ตอนที่แล้วตอนที่ 41 ไอ้ไก่อ่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 อสูรวานรโลหิต

ตอนที่ 42 ทุยควายทมิฬ


อรชุนที่นอนฟุบหน้าคว่ำอยู่กับพื้นยังคงเงียบกริบ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สังเวียนเข้ามาตรวจดูอาการ แม้จะยังไม่ตายแต่กระดูกส่วนใหญ่หัก เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้ได้อีกในเร็ววันนี้ หรืออาจจะตลอดไป

“พิภพ ชนะ”

เสียงโห่ร้องของผู้ชมดังขึ้น บ้างก็สะใจ บ้างก็โมโหที่เสียเดิมพัน บ้างก็ดีใจที่ได้เห็นอะไรใหม่ๆ

เหนือภพนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมตามกติกา นั่นคือถ้าลงแข่งแล้วก็ต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่องทั้งหมด 5 รอบ ห้ามแพ้ ห้ามพัก ห้ามหนี หรือห้ามตาย ในทุกครั้งที่ชนะเงินรางวัลจะทบขึ้นไปครั้งละสิบเท่า

เหนือภพพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับหมัดเมื่อครู่ที่เขาต่อยออกไป ความรู้สึกที่ได้ต่อยเนื้อหนังมนุษย์มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเหมือนตอนสู้กับสัตว์อสูร การสู้กับมนุษย์ด้วยกันมันให้เกิดความรู้สึกแย่ในใจอย่างบอกไม่ถูก

ผู้ชมยังคงโห่ร้องต่อไป จนกระทั่งคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขาออกมา

“พิภพปะทะลิงลม”

ลิงลมเป็นพวกไร้พรสวรรค์ ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว กำปั้นเดียวของเหนือภพก็ทำให้คู่ต่อสู้หมดสภาพ เสียงโห่ร้องขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

“พิภพปะทะอสรพิษทะเล”

เมื่อคู่ต่อสู้คนที่สามของเหนือภพล้มลง เสียงโห่ร้องจากผู้ชมก็เริ่มแผ่วเบาลง ผู้ชมส่วนใหญ่ต้องการเห็นเลือด ความดุเดือด ความรุนแรงในการต่อสู้ แต่การต่อสู้ของเหนือภพมันง่ายดายและดูน่าเบื่อ จนพวกเขาเริ่มไม่พอใจ ต่างพากันร้องโห่ ขว้างปาข้าวของลงไปกลางสังเวียน

เหนือภพร้องจิ๊ อย่างไม่ชอบใจ

‘ป่าเถื่อนซะจริง อยากเห็นข้าลำบากนักรึไง’

ทันใดนั้นก็มีเสียงประกาศจากโฆษกสังเวียน เสียงประกาศอันน่าตื่นเต้นแต่มันกลับทำให้ใจของเหนือภพเต้นกระหน่ำอย่างกังวลใจ

“เนื่องจากผู้ชมเห็นว่าการประลองของพิภพนั้นง่ายดายเกินไป ทางเราจึงมีข้อเสนอให้กับคุณพิภพ หากคุณพิภพสามารถเอาชนะคู่แข่งที่เราจัดหาให้ในวันนี้ได้ พวกเราจะเพิ่มเงินรางวัลพิเศษให้คุณ 50 เหรียญเงิน เอายังไงล่ะครับ จะสู้หรือจะยอม หากคุณยอมแพ้คุณจะไม่ได้เงินกลับไปสักแดงเดียว”

เสียงของผู้ชมเฮดังสนั่น ต่างเชียร์ให้เหนือภพสู้ต่อไป

‘นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน แล้วที่ข้าสู้ชนะไปแล้ว ก็จะไม่ได้เงินเลยงั้นหรอ’

เหนือภพกัดฟันกรอด

“ข้าจะสู้”

ทันทีที่เหนือภพรับคำท้าก็มีถุงเงินรางวัล 50 เหรียญเงิน ถูกโยนลงมาให้พร้อมกับเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้นของผู้ชม

แต่ก่อนที่คู่ต่อสู้คนใหม่จะออกมาเหนือภพรีบวิ่งไปกระซิบกระซาบกับเจ้าหน้าที่ตัวผอมที่อยู่อีกด้านของประตูลูกกรงเพื่อสอบถามถึงว่าที่คู่ต่อสู้

“คู่ต่อสู้ของข้าเป็นใคร ท่านพอจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือเปล่า”

“คู่ต่อสู้ของเจ้า มันมีฉายาว่าทุยควายทมิฬ เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ชำนาญด้านการป้องกัน อาคมของมันเสริมให้ร่างกายของมันแข็งแกร่ง ทั้งยังมีกำลังมาก ทางที่ดีเจ้าอย่าได้ใช้แรงปะทะกับมันซึ่งๆหน้า และอย่าพลาดท่าให้มันจับเจ้าได้ หากเจ้าโดนมันจับได้ ต่อให้เจ้ามีสิบชีวิตก็หนีไม่พ้น”

เจ้าหน้าที่รีบบอกข้อมูลอย่างรวดเร็วกลับไปยืนอยู่ตำแหน่งเดิม

ข้อมูลนี้ทำให้เหนือภพเริ่มเครียด มันทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนออกหมู่บ้าน การที่กำปั้นของเขาไม่สามารถทะลุเกราะอาคมของหัวหน้าไทได้นี่เป็นข้อเสียอันใหญ่หลวงของเขา ตราบใดที่เขาไม่มีอาคม เขาก็ไม่สามารถเจาะทะลวงเกราะอาคมของคนอื่นได้

ทันทีที่ทุยควายทมิฬปรากฏตัวขึ้นอีกด้านของสังเวียน เสียงโห่ร้องของผู้ชมก็ดังก้องสังเวียน ดูเหมือนว่าผู้ชมจะชื่นชอบเขามากยิ่งกว่าอรชุนเสียอีก และในตอนนี้เหล่าผู้ชมต่างก็วางเดิมพันกันอย่างเมามัน

ร่างกายของทุยนั้นใหญ่โตมาก เขาสูงอย่างน้อย 4 เมตร หัวโล้น ใบหน้าดูขึงขัง ดวงตาเต็มไปด้วยประกายอำมหิต ทั้งเนื้อทั้งตัวปราศจากไขมัน รูปร่างเต็มแน่นด้วยมัดกล้าม

แค่ดูจากรูปร่างคร่าวๆ ก็เห็นชัดว่าทุยนั้นมีขนาดตัวใหญ่กว่าเหนือภพ 2-3 เท่า มือของทุยข้างหนึ่งอาจจะใหญ่กว่าลำตัวของเหนือภพเสียอีก

เหนือภพได้แต่ข่มใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรช่วยเขาได้ทั้งนั้นแหละ ต่อให้เขามีแท็บแล็บที่สามารถซื้อสิ่งของพิเศษมาบำรุงได้ แต่ว่าในตอนนี้ยังไงมันก็ไม่ทันแล้ว

เหนือภพรู้สึกเสียใจนิดๆที่ตัดสินใจมาที่บ้าๆแห่งนี้ แต่พอคิดถึงเรื่องที่น้องสาวจะได้ใส่ชุดสวยๆงาม และจะไม่มีใครกล้าดูถูกเธออีก เขาก็ฮึด มีกำลังใจสู้เพื่อเธอ

เหนือภพพุ่งทะยานไปข้างหน้า แล้วกระโดดชกทุยอย่างเรียบง่ายไร้การพลิกแพลงใดๆ กำปั้นนี้อบอวลไปด้วยกำลังมหาศาลดุจกระทิงคลั่ง

ขณะนั้นทุยก็ทำการไขว้แขนกากบาทขึ้นเหนือหัว เพียงชั่วพริบตาก็ปรากฏเกราะอาคมสีเงินขึ้นปกคลุมร่างกายของทุยเอาไว้ พร้อมกับเผยใบหน้าแสยะยิ้มอย่างดูถูก

แต่ทันที่กำปั้นนั้นปะทะเข้ากับเกราะปราณอาคมของทุย ก็บังเกิดเสียงดังดุจฟ้าฟาด เปรี้ยง!!

เมื่อทุยรู้ตัวว่าประมาทเกินไป แต่มันก็สายไปแล้ว แม้เกราะปราณอาคมจะไม่แตก แต่แรงกระแทกนั้นมันรุนแรงมากพอที่จะทำให้ทุยเสียสมดุลจนหงายหลัง ทั้งๆที่มือยังคงค้างอยู่ในท่าไขว้แขนกากบาท

เพียงไม่นานที่เหนือภพอยู่ที่นี่ เขาก็ได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง นั่นคือถึงเราไม่โหดร้ายกับคนอื่น คนอื่นก็จะโหดร้ายกับเรา และถ้าไม่อยากให้ใครมาโหดร้ายกับเรา เราก็ต้องโหดร้ายให้มากกว่า

เหนือภพจึงไม่รอแม้แต่จะเว้นจังหวะ เขาง้างกำปั้นชกทุยทั้งๆที่ยังมีเกราะป้องกันอยู่อย่างไม่ปราณี แม้เกราะปราณอาคมจะไม่แตก แต่แรงกระแทกนั้นก็ทำให้ทุยช้ำในได้ เหนือภพจึงทั้งเตะทั้งต่อย ขณะที่ผู้ชมก็ส่งเสียงเชียร์อย่างอื้ออึง

“เอาอีก”

“เอาอีก”

“เอามันให้ตาย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด