ตอนที่แล้วตอนที่ 42 ทุยควายทมิฬ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจงเติมเงินซะ! แล้วเจ้าจะได้ของขวัญ (ตอนยาวพิเศษ: จำเลยเต็งหนึ่ง)

ตอนที่ 43 อสูรวานรโลหิต


ทุยเริ่มกระอักเลือดออกมามากขึ้น เขาไม่สามารถแบ่งสมาธิเพื่อร่ายอาคมบทอื่น แค่อาคมปกป้องตัวเองอย่างเกราะปราณอาคมเขาก็แทบจะรั้งมันไว้ไม่อยู่ หากดูจากเรี่ยวแรงอันมหาศาลและความบ้าพลังของเจ้าเด็กนี่แล้ว ขืนให้มันต่อยลงบนกายเนื้อแบบตรงๆ เขาคงมีสภาพไม่ต่างจากอรชุน และด้วยประสบการณ์อันโชกโชนของเขา เขาคาดว่าอีกไม่นานเจ้าเด็กพิภพคงจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงไปเอง

เหนือภพนั้นยังคงต่อยและก็ต่อยต่อเนื่องไปจนกระทั่งร่างกายของทุยจมลงไปในดินมากขึ้นเรื่อยๆ ทุยเริ่มไม่อาจทนรับได้ไหว เขารู้สึกเหมือนถูกทรมาณไม่ต่างจากการอยู่ในกล่องแคบๆที่เขาสร้างขึ้นเอง และถูกเจ้าเด็กบ้านี่เขย่ากล่องนั้นต่อเนื่องซ้ำๆ จนสภาพของทุยในตอนนี้ ไม่เพียงช้ำในเท่านั้น เขายังรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนอีกด้วย

ไม่นานจากนั้นทุยก็สลบไสลไปโดยที่ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยของเลือดแม้แต่น้อย

“พิภพ ชนะ”

การชนะของเหนือภพในครั้งนี้ สร้างชื่อเสียงให้แก่ชื่อ ‘พิภพ’ เป็นอย่างมาก การเดิมพันเริ่มถูกเทลงไปยังเหนือภพทั้งหมด จนในการต่อสู้รอบสุดท้าย ผู้จัดสังเวียนต้องงัดไพ่ตายออกมาเพื่อที่จะล้มเหนือภพให้ได้ หากปล่อยให้เหนือภพชนะอีกครั้ง สังเวียนของเขาคงต้องสูญเงินมหาศาล

ขณะที่เหนือภพยืนรอคู่ต่อสู้คนใหม่ของเขานั้น เขาก็ยิ้มแป้นอย่างดีใจ แต่ไม่ได้ดีใจในชัยชนะแต่อย่างใด เขาดีใจที่เหล่าผู้ชมที่มีฐานะต่างโยนถุงเงินลงมาในสังเวียนเพื่อให้รางวัลแก่เขา เขาเก็บเงินโดยที่ยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ทำเพียงชูกำปั้นขึ้นสูงแทนคำสัญญาว่าเขาจะทำให้ดีที่สุด

ในถุงเงินแต่ละถุงนั้นเต็มไปด้วยเหรียญสีเงินแวววาว มันมากจนเหนือภพทนดูไม่ได้ เขารีบปิดปากถุงกลับดังเดิม เมื่อสัมผัสได้ความเปียกชื้นที่โพรงจมูก

และแล้วเสียงโฆษกของสังเวียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“พิภพ ช่างเป็นคนไร้พรสวรรค์ที่สุดยอดที่สุดเท่าที่สังเวียนของเราเคยมี และนี่ก็จะเป็นรอบสุดท้ายที่พิภพจะได้ต่อสู้ที่นี่ในวันนี้ ต่อไปพวกเรามาลุ้นกันครับว่า พิภพ จะสามารถสร้างสถิติในฐานะคนไร้พรสวรรค์คนแรก คนเดียวที่สามารถชนะการประลองห้าครั้งรวดต่อเนื่อง โดยไม่แพ้สักครั้งเดียว เรามาลุ้นและให้กำลังใจกันครับ”

เสียงเฮของผู้ชมดังกึกก้องตามมาด้วยเสียงเชียร์

“พิภพ พิภพ พิภพ” ซ้ำอยู่แบบนี้อย่างฮึกเหิม

เหนือภพตื่นเต้น เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด

“พวกท่านคงเคยได้ยืนชื่ออสูรวานรเลือดมาไม่มากก็น้อย หากท่านจำกันได้ ว่าทางเข้าสังเวียนของเรามีรูปปั้นสัตว์อสูรขนาดใหญ่ เจ้าสิ่งนั้นละครับก็คืออสูรวานรโลหิต สัตว์อสูรระดับ E ที่เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย สร้างความโกรธแค้นให้กับผู้คน ...ไหนใครอยากเห็นมันตายส่งเสียงหน่อย”

เสียงของผู้ชมดังกระหึ่ม ต่างร้องไปในทิศทางเดียวกันว่า ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน ต่อเนื่องอย่างเดือดดาล

เหนือภพหน้าซีด

‘สัตว์อสูรระดับ E หรอ มันจะเก่งกว่าตัวในถ้ำที่ข้าเคยเจอหรือเปล่านะ ถ้าใช่ ก็ซวยแล้ว ยังไงข้าก็ฆ่ามันไม่ได้อยู่ดี ฮึ่ย ผู้จัดคงอยากให้ข้าแพ้ใจจะขาดสินะ’

ผู้ชมบางกลุ่มที่เริ่มชื่นชอบผลงานของเหนือภพต่างพากันร้องประท้วงอย่างไม่พอใจ

“พวกเจ้าคิดจะโกงเงินพวกเราหรือไง ทั่วทั้งแคว้นอมตะ ทุกคนต่างรู้ดีว่าคนไร้พรสวรรค์ไม่มีทางฆ่าสัตว์อสูรระดับ E ขึ้นไปได้ การจะฆ่าพวกมันได้ จำเป็นต้องใช้ปราณอาคมเท่านั้น การประลองนี้พวกเจ้าต้องการให้เขาตาย ให้สัตว์อสูรของเจ้าชนะสินะ”

ผู้จัดสังเวียนได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ จึงปล่อยให้โฆษกอธิบายต่อไป

“ท่านผู้ชมทุกท่าน พวกท่านไม่ต้องกังวลว่าพวกเราจะโกง สังเวียนอสูรเลือดของเราเปิดให้บริการแก่พวกท่านมานานกว่า 20 ปี พวกเรายึดถือกฎเกณฑ์เป็นสำคัญอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเราจึงเตรียมสิ่งนี้ไว้”

โฆษกพูดจบก็ผายมือไปทางด้านหนึ่งของสังเวียน ด้านนั้นกำลังมีคนกว่า 20 คนแบกกรงเหล็กใหญ่ที่มีอสูรร้ายอยู่ภายในเข้ามากลางลานดิน

“ขอเพียงพิภพสามารถจับอสูรวานรโลหิตเข้ากรงใบนี้ได้ ก็ถือว่าชนะ ไม่เพียงเท่านั้นพวกเราได้ใส่เงินจำนวน 1,000 เหรียญเงินเอาไว้ในปากของอสูรวานร ขอเพียงชนะ ไม่เพียงได้รับเงินรางวัล 50 เท่า ยังมีโอกาสได้รับ 1,000 เหรียญเงินในปากอสูรวานรโลหิตอีกด้วย พิภพจะสู้หรือไม่สู้”

โฆษกจบประโยคด้วยอารมณ์ตื่นเต้น แม้ว่าเขาจะทำงานที่นี่มาเป็นปีแล้ว เขาก็ยังไม่เคยเห็นผู้จัดสังเวียนเรียกใช้อสูรวานรโลหิตมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกัน

เสียงของผู้ชมเริ่มซุบซิบกันเซ็งแซ่ ต่างวิเคราะห์จุดด้อยจุดแข็งของนักสู้ แล้วการวางเดิมพันก็เริ่มขึ้นใหม่อย่างคึกคัก

“ข้าสู้”

เหนือภพตาเป็นประกายขณะที่ยกมือขึ้นมานับนิ้ว 1,000 เหรียญเงิน บวกกับเงินรางวัลอีก 50 เท่า มันจะรวมกันได้เท่าไหร่นั้น เหนือภพถึงกับนับไม่หวาดไม่ไหว มันมากเกินกว่าที่ชีวิตของเขาเคยได้รับ

“พิภพปะทะอสูรวานรโลหิต”

เมื่อเสียงเสียดสีของลูกกรงขนาดยักษ์ดังขึ้น ทั้งสนามก็เงียบกริบ อสูรวานรโลหิตมีท่าทีคุ้มคลั่ง คล้ายกับว่ามันถูกกระตุ้นมาอย่างหนักก่อนหน้านี้

อสูรวานรโลหิตเดิน 4 ขา เสียงดัง ตึง ตึง เข้ามาหาเหนือภพด้วยความเร็วปานกลาง เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่เทอะทะจึงไม่คล่องตัวมากนัก

เหนือภพลุ้นจ้องมองตาไม่พริบจนแทบหยุดหายใจ ภาพของอสูรวานรโลหิตในความรู้สึกของเหนือภพนั้น มันคล้ายกับลิงยักษ์มีความสูงไม่น้อยกว่า 3 เมตร แม้สูงไม่มากแต่ช่วงตัวของมันนั้นอ้วนใหญ่มาก ขาทั้งสี่ดูล่ำสันแข็งแรงเหมือนกับเสาวิหาร แต่มันไม่ได้มีขนปกคลุมร่างกายเพราะผิวหนังของมันคือเกราะเกล็ดแข็งๆ ดวงตาแดงฉานอัดแน่นไปด้วยความดุร้าย

สายตาของมันยามที่มองไปยังมนุษย์บนอัฒจันทร์และคู่ต่อสู้ของมันนั้นไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย มีแต่ความเคียดแค้น ชิงชัง เนื่องจากตลอดช่วงชีวิตอันยาวนานของมัน มันต้องถูกทรมานอยู่ในสังเวียนแห่งนี้โดยไม่อาจหลบหนีไปไหนได้เลย

ไม่ทันที่เหนือภพจะได้พักทำใจ อสูรวานรโลหิตก็วิ่งเข้าหาเหนือภพ ร่างกายอุ้ยอ้ายใหญ่โตของมันทำให้เกิดพื้นสั่นสะเทือน มันพุ่งเข้าโจมตีด้วยการเหวี่ยงทุบเหนือภพด้วยสองมือที่กำแน่นดุจค้อนยักษ์ และแล้วพื้นดินแข็งของสังเวียนแตกระแหง กระจายตัวออกคล้ายถูกอุกาบาตน้อยพุ่งชน

เหนือภพเสียการทรงตัว ในจังหวะที่เขากำลังจะล้มลงนั้น ฝ่ามือของอสูรวานรโลหิตที่ใหญ่กว่าเหนือภพหลายเท่าก็ฟาดเข้ามาด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง

ร่างกายของเหนือภพถูกกระแทกซัดปลิวกระเด็นกระดอนไปกับพื้นอย่างไร้การควบคุม เขายังมีสติดีอยู่ จึงพยายามหาวิธีหยุดไม่ให้ร่างกายตัวเองเสียหายมากไปกว่านี้ เหนือภพกำหมัดแน่นทุบไปยังพื้นเพื่อลดความเร็ว แต่ทว่าแรงทุบของเขายังไม่เพียงพอ

ในที่สุดเหนือภพก็ลอยไปกระแทกเข้ากับที่นั่งของผู้ชมแถวที่ 2 ที่นั่งแถบนั้นพังยับทั้งแถบ โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่ในที่นั่ง 3 แถวแรกเลย พวกเขาต่างถอยร่นขึ้นไปนั่งเบียดกันข้างบนตั้งแต่ที่รู้ว่าเด็กตัวแสบจะได้สู้กับอสูรวานรโลหิตแล้ว

ท่ามกลางสายตาที่ลุ้นระทึกของผู้ชม โดยเฉพาะผู้ที่เทเงินทั้งหมดของตนพนันข้างเหนือภพ พวกเขาต่างส่งเสียงให้กำลังใจเหนือภพอย่างเอาเป็นเอาตาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด