ตอนที่แล้วบทที่ 40: การซื้อขายที่เต็มไปด้วยความถูกต้องและความเมตตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42: Gods: เกมสำหรับผู้ใหญ่

บทที่ 41: เมืองแห่งรุ่งอรุณ


สัญญาพระเจ้า

สิ่งนี้ยังมีประโยชน์อยู่นิดหน่อย ที่สำคัญคือต้องมีการทำสัญญา ไม่สามารถใช้คำพูดเพียงอย่างเดียวได้ และต้องทำพิธีกรรมเวทมนตร์ด้วย

อีกอย่างหนึ่ง หากมีคนไม่ทำตามสัญญา พวกเขาจะได้เจอกับโทษทัณฑ์ที่ทรมาน

วิลเลียมรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี และไม่ปล่อยให้เคอรี่เล่นแง่ใดๆเป็นอันขาด

เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพและเคอรี่ได้ออกจากเมืองไปแล้ว วิลเลียมก็กล่าวกับลอทเนอร์ว่า “แยกทาสพวกนี้ออกเป็นกลุ่มๆให้เป็นระเบียบ ให้พวกเขาเริ่มงานให้เร็วที่สุด ถ้ามีคนก่อปัญหาล่ะก็..”

“ให้บอกพวกเขาว่าเราสามารถให้สถานะการเป็นชาวเมืองได้ทันที แต่พวกเขาไม่สามารถออกจากเมืองภายในเวลาหกเดือนได้ แต่สามารถรับเงินจากการทำงานในเมืองที่กำลังขยายนี้ได้ หากพวกเขามีพรสวรรค์ เราสามารถฝึกฝนและทำให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้โดยไม่คิดเงินแม้แต่น้อย”

“ท่านลอร์ดทรงเมตตา ขอให้พระเจ้าอวยพรแก่ท่าน” ลอทเนอร์ตบลงบนหลังม้าเบาๆ เอลฟ์ที่ปราถนาอิสระไม่ชอบการมีทาส พวกเขารู้สึกว่านอกจากพวกฝ่ายมืดแล้ว สิ่งมีชีวิตทุกๆสิ่งควรเท่าเทียมกัน…

ใช่แล้ว นอกจากพวกฝ่ายมืด เหล่าเอลฟ์จะไม่แบ่งแยกใครทั้งสิ้น!

“หยุดกล่าววาจาไร้สาระได้แล้วน่า ท่านเคยเห็นพระเจ้าตัวเป็นๆ มาก่อนหรือ?” วิลเลียมมุ่ยหน้า ณ ตอนนี้พระเจ้าได้สาบสูญไปจากทวีปรีเจนดารีแล้ว นอกจากเหตุการณ์ที่หาได้ยาก ทั่วทั้งทวีปก็ไร้ร่องรอยการปรากฏของพระเจ้า

ทิ้งพระเจ้าปลอมๆเหล่านั้นไปได้เลย การดำรงอยู่ของนักปราชญ์นั้นสูงที่สุดแล้วในทวีปรีเจนดารี

ยกตัวอย่างเช่น

ประมุขของวิหารเวทมนตร์ที่เคยเป็นอาจารย์ของโมเสส…

แน่นอนว่าเขานั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าองค์ใดจริงๆ แต่ในอนาคตจะมีพระเจ้ามากมายปรากฏในทวีปแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ แม้แต่ร่องรอยเวทมนตร์ของพระเจ้าสักตนก็หาได้ยากมาก เหลือไว้เพียงรูปพรรณสัณฐาน

ทุกๆครั้งที่พระเจ้าปรากฏกาย จะมีบางคนที่ต้องสังเวยร่างกายของตนเพื่อรับการครอบครองของพระเจ้า

ไม่เพียงเท่านั้น สายเลือดของคนๆนั้นต้องแข็งแกร่งมาก และมีความสามารถที่เกือบใกล้เคียงกับระดับรีเจนดารี…

สำหรับจุดจบของคนที่ถูกครอบงำ หากพวกเขาไม่ตาย ทุกๆอย่างก็เป็นอันจบ…

เช่น โมเสส

เหตุที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ เป็นเพราะผลพวงจากสงครามของพระเจ้า

“ตอนนี้พระเจ้าและปีศาจยังคงเป็นเรื่องที่ไกลตัวจากฉันอยู่ แต่การหวนคืนของพระเจ้าและปีศาจจะเป็นหายนะที่ทุกชีวิตไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!” วิลเลียมรู้นิสัยของพระเจ้าและปีศาจเป็นอย่างดี

“ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเป็นผู้ที่เที่ยงธรรมและปีศาจนั้นดูชั่วร้าย นั่นแหละที่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีฝ่ายมืดและฝ่ายสว่าง”

“สิ่งมีชีวิตทุกๆสิ่งเป็นเพียงมดปลวกในสายตาของพระเจ้าและปีศาจ เป็นทาสรับใช้ที่ไร้ประโยชน์ มีไว้เพียงเพื่อความบันเทิงของพวกเขาเท่านั้น”

“สงครามของสองอาณาจักรในเวอร์ชันแรกดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าและปีศาจ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาปรากฏตัว”

“เช่นที่ราบในปัจจุบันที่ดูเขียวชอุ่มและมีชีวิตชีวาด้วยม้าที่ควบไปมา...”

“ใครจะรู้ว่าในอีกไม่นาน สิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดจะคลานออกมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง?”

“แม้แต่อาณาจักรเหล็กที่เคยเย่อหยิ่งก็จะถูกทำลายลงเช่นกัน...”

“แต่ถึงอย่างไร การปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดก็ทำให้ผู้เล่นเข้าสู่เกมเวอร์ชันที่สองอย่างเป็นทางการ หรืออาจเรียกว่า การโจมตีของฝ่ายมืด”

วิลเลียมมีสีหน้าที่มืดมน เขาไม่ได้อยากยอมแพ้ให้กับอาณาเขตของตนเอง แม้ว่าอาณาเขตแห่งนี้จะธรรมดาไปเสียหน่อย แต่เขารู้ว่าป่าแบล็คลีฟนั้นมีความสำคัญมากในอนาคต ดังนั้นเขาจะไม่ยอมแพ้ให้กับดินแดนอันมีค่าแห่งนี้ง่ายๆหรอก

นอกจากนี้ เขายังมั่นใจว่าจะทำให้เมืองแห่งนี้ตั้งตระหง่านเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดในอนาคตได้

เขาต้องการทำให้ดินแดนของเขากลายเป็นเมืองเพียงแห่งเดียวที่ยังคงตั้งอยู่ภายในความมืด!

แต่สิ่งที่ต้องมีก่อนนั่นก็คือ…

เขาต้องมีเงินให้มากพอ มีเมืองที่แข็งแรงมากพอ คนที่แข็งแกร่งมากพอ และชาวเมืองที่มากพอที่จะบากบั่นไปพร้อมกับเขาได้

“ความสำคัญของผู้เล่นนั้นชัดเจนในตัวของมันเอง การฟื้นคืนชีพคือหนึ่งในความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ถึงกระนั้นผู้เล่นที่ระดับเดียวกันก็เทียบไม่ได้กับ NPC เลยด้วยซ้ำ แต่การฟื้นคืนชีพแบบไม่จำกัดก็ทำให้พวกเขามีฐานที่แข็งแกร่ง”

“ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้เล่นคือการเพิ่มระดับและแข็งแกร่งขึ้นได้ในเวลาอันสั้นและไม่มีการจำกัดความสามารถ”

“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในอนาคต เราถึงต้องรับผู้เล่นเข้ามาในเมืองให้มากพอ”

“ถ้าไม่อย่างนั้น เราก็ต้องสร้างสิ่งที่ผู้เล่นชื่นชอบตอนที่ขยายเมือง เราต้องทำให้พวกเขาทั้งหลายเข้าร่วมอาณาเขตของเราให้ได้ แทนที่จะไปยังอีกสองอาณาจักร” วิลเลียมรู้ว่าเขาไม่สามารถทำให้ผู้เล่นทุกคนเข้าร่วมอาณาเขตได้อย่างแน่นอน แต่เขาต้องทำให้ดีที่สุดในการดึงดูดเปอร์เซ็นต์ของผู้เล่น

“แต่ตอนนี้ฉันยังไม่แข็งแกร่งมากพอ ฉันต้องการชื่อเสียงและความนิยม” วิลเลียมไม่เคยชอบสายเลือดระดับรีเจนดารีของเขาเท่านี้มาก่อน

สำหรับผู้เล่นแล้ว…

เลเวลไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ

ระดับสายเลือดนั้นสำคัญที่สุด

สำหรับผู้เล่น สายเลือดระดับรีเจนดารีจะทำให้เขากลายเป็นบอสระดับรีเจนดารี และในอนาคตเขาจะเป็นซุปเปอร์บอสระดับรีเจนดารีที่แข็งแกร่งหาที่ใดเปรียบ เพราะแทนที่ผู้เล่นจะพึ่งพาวิลเลียม พวกเขาอาจจะต้องการจัดฉากฆ่าเขาแทน

ตราบใดที่เขาสามารถทำตัวเองให้แข็งแกร่งและเท่ได้อีกครั้ง ก็เชื่อได้เลยว่าเขาต้องมีอิทธิพลต่อผู้เล่นเป็นอย่างมากแน่นอน

“เราจะเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นอะไรดี? อย่างแรกเลย ชื่อเมืองชายแดนนั้นมันดูเห่ยเกินไป หลังจากเราขยายเมืองเสร็จ ก็ให้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองแห่งรุ่งอรุณก็แล้วกัน!” วิลเลียมอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ

“อะไรนะ? เมืองแห่งรุ่งอรุณงั้นหรือ?” โอดอมเดินเข้ามา

“อืม เราวางแผนว่าจะเปลี่ยนชื่อดินแดนแห่งนี้ว่าเมืองแห่งรุ่งอรุณ!” วิลเลียมพยักหน้า

“เป็นชื่อที่ดีทีเดียว แล้วมันมีความหมายว่าอันใดล่ะ?”

“ท่านจะเห็นมันในอนาคต” วิลเลียมยิ้มอย่างลึกลับ แทนที่จะอธิบายอะไรสักอย่าง

โอดอมปัดผมหยิกสีทองของเขาเบาๆและเลือกที่จะไม่คิดอะไรมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเรียกดินแดนแห่งนี้ว่าอะไรก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว ในฐานะรองเจ้าเมือง อาจดูเหมือนว่าเขามีอำนาจมาก แต่ผู้นำสูงสุดของเมืองนี้ยังเป็นวิลเลียมอยู่ดี…

ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ แร่ธาตุ และความมั่งคั่งทั้งด้านในและด้านนอกอาณาเขต หากไม่ได้เป็นของๆใคร ทั้งหมดก็ล้วนเป็นของวิลเลียม!

อาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่วิลเลียมยังคงขยายอาณาเขตต่อไป ป่าแบล็คลีฟทางใต้ก็จะกลายเป็นอาณาเขตของเขา

ไม่มีทางที่อำนาจของลอร์ดท่านหนึ่งจะเทียบได้กับจักรพรรดิ

ความแตกต่างระหว่างขนาดของอาณาเขตนั้นใหญ่เกินไป

ทวีปรีเจนดารีมีขนาดใหญ่เท่ากับประเทศจีนสิบเท่า…

ยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้สำรวจและว่างเปล่ามากอยู่นัก

มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาน้อยกว่าสิบล้านชีวิต ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์น่ะสิ ใช่ไหม?

“รวมถึงมหาสมุทรและหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่ไม่ใครรู้จัก ตามข้อมูลข่าวสารจากออฟฟิเชียลของเกมแล้ว ขนาดของโลกใน Gods นั้นมีขนาดใหญ่กว่าโลกที่เราอยู่ถึงร้อยเท่า”

“ก่อนฉันตาย ฉันคงไม่สามารถไปสำรวจดินแดนที่มากมายขนาดนั้นได้” ในฐานะ NPC ที่ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ความหวังหนึ่งเดียวของวิลเลียมคือการแข็งแกร่งขึ้น ไม่อย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็คงตายด้วยน้ำมือผู้เล่น

อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่สามารถทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้

ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งขึ้นนั้น เขาจะไม่เป็นทหารรับจ้าง, นักล่าเงินรางวัล, นักฆ่า หรือใดๆทั้งสิ้น และจะไม่ออกผจญภัยไปโดยรอบด้วย

แต่เขาจะสร้างขุมพลังของเขาและเป็นเจ้าของกลุ่มคนที่ทรงพลังแทน นั่นเป็นทางที่ดีที่สุด เขาจะมีความสามารถไปท่องโลกกว้างเมื่อบรรลุเป้าหมายนี้ได้แล้วเท่านั้น

โดยเฉพาะตอนนี้ที่วิลเลียมมีหน้าต่างสถานะและสามารถรับภารกิจได้ เขาเข้าใจมากขึ้นว่าจะทำให้ตนเองเพิ่มระดับได้เร็วขึ้นอย่างไร

ภารกิจอาณาเขตก็เป็นอีกทางหนึ่ง เขาต้องมีส่วนร่วมในภารกิจของทุกๆเวอร์ชันและรวมถึงภารกิจข้างเคียงอีกด้วย แต่การเพิ่มระดับด้วยวิธีนี้จะช้าลงเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของเกม

การรวบรวมผู้เล่นมาให้มากพอและให้ภารกิจแก่พวกเขาเพื่อสะสมค่าประสบการณ์ถือเป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุด

“ท่านลอร์ดครับ ท่านลอร์ดครับ เฒ่าแฮงค์ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับร้านช่างตีเหล็กครับ” น็อกซ์เคลื่อนที่ราวกับบินมา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดวิลเลียมก็ออกจากภวังค์และพยักหน้า “ดีมาก พาเราไปพบเขาอีกครั้ง ในที่สุดของขวัญที่ฉันส่งให้ก็เห็นผลสักที…”

“เขาเป็นคนที่ชมชอบการดื่มสุรา หากเรารู้ว่าเขารักการดื่มให้เร็วกว่านี้ เราคงได้มีช่วงเวลาที่ยาวนานกับช่างตีเหล็กระดับแกรนด์มาสเตอร์ไปแล้ว!” น็อกซ์ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

วิลเลียมไม่ได้อธิบายว่าเขาค้นพบว่าตาเฒ่าแฮงค์คนนี้รักการดื่มเป็นชีวิตจิตใจในชีวิตก่อน มีผู้เล่นบางคนเคยมอบเหล้ารสดีและราคาแพงให้กับเขา ทำให้อาวุธที่สั่งจองไว้ได้เร็วกว่ากำหนดมากนัก…

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้เป็นการสร้างอาวุธ แต่เป็นการสรรหาช่างตีเหล็กระดับแกรนด์มาสเตอร์ที่มีสายเลือดระดับอีปิค

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างนี้มากมายนัก เฒ่าแฮงค์อาจเลือกที่จะเป็นช่างตีเหล็กเพียงเพราะตระหนักได้ว่าเมืองแห่งนี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด