ตอนที่แล้วบทที่ 26 พาหนิงชิงเชวี่ยกลับบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28 สะกดรอยตาม

บทที่ 27 นี่ถือเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง?


เมื่อเห็นเย่โม่ไม่ได้ปฏิเสธแบบนี้  หนิงชิงเชวี่ยก็ถอนหายใจ...เขามีแฟนแล้ว  เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะทำเรื่องแบบนี้ไหม  แต่ในเมื่อเย่โม่เองก็ดูจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับแฟนของเขา  ตอนนี้เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว  ถือเสียว่าให้โอกาสเขาไปอยู่กับแฟนก็แล้วกัน

หนิงชิงเชวี่ยไม่อาจหาเหตุผลหรือคำอธิบายดีๆ ได้  เธอจึงกัดฟันพูดออกมาตรงๆ  “ฉันอยากจะแต่งงานกับนาย!”

สิ่งที่เธอไม่คาดคิดไว้ก็คือเย่โม่ไม่ได้แสดงท่าทางประหลาดใจอะไรเลย  ท่าทางสงบนิ่งของเย่โม่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง  เขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา  ผ่านไปครู่ใหญ่เธอจึงเอ่ยถามเสียงเบา  “นายไม่แปลกใจเลย?  ไม่อยากถามอะไรสักคำเลยหรือ?”

ถึงตัวเย่โม่ในตอนนี้จะไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เพทุบายอะไร  แต่ความคิดของหนิงชิงเชวี่ยมีหรือจะหลุดรอดไปจากสายตาเขาได้  เขาหวนคิดไปถึงครั้งแรกที่หวังอิ่งเล่าให้เขาฟังเรื่องที่หนิงชิงเชวี่ยเอาเขาไปเป็นโล่ห์เพื่อกันไม่ให้คนอื่นมาขอเธอแต่งงาน  ทั้งการที่คืนนี้เธอเป็นคนขอมากับเขาเอง  รวมถึงการที่ขอเขาแต่งงานด้วยแบบนี้ เมื่อรวบรวมเรื่องราวเข้าด้วยกันแล้วค่อยๆ วิเคราะห์ดูแล้ว  เย่โม่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าที่หนิงชิงเชวี่ยมาหาเขาก็เพราะต้องการเอาเขาไปเป็นโล่ห์อีกแล้ว

เมื่อเห็นท่าทีอันสงบนิ่งไม่พูดไม่จาของเย่โม่แล้ว  หนิงชิงเชวี่ยก็ยิ่งนั่งไม่ติดที่  เธอพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด  “ฉันไม่ได้จะขัดขวางเรื่องของนายกับแฟนหรอก  ฉันแค่อยากให้คนอื่นๆ รู้ว่าพวกเราอยู่ด้วยกัน จนถึงจดทะเบียนสมรส  ถ้ายังไงให้ฉันไปอธิบายให้แฟนนายฟัง...”

คิดจะเอาเขาเป็นโล่ห์อย่างที่คาดไว้  เย่โม่ที่หมดความสนใจก็โบกมือไปมา  “เธอไม่ต้องไปอธิบายให้ใครฟังหรอก  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับซู่เวย...”

เขาลังเลไปครู่หนึ่ง  ถึงแม้ในใจเย่โม่จะอยากบอกปฏิเสธ  แต่เมื่อได้เห็นดวงตาอันเศร้าสร้อยของหนิงชิงเชวี่ย  เย่โม่ก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง  ถึงแม้ในใจของผู้หญิงคนนี้จะคิดใช้ประโยชน์จากเขา  แต่เธอก็ไม่ได้ปิดบังอะไร  อีกอย่างเขาก็ไม่ได้สนใจว่าจะถูกใช้ประโยชน์ในรูปแบบนี้อยู่แล้ว  แต่สาเหตุหลักที่ทำให้เขาช่วยเหลือเธอก็เพราะ  ดวงตาอันเศร้าสร้อยของเธอที่ดูคุ้นเคยทำให้เขารู้สึกใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

ถึงเขาจะไม่รู้ว่าหนิงชิงเชวี่ยเจออะไรมาบ้าง  แต่ในเมื่อถึงกับทำให้เธอตัดสินใจเลือกทางนี้แล้วล่ะก็   นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเธอไม่สามารถทนรับมันได้

หนิงชิงเชวี่ยเมื่อเห็นเย่โม่มีท่าทางลังเลเธอก็รีบเสริมขึ้น  “ฉันจ่ายเงินให้ได้นะ  ไม่ได้ให้นายช่วยฟรีๆ หรอก”

“เอาเถอะ!  ผมตกลง  จะไปจดทะเบียนสมรสเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เธอเห็นว่าเหมาะสมแล้วกัน  แต่ผมหวังว่าเธอจะไม่พูดเรื่องของผมให้คนอื่นฟัง”  เย่โม่ตอบรับอย่างไม่แยแส  ราวกับเรื่องที่พูดไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเองแม้แต่น้อย

หนิงชิงเชวี่ยมองเย่โม่อย่างตื่นเต้นยินดี  เธอไม่คิดเลยว่าเย่โม่จะตอบตกลงโดยไม่ถามอะไรเธอเลยแบบนี้  ไม่ว่าเย่โม่จะคิดอะไรอยู่ก็ตาม  เธอก็ยังรู้สึกขอบคุณเขามากอยู่ดี  ส่วนเรื่องที่เขาพูดถึง  หนิงชิงเชวี่ยเข้าใจว่าเขาไม่อยากให้เธอบอกเรื่องนี้กับซู่เวย

“ในบัตรนี้มีเงินอยู่ห้าหมื่นหยวน  นายเอาไปใช้ก่อนเถอะ  รหัสคือ 575757”  หนิงชิงเชวี่ยหยิบบัตรยื่นให้เย่โม่

เย่โม่รับบัตรมาแล้วพูดเยาะเย้ยตัวเองเล็กๆ  “ดี!  ในเมื่อจ่ายเงินมาแล้ว  เราก็เป็นคู่ค้ากัน  ไว้เธอคิดว่าข้อตกลงนี้สำเร็จเมื่อไหร่เธอก็ค่อยไปแล้วกัน  ผมต้องไปพักผ่อนแล้ว”

เธอมองไปยังแผ่นหลังอันอ้างว้างของเย่โม่ที่เดินจากไป  หนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกบีบหัวใจขึ้นมาราวกับว่าเธอได้ทำอะไรผิดไปสักอย่าง  แล้วมันคือเรื่องอะไรกัน?  หนิงชิงเชวี่ยนั่งอยู่บนเตียงของเย่โม่ด้วยอาการสับสน   หรือเพราะว่าที่เธอคิดก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง  เย่โม่พอเห็นเงินของเธอถึงได้ตอบตกลงแบบนั้น  ดูท่าว่าหลี่มู่เหมยจะตัดสินเขาไว้ไม่ผิดเลย

เมื่อเย่โม่เดินมาถึงภายในสวนซู่เวยก็ได้เข้าห้องของเธอไปแล้ว  เขายกบัตรในมือขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าบางอย่างได้ปะทุขึ้นในใจ  เวลาตอนที่รับบัตรนี้มาเขาเกิดความหุนหันอยากจะโยนมันใส่หน้าหนิงชิงเชวี่ยไปซะให้จบๆ แล้วไล่เธอออกไป  เหตุผลที่เขาปล่อยให้เธอเข้ามาหรือแม้แต่ช่วยเธอแบบนี้  ก็เพราะเขาดันหวนนึกไปถึงดวงตาอันโศกเศร้าและท่าทางช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ของอาจารย์ลั่วอิ่งนั่นเอง

เขาส่ายหัวไปมา  แล้วหนิงชิงเชวี่ยทำอะไรผิดล่ะ?  ในความคิดของเธอบางทีทำแบบนี้อาจจะถูกต้องแล้วก็ได้

ห้องก็ยกให้หนิงชิงเชวี่ยแล้ว  เย่โม่ก็ไม่มีที่อื่นให้ไปอีก  โชคดีที่ตัวเย่โม่เองมักจะฝึกฝนอยู่ทางทิศเหนือภายในสวนด้านหลัง  ตรงนั้นมีต้นไม้เก่าแก่อยู่ต้นหนึ่ง  ทุกครั้งที่เย่โม่ฝึกใต้ต้นไม้ต้นนี้เขาจะรู้สึกใจสงบทุกครั้ง

ทั้งคืนนั้นเย่โม่ได้นั่งลงใต้ต้นไม้เพื่อฝึกฝน  เขารู้สึกได้ว่าพลังปราณในตัวแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย  เย่โม่ยิ้มบางๆ อย่างอดไม่อยู่  ความหดหู่คับข้องใจเมื่อคืนได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย  คราวหลังมาฝึกตรงนี้ทุกเย็นก็ไม่เลวเลย  ดูเหมือนต้องมีแรงผลักดันจึงจะขยันจริงๆ

โดยไม่แม้แต่จะรอหนิงชิงเชวี่ยตื่นขึ้นมาตกลงเรื่องเวลาแต่งงาน  เย่โม่ก็ชิงไปมหาวิทยาลัยก่อนเสียแล้ว

หลังจากที่เย่โม่วิ่งไปมหาวิทยาลัยแล้ว  หนิงชิงเชวี่ยและซู่เวยก็เพื่งตื่น  หลังจากพวกเธอทักทายกันทั้ง 2 คนก็รู้สึกเขินอายต่อกันอยู่บ้าง  ในความคิดของพวกเธอเมื่อคืนเย่โม่ได้ไปนอนกับคนตรงหน้ามา  อาจพูดได้ว่าเป็นหนิงชิงเชวี่ยที่รู้สึกประหลาดใจมากกว่าซู่เวย  ไม่ใช่ว่าเย่โม่เสื่อมสมรรถภาพหรือไง?  แล้วเขาจะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไงกัน?  แต่คำพูดแบบนี้เธอเองก็ไม่กล้าถามออกมาเหมือนกัน

เย่โม่อ่านหนังสือในห้องสมุดมหาวิทยาลัยได้ครึ่งวัน  ตอนบ่ายเขาก็ไปนอนที่หอพัก  ตกเย็นก็ถูกชือซิวลากไปกินข้าวที่ร้านอาหาร  เพราะเขาได้คูปองร้านอาหารจู่เว่ยมานั่นเอง

“เมื่อวานนายสุดยอดมากเลยนะเย่โม่!  รู้อะไรไหม  หลังจากที่นายเดินออกไปเยี่ยนเยี่ยนก็โกรธจนหน้าซีดไปเลย  ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์เย็นชาคนนั้นปล่อยเธอออกคลาสก่อนล่ะก็  ฉันว่าเยี่ยนเยี่ยนคงจะอับอายจนอยากมุดดินหนีแล้ว  เออจริงสิ!  หญิงสาวที่มาหานายเมื่อวานคนนั้นเป็นใครล่ะ  เธอสวยมากจริงๆ คงไม่ใช่ดาราที่ไหนหรอกนะ  ไม่สิ  ต่อให้เป็นดาราก็ยังไม่สวยเท่านี้เลย”  ชือซิวพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น  เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่โม่เท่านั้นเขาถึงจะแสดงท่าทางโอเวอร์แบบนี้ออกมา

เย่โม่ยิ้มแล้วตบบ่าของชือซิว  “ฉันนอนมาทั้งบ่ายจนหิวแล้ว  รีบไปกินข้าวกันเถอะ”

ชือซิวถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน  “เอาจริงๆ นะเย่โม่  ฉันยังรู้สึกเป็นห่วงนายอยู่เลย  แล้วนายไม่รู้สึกร้อนใจเลยหรือไง  อีกไม่นานพวกเราก็จะเรียนจบกันแล้ว  แต่การสอบของนายเทอมที่แล้ว  อย่าว่าแต่ได้ตำแหน่งที่เท่าไหร่เลย  ฉันคิดว่าแม้แต่ใบจบการศึกษานายก็คงไม่ได้หรอก  นายยังจะมานอนเล่นแบบนี้อีก”

เย่โม่ไม่โกรธสักนิด  “กังวลแล้วได้อะไร?  ถ้ากังวลแล้วมีประโยชน์ล่ะก็ฉันจะทำมันทุกวันเลย  ช่างเถอะ  ฉันมีหนทางของตัวเองแล้ว  ถ้าหลังจากเรียนจบแล้วไม่มีงานทำก็มาหาฉันได้  ฉันจะรับผิดชอบเลี้ยงนายเอง”

“พุฟ!... ช่างมันเถอะ  ฉันไม่ได้ต้องการแค่มีกินเท่านั้น  ญาติคนหนึ่งของฉันบอกว่าจะช่วยหางานในหน่วยงานราชการให้ฉัน  นายอิจฉาล่ะสิ  ไปกันเหอะ  ฉันเริ่มได้กลิ่นหอมจากร้านอาหารแล้ว”  พูดถึงตรงนี้ชือซิวก็รีบลากเย่โม่มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารทันที

ร้านอาหารจู่เว่ยถือว่าเป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในมหาวิทยาลัยหนิงไห่  อาหารข้างในรสชาติดีและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง  ถึงสีสัน  กลิ่น  และรสชาติจะเทียบไม่ได้กับร้าน ‘บ้านทะเลสาบตะวันตก’ แต่เย่โม่ก็ชอบสไตล์ของร้านนี้อยู่ไม่น้อยเลย

ชือซิวมีแค่คูปองร้านอาหารราคาสองร้อยหยวนเท่านั้น  แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับ 2 คนแล้ว  ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่โม่กับชือซิวจะถือว่าไม่เลว  แต่ก็นานๆ ครั้งถึงจะได้มานั่งกินอาหารด้วยกันแบบนี้  เย่โม่สั่งเหล้าขาวมา 2 ขวด  พวกเขา 2 คนกินอาหารเสร็จก็เป็นเวลา 1 ทุ่มแล้ว

ชือซิวคอไม่แข็งมากนัก  เหล้าขาวทั้ง 2 ขวดส่วนใหญ่ก็เป็นเย่โม่ที่ดื่มจนหมด

ตอนที่เย่โม่กำลังพาชือซิวที่กำลังกรึ่มๆ ออกมาจากร้านอาหารจู่เว่ยอยู่นั่นเอง  เขาก็ได้ไปเห็นเจิ้งเหวินเฉียวกำลังเดินเข้าห้องน้ำพอดี  ถึงจะเห็นแค่ด้านหลังแต่ด้วยสายตาระดับเย่โม่แล้ว  แค่เขามองก็รู้แล้ว

ครั้งที่แล้วถูกเจ้าคนแซ่เจิ้งคนนี้เล่นงาน  ถึงแม้เขาจะไม่เป็นอะไรเลยแต่เย่โม่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ   มาวันนี้ได้พบกับเจิ้งเหวินเฉียวแล้วไหนเลยเย่โม่จะปล่อยให้ลอยนวล

เขารีบพาชือซิวไปทิ้งไว้บนเตียงในหอพัก  หลังจากนั้นเขาก็รีบกลับมาด้านนอกของร้านอาหารทันที เขาคาดว่าตระกูลของเจิ้งเหวินเฉียวคนนี้คงมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย  ดังนั้นแล้วเวลาเขาสั่งสอนชายคนนี้ใส่หน้ากากเสียหน่อยก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว

ถ้าเย่โม่เลือกได้เขาคงจะฆ่าคนๆ นี้แน่นอน  แต่เขาก็รู้ดีว่าหากฆ่าเจิ้งเหวินตัวเขาก็จะถูกสงสัยเอาได้   สั่งสอนให้นอนหยอดข้าวต้มไปทั้งชีวิตน่าจะดีที่สุดแล้ว

เย่โม่รอได้ไม่นานก็เห็นเจิ้งเหวินเฉียวกำลังเดินออกจากร้านอาหารพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด