ตอนที่แล้วตอนที่ 7 : คุณหนูสี่ฉ้อโกง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 : ตำลึงสำหรับคุณหนูสี่

ตอนที่ 8 : เมื่อคุณหนูสี่เสาะหาทางเลือก


ในขณะที่ฮุ่ยเอ๋อหายไป  ยูเจี๋ยเดินไปรอบ ๆ ห้องของเธอ  บางครั้งเปิดลิ้นชักและตู้เล็ก ๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่นี้  เธอสังเกตเห็นว่าลานบ้านที่เธออยู่นั้นไม่ใหญ่กว่าอพาร์ตเมนต์ของเธอในโลกสมัยใหม่  บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นเพราะสถานะของเธอในครอบครัวนี้

มีอะไรในครอบครองไม่มากนักของคุณหนูสี่  ดูเหมือนว่ายูเจี๋ยคนก่อนจะไม่สนใจเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอาง  หลังจากค้นหาสิบนาทีเต็ม  ยูเจี๋ยพบเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน ๆ ที่เรียงเป็นระเบียบคล้ายกับเสื้อคลุมที่เธอสวมไว้ – ซีดมากในแสงแดดมันดูเกือบเป็นสีขาว  ในทางกลับกันเครื่องสำอางแทบจะไม่มีเลย  ไม่มีผงแป้งหรือดินแดงทาปาก   แม้แต่อุปกรณ์เสริมก็ถูกตัดแทบจะไม่มีเลย  กำไลและกิ๊บติดผมเล็กน้อยเป็นเพียงสิ่งเดียวในลิ้นชักมากมายนั้น

ในขณะที่เธอผลักลิ้นชักว่างเปล่าปิดไปอีกอัน  ยูเจี๋ยถอนหายใจ  เธอพึ่งพาความคิดที่จะขายอัญมณีสักสองสามชิ้นที่คุณหนูสี่เป็นเจ้าของเพื่อจะใช้เป็นทุนสำรองนั้นคงไม่ได้แล้ว กลับมาคิดอีกทีมันเป็นความคิดที่งี่เง่าพอสมควร แม้แต่กำไลหยกที่เธอพบเพียงสองสามชิ้นนั้นก็เป็นเหมือนหยกราคาถูก

สายตาของเธอกลับไปที่วัสดุการวาดภาพที่ฮุ่ยเอ๋อเอามาไว้ให้เธอบนโต๊ะ  ก่อนหน้านี้เธอสามารถวาดภาพได้อย่างดี  แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะขายได้เงินห้าสิบตำลึงเงินหรือไม่  เมื่อการแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือนข้างหน้านี้  เธอจะหาเงินได้เท่าไหร่?  แผนของเธอมีเหตุผลพอหรือไม่?

ยูเจี๋ยคร่ำครวญ นั่งลงที่โต๊ะและหมุนแปรงพู่กันในมืออย่างเหม่อลอย  วัสดุเหล่านี้ต่างจากของที่เธอใช้  ทำให้มันยากยิ่งขึ้นสำหรับเธอที่จะแสดงออกถึงคุณค่าของฝีมือทางศิลปะของเธอ  เธอคุ้นเคยกับการร่างภาพตามความคิดด้วยดินสอหรือกราไฟต์และนอกจากการวาดด้วยสีน้ำมันและอะครีลิคแล้วเธอยังสนุกกับการสเก็ตช์ภาพ   ดูเหมือนว่าราชวงศ์เซียงจะไม่ได้มีการคิดค้นดินสอ แต่ถ้าราชวงศ์ถัง ... ไม่ใช่ว่าเธอรู้มากเกี่ยวกับการพัฒนาศิลปะในแต่ละราชวงศ์  แต่ยูเจี๋ยก็ค่อนข้างแน่ใจว่าการวาดภาพและศิลปะมีความเจริญรุ่งเรืองในราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซุย ไม่ได้อยู่ก่อนหน้าพวกเขา

ด้วยความคิดในใจ  ยูเจี๋ยคิดได้ว่ายังไงเธอต้องปรับตัวให้เข้ากับสื่อที่มีอยู่ในขณะนี้ หรือหาวิธีใหม่ในการประดิษฐ์ดินสอด้วยตัวเอง

เมื่อมองจากหินฝนหมึกและแท่งหมึก  ยูเจี๋ยก็รีบหยิบแท่งหมึกที่วางอยู่ข้างๆแล้วเช็ดให้แห้ง ดึงแผ่นกระดาษที่สะอาดออกมา เธอค่อยๆลากแท่งหมึกลงบนกระดาษเบาๆ ดูแล้วมันยังทำให้ไม่น่าพอใจ แต่สีดำให้ผิวขรุขระ  การลากเส้นเป็นเรื่องยากต่อความต่อเนื่องบนกระดาษ แต่ถ้าเธอกดแรงเพียงพอ เม็ดสีจะหลุดออกจากแท่งหมึกแน่นอน

ดังนั้นแม้ความจริงที่ว่าเธอสามารถทำเครื่องหมายลงบนกระดาษด้วยเครื่องมือนี้ได้ มันเหมือนยังไม่สมบูรณ์และยากที่จะมองเป็นผู้เชี่ยวชาญ  คิ้วของยูเจี๋ยขมวดคิดหนัก  เธอตัดสินใจว่ามันจะเป็นความท้าทายที่จะหาสิ่งที่จะมาแทนดินสอ  มีอะไรในดินสอ? ตะกั่วรึ? เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม?  สิ่งนั้นคงพัฒนามาหลายปีแล้ว ยูเจี๋ยมีช่วงเวลาที่น่าจดจำอย่างมากก่อนที่เธอจะจำได้ว่ามันต้องเป็นกราไฟท์

สายตาของเธอกลับไปที่แท่งหมึก ไตร่ตรองคำถามว่าแท่งหมึกนี้จะมีกราไฟท์อยู่หรือไม่  ถ้าเป็นเช่นนั้น  เธอไม่สามารถบดแท่งนี้ออกแล้วเติมน้ำและอะไรอย่างอื่น แล้วแปลงเป็นดินสอได้หรอ?  มันค่อนข้างสมเหตุสมผล...ใช่ไหม?

ก่อนอื่นยูเจี๋ยต้องค้นพบให้ได้ว่าแม่พิมพ์ดินสอจะใช้อะไรทำ  เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  โดยจำได้ว่าขณะที่เธอสำรวจรอบๆ มีต้นไม้ปลูกไว้ด้านหน้า  หากเธอสามารถตัดกิ่งเล็กๆจากต้นนั้นและจัดการทำให้มันเป็นช่องด้านในได้ จากนั้นเธอจะไม่สามารถเติมผงกราไฟท์จากแท่งหมึกและน้ำและ....ทำเป็นดินสอได้เหรอ?

ความคิดดูเหมือนจะเป็นจินตนาการ  แต่แล้วคิดอีกครั้ง นี่คือโลกใหม่ ชีวิตใหม่ ยูเจี๋ยต้องเสี่งอย่างไม่มีจุดหมายและลองทำสิ่งใหม่ๆ ก่อนที่เธอจะได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม  เพื่อการได้วาดภาพด้วยดินสอ  ยูเจี๋ยยินดีที่จะทำมั้นทั้งหมด!

โชคดี ศิลปินหยาง!

........................

ในช่วงเวลาที่ยูเจี๋ยกำลังประสบความสำเร็จในการคิดค้นทำดินสอ  ฮุ่ยเอ๋อก็ยังคงดิ้นรนเพื่อทำให้ฝูงชนสงบลง  ปริมาณเสียงของพวกเขาดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ตลาดทั้งหมดถูกครอบงำโดยไม้ที่คนรอบตัวนางกำลังถืออยู่

และพวกเขาเรียกตัวเองว่าเป็นคนฉลาด  มีความเป็นผู้ใหญ่! การคิดว่าคนที่มีความตลบแตลงเหล่านี้เรียกได้ว่าเถียงอย่างโกรธเคืองกับภาพวาดภาพเดียว!  แม้ว่าฮุ่ยเอ๋อจะกลัวด้วยเสียงอึกทึก  นางอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่านางดูถูกคนเหล่านี้ที่ต้องการจะฉีกคนอื่นเมื่อพวกเขามีความคิดไม่สอดคล้องกับบรรทัดฐานของตัวเอง

ทันใดนั้นท่ามกลางเสียงตะโกน  เสียงใสของชายหนุ่มดังก้องเสียงดังก่อนหน้า

“ข้าจะจ่ายสามสิบตำลึงเงิน”

ฝูงชนชะงัก  หันกลับมามองด้วยความประหลาดใจเพื่อดูว่าใครเป็นคนตะโกนวลีดังกล่าว  สามสิบตำลึงรี? แม้ว่ามันจะน้อยกว่าราคาเดิมห้าสิบตำลึง  สามสิบก็ยังถือว่าเป็นเรื่องใหญ่  ใครเป็นคนโง่เขลาคนนั้นที่จ่ายค่าเสียหายถึงสามสิบตำลึงกัน?

กลับกลายเป็นว่าผู้ซื้อเป็นคนที่มีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี    ผมของเขาผูกไว้อย่างเรียบร้อยและสวมเสื้อคลุมมรกตที่สง่างาม   ชายคนนั้นไม่หล่อที่สุด แต่คุณสมบัติของเขาสูงกว่าค่าเฉลี่ยและอยู่ในสัดส่วนที่ดี  หนึ่งในใบหน้าเหล่านั้นทำให้คนอื่นเดาได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่เป็นมิตรที่ชอบคบค้ากับคนอื่น  เขาถือพัดกระดาษในมือซ้าย  แตะมันกับมือขวาขณะพยักหน้าอย่างรู้เท่าทันขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ภาพ

ฮุ่ยเอ๋อร์จ้องมาที่เขา แต่เขามีเพียงจ้องมองที่ภาพวาด  จนกระทั่งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นราวกับว่าเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนโกรธมากมายอยู่รอบตัวเขา  การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปเป็นความงงงวย

ทำไมพวกท่านโต้เถียงกันเรื่องภาพวาดที่ดี ทำไมละ สามสิบเงินน้อยเกินไป – ข้าว่าข้าจะจ่ายอย่างน้อยสี่สิบสำหรับภาพวาดเช่นนี้ "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด