โม่  แต่พวกเราพบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมกล้องวงจรปิดภายในส่วนที่หนิงชิงเชวี่ยอาศัยอยู่กับเย่โม่  เพียงแต่ข้อมูลข้างในถูกลบออกไปหมดแล้ว   ตอนนี้กำลังทำการกู้คืนอยู่”

เวลานี้เองที่มีชายหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ รีบร้อนเดินเข้ามา  เขาส่งแผ่นซีดีในมือให้กับชายวัยกลางคน  “ลุงไห่!  ผมกู้ข้อมูลได้แล้ว!”

“รีบตรวจดูเร็ว!”  ซ่งฉีหมิงพูดเสียงเย็นก่อนที่ชายวัยกลางคนจะได้ตอบอะไรเสียอีก

เมื่อใส่แผ่นซีดีเข้าไปในคอมพิวเตอร์  ภาพบนหน้าจอยักษ์ใหญ่ก็ปรากฏภาพชีวิตประจำวันของเย่โม่   รวมถึงภาพสุดท้ายที่เย่โม่ออกไปข้างนอกด้วยกันกับพวกของซ่งเฉ่าเหวิน

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเย่โม่จริงๆ”  เมื่อดูภาพที่กรออย่างรวดเร็วจบชายอายุ 50 กว่าๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น  เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใดคนคนหนึ่งถึงได้บุกไปบ้านคนอื่นตอนกลางดึกแบบนั้น   ภายในใจมีแต่ความโกรธแค้นที่ซ่งเฉ่าเหวินต้องมาตายก็เท่านั้น

“ดูท่าว่าตอนนั้นยัยผู้หญิงสารเลวตระกูลหนิงคงไม่รู้เรื่องนี้  ส่วนเรื่องวิดีโอชิ้นนี้เธอคงมาลบทีหลังแน่ๆ”  ชายร่างผอมที่ยืนอยู่ด้านหลังซ่งฉีหมิงพูดขึ้น

“ต่อให้หนิงชิงเชวี่ยจะไม่รู้…เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเธออยู่ดี  คิดว่าพวกเราตระกูลซ่งจะปล่อยเธอไปง่ายๆ หรือไง  ฝันไปเถอะ!” ลุงไห่ซึ่งได้รับหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องนี้พูดขึ้น

ใบหน้าของซ่งฉีหมิงนั้นดูไม่ได้จนถึงขีดสุด  ทว่าเขาก็ทำเพียงแค่โบกมือ  “เราจะไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว   ไม่ใช่แค่หนิงชิงเชวี่ยเท่านั้น  ข้าจะถล่มตระกูลหนิงให้หายไปตลอดกาล!  แต่ตอนนี้ละเว้นพวกมันไปก่อน  สิ่งแรกที่ต้องทำคือตามจำไอ้เศษสวะเย่โม่มาให้ได้!  ทางที่ดีให้แอบจับมากลับมาที่ปักกิ่งนี่  ข้าจะทำให้มันได้รู้...ว่าการมาฆ่าคนตระกูลซ่งจะส่งผลลัพธ์เช่นไร!”

พูดจบซ่งฉีหมิงก็หอบหายใจอย่างแรง  จากนั้นจึงพูดต่อ  “ซ่งไห่...นายรับผิดชอบสืบหาที่กบดานของเย่โม่มาให้ได้  ใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการพาตัวมันมาที่นี่  ถ้าหากทำไม่ได้ก็เอาหัวมันมาเซ่นสังเวยให้เฉ่าเหวินก็แล้วกัน  อีกเรื่อง...นายรีบไปสืบดูให้แน่ชัดว่าเย่โม่มันใช้วิธีอะไรถึงทำให้รถของเฉ่าเหวินร่วงหน้าผาแบบนั้นได้”

“ขอรับ! นายท่าน”  ซ่งไห่รีบตอบรับอย่างว่องไว

ทว่าชายแก่อายุราว 50 กว่าๆ อีกคนหนึ่งกลับขมวดคิ้ว  “แต่ไอ้หนุ่มเย่โม่คนนี้นี่มันแปลกจริงๆ…มันแต่งงานกับเด็กสาวจากตระกูลหนิงคนนั้น  แล้วเหตุใดจึงได้เอาแต่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้แบบนั้นกันล่ะ?  หรือว่ามันจะฝึกปราณได้?  ได้ยินมาว่าตระกูลผู้ฝึกยุทธอันเก่าแก่พวกนั้นก็ชอบนั่งฝึกลมปราณกันแบบนี้เช่นกัน  ถ้าหากมันมีอาจารย์เป็นพวกผู้ฝึกยุทธจากตระกูลเก่าแก่พวกนั้นล่ะก็  เรื่องนี้คงจะจัดการได้ยากแล้ว”

ซ่งไห่รีบพูดขึ้น  “ลุงจ้าน…ผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอก  เย่โม่มันก็แค่เศษสวะ  แม้แต่ตระกูลเย่ยังไม่ต้องการมันเลย  เหล่าผู้ฝึกยุทธในตำนานพวกนั้นไม่มีทางจะมาสนใจคนแบบนี้หรอก  หรือต่อให้มีอาจารย์จริงๆ ล่ะก็…ทำไมกล้องวงจรปิดถึงไม่ได้บันทึกแม้แต่เงาของเขาเลยล่ะ?  ผมว่าลุงจ้านคิดมากไปแล้ว”

ชายแก่ที่ถูกเรียกว่าลุงจ้านพยักหน้า  “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี  ต่อให้มีอาจารย์ผู้ฝึกยุทธโบราณหนุนหลังมันจริงๆ...อย่างไรเสียตระกูลซ่งของเราก็เป็นถึง 1 ใน 5 ตระกูลอันยิ่งใหญ่ของจีน  คาดว่าพวกมันจะมาแก้แค้นเราคงยากแล้ว”

..........

ในวันที่ตระกูลซ่งเดินทางมาที่หนิงไห่เพื่อเอาคอมพิวเตอร์ควบคุมกล้องวงจรปิดนั้น  หนิงชิงเชวี่ยก็รู้เรื่องนี้แล้ว  ในใจเธอรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที  ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว…รู้แบบนี้เธอควรจะทำลายฮาร์ดดิสก์อันนั้นเสียจะดีกว่า  ไม่คิดเลยว่าตระกูลซ่งจะมาตรวจสอบถึงนี่  หนิงชิงเชวี่ยได้แต่หวังว่าตระกูลซ่งจะไม่สามารถกู้ข้อมูลในนั้นได้...แต่เธอก็รู้ดีว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้  หนทางเดียวตอนนี้คือต้องรีบบอกเย่โม่เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด  บอกเขาว่าตระกูลซ่งรู้แล้วว่าเขาเป็นคนฆ่าซ่งเฉ่าเหวิน

เพียงแต่หนิงชิงเชวี่ยไม่มีวิธีติดต่อกับเย่โม่เลย  ผู้คนที่นี่ไม่มีใครติดต่อเย่โม่ได้ด้วยซ้ำ

หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกว่าเธอสมควรบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเธอรู้  หลังจากคิดอยู่นานหลายตลบเธอก็ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ  รวมถึงบอกด้วยว่าเธอต้องการจะออกตามหาเย่โม่ซึ่งนั่นทำให้แม่ของเธอรู้สึกตกใจมาก  แม่ของเธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวมากมายขนาดนี้  แม้กระทั่งการตายของซ่งเฉ่าเหวินยังเกี่ยวข้องกับหนิงชิงเชวี่ยอีกด้วย

“ชิงเชวี่ย…ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าลูกจะออกตามหาเย่โม่ยังไงแล้ว  แต่เป็นเรื่องที่ว่าตระกูลของพวกเราจะเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของตระกูลซ่งยังไงมากกว่า  จากนิสัยของซ่งฉีหมิงแล้ว  การหวังให้เขาปล่อยตระกูลหนิงของพวกเราไปถือว่าเป็นไปไม่ได้  โดยเฉพาะตัวลูกเอง”  แม่ของหนิงชิงเชวี่ยมองเรื่องนี้ได้ทะลุปรุโปร่ง

หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัว  “หนูติดค้างเย่โม่ไว้  มาตอนนี้ยังสร้างความลำบากให้พ่อกับแม่อีก  หนูมันไร้ค่าจริงๆ  เป็นหนูเองที่เอาแต่ใจตัวและคิดไม่ทันแบบนี้  ขอโทษนะคะแม่...”

แม่ของหนิงชิงเชวี่ยถอนหายใจ  “ถึงแม้ครอบครัวของเราจะแยกจากตระกูลหนิงแล้ว  แต่จะจัดการครอบครัวของเราก็ไม่ง่ายอย่างที่ตระกูลซ่งคิด  ชิงเชวี่ย...ลูกไม่ต้องกังวลไป  ลูกบอกแม่มาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกกับเย่โม่กันแน่!?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด