ตอนที่แล้วบทที่ 53 ผลการสืบสวนของตระกูลซ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55 ยื่นมือเข้าช่วย

บทที่ 54 ชายผู้มีชีวิตอันผ่อนคลายภายในป่า


แม้ฟางหนานจะบอกสถานที่คร่าวๆ มาให้  แต่ด้วยสาเหตุที่ว่าเรื่องเมื่อตอนนั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว   นั่นทำให้ฟางหนานจำสถานที่ได้ไม่แม่นยำนัก  ถึงเขาจะอยากตามมาด้วยแต่เย่โม่ก็รู้ดีว่าการมาครั้งนี้อาจกินเวลาหลายวัน  อีกอย่างแก๊ง 13 ผู้พิทักษ์ก็ได้ล่มสลายไปแล้ว  ผลประโยชน์ภายในหลิวเฉอต้องมีการแบ่งสรรกันใหม่อีกครั้ง ดังนั้นสิ่งที่ฟางหนานต้องทำยังมีอยู่อีกมาก เย่โม่จึงห้ามไม่ให้ฟางหนานตามมาด้วย  อีกอย่าง...เขาเดินทางคนเดียวในป่าอาจจะเร็วกว่าก็ได้

เย่โม่เที่ยวตามหาแถวชายป่ามา 3 วันแล้วแต่ก็ยังไม่พบหลุมฝังศพที่ฟางหนานพูดถึงเลย  ทว่าระหว่างทางกลับพบอุปสรรคอันตรายไม่น้อย  ทั้งเสือดาว 1 ตัว หมาป่า 2 ตัวและงูอีกกว่า 20 ชนิด

ข้อมูลสำคัญที่ฟางหนานบอกไว้ก็คือ  สถานที่นั้นต้องมี ‘ต้นสนหมื่นปี’ อยู่ 2 ต้น  ผ่านมาหลายวันแล้วอย่าว่าแต่ 2 ต้นเลย  แม้แต่ต้นเดียวเย่โม่ยังไม่เจอเลยด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่เย่โม่ไม่เคยขาดคือความอดทน  ถึงตอนนี้เข้ามาในป่าลึกแล้ว  วันที่ 4 เขาก็ตัดสินใจจะเข้าไปสำรวจให้ลึกยิ่งขึ้น  แต่ก่อนจะเข้าไปเขาต้องหาอะไรรองท้องเสียก่อน

ขณะที่มือหนึ่งกำลังย่างกระต่ายป่าตัวหนึ่ง  ภายในหัวเย่โม่ก็กำลังเรียบเรียงความคิดถึงสถานที่ๆ ได้สำรวจไปแล้ว  ทว่าตอนนั้นเองก็มีเสียงปืนอันก้องกังวาลดังขึ้น 2-3 นัดขัดจังหวะความคิดของเย่โม่  เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นชายร่างกำยำวัย 30 กว่าปีคนหนึ่งกำลังเดินโซซัดโซเซเข้ามา  ในมือมีมีดปลายปืนอยู่ด้วย

ทั่วทั้งร่างของชายคนนี้เต็มไปด้วยบาดแผล  เสื้อผ้าก็ฉีกขาดรุ่งริ่ง  แต่จากสายตาของเย่โม่...แผลที่หนักที่สุดคงจะเป็นบริเวณเอวที่มีรอยกระสุนอยู่  ถึงแผลนั้นจะอยู่ด้านข้างแต่เลือดสดๆ ได้ย้อมสีแดงให้กับเสื้อผ้าที่ไม่คล้ายเสื้อผ้าของเขาไปเสียแล้ว

ตอนที่เย่โม่เห็นชายคนนี้  เขาเองก็เห็นเย่โม่แล้วเช่นกัน  ชายคนนั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง  ราวกับไม่ได้คาดคิดว่าในป่าเขาลึกจะมีคนย่างกระต่ายอย่างสบายอกสบายใจอยู่แบบนี้  ถึงเขาจะกำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่แต่ความหิวก็ทำให้ท้องของเขาส่งเสียงร้องออกมาเสียแล้ว

เย่โม่นั่งมองชายที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดคนนี้  ตอนนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากร่างกายของชายคนนี้  มันคือรังสีฆ่าฟันที่คล้ายกับที่เขาสัมผัสได้จากตัวของหวังซู่  ชายที่เย่โม่เจอในงานวันเกิดของซูจิ้งเหวินนั่นเอง

‘พวกเขาอยู่ทีมเดียวกัน’ นั่นเป็นสิ่งที่เย่โม่สรุปได้ในทันที  เพียงแต่เย่โม่ไม่รู้ว่าชายคนนี้ถูกใครไล่ตามมาจึงได้มีท่าทีหวาดกลัวแบบนี้  ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องหวังซู่อยู่นั้น  ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังขึ้นมา   ไม่นานก็มีชายอีก 3 คนที่ล้วนมีปืนอยู๋ในมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเย่โม่

ชายที่บาดเจ็บสาหัสคนนั้นมองไปยังเย่โม่อย่างขอโทษแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไร

ชาย 3 คนเมื่อเห็นว่าเหยื่อที่บาดเจ็บไม่วิ่งหนีต่อแล้ว  พวกเขาก็หยุดไล่ล่าทันทีแล้วมองมาทางเย่โม่ซึ่งกำลังย่างกระต่ายด้วยความประหลาดใจ  ไม่คิดว่าในป่าเขาลึกแบบนี้ยังจะมีคนมานั่งพักผ่อนย่างกระต่ายแบบนี้อยู่อีก  แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถกระทำได้  ภายในป่าแห่งนี้ถือว่าไม่ปลอดภัย  หรือต่อให้อยากจะย่างกระต่ายจริงๆ ก็ควรเลือกที่ที่มันเงียบสงบมากกว่านี้สิ  ไม่ใช่มานั่งย่างในที่เปิดโล่งไร้ทางหลบซ่อนแบบนี้

ชายทั้ง 5 คนซึ่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา  บรรยากาศเปลี่ยนเป็นชะงักงันในทันที  มีเพียงเสียงพลิกย่างกระต่ายและกลิ่นเนื้อเท่านั้นที่พวกเขาสัมผัสได้

ชาย 3 คนนั้นมองมาทางเย่โม่  พวกเขาพยักหน้า  ชายหนึ่งในนั้นที่ใบหน้าค่อนข้างดำเอ่ยปากขึ้น  “นี่เพื่อน…เรื่องตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาย  นายช่วยหลีกทางให้พวกเราหน่อยจะได้ไหม?  พวกเราแค่ต้องการตัวชายที่หนีมาคนนี้เท่านั้นเอง”

สำเนียงที่ชายหน้าดำพูดออกจะฟังดูแปร่งๆ อยู่บ้าง  เย่โม่จ้องมองชายที่พูดด้วยความประหลาดใจ ขณะที่กำลังคิดจะพูดว่า  ‘ที่นี่ไม่ใช่บ้านของนายเสียหน่อย  ทำไมฉันต้องหลบด้วย’  ชายอีกคนก็เล็งปากกระบอกปืนมาทางเย่โม่ทันที

ทว่าชายคนนั้นยังไม่ได้ขยับนิ้วลั่นไก  ก็มีเสียงแหวกอากาศที่เบาจนไม่อาจได้ยินขัดจังหวะการกระทำของเขา  กลางหว่างคิ้วของชายทั้ง 3 ปรากฏจุดสีแดงเล็กๆ ขึ้น  จากนั้นเลือดสดๆ ก็พุ่งกระฉูดออกมาจากจุดแดงเหล่านั้น  ชายทั้ง 3 คนนั้นเบิกตาจ้องมองเย่โม่อย่างไม่อยากจะเชื่อขณะที่ร่วงลงไปกับพื้น  เย่โม่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ลมหายใจเท่านั้นในการปลิดชีพพวกเขาทั้งหมด

เย่โม่ไม่ชอบฆ่าคน  แต่กับคนที่ข่มขู่คุกคามชีวิตเขาแล้ว…เย่โม่จะไม่ปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอดแน่นอน  ตะปูในมือนั้นมีเพื่อขัดขวางคนที่คิดจะยิงเขานั่นเอง

ส่วนชายร่างกำยำที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคนนั้น  เขาเบิกตามองเย่โม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ  ชาย 3 คนที่ถือปืนไล่ฆ่าเขามากว่าครึ่งวันกลับถูกชายที่นั่งย่างกระต่ายฆ่าตายอย่างง่ายดายแบบนี้

เย่โม่มองชายร่างกำยำที่นิ่งเงียบไปนาน  เขายิ้มให้บางๆ  “กระต่ายได้ที่แล้ว  อยากกินสักหน่อยไหม?”

เย่โม่รู้สึกว่าหวังซู่เป็นคนใช้ได้ไม่เลว  มีโอกาสสูงที่ชายตรงหน้าจะเกี่ยวข้องกับหวังซู่  เรียกเขาให้มากินอาหารก็คงจะไม่เป็นอะไร

“อา...เอาสิ  ขอบคุณ  ผมชื่อกัวฉี่  เมื่อกี้ขอบคุณนายมากที่ช่วยชีวิตเอาไว้”  กัวชี่ประสานมือทำท่าเคารพ  สีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เย่โม่โบกมือแล้วยิ้มให้  “ไม่เป็นไร  ได้พบกันถือเป็นวาสนาแล้ว  ผมชื่อเย่โม่”  พูดจบเขาก็แบ่งครึ่งกระต่ายที่ย่างเสร็จแล้ว  จากนั้นจึงหยิบสมุนไพร 2-3 อย่างจากในกระเป๋าออกมา  เย่โม่ถูพวกมันจนเป็นกากผงโปรยลงบนตัวกระต่าย  กัวฉี่มองเหตุการณ์นั้นอย่างสับสนมึนงงอยู่บ้าง  ดูไปแล้วเหมือนจะไม่ถูกหลักอนามัยอยู่บ้าง

ถึงจะทำเสร็จแล้วแต่เย่โม่ก็ไม่ได้ยืนกระต่ายครึ่งหนึ่งให้กับกัวฉี่แต่อย่างใด  เขากลับพูดขึ้นว่า  “นายมาตรงนี้หน่อย  ผมจะช่วยดูแผลให้”

เมื่อได้ยินที่เย่โม่พูดและเห็นการกระทำของเขาแล้ว  กัวฉี่ก็เข้าใจว่าเย่โม่จะช่วยทำแผลให้เขาด้วยสมุนไพร  จึงรีบเดินเข้าไปหาเย่โม่ทันที

รอจนกัวฉี่มาหยุดตรงหน้า  จากนั้นเย่โม่จึงกระแทกฝ่ามือไปบนปากแผลกระสุนปืนของกัวฉี่  กระสุนนัดหนึ่งพุ่งออกจากแผลไปไกลราวกับดาวตก  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กัวฉี่ไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด  กลับเขารู้สึกเพียงว่ากระสุนตรงเอวได้ถูกกระแทกออกไปแล้ว  ทำไมชายคนนี้ถึงได้เก่งขนาดนี้?  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนที่สามารถใช้วิธีนี้เอากระสุนออกจากร่างกายได้

ราวกับมองไม่เห็นท่าทางตกตะลึงของกัวฉี่  เย่โม่ส่งกระต่ายย่างครึ่งหนึ่งให้กับกัวฉี่  จากนั้นจึงยื่นสมุนไพร 2 อย่างให้กับเขา  “เคี้ยวสมุนไพรพวกนี้แล้วทาบนแผลกระสุนนั่นซะ  จากนั้นก็ค่อยกินอาหาร  หลังจากนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว”

พูดจบเย่โม่ก็ไม่ได้สนใจกัวฉี่อีก  เขาหันกลับมาเคี้ยวกระต่ายครึ่งที่เหลือในมือ

กัวฉี่ทั้งประหลาดใจและดีใจที่พบว่าแปลของนั้นไม่เพียงแต่ไม่เจ็บปวดเท่านั้น…เขายังรู้สึกเย็นสบายตรงปากแผลอีกด้วย  นี่มันยาอะไรกัน?  ผลลัพธ์ถึงได้มหัศจรรย์ขนาดนี้  เวลานั้นเองที่เขารู้สึกว่าเย่โม่นั้นช่างเป็นบุคคลที่ดูลึกลับ  ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รู้สึกขอบคุณเท่านั้น  ในใจของเขายังรู้สึกนับถือคนๆ นี้ขึ้นมา

ในป่าเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายแบบนี้  เย่โม่ไม่เพียงแต่ย่างกระต่ายอย่างผ่อนคลายสบายใจ  ทั้งยังรักษาแผลให้เขาได้อย่างง่ายดาย  อีกอย่างเพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็เอากระสุนออกจากร่างเขาได้แล้ว

คนๆ นี้มีฝีมือ  เขาฆ่าพวกกองกำลังพิเศษหนานกุ่ย (ผีใต้) โดยตาไม่กระพริบด้วยซ้ำ  เขาต้องไม่ใช่คนเวียดนามแน่นอน  หรือว่าจะขอความช่วยเหลือจากเขาดี?  กัวฉี่พูดขึ้นทันที  “ชายเวียดนาม 3 คนเมื่อครู่คงเป็นพวกหนานกุ่ย  ทีมของผมถูกพวกมันซุ่มโจมตีระหว่างทำภารกิจ  นอกจากตัวผมที่ฝ่ามาถึงนี่ได้แล้ว…เพื่อนในทีม 2 คนเสียชีวิตแล้ว  ส่วนอีก 3 คนถูกล้อมขังอยู่ในถ้ำ  คิดว่าตอนนี้พวกเขาคงตกอยู่ในกำมือของพวกหนานกุ่ยแล้ว  ที่ผมฝ่าออกมาก็เพื่อต้องการตามหาความช่วยเหลือ”

เย่โม่ขมวดคิ้วโดยไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจความหมายของกัวฉี่ดี  แต่เย่โม่เองก็ไม่ใช่ทหาร  อีกอย่างทีมที่ถูกพวกหนานกุ่ยโจมตีจนเละแบบนี้  ในใจเย่โม่ก็รู้สึกไม่พอใจเอามากๆ

ถึงแม้จะไม่อยากช่วย  แต่เย่โม่ก็รู้สึกไม่ชอบใจพวกผีเวียดนามเหล่านี้เช่นเดียวกัน  ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงหลิวเฉอใหม่ๆ ก็ถูกพวกเวียดนามดักปล้นกลางทาง  แม้ว่าคนพวกนั้นภายหลังจะถูกเขาฆ่าตายจนหมดก็ตาม   แต่นั่นก็ทำให้เขาเกิดรู้สึกรังเกียจพวกเวียดนามขึ้นมา

“ถึงผมจะอยากช่วยนายแต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่…ตอนนี้ผมกำลังตามหาของบางอย่างที่นี่”  เย่โม่ลุกขึ้นยืนแล้วพูด  ตอนนี้เขาเตรียมตัวจะเดินทางต่อแล้ว  เดิมทีเย่โม่กับกัวฉี่ก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กัน  เมื่อครู่ช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่งแล้ว  อีกอย่างเขาก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่  ถ้าเขาสะดวก...การจะช่วยสักนิดสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร  แต่การจะให้เขาไปช่วยโดยเฉพาะเจาะจงนั้น...เย่โม่ยังรู้สึกว่ายุ่งยากน่ารำคาญอยู่บ้างจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด