ตอนที่แล้วบทที่ 313 สะพานวิญญาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 315 หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ

บทที่ 314 ยุคโบราณทั้งสาม


[จักพรรดิ์หยางชิงตี้ ขอเปลี่ยนเป็น จักพรรดิ์หยางเทียน นะครับ]

บทที่ 314 ยุคโบราณทั้งสาม

ร่างพระพุทธรูปกระดูกสีขาวทันทีก็พึมพัมออกมา

สายตาของจักพรรดิ์หยางเทียนยังคงปิดแน่น ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาก็เปล่งแสงประหลาด หลังจากได้พักเป็นระยะเวลาสั้น ๆ , เขาดูเหมือนจะเรียกคืนพลังบางส่วนกลับมาได้ คนอื่นสามารถสัมพัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังของเขากำลังฟื้นคืนมา

" จักพรรดิ์หยางเทียน , เจ้ามันหัวขโมย " โปวชุนก็กระแอมออกมาหลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่งเขาก็พูด " ถ้าเจ้า ฉาวเชี่ยวเต้าจากตระกูลฉาว และหัวหน้าวัง หยางยี่เทียนจากราชวงศ์สงครามศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้รับการแบ่งโลหิตอมตะและวิญญานที่หลงเหลืออยู่จากร่างพระเจ้าราชันย์อมตะ เจ้าคิดรึว่าเจ้าจะคู่ควรมาเผชิญกับข้าขณะที่เจ้าอยู่เพียงนภาแรกในระดับพระเจ้า ? "

จักพรรดิ์หยางเทียนก็เงียบ .

" 100 ปีก่อน เจ้า ฉาวเชี่ยวเต้า และหยางยี่เทียนพึ่งจะบรรลุเข้าสู่ระดับพระเจ้า แต่พวกเจ้ามั้งสามกลับได้รับโชคใหญ่ ในพื้นที่มรสุมและพบกับศพของพระเจ้าราชันย์ในพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนั้น เจ้าและฉาวเชี่ยวเต้าได้กลื่นกินเลือดของพระเจ้าราชันย์ไปกว่าครึ่งและหยางยี่เทียนก็ได้รับวิญญานส่วนที่เหลือของพระเจ้าราชันย์ นั่นคือเหตุผลที่พวกเจ้าสามารถสร้างกองกำลังที่ยิ่งใหญ่และสร้างตำนานของพวกเจ้าทั้งสามได้ในทะเลไม่มีสิ้นสุด

" ถ้าไม่มีศพพระเจ้าราชันย์ พวกเจ้าทั้งสามก็คงไม่แช็งแกร่งเช่นนี้ แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับข้าได้ในปีเดียว "

" บอกตามตรงนะ พวกเจ้าสามก็เป็นแค่โจรขโมยศพ "

จักพรรดิ์หยางเทียนก็ขมวดคิ้วของเขา แต่ไม่ได้พูดเลยสักคำ

" เลือดของพระเจ้าราชันย์ช่วยให้เจ้าและฉาวเชียวเต้าแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะนักรบที่อยู่ในนภาที่สามของระดับพระเจ้าได้ แม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้าก็ตาม หลังจากทั้งหมด เลือดของพระเจ้าราชันย์ทำให้พลังปราณลึกลับของเจ้าแปลกไปและมีอำนาจของพระเจ้าเล็กน้อย หยางยี่เทียน ที่ได้รับเศษวิญญานของพระเจ้าราชันย์ เขาอาจจะสามารถบรรลุเข้าสู่นภาที่สองของระดับพระเจ้าได้ หลังจากนี้อีก 100 ปี หลังอยากทำความเข้าใจกับเศษวิญญานนั่น เขาได้รับเคล็ดวิชาพระเจ้ามาเล็กน้อย นั่นคือจุดเริ่มต้นของราชวงศ์สงครามศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นอันดับหนึ่งในทะเลไม่มีสิ้นสุดตอนนี้ "

โปวชุนเผยรอยยิ้มอ่อน " น่าเศร้า แม้พวกเจ้าจะได้กลืนกินร่างกายของพระเจ้าราชันย์ แต่ก็ไม่ได้รับมรดกจากพระเจ้าราชันย์ เจ้ากลับปล่อยมรดกสืบทอดไปและซ่อนมันเอาไว้ในรอยแยกมิติ จนกระทั่งตอนนี้ ถ้าเจ้าได้รับมรดกของพระเจ้าราชันย์เมื่อร้อยปีก่อน สถานการณ์ในทะเลไม่มีสิ้นสุดคงจะเปลี่ยนไปและตกต่างจากตอนนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ดินแดนสี่อสูรและดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้น ก็คงกลายเป็นพื้นที่ล่าสัตว์สำหรับเจ้า

ในที่สุด จักพรรดิ์หยางเทียนก็เปิดตาของเขาที่ดูเหมือนกับแสงดวงดาวนับพัน " แม้ว่าข้าจะถูกคุมขัง แต่ฉาวเชี่ยวเต้าและหยางยี่เทียนก็ยังอยู่ในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าทั้งสองร่วมมือกัน เจ้าและชิหยานก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ . "

" ฮ่า ฮ่า ฮ่า " โปวชุนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของเขาสะท้อนไปทั่ว " นี่เป็นโศกนาฏกรรมของมนุษยชาติ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ฉาวเชี่ยวเต้า และหยางยี่เทียนทะเลาะกันแต่สู้กันมาตลอดในทะเลไม่มีสิ้นสุด ด้วยเลือดและวิญญาณที่เหลือของพระเจ้าราชันย์ พลังและวิญญานของพวกมันก็คงไม่ต้องแบ่งแยกกันและ ระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้าก็คงไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้

ปีนั้น เจ้า ฉาวเชี่ยวเต้า และหยางยี่เทียนนั้นเป็นสหายสนิทกันและ โชคดีที่เข้ามาในพื้นที่มรสุม อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะศพพระเจ้าราชันย์พวกเจ้าจึงกลายเป็นศัตรูกัน ความโลภของมนุษย์นั้นมีมากกว่าเผ่าอสูรนัก เมื่อพวกเจ้าแต่ละคนทะเลาะกันเอง ก็เกิดสงครามขึ้นและหลังจากสงครามพวกเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้การฝึกบ่มเพาะของพวกเจ้ายากลำบาก มิฉะนั้น ตอนนี้เจ้าคงจะสามารถทำลายรูปแบบเทพอสูรสายลมได้ไปแล้ว " .

จักพรรดิ์หยางเทียนก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเลย

" น่าเสียดายนัก ! " ในดวงตาที่ว่างเปล่าของโปวชุน ,เปลวไฟอสูรยังคงลุกโชนไม่หยุด " แม้จะรู้ว่าเจ้าถูกคุมขังอยู่ในรูปแบบเทพอสูรสายลม หยางยี่เทียน และฉาวเชี่ยวก็ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปัจจุบัน กองทัพของเผ่าอสูรได้เข้าไปยังทะเลเคียร่า ,และฆ่าคนนับล้านของทะเลเคียร่า สะพานวิญญานกำลังจะเสร็จในไม่ช้านี้ แต่ฉาวเชี่ยวเต้าและหยางยี่เทียนยังไม่ลงมือทำใดๆ จนกว่าดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้นจะเชื่อมต่อกัน ด้วยความแข็งแกร่งของคนพันล้านคน เราจะบุกไปยังทะเลไม่มีที่สิ้นสุด , กำจัดหยางยีเทียนและฉาวเชี่ยวเต้า ไม่ให้พวกเขาแข็งแกร่งไปมากกว่านี้ "

" บางที พวกเขาอาจจะเริ่มลงมือแล้วก็ได้ เพียงแต่เจ้าไม่รู้เท่านั้นเอง . " จักพรรดิ์หยางเทียนก็พูดอย่างเย็นชา

" มันสายไปแล้ว " โปวชุนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาสั่นสะท้านไปทั่วท้องฟ้า " เอวี่ราชาทมิฬและราชาทมิฬอีกสองคนได้ใช้ชีวิตและวิญญานของเผ่าทมิฬด้วยกันสามล้านคนเพื่อสร้างสะพานวิญญาน อีกไม่นานนี้ สะพานวิญญานของโลกทมิฬก็จะสามารถเชื่อมต่อกับดินแดนอสูรได้ และนั่นจะเป็นจุดจบของทะเลไม่มีที่สิ้นสุด "

ใบหน้าของจักพรรดิ์หยางเทียนเปลี่ยนไปในที่สุด

จนถึงตอนนี้ เขาได้ตระหนักถึงอันตรายของสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่พอใจที่เขาถูกขังอยู่ในรูปแบบเทพอสูรสายลมและเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีจากมันกลับไปยังทะเลไม่มีที่สิ้นสุด

" จักพรรดิ์หยางเทียน ข้ายังมีข้อเสนออื่นอีก เจ้าควรพิจารณาอย่างรอบคอบ " โปวชุนลังเลสักพักก่อนพูด " ถ้าเจ้ายอมช่วยข้า ร่วมมือกับข้าฆ่าหยางยี่เทียน และ ฉาวเชี่ยวเต้า ข้าสัญญาว่าข้าจะมอบเลือดและวิญญานส่วนที่เหลือในร่างกายของฉาวเชี่ยวเต้าและหยางยี่เทียนให้เจ้า เมื่อเจ้าสามารถครอบครองมันทั้งหมดได้ เจ้าก็จะสามารถเข้าสู่ระดับที่นักรบทั่วไปมิอาจคาดฝัน "

จักพรรดิ์หยางเทียนก็ขมวดคิ้วแน่นและไม่ได้ตอบกลับ

" แน่นอน หลังจากนั้น เจ้าก็ต้องช่วยข้าทำสิ่งหนึ่ง ซึ่งข้าจะให้เจ้าใช้พลังทำลายกำแพงระหว่างดินแดนที่หนึ่ง ดินแดนที่สอง และ ดินแดนที่สาม ของดินแดนอสูร "

" เมื่อสามดินแดนอสูรที่เหลืออยู่เปิดออก , ไม่เพียง แต่ไม่มีที่สิ้นสุดทะเลแต่ทั่วทั้งแผ่นดินรุ่งเรืองจะต้องตกอยู่ในหายนะ "

จักพรรดิ์หยางเทียนยิ้มอย่างเช่นชาและส่ายหัวของเขาในเวลาเดียวกัน " . . . . . . . ข้าไม่อยากเป็นคนบาปหรือเป็็นก้อนหินให้เผ่าอสูณก้าวผ่าน เจ้าไปหาคนอื่นเหอะ "

" เผ่าอสูร ? " โปวชุน ขบฟันของเขาและยิ้ม " สามยุคสมัยโบราณประกอบไปด้วยยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ ยุคโบราณสูง ยุคโบราณห่างไกล ในสมัยยุคโบราณที่ห่างไกลตระกูลหยางนั้นเป็นเผ่ามนุษย์ แต่ในยุคโบราณสูง ตระกูลหยางเป็นหนึ่งในชนเผ่า ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหยางได้สืบเชื้อสายและผ่านมาหลายรุ่นลักษณะดั่งเดิมของชนเผ่าก็คงไม่หายไป ผมเกรงว่า เจ้า จักพรรดิ์หยางเทียน จะแตกต่างจากมนุษย์มากกว่าข้าเสียอีก "

ใบหน้าของจักพรรดิ์หยางเทียนก็เปลี่ยนเป็นความกลัว ริมฝีปากของเขาสั่นสักพัก แต่ไม่ได้อธิบายอะไร

" ดังนั้น อย่าได้พูดถึง เผ่าพันธุ์ ของข้า เพราะทั้งหมด เราต่างเป็นชนเผ่าป่าเถื่อน . อย่าได้ปากแข็งนักเลย . " โปวชุนยิ้มอย่างเย็นชา

" แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง " จักพรรดิ์หยางเทียนที่เงียบมาเป็นเวลานานก็ถอนหายใจยาว แล้วถาม

" 100 ปีก่อน ในทะเลไม่มีสิ้นสุด ได้ปรากฏพื้นที่มรสุม ก่อนหน้านั้นมันก็ปรากฏขึ้นในดินแดนสี่อสูรเช่นกัน " เสียงของโปวชุนก็หนักแน่น " และข้าในตอนนั้นก็ยังคงเป็นนักล่าทั่วไปของเผ่าเขามังกรในเวลานั้น ข้าได้เข้าไปยังพื้นที่มรสุม และพบบางอย่างในรอยแยกพื้นที่แห่งนั้น ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่ได้มีตำแหน่งราชาอสูรเช่นนี้ "

" เขตพื้นที่มรสุมก็เคยปรากฏในดินแดนอสูรเช่นกันรึ ? " จักพรรดิ์หยางเทียนก็ประหลาดใจ

" ถ้าไม่ใช่ แล้วข้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้า ฉาวเชี่ยวเต้า และหยางยี่เทียนอย่างชัดเจนเหมือนกับหลังมือข้าได้อย่างไร " โปวชุนก็หัวเราะ " สิ่งที่ข้าได้รับมาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าสามคน และความลับบางอย่างในยุคโบราณยิ่งใหญ่ ยุคโบราณสูง และยุคโบราณไกล และยังรู้อีกว่า ตระกูลหยางเป็นหนึ่งในชนเผ่าจากยุคโบราณสูง .

" เจ้าพูดขนาดนี้ เพราะเจ้าต้องการให้ข้าอยู่กับเผ่าอสูณของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าก็คงรู้ดีว่าข้าคิดยังไง " จักพรรดิ์หยางเทียนก็พูดอย่างใจเย็น

โปวชุนก็รำพึง . หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาและ พยักหน้า กะโหลกใหญ่ของพระพุทธรูปกระดูกสีขาวก็ขยับ "  ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ยังเป็นศัตรูที่ ข้าเคารพ ข้าคิดว่าข้าควรจะบอกให้เจ้ารู้บางอย่างก่อนที่จะทรมานเจ้าจนได้ หลังจากนี้ คนที่เคยเข้าไปในพื้นที่มนสุมจะมีชีวิตเหลือเพียงไม่กี่คน มีหลายสิ่งที่ข้าได้ทำมาตลอดชั่วชีวิตของข้าดังนั้นข้าต้องการที่จะหาใครสักคนมาฟังและแบ่งปันกัน . . . . . . . "

จักพรรดิ์หยางเทียนก็ถอนหายใจออกมา

" ข้าจะบอกอะไรเจ้า ข้ารู้ว่าตระกูลหยางหลบซ่อนอยู่ในดินแดนสี่อสูร หลังจากสะพานวิญญานเชื่อมต่อเสร็จ ถ้าเจ้าไม่กลัวว่าตระกูลหยางจะพินาศ หรือกลัวว่าสายเลือดตระกูลหยางที่เจ้าสร้างมาด้วยเวลาทั้งชีวิตของเจ้าจะหายไปในชั่วพริบตา " ทันทีที่โปวชุนพูดจบ เปลวไฟอสูรในดวงตาของเขาก็กลายเป็นอึมครึม "

ดูเหมือนเขาได้ถอนวิญญานหลักออกจากร่างพระพุทธรูปกระดูกสีขาวไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน เทพอสูรในหนึ่งร้อยแปดเสากระดูกสีขาวก็เริ่มทำงานอีกครั้ง และพุ่งออกไปยังจักพรรดิ์หยางเทียนอย่างรุนแรง

. . .

ในทะเลนภา

บนเทือกเขาอสูรนภา สัตว์อสูรที่ดุร้ายก็กำลังฉีกกระฉากสัตว์อสูรระดับหก อินทรีวายุ : ลำตัวครึ่งหนึ่งที่ยาวห้าเมตรของอินทรีวายุกำลังถูกเขมือบอยู่ สมองและผลึกอสูรของมันถูกกลืนกินหายไป

สัตว์อสูรประหลาดนี้กำลังเพลิดเพลินกับการฉีกเหยื่อของมัน ดวงตาที่โหดร้ายของสัตว์อสูรนี้มีแสงที่เยือกเย็นส่องประกายอยู่ราวกับว่ามันสามารถทำลายวิญญานของผู้คนได้ ร่างกายทั้งหมดของมันส่องประกายจุดแสงสีดำ กลิ่นอายของมันน่ากลัวเป็นอย่างมาก

ข้างๆมันมีกองกระดูก สัตว์อสูรขนาดยักษ์ ที่ผิวหนังและเนื้อถูกกัดกินจนหมดอยู่ เหลือเพียงกระดูกสีขาวเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน อินทรีวายุก็ถูกกลืนกินอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงกระดูกสัตว์อสูรที่แตกหัก หลายวงกลมแสงสีดำเริ่มกระจายออกมาจากร่างกายของสัตว์อสูรตนนั้น

เมื่อแสงสีดำกระจายออกไป ต้นไม้โบราณรอบๆซึ่งมีขนาดสูงหลายสิบเมตร ก็ล้มลง สัตว์อสูรที่ซ่อนอยู่จากที่ไกลๆก็ยังตระหนักได้ถึงคลื่นพลังนี้ จึงรีบวิ่งหนีไป โดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆหลังจากที่มันสัมพัสได้

กระดูกของสัตว์อสูรตนนั้นเกิดเสียงลั่นตลอดเวลา ลำตัวยาวสิบเมตรของมันถูกปกคลุมด้วยแสงสีดำและเริ่มหดตัว

ภายในแสงที่เหมือนกับรังไหม สัตว์อสูรยังคงไม่หยุดนิ่ง หลังจากสามวัน มันก็เปลี่ยนเป็นอสูรที่มีรูปร่างมนุษย์ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยหนาม มันหันหัวไปทางดวงจันทร์ เห่าหอนออกมา ร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอาย กลิ่นอายอสูรและกลิ่นอายแห่งความมิด กลิ่นอายที่ชั่วร้ายก็ทะลักขึ้นสู่ท้องฟ้า

" กุ้ยเหลียง . . . . . . . นี้เป็นชื่อของข้า . . . . . . . " มันพึมพำด้วยน้ำเสียงต่ำ . เสียงของมันเป็นเหมือนกับเศษแก้วที่แหลมคมซึ่งสามารถกรีดผ่านเนื้อได้

" เขาบอกให้ข้ารอเขา รอเขา แต่ข้ารอมานานแล้ว ข้าจะไม่รออีก . . . . . . . "

หลังจากพูดคุยและตอบกับตัวเองสักพัก ดวงตาสีเขียวของมันก็เกรี้ยวกราดและปรากฏภาพฉื่อหยาน

หันหัวมองไปบนท้องฟ้า มันดูเหมือนกำลังจัดเรียงความคิดบางอย่าง ไม่มีใครรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

หลังจากผ่านมาเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อปีกก็ใหญ่โตขึ้นอย่างฉับพลันจากกระดูกสันหลังของมัน จากนั้นก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า และหายออกไปจากเทือกเขาอสูรนภาในพริบตา

" กรรร กรรร กรรร ! "

บนเทือกเขาอสูรรภา สัตว์อสูรดุร้ายร่างใหญ่ประมาณสิบตัวก็แหงนหน้าขึ้นฟ้า มองไปยังร่างที่จากไป

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด