ตอนที่แล้วตอนที่ 12 ฝันร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ตราฮันเตอร์

ตอนที่ 13 มีพรสวรรค์


เหนือภพเริ่มเอะใจบางอย่าง

“น้องพี่ ก่อนหน้าเจ้าจับปลาได้ยังไง หรือพี่อ้วนจับมันให้เจ้า”

เหนือฟ้าเพิ่งจะอายุแค่ 6 ขวบ บ่อน้ำก็ยังถือว่าลึกกว่าตัวนางมาก ที่สำคัญนางไม่มีทางที่จะว่ายน้ำเป็นและจับปลาด้วยตัวเองได้ นอกเสียว่าจะเป็นเพื่อนบ้านของเขา พี่อ้วนที่มักเข้าออกบ้านเขาบ่อยๆ ดูท่าคงมาแอบจับปลาไปให้น้องๆที่บ้านกินอีกตามเคย

“เปล่านะ ข้าจับมันเอง” เหนือฟ้าตอบด้วยท่าทางน่ารักไร้เดียงสา

‘ข้าแค่ต่อราคาร้านเจ้านิดหน่อย ไม่เห็นต้องมาลักพาตัวลูกๆของข้าเลย พวกเจ้าคงหวาดกลัวมากสินะ’

เหนือภพครุ่นคิดพลางจ้องมองเหล่าปลาที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำอย่างเศร้าๆ ก่อนสีหน้าจะดูผิดแปลกไป หันมองน้องสาวตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ

“น้องพี่ เจ้าพูดอีกทีสิ” เหนือภพคิดว่าตนเองหูฝาดไป

‘เธอนี่นะจับด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้’

“ข้าจับมันเอง” ท่าทางไร้เดียงสาไร้วี่แววโกหกของเหนือฟ้าทำเอาเหนือภพสับสน

‘มันเป็นไปได้เหรอ?’

ไม่ทันที่เหนือภพจะได้ถามอะไรเพิ่มเติม เหนือฟ้าก็ยื่นมือเข้าไปทางบ่อน้ำ ทันใดนั้นเองปลาตัวหนึ่งที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำตามปกติ มันก็เริ่มสั่นไหวดิ้นพล่านอยู่กับที่คล้ายมีอะไรบางอย่างมาจับมันเอาไว้ ก่อนมันจะถูกฉุดกระชากอย่างแรงพุ่งเข้าสู่มือน้อยๆของเหนือฟ้าอย่างง่ายดาย

เหนือภพเห็นเช่นนั้นก็อ้าปากค้าง ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะร้องตะโกนออกอย่างดีใจ

“แม่!! น้องมีปราณอาคมแล้ว”

“น้องพี่เจ้าไม่อาภัพแล้ว เจ้ามีพรสวรรค์”

เหนือภพโผเข้ากอดน้องสาวตัวเอง พร้อมกับอุ้มเธอเข้าไปในบ้านตรงเข้าหาแม่ที่มีท่าทางตื่นตกใจไม่แพ้กัน เธอก็ไม่คาดคิดว่าลูกสาวของตัวเองจะมีพรสวรรค์เช่นกัน เพราะทั้งตัวเธอเองและสามีนั้นไม่ได้มีพรสวรรค์เลย

ผู้เป็นแม่กอดลูกสาวตัวน้อยไว้แล้วยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง

“แม่ ผมจะไปหาหัวหน้าไทก่อนล่ะ”

แต่ไหนแต่ไรมาเหนือภพก็มีความคิดที่จะส่งน้องสาวเรียนเตรียมตัวเป็นฮันเตอร์ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอพบเจอกับเหตุการณ์นี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันช้าเกินไป น้องสาวของเขาทั้งทำอาหารแย่ทั้งยังจับปลาได้ด้วยอาคม สองสิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าน้องของเขามีพรสวรรค์ในการเป็นฮันเตอร์ และการที่น้องมีพรสวรรค์เช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่พิเศษ เขาต้องสนับสนุนให้เร็วที่สุด เขาจะทำทุกอย่างให้น้องสาวเขาแข็งแกร่งที่สุดให้ได้

ณ หน้าปากทางเข้าเหมืองแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างชายต่างวัยสามคนนั่งคุยกันอยู่ข้างกองไฟกองใหญ่

“โดยปกติแล้วเด็กๆที่จะเกิดมามีพรสวรรค์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสายเลือดที่สืบทอดมาจากพ่อแม่ หากพ่อและแม่มีพรสวรรค์ลูกที่เกิดมา มีโอกาสที่จะมีพรสวรรค์ถึง 99% โอกาสที่เกิดมาไม่มีพรสวรรค์นั้น มีเพียงแค่เปอร์เซ็นต์เดียวเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก หากพ่อหรือแม่มีพรสวรรค์เพียงแค่ฝ่ายเดียวนั้น โอกาสที่ลูกจะเกิดมามีพรสวรรค์นั้น มีโอกาสเกิดขึ้นแค่ 10% เท่านั้น แล้วถ้าหากทั้งพ่อและแม่ไม่มีพรสวรรค์ จากผลสำรวจพบว่าโอกาสที่ลูกๆจะเกิดมามีพรสวรรค์นั้นแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย เว้นเสียแต่ว่าจะมีบรรพบุรุษสักคนที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ แต่ถึงแบบนั้นโอกาสที่ลูกจะออกมามีพรสวรรค์นั้นก็ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก และตามประวัติศาสตร์ที่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นน่าจะอยู่ช่วงพันกว่าปีก่อน”

“งั้นก็แปลว่า บรรพบุรุษฝั่งแม่เจ้าสักคนน่าจะเคยเป็นฮันเตอร์” พลกล่าวขึ้นเสริมหลังฟังหัวหน้าไทอธิบายจบ

“ไม่แน่หรอก อาจจะเป็นฝั่งพ่อข้าก็เป็นได้” เหนือภพเองก็ลองเดาในมุมกลับกัน

“เฮอะ ฝั่งพ่อเจ้ากับผีน่ะสิ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ บรรพบุรุษของพ่อเจ้าทุกรุ่นทำเหมืองมาตั้งแต่เริ่มประวัติศาสตร์เลยล่ะมั้ง”

“ชิ”

เหนือภพมองค้อนพล แต่มันก็เรื่องจริง ตอนเด็กพ่อเขาเคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน ตระกูลของเขาตั้งแต่ก่อตั้งตระกูลมาก็ดำรงชีพด้วยการขุดเหมืองมาตั้งบรรพบุรุษ เคยรุ่งเรืองก็เพราะเหมือง เคยตกต่ำก็เพราะเหมือง แต่ไม่เคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับฮันเตอร์แม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจถ้าหากตัวเองเกิดมาไม่มีพรสวรรค์

“แต่เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่นะ ในเมื่อน้องเจ้ามีพรสวรรค์ได้ การที่ตัวเจ้าจะมีโอกาสมีพรสวรรค์ได้นั้นก็มีเปอร์เซ็นต์ที่สูง ท่านว่าไหมหัวหน้า” พลเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น

“อืม มันก็ใช่” หัวหน้าไทพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ข้าไม่ได้สนใจสักนิด”

เหนือภพกล่าวตัดบทสนทนา แล้วมุ่งเข้าสู่ประเด็นที่เขาต้องการจะคุยโดยตรง

“ที่ข้าสนใจมีแค่เรื่องเดียวหัวหน้า ท่านพอจะรู้จักโรงเรียนที่มีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีพรสวรรค์ไหม ข้าต้องการสักที่สำหรับน้องข้า”

หัวหน้าไทครุ่นคิด

“ก็พอมีว่างอยู่ที่หนึ่งสถานที่เรียนนั้นเป็นสถาบันเตรียมฮันเตอร์อันดับหนึ่งของเมืองอมตะ”

“แล้วที่นั้นดียังไง”

เหนือภพถาม ถ้าเป็นไปได้เขาก็ต้องเฟ้นหาสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับน้องสาวของเขา

“เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” พลกล่าวพลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

“เมืองอมตะถือว่าเป็นเมืองที่รุ่งเรืองทั้งด้านการค้าและการศึกษาเป็นอันดับต้นๆของแคว้นอมตะนคร ขึ้นชื่อเรื่องการศึกษาด้านฮันเตอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด ฮันเตอร์มีชื่อเสียงกว่าครึ่งล้วนจบหลักสูตรจากที่นั่น หัวหน้าของเจ้าก็จบจากที่นั่นเหมือนกัน ใช่มั๊ยหัวหน้า”

หัวหน้าไทพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของพล

“ที่นั่นดีอย่างที่พี่พลของเจ้าพูดเลย แต่เจ้าก็ต้องรู้ว่าสถานที่ดีๆนั้น มีการแข่งขันสูงมาก ถึงข้าจะรู้ว่าน้องเจ้ามีพรสวรรค์ แต่เจ้าต้องรู้ก่อนว่าน้องเจ้ามีพรสวรรค์แค่ไหน หากมีพรสวรรค์ทั่วไปๆ ถึงข้าจะช่วยให้ได้ทุน แต่พอน้องเจ้าได้เข้าไปเรียนจริงๆคงจะลำบาก”

“งั้นทำไมไม่ให้น้องข้ามาตรวจสอบปราณอาคมที่แท่นเจ้าอาคมล่ะ จะได้รู้ว่าน้องข้ามีพรสวรรค์มากน้อยแค่ไหน”

“เรื่องนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

“ทำไมล่ะ ข้าไม่เห็นเข้าใจ เมื่อวานยังมีคนตั้งมากมายไปตรวจสอบเลย หรือว่ามันต้องเสียเงิน ข้าสามารถหามาจ่ายได้นะ”

“เฮ้อ”

พลถอนหายใจ เขาจำได้ว่าเคยอธิบายให้เหนือภพฟังไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงโยนให้หัวหน้าไทเป็นคนอธิบายแทน

“ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทดสอบปราณกับแท่นจ้าวอาคมนั้นแท้จริงแล้วมันทำได้เพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตหนึ่ง และช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือช่วงเวลาก่อนที่เจ้าจะอายุครบ 12 ปีบริบูรณ์ เพราะว่าในช่วงอายุระหว่างแรกเกิดถึงช่วงอายุ 12 ปีนั้นมีโอกาสที่ปราณอาคมจะตื่นขึ้นเองโดยธรรมชาติและพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ไม่ได้ฝึกฝนอะไร และหากเข้าทดสอบก่อนเวลาที่เหมาะสมล่ะก็ ปราณอาคมจะถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพร่างกายของผู้มีพรสวรรค์นั้นๆมากที่สุด มันจะสงบนิ่งและจะไม่มีทางพัฒนาขึ้นเลยถ้าหากเจ้าไม่ใช้เวลาทุ่มเทฝึกฝนมันอย่างจริงจัง และที่สำคัญน้องเจ้ายังไม่มีวิชาปราณอาคมหลักที่เป็นของตัวเอง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาหลังจากผ่านการทดสอบกับแท่นจ้าวอาคม

ดังนั้นการที่เจ้ารู้ตัวว่าน้องสาวเจ้ามีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น นับว่าได้เปรียบอย่างมากแล้ว หลังจากนี้เจ้าก็ส่งน้องเจ้ามาที่นี่ พวกข้าจะช่วยหาวิชาปราณอาคมหลักที่เหมาะสมกับให้น้องเจ้าให้ พวกข้าจะคอยสอนทุกอย่างเกี่ยวกับการเป็นฮันเตอร์ให้กับนางเอง ส่วนเรื่องทุนศึกษาต่อนั้นข้าไม่สามารถรับปากได้ ข้าต้องทำตามกฎ”

หัวหน้าไทอธิบายอย่างยืดยาว ปกติเขาไม่ชอบพูดอะไรมากอย่างนี้ แต่เหนือภพและครอบครัวนั้นนับเป็นกรณีพิเศษ

“เรื่องนั้นข้าไม่สน ท่านต้องทำให้ได้”

เหนือภพกล่าวอย่างขึงขัง แววตาจริงจัง ทำให้หัวหน้าไทถึงกับถอนหายใจ หากเป็นเรื่องอื่น เหนือภพคงไม่มีท่าทีเช่นนี้แน่

“ข้ายังให้คำตอบแก่เจ้าไม่ได้ ในตอนนี้”

“แล้วข้าจะได้คำตอบเมื่อไหร่ ข้าเกรงว่าหากช้าไปน้องข้าจะพัฒนาได้ช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้นนางก็จะถูกเพื่อนในห้องรังแก ถูกเพื่อนๆดูแคลน ข้าไม่อยากให้นางต้องเผชิญเรื่องราวแบบนั้น ข้าอยากให้นางเป็นที่หนึ่งของรุ่น ต้องแข็งแกร่งที่สุด ข้าอยากให้ผู้คนเทิดทูนบูชานาง หวังว่าท่านจะเห็นแก่แม่ของข้า ช่วยนางให้เข้าไปยังสถานที่ดีๆ อยู่ในสังคมที่ดี ไม่ใช่ที่ซอมซ่อเช่นนี้ นางควรมีอนาคตที่สดใส”

ท่าทางของเหนือภพดูเศร้าสร้อย แววตาของหัวหน้าไทสั่นไหวโดยเฉพาะเมื่อได้ยินประโยคที่พูดถึงแม่ของเหนือภพ ท่าทีของหัวหน้าไทก็ดูอ่อนลง

“ก็ได้ ข้าจะเสนอชื่อนางเข้าชิงทุนการศึกษา แต่จะได้หรือไม่นั้น ก็สุดแล้วแต่ความสามารถของนางละกัน”

เหนือภพพอได้ยินเช่นนั้นก็ตาเป็นประกาย เพียงเท่านี้ก็เพิ่มโอกาสให้น้องสาวเข้าชิงทุนไปยังสถานที่ดีๆได้แล้ว

“รู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอกชัดๆ”

พลมองหน้าหัวหน้าไทยิ้มๆขณะพึมพำออกมาโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติมอีก หัวหน้าได้แต่ถอดถอนหายใจ เหล่มองพลด้วยสายตาเลือดเย็นในขณะที่ดาบเล่มหนึ่งถูกเขวี้ยงเข้าใส่พล

เมื่อเหนือภพจากไปก็เกิดเสียงดังโครมครามตามหลัง โดยที่เขาไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย

เหนือภพเดินออกมาจากเขตโรงฝึกเตรียมฮันเตอร์อย่างสบายใจ หากหัวหน้าไทรับปากแล้ว โอกาสที่จะไม่ได้นั้นมีน้อยมาก เพราะเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าไทกับแม่เขาเป็นอย่างดี เขาเชื่อว่าเพื่อแม่ของเขาแล้วหัวหน้าไทคงพยายามเต็มที่เพื่อให้เหนือฟ้าได้เข้าศึกษาในสถานที่ดีๆเป็นแน่ ส่วนเหตุผลหลักๆที่หัวหน้าไทคอยพลักดันให้พวกเขาได้เข้าเรียนเป็นเพราะอะไรนั้น เขารู้ดีทีเดียว

‘หึ เวลาท่านไปหาแม่ข้าที่บ้าน ท่านจะได้ไม่มีก้างขวางคอล่ะสิ ’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด