ตอนที่แล้วตอนที่ 24 โธ่! ข้าลืมไปได้ยังไง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 เขตปกครองสุริยัน

ตอนที่ 25 บททดสอบฮันเตอร์


“ในฐานะผู้ชี้นำ ผมจะต้องทำการทดสอบคุณสมบัติของคุณว่าจะผ่านเกณฑ์หรือไม่ เอาล่ะ เชิญมานั่งตรงนี้ครับ”

ทันทีที่ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งผายมือไปที่โต๊ะ เหนือภพก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าอีกฝั่งของโต๊ะมีเก้าอี้เพิ่มมาอีกหนึ่งตัว คงเป็นเก้าอี้สำหรับเขาสินะ

“คุณต้องการเป็นฮันเตอร์หรือไม่ครับ”

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งสอบถามไปด้วยในขณะที่มือเขาก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าเจมบอนด์ เอาออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าเหนือภพ และมีปากกาด้ามหนึ่งวางอยู่ข้างๆอย่างเรียบร้อย

“อยากครับ แต่ว่าข้าคงเป็นฮันเตอร์ไม่ได้แน่ๆ”

เหนือภพพูดอย่างปลงตก เขาได้แต่นั่งตัวห่อเหี่ยวอยู่บนเก้าอี้หนัง แม้ไม่รู้ว่าตอนนี้ปราณอาคมของเขาตื่นขึ้นมารึยัง แต่ถึงปราณจะตื่นขึ้นมาแล้ว การที่เขาไม่ได้ไปปรับปราณอาคมที่แท่นจ้าวอาคมก็จะส่งผลร้ายแรงแก่อาคมของเขาในภายหลังเป็นแน่

“อย่าเพิ่งสิ้นหวังสิครับ ลองทำแบบทดสอบดูก่อน แล้วเราก็จะรู้ว่าคุณมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่ นี่แบบทดสอบครับ”

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งเคาะนิ้วบนกระดาษเบาๆ เป็นนัยว่าให้เหนือภพทำแบบทดสอบในกระดาษแผ่นนี้

“อ๊า ข้าว่าแล้ว”

เหนือภพหน้าเศร้าลงทันทีเมื่อมองเห็นกระดาษ มันมีแต่ตัวอักษรประหลาดๆ อ่านว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ คงจะต้องใช้ปราณอาคมเพื่ออ่านมันสินะ นี่คงชัดเจนแล้วว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเอกสารนี้มีตัวอักษรที่เขาคุ้นเคยในโลกเก่า แต่เหนือภพคงจะไม่เคยเรียนรู้มาก่อน

‘เอ สงสัยต้องใช้แบบทดสอบที่เป็นรูปภาพ ไม่ว่าใครก็คงเข้าใจได้’

“อะแฮ่ม ขอโทษที ขอเปลี่ยนแบบทดสอบนิดนึงนะครับ”

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งสลับเอกสารอย่างรวดเร็ว แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของเขา

เหนือภพก้มลงมองแบบทดสอบอันใหม่ของเขา มันเป็นกระดาษแผ่นเดียวที่มีรูปภาพ 4 ภาพ

ภาพที่ 1 ชาวไร่กำลังเดินใส่ปุ๋ยอยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวโพดขนาดใหญ่ มันมีพื้นที่ครอบคลุมภูเขากว่า 4 ลูก

ภาพที่ 2 นักรบร่างกำยำที่กำลังต่อสู้อยู่ท่ามกลางสมรภูมิเดือด มีศพของศัตรูรายล้อมรอบตัวเขา

ภาพที่ 3 นักฆ่าผู้โดดเดี่ยว เขาอยู่คนเดียวกลางดินแดนหิมะขาวโพลน ไร้พ่าย และไร้เพื่อน

ภาพที่ 4 ราชาอ้วนผู้สวมใส่เครื่องประดับล้ำค่าทั้งตัว และกำลังนั่งอยู่บนกองสมบัติที่มีความสูงเท่าปราสาท

แม้ผู้ชี้นำจะไม่ได้บอกใบ้อะไร แต่เหนือภพก็พอจะเข้าใจได้ว่าเขาจำเป็นต้องเลือก 1 ภาพจากทั้ง 4 ภาพนี้

‘ภาพที่ 3 ตัดทิ้งไปได้เลย ภาพที่ 1 ก็ไม่น่าใช่ เอ... ภาพที่ 2 น่าจะสื่อถึงการเป็นฮันเตอร์มากที่สุดแล้ว’

เหนือภพกำลังจะวาดปากกาเป็นวงรอบภาพที่ 2

‘แต่ว่าข้าต้องเลือกในสิ่งที่ข้าต้องการที่สุดสิ การทดสอบนี้เป็นการทดสอบคุณสมบัติที่แท้จริงของข้านี่นา’

‘สิ่งที่ข้าต้องการก็คือการพลิกชะตาของครอบครัวข้า หากข้าเลือกได้จริงๆ ข้าก็อยากจะเป็นราชาผู้นั้น’

และแล้วเหนือภพก็วงไปที่ภาพที่ 4

“นี่ครับ ข้าเลือกได้แล้ว”

เหนือภพยื่นกระดาษคืนให้ด้วยท่าทางเซื่องซึม เขาได้แต่หวังว่าผู้ชี้นำจะให้พรเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สมบัติแก่เขาเพื่อเป็นการปลอบใจที่เขาไม่ได้เป็นฮันเตอร์

“ดี เลือกได้ดี คุณสอบผ่านแล้วครับ คุณมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นฮันเตอร์”

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งเขียนอะไรขยุกขยิกลงในกระดาษทดสอบ แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับเหนือภพ

“ห๊ะ อะไรนะครับ ข้าเป็นฮันเตอร์ได้หรอ”

“คุณอยากเป็นฮันเตอร์รึเปล่าครับ”

“อยากครับ แต่ว่า...” เหนือภพยังคงลังเล เพราะเขาลองแอบทดลองใช้อาคมบ้างแล้ว แต่กลับไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้นมาเลย

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งสูดลมหายใจลึกทีหนึ่งก่อนจะบอกเหนือภพอย่างยืดยาวว่า

“คุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสมแล้ว ความมักใหญ่ใฝ่สูงนี่แหละที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นฮันเตอร์ที่ดีได้ในอนาคต ดูอย่างผมนี่ จากคนจนธรรมดา แต่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อถีบตัวเองมาเป็นนักขายประกันฝึกหัด แต่แล้วผมก็พบว่าผมต้องเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิดของตัวเองเพื่อที่จะมุ่งสู่เป้าหมายที่จะมีรายได้เป็น 10 เท่าของรายได้ที่ผมมี กลายเป็นนักขายประกันมืออาชีพ แต่ว่าเราจะคาดหวังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จากการกระทำแบบเดิมๆได้อย่างไง

คนเราต้องคิดไกล มองการณ์ไกลให้มากกว่านั้น ท้ายที่สุดแล้วถ้าอยากมั่นคงเราก็ต้องออกมาเป็นนายของตัวเอง มีธุรกิจที่เป็นของตัวเอง จากนั้นการนำสินทรัพย์ของเราเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่ทำสำเร็จแล้วมีให้เห็นอยู่มากมาย ถ้าพวกเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ ข้าแค่คุณมุ่นมั่น”

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งจบประโยคด้วยพลังมุ่งมาดที่กำลังพลุ่งพล่าน เสียดายจริงๆที่เขาต้องจบชีวิตในโลกเก่าก่อนที่เขาจะได้ไปถึงจุดหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้

เหนือภพได้แต่นั่งมองตาปริบๆ เขาเข้าใจได้ไม่กี่คำเท่านั้น เขาหันหน้าไปมองพี่พลและพรรคพวก พวกเขายังคงค้างอยู่ที่ท่าต่อสู้แบบต่างๆ แสงอาคมล่องลอยอยู่เช่นเดิม เมื่อคิดถึงปราณอาคมเหนือภพก็เศร้าหมอง จากนั้นก็ตอบผู้ชี้นำของเขาไปว่า

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ช่างเถอะ ข้าขอพรที่ทำให้หาเงินได้เยอะๆแทนก็แล้วกัน”

ผู้ชี้นำเต็งหนึ่งถอนหายใจ จากนั้นก็ตอบเหนือภพไปว่า

“เอาล่ะ ผมจะพูดในแบบของโลกของคุณก็แล้วกันนะครับ ผมให้พรเป็นเงินก้อนโตเท่าปราสาทกับคุณตอนนี้เลยก็ได้ แต่หากคุณไม่เป็นฮันเตอร์ที่แข็งแกร่ง แล้วคุณจะปกป้องเงินกองนั้นได้ยังไง”

“ข้าก็แค่จ้างคนมาปกป้องมัน”

เหนือภพตอบอย่างเด็กหนุ่มที่อ่อนต่อโลก แต่เมื่อชายในชุดประหลาดถามต่ออีกว่า

“แล้วคุณจะทำยังไงเมื่อคนที่คุณจ้างมานั้นต้องการเงินทั้งหมดของคุณ”

ประโยคนั้นทำให้เหนือภพเงียบกริบ อ้ำอึ้ง

“ผมอยากให้คุณฟังคำพูดของผมเอาไว้ให้ดีนะครับ การที่นกมันเกาะอยู่บนต้นไม้ แท้จริงแล้วมันไม่ได้เชื่อใจความแข็งแรงของกิ่งไม้ แต่มันเชื่อใจในปีกของตัวมันเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้เสมอ เชื่อผมเถอะครับ ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือเท่าสองมือสองเท้าของเราหรอกครับ”

“ถ้างั้นข้าจะเป็นฮันเตอร์”

เหนือภพตอบด้วยแววตามุ่งมั่น เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาควรจะต้องทำอะไรต่อไป ท่านผู้ชี้นำช่างสั่งสอนเขาได้ดีนัก นี่สินะหน้าที่ที่แท้จริงของผู้ชี้นำ

“ดี งั้นคุณเซ็นตรงนี้เลย อ้อ เซ็นไม่เป็นสินะครับ งั้นประทับลายมือแทนก็ได้”

จากนั้นผู้ชี้นำเต็งหนึ่งก็เปลี่ยนท่าทีจากจริงจังมาเป็นท่าทีดีอกดีใจ ประหนึ่งว่าเขาขายประกันให้แก่ลูกค้าชั้นดีได้สำเร็จ เขานำแท่นหมึกประดับตราสีน้ำเงินและกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีตัวอักษรเต็มพรืดมาวางตรงหน้าเหนือภพ

เหนือภพไม่เข้าใจข้อความแม้แต่อย่างเดียว แต่เขาก็ประทับลายมือลงไปตามที่ผู้ชี้นำบอก เขาคิดว่าผู้ชี้นำของเขาเป็นผู้ชี้นำที่ดีและไว้ใจได้

ทันใดนั้นเองบนข้อมือด้านในของเหนือภพก็ปรากฏรอยประทับฮันเตอร์ มันเป็นตราสัญลักษณ์รูปเหรียญ และมีตัวอักษร F อยู่ภายในเหรียญนั้น

“ผมขอตัวก่อนนะครับ เราจะเจอกันอีกครั้งเมื่อมีการชี้นำครั้งต่อไป คุณไม่สามารถร้องขอการพบกันได้ ผมจะมาพบคุณเองที่ถึงเวลา ลาก่อนครับ”

“ดะ เดี๋ยว..”

เหนือภพเรียกผู้ชี้นำของเขาไม่ทันแล้ว แค่พริบตาเดียวโต๊ะตัวใหญ่ เก้าอี้สองตัว และผู้ชี้นำของเขาก็อันตรธานหายไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด