ตอนที่แล้วบทที่ 312 บ่อน้ำไร้ก้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 314 ยุคโบราณทั้งสาม

บทที่ 313 สะพานวิญญาน


บทที่ 313 สะพานวิญญาน

บนเกาะร้าง ใกล้เกาะอมตะในทะเลเคียร่า

ที่ด้านหน้าประตูสวรรค์ที่ส่องประกายเจิดจ้า เผ่าอสูรมากมายเดินไปมาเหมือนฝูงมด ประตูสวรรค์ ซึ่งแต่เดิม ใหญ่พอสำหรับคนเดียวเท่านั้นที่จะผ่านไปได้ ก็ค่อยๆ ขยับขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น

สัตว์อสูรนับสิบที่มีเขาหกเขา มังกรอสูร บนท้องฟ้าดินแดนแอสูร พวกมันมีขนาดยาวมากกว่าห้าสิบเมตรแบกซากศพอยู่ พวกมันบินไปทั่วทุกทีแล้วทิ้งศพพวกนั้นลงบนพื้นดิน

บนเกาะนี้ นอกจากเผ่าอสูรที่มีรูปร่างแปลกประหลาดแล้ว ยังมีศพมนุษย์มากมายซ้อนขึ้นบนพื้นดิน ศพปกคลุมกระจายไปทั่วทั้งเกาะ กองสูงเป็นภูเขาขนาดเล็ก

พื้นดินกลายเป็นสีแดงราวกับเลือดหมู โลหิตท่วมไปทั้งเกาะ

ท่ามกลางเสียงร้องและตะโกนของเผ่าอสูร , ศพนับไม่ถ้วนบนเกาะถูกเหวี่ยงเข้าไปในประตูสวรรค์ ในเพียงไม่กี่นาทีจำนวนศพมนุษย์ที่ถูกโยนเข้าไปในประตูสวรรค์มีถึงร้อยศพ

ฉากของคนผู้คนที่โศกเศร้าก็เกิดขึ้นทั่วทะเลเคียร่า

เผ่าอสูรยังสังหารอย่างต่อเนื่องนับพันชีวิต พวกมันล่าไปทั่วเกาะบริเวณรอรบๆ เกาะที่ได้รับความคุ้มครองโดยตระกูลหยาง ตระกูลเซี่ย และดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ได้กลายเป็นเกาะแห่งความตาย ไม่มีใครหลงเหลืออยู่บนเกาะเหล่านี้เลย

สัตว์อสูรดินแดนอสูรได้ลาดตระเวนไปยังเกาะต่างๆทั่วทะเลเคียร่า พวกมันทั้งหมดมีร่างกายขนาดใหญ่และถูกขี่โดยเผ่าอสูร . พวกมันบินไปทุกที่เพื่อเก็บซากศพของมนุษย์ ทุกครั้งหลังกลับมามันจะแบกซากศพจำนวนมากมาด้วย พวกมันจะบินกลับไปเกาะที่เชื่อมต่อกับประตูสวรรค์แล้วโยนศพเหล่านั้นลงไปบนกองศพที่สูงเท่ากับภูเขาบนเกาะ

เผ่าอสูรมากมายกำลังกรีดร้องและโยนศพของมนุษย์เข้าไปในประตูสวรรค์อย่างขันแข็ง

ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ฉากนี้ได้เริ่มขึ้น ดูเหมือนพวกมันจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ส่งศพทั้งหมดเข้าไป

ดินแดนสี่อสูร

ท้องฟ้าที่มืดมนไม่มีดวงจันทร์หรือดวงดาวหรือดวงอาทิตย์ เว้นแต่กลิ่นอายที่ป่าเถื่อนและฉากที่น่าเบื่อ ภูเขาดำทมิฬเรียงรายกันครอบคลุมทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน

ในป่ามืดที่กว้างใหญ่ กลิ่นอายอสูรที่อึมครึมลอยอยู่เหนือต้นไม้ยักษ์ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ในแผ่นดินรุ่งเรือง สัตว์อสูรที่มีร่างกายขนาดใหญ่หลายสิบเมตร กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้ที่กระหายเลือดเกิดขึ้นทั่วทุกที่

เหนือป่ามืดที่กว้างใหญ่ , ศพเหล่านั้นถูกโยนลงมาอย่างต่อเนื่องจนเป็นก้อนเนื้อเชื่อมต่อกันสูงเสียดฟ้า

ศพทั้งหมดเป็นของมนุษย์ แน่นอนว่านั่นคือมนุษย์จากทะเลเคียร่าในทะเลไม่มีสิ้นสุด

ศพมากมายซ้อนเชื่อมต่อกันเป็นเหมือนกับสะพานใหญ่ ด้านหนึ่งของสะพานที่เชื่อมต่อกับประตูสวรรค์ ทุกครั้งที่มีศพโยนเข้ามา เผ่าอสูรระดับนภานับร้อยในประตูสวรรค์ ก็เทวิญญานมนุษย์ออกมาจากกระถางและไหในมือของพวกเขา

วิญญาณของมนุษย์จากเคียร่าทะเลสามารถช่วยฝึกฝนเคล็ดวิชาลับได้ พวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย . ทันทีที่พวกมันออกมาจากกระถสง พวกมันก็ถูกลั่นครึ่งหนึ่งและกลายเป็นของเหลวสีดำ ของเหลวสีดำเหล่านี้ไหลลงบนซากศพ ทำให้ช่องว่างระหว่างศพเหล่านั้นเหนียวแน่นขึ้น [เหมือนเชื่อมเหล็กมั้งครับ]

ดูเหมือนเผ่าอสูรจากดินแดนอสูรกำลังสร้างสะพาน สิ่งที่กำลังสร้างนี้มีขนาดใหญ่และพิเศษเป็นอย่างมาก ไม่อาจรู้ได้เลยว่าต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะสร้างเสร็จ

ล้านซากศพมนุษย์ถูกใช้เพื่อสร้างรากฐานของสะพาน ของเหลวสีดำ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยวิญญานมนุษย์นับล้าน ถูกใช้เพื่อทำเป็นคอนกรีต มันลอยอยู่บนท้องฟ้าและยื่นยาวออกไปในดินแดนอสูร มีแสงสีดำส่องประกายต่อเนื่องบนสะพานใหญ๋

สะพานวิญญานตั้งลอยอยู่บนท้องฟ้าดินแดนอสูร ปลายด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับประตูสวรรค์และปลายอีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ลึกลับในดินแดนอสูร ทุกครั้งที่ศพและวิญญาณถูกโยนเข้าไปในประตูสวรรค์ สะพานวิญญานก็จะค่อยๆขยายขึ้นทีละนิด ระยะห่างระหว่างปลายด้านหนึ่งของสะพานและสถานที่ลึกลับในดินแดนอสูรก็หดน้อยลงเรื่อยๆ

การก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่นี้ ดูเหมือนมันกำลังจะเสร็จในไม่ช้านี้

. . .

ดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้น

ท้องฟ้าเป็นสีเขียวเข้ม และ อากาศหนาวเย็น และ กลิ่นอายที่เป็นพิษ ต่อไปข้างหน้า พื้นดินเต็มไปด้วยหลุมลึก . หลุมลึกที่เป็นเหมือนปากขนาดใหญ่ที่เปื้อนเลือดเหมือนกำลังรอกินเนื้อมนุษย์ ภายในหลุมของเหลวหลากสีสันก็พุ่งพล่านออกมา ตรงกลาง ซึ่งมีฟองอากาศลอยพองอยู่ตลอดเวลา

ฟองอากาศลอยพองขึ้นมาแล้วระเบิดออกเป็น กลิ่นอายสีต่างๆ แผ่ออกมาจากภายในหลุม และผสมกับกลิ่นอายความมืดของโลกนี้ ก่อให้เกิดเป็นกลิ่นอายที่มืดมิดยิ่งขึ้น.

ถ้ามองลงมาจากท้องฟ้า ไม่มีพื้นที่ราบเลยในดินแดนแห่งนี้ พื้นดินขรุขระและหยาบกร้าน มีหลุมลึกที่มีฟองอากาศลอยออกมาตลอดเวลาเหมือนกับ เมื่อใดก็ ตามที่พวกเขาทำบางอย่าง ก็จะมีกลิ่นอายที่น่ากลัวลอยออกมา

ในหลุมนั้น มีถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งครอบครองหนึ่งในสิบของดินแดนแห่งนี้

ภายในถ้ำขนาดใหญ่ ของเหลวสีดำไหลนอง . ถ้ำนี้มีหลายเส้นทางที่เชื่อมต่อกับถ้ำอื่น ๆ มากมายทำให้ของเหลวทั้งหมดจากในดินแดนไหลมาบรรจบที่เดียวกันและเกิดเป็นทะเลลึกที่พิเศษ

ทะเลลึกดูเหมือนไม่มีสิ้นสุด มันใหญ่กว่าห้าทะเลใหญ่ของทะเลไม่มีสิ้นสุดรวมกัน

ในทะเลลึกน้ำทะเลเป็นสีดำซึ่งดูเหมือนจะเดือดตลอดเวลา ฟองอากาศขนาดใหญ่และเล็กยังคงพองแล้วแตกออกพร้อมกับกระจายกลิ่นอายหลากสีสันออกมา

กลิ่นอายหลากสีสันหดตัวและเกิดม่านพิษบางๆกระจายออกมาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของทะเลลึก

เหนือทะเลลึกมีศพของเผ่าทมิฬอยู่มากมายนับไม่ถ้วนและมีคนเผ่าทมิฬจำนวนมากยืนอยู่บนศพเหล่านั้น

ภายในวังวนท่ามกลางทะเลลึก มันกำลังหมุนวนและดูดกินซากศพของเผ่าทมิฬที่ลอยอยู่เหนือทะเลลึกอยู่เรื่อยๆ ทุกๆวินาทีที่ผ่านไปมีซากศพจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในน้ำวน

ในช่วงกลางของน้ำวน , เผ่าทมิฬจำนวนมากลอยอยู่ในอากาศและกำลังเทวิญญานของคนเผ่าทมิฬจากกระถางที่อยู่ในมือ หลังจากนั้น วิญญาณเหล่านี้ก็กลายเป็นสีดำราดบไปบนศพ

นอกจากนี้ ในศูนย์กลางของน้ำวน , แนวแสงที่ดูอึมครึมซึ่งเป็นเหมือนปากของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ก็ ค่อยๆ กลืนกินซากศพ

อีกด้านหนึ่งของปากขนาดใหญ่เป็นสถานที่ที่มืดมน กลางอากาศมีสะพานวิญญานปรากฏอยู่ซึ่งมันถูกสร้างจากศพของคนเผ่าทมิฬและค่อยๆขยายมุ่งตรงออกไป

ในพื้นที่นี้ ไม่มีกลิ่นอายของพลังอยู่ ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีพื้นดิน ไม่มีสิ่งมีชีวิต มีเพียงสะพานวิญญานเท่านั้น

ในพื้นที่มืดมิดแห่งนี้ สะพานวิญญานดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างไม่รู้จักลอยออกมา ทุกครั้งที่มีศพเพิ่มขึ้น สะพานวิญญานก็จะยาวขึ้นอีกเล็กน้อย

ทิศทางที่สะพานวิญญานมุ่งไปเป็น เช่นเดียวกับสะพานวิญญานของเผ่าอสูร

เมื่อสะพานวิญญานทั้งสองเชื่อมโยงกัน, ดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้นและดินแดนสี่อสูรก็จะเชื่อมต่อกัน หลังจากผ่านมาเป็นเวลาหลายสิบล้านปี

เพื่อที่จะเชื่อมต่อช่องว่าง ราชาทมิฬของดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้น และราชาอสูรของดินแดนสี่อสูรได้วางแผนมานานกว่าร้อยปี

เวลาที่ทั้งสองโลกจะได้เชื่อมต่อกันนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

. . .

ในดินแดนสี่อสูร

บนยอดเขาซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกองกระดูกสีขาว มังกรอสูรสี่สิบเก้าตัวก็กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า มังกรอสูรเปิดปากใหญ่เผยให้เห็นเขี้ยวที่เป็นประกายสามารถทำให้คนอื่นหวาดกลัวจนตัวสั่นพร้อมกับพ่นควันสีดำออกมา กลิ่นอายมังกรของมังกรอสูรก็ปกคลุมไปทั่วยอดภูเขากองกระดูก

บนยอดเขา มีหนึ่งร้อยเสากระดูกสีขาวอยู่หนึ่งร้อยแปดเสา เสาเหล่านั้นงดงามราวกับหยก ภาพของเทพอสูรโบราณถูกแกะสลักไว้บนเสา

เสากระดูกทั้งหนึ่งร้อยแปดเสาเป็นรูปแบบที่มหัศจรรย์ ตำแหน่งของพวกมันถูกจัดเรียงตามการเปลี่ยนแปลงของดวงดาว กลิ่นอายมังกรที่ออกมาจากมังกรอสูรทั้งสี่สิบเก้าตัว ถูกดูดกลืนเข้าไปในเสากระดูกสีขาวทั้งหมด

เมื่อเสาเหล่านั้นได้ดูดซับกลิ่นอายมังกรเข้าในระดับหนึ่ง เทพอสูรโบราณที่ถูกสลักไว้พื้นผิวของเสาก็ฟื้นขึ้นมาและพุ่งไปยังตรงกลางรูปแบบที่เป็นเหมือนกับแท่นบูชา

แท่นที่มีรูปทรงขนมเปียกปูนสร้างจากกระดูกสีขาว มีม่านปิดล้อมอยู่รอบๆแท่นบูชา ระหว่างชั้นของม่านพลังนอกแท่นบูชา มีกลิ่นอายที่ทำให้โลกล่มสลายประทะกันอยู่ไม่หยุด มันปลดปล่อยพลังที่รุนแรงออกมาจนนักรบอสูรทุกคนที่อยู่ในดินแดนรู้สึกได้

ชายชราร่างผอม ที่มีผมสีขาวบนขมับและใบหน้าจริงจังก็กำลังยืนอยู่ตรงกลางแท่น

เขาเปลือยกายทั้งหมด พลังอำนาจชั่วร้ายที่แตกต่างกันลอยออกมาจากร่างกายของเขา นอกจากนี้ เขายังสามารถทนทุกการโจมตีจากเทพอสูรโบราณได้เวลา

ทุกครั้งที่เทพอสูรโบราณประทะเข้ากับม่านพลังและบุกเข้าไปข้างใน อาวุธยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ก็จะปรากฏขึ้นที่ร่างเปลือยเปล่าของเขาและส่องแสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายเจิดจ้าออกไปนับพันจาง อาวุธยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเต็มไปด้วยพลังมหาศาลของพระเจ้า มันเปล่งแสงออกมาคล้ายกับแสงของดวงอาทิตย์และแสงของดวงจันทร์ ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ยังปลดปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงออกมาอย่างต่อเนื่อง

เทพอสูรโบราณปลดปล่อยอาขมมากมายออกมา ทุกครั้งที่พวกเขาสะบัดแขนทั้งสองข้าง ก็เกิดเป็นสายฟ้าฟาดนับพันสายขึ้น หรือหมัดที่รุนแรงราวกับภูเขากดทับ หรือ เกิดเป็นเทพอสูรนับพัน อย่างไรก็ตาม การโจมตีเหล่านั้นที่มุ่งไปยังชายชราทั้งหมดก็ถูกบดขยี้และกระเด็นไปด้านข้างด้วยคลื่นพลังของอาวุธยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์

การต่อสู้บางครั้งก็ทำให้ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล บางครั้ง แขนของเขามีก็ขาด อย่างไรก็ตาม , พวกมันทั้งหมดก็จะกลับคืนสภาพปกติได้ในเวลาอันสั้น ร่างกายของเขาราวกับว่าเป็นอมตะไม่มีวันตาย

ในเวลาเดียวกัน เขาเปิดปากของเขา และพ้นหยดเลือดออกมา เลือดนั้นเป็นสีแดงเหมือนกับทับทิม และสามารถที่จะฉีกท่านพลังและเสากระดูกสีขาวได้

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เสากระดูกสีขาวถูกทำลาย ภูเขากองกระดูกที่สูงนับพันจางก็จะสั่นสะท้านทันที และจากนั้น เสากระดูกสีขาวอันใหม่ก็จะปรากฏขึ้นมา เสากระดูกสีขาวยังคงมีจำนวนร้อยแปดเสาไม่เปลี่ยนแปลงและรูปแบบก็ยังทำงานปกติเช่นเคย

ภายนอกรูปแบบ สามร่างกายกระดูกที่เป็นเหมือนพระพุทธรูปสีขาวมีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขา ก็ปลดปล่อยกลิ่นอายอสูรที่กว้างใหญ่เหมือนทะเลออกมา บนร่างกายสีขาวที่ส่องประกาย มีสัญลักษณ์แปลกประหลาดนับพันอยู่ , ซึ่งมันดูเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่กระพริบไม่หยุดและพวกมันก็ค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ

หนึ่งในสามของกระดูกพระพุทธรูป ก็มองไปที่แท่น เปลวไฟอสูรเคลื่อนไหวอยู่ในดวงตาทั้งสอง ดวงตาของมันจ้องไปยังบุคคลที่อยู่บนแท่น

" จักพรรดิ์หยางชิงตี้ ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้านับว่าใช้ได้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เจ้าสามารถทนได้มาถึงตอนนี้ เป็นเพราะจิตวิญญานอมตะที่แปลกประหลาดของเจ้าและอาวุธยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหยางที่สืบทอดกันมาหลายปี

" แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้า เจ้ากลับสามารถพึ่งพาสายเลือดอมตะของเจ้าทนมาได้ถึงตอนนี้ จักพรรดิ์หยางขิงตี้ เจ้านับได้ว่าเป็นอัจฉริยะโดดเด่นที่เกิดขึ้นในรอบพันปีเลยจริงๆ " ร่างพระพุทธรูปกระดูกที่นั่งอยู่ตรงกลางก็พูดออกมา " แต่เลือดอมตะของเจ้านั้นมีจำกัด การใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นจำเป็นต้องใช้เลือดของเจ้าเพื่อปลดปล่อยพลังออกมา เมื่อเจ้าใช้เลือดอมตะจนหมด จะดูสิว่าเจ้ายังจะทนกับรูปแบบเทพอสูรสายลมสวรรค์ได้อีกนานเท่าไหร่ ? "

บุคคลที่อยู่บนแท่นยังคงหลับตาแน่น เมื่อเทพปีศาจโบราณหายไป ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาก็เริ่มฟื้นตัว

" ข้า โปวชุน ได้เข้าร่วมสงครามมาตลอดชั่วทั้งชีวิตของข้า ข้าได้พบนักรบมากมาย แต่ข้ายอมรับเลยว่าเจ้าเป็นศัตรูที่น่าเคารพที่สุด " ร่างพระพุทธรูปกระดูกสีขาวก็ลังเลสักพักก่อนจะพูด " ถ้าเจ้าเห็นด้วยที่จะให้ตระกูลหยางอยู่ในดินแดนสี่อสูร ข้าจะปลดรูปแบบเทพอสูรสายลมสวรรค์ออก และ รับประกันความรุ่งโรจน์ของตระกูลหยางตลอดชิบขั่วอายุ"

" ไม่มีใครบนโลกนี้ที่สามารถทำให้ข้า จักพรรดิิ์หยางชิงตี้ ยอมจำนนได้ ! " .

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด