ตอนที่แล้วบทที่ 31: ตัวตนที่แท้จริงของยูนิคอร์นตัวนั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33: โมเสส

บทที่ 32: บอสระดับรีเจนดารีตัวจริง


ก่อนวันที่เขาจะมุ่งหน้าไปยังเมืองบลูมูน

วิลเลียมใช้มิทริลเพื่อเพิ่มระดับให้กับเกราะชั้นในระดับอีปิคของเขา

ประสิทธิภาพนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน เกราะชั้นในของเขาแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆด้าน

พรแห่งความรัก

คุณภาพ: อีปิค

ประเภท: อุปกรณ์ป้องกันอย่างหนึ่งที่สามารถเจริญเติบโตได้

ส่วนประกอบ: มิทริล,ใบไม้จากต้นเวิลด์หนึ่งใบ, ผงทอง และอื่นๆ อีกมากมาย

ผู้สร้าง: อลิซ แบล็คลีฟ

พลังชีวิต: +600

ความแข็งแกร่ง (สเตมินา): +200

ค่าพลังโจมตี: +10

ค่าความแข็งแรงทางกายภาพ: +15

ค่าความว่องไว: +12

ค่าสติปัญญา: +8

ความทนทาน: 780/780

น้ำหนัก: 0.3 กิโลกรัม

การป้องกัน: ภายในพื้นที่ที่ป้องกันโดยชุดเกราะชั้นใน ค่าการถูกโจมตีจะลดลง 210 แต้ม มันจะไม่สามารถทำอันตรายแก่ชุดเกราะชั้นในและผู้ใช้ได้ หากใช้งานเป็นเวลานานเกินไป อาจมีผลกระทบต่อความเสียหายและความทนทานจะลดลง

การป้องกันธาตุ (แฝง) : การโจมตีโดยธาตุใดๆ จะถูกลดลงโดย 15%

พรแห่งความรัก (แฝง) : เมื่อพลังชีวิตของผู้ใช้ต่ำกว่า 10% ผู้ใช้จะได้รับ[พรแห่งความรัก] และได้รับแต้มพลังชีวิตคืนทันที 60% ระยะเวลาคูลดาวน์คือ 25 นาที

ข้อจำเป็นในการใช้: วิลเลียม แบล็คลีฟ

ข้อจำเป็นในการใช้: ค่าพละกำลัง 40 แต้ม

ข้อจำเป็นในการเจริญเติบโต: ใส่มิทริลและแร่ทองคำอย่างละหนึ่งกิโลกรัมลงในชุดเกราะชั้นใน จากนั้นมันจะดูดซึมและเจริญเติบโตโดยอัตโนมัติ

ข้อมูล: นี่คือเกราะชั้นในที่แม่ทำขึ้นเพื่อลูกของเธอเป็นการส่วนตัว สิ่งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความรักของแม่ที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีพรที่อบอุ่นของแม่ที่จะโอบกอดชุดเกราะนี้อีกด้วย!

“ฮู้~” วิลเลียมผิวปากเบาๆ มิทริลที่สูญเสียประกายของตนเองไป กลายเป็นละอองสีเงินและค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ

เกราะชั้นในที่เปล่งแสงสีม่วงจางๆไม่ได้หนักขึ้นเลย มันยังคงหนักเพียง 0.3 กิโลกรัม

ความจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำหนักนั้นไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรให้กับวิลเลียมมากนัก แต่สำหรับการเติบโตของเกราะชั้นในระดับอีปิค ค่าสถานะของมันแข็งแกร่งมากขึ้นจริงๆ

ทักษะแฝงของมันมีเพียงสองอย่างเท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันธาตุหรือพรแห่งความรัก มันก็เป็นทักษะที่หายากและจะมีความสำคัญมากกว่าในช่วงท้ายของเกม

มันเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่จะได้เผชิญหน้ากับผู้วิเศษ เนื่องจากผู้วิเศษยังไม่ได้แข็งแกร่งมาก ในตอนนี้พวกเขาถูกพิจารณาว่ายังไม่ค่อยมีความสำคัญมากเท่าใดนัก

แต่ในอนาคต พวกเขาจะกลายเป็นปืนใหญ่เวทมนตร์ที่เดินได้…

หากไม่มีการป้องกันธาตุหรือการทำให้ธาตุอ่อนแอลง ผู้เล่นอาจจะตายหรือบาดเจ็บสาหัสได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ [การป้องกันธาตุ] จะลดความเสียหายจากทุกธาตุ แม้ว่ามันจะไม่ได้ต้านการโจมตีทางเวทย์ประเภทอื่นๆมากเท่าใดนัก แต่มันก็ยังคงสำคัญมากอยู่ดี

นอกเหนือจากจะลดความเสียหายจากผู้วิเศษแล้ว มันยังลดความเสียหายจากการต่อสู้ระยะประชิดได้อีกด้วย แม้ว่าโดยรวมแล้วจะยังไม่สามารถเทียบกับพ่อมดได้ แต่มันก็สามารถป้องกันกระบวนท่าบางท่าจากการโจมตีในระยะประชิดได้

“ความเชี่ยวชาญแรกในเลเวล 10 คือการเรียนรู้พลังการต่อสู้และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเริ่มต้น”

“ความเชี่ยวชาญที่สองจะมีในเลเวล 40 และผู้เชี่ยวชาญจะกระตุ้นค่าสถานะ, รวมถึงโลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม, สายฟ้า, และอื่นๆอีก...”

“แต่ในเวลาและสถานที่แห่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับมัน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเป็น NPC ที่มีบทบาทสำคัญหรือไม่ก็เป็นเทพในเทพอีกที” วิลเลียมเลิกคิ้ว ตอนนี้เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะอัพเลเวล

แม้ว่าเขาจะสร้างและขยายเมือง เขาก็ยังคงสามารถได้รับภารกิจประจำวันในอาณาเขตได้อยู่

รวมถึงภารกิจการกำจัดหมาป่าตัวน้อยในละแวกใกล้เคียง ช่วยผู้สูงอายุส่งจดหมาย...อะแฮ่ม ภารกิจพวกนี้มันจะไปมีได้ยังไงกันเล่า

แต่ถึงจะมี ในฐานะลอร์ด เขาก็ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปทำอะไรเช่นนั้น! ไม่มีวัน!

อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถทำภารกิจที่มีค่าประสบการณ์นับล้านได้อยู่ เนื่องจากอาณาเขตกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา จึงมีภารกิจให้ทำอย่างมากมาย

แต่วิลเลียมก็ยังไม่ได้ต้องการที่จะเพิ่มเลเวลของตนเองเพราะเขายังไม่มีอาชีพย่อย

Gods ไม่เคยจำกัดจำนวนอาชีพย่อยที่ผู้เล่นมี และจะไม่จำกัดประเภทของอาชีพย่อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพสำหรับดำรงชีวิตหรืออาชีพสำหรับการต่อสู้ก็ไม่ได้ถูกจำกัดเช่นกัน

คุณสามารถเลือกที่จะเป็นนักรบแล้วมีอาชีพย่อยเป็นผู้วิเศษ, นักธนู, นักแม่นปืน, ผู้อัญเชิญ และอื่นๆได้…

จากนั้น…

คุณก็จะลบแอคเคาท์แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่…

เพราะทุกๆการเพิ่มอาชีพย่อยด้านการต่อสู้ ค่าประสบการณ์ที่ใช้สำหรับเลื่อนระดับจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะไม่เพิ่มระดับให้กับอาชีพย่อย แต่นั่นก็จะทำให้การมีอาชีพย่อยนั้นไร้ประโยชน์เสียเปล่า…

อย่างไรก็ตาม ทุกๆการเพิ่มอาชีพย่อยด้านการต่อสู้ ความยากของภารกิจเฉพาะทางจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ได้รับ

อีกอย่าง คุณสามารถฝึกความเชี่ยวชาญต่อได้ก็ต่อเมื่อหลังจากที่เติมแต้มจากคำภีร์ของอาชีพหลักและอาชีพเสริมจนครบแล้วเท่านั้น นั่นหมายความว่าเมื่อเพิ่มอาชีพเสริมอันใหม่ ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้สำหรับเพิ่มเลเวลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าพวกเขาไม่สามารถที่จะเพิ่มเลเวลได้ พวกเขาก็ไม่อาจเพิ่มระดับความสามารถของพวกเขาได้เช่นกัน

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นอันดับต้นๆและผู้เล่นมืออาชีพที่มีทักษะและรู้จักเกมดีพอถึงเลือกอาชีพย่อยเป็นสายต่อสู้ทั้งหมด

นั่นเป็นเพราะความต้องการค่าประสบการณ์ที่มากกว่าและความยากลำบากจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญจะไม่ทำให้พวกเขาตกจากตำแหน่งระดับท็อป

สำหรับอาชีพสายต่อสู้สองสไตล์ หากทั้งสองมีความเข้ากันได้ก็จะเกิดเป็นทักษะใหม่ๆออกมา และถ้าหากพวกเขาสามารถนำไปประสานกับทักษะอื่นๆได้ดียิ่งขึ้น ก็อาจสรุปได้ว่าคนๆนั้นจะมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างออกไป

เพียงเพราะมีอาชีพย่อยจำนวนมาก มันก็ยังทำให้สังเวียนการต่อสู้ของเกมค่อยๆ กลายเป็นสังเวียนการต่อสู้ที่มั่งคั่งที่สุดในด้านนี้

แต่มันก็เป็นเพราะจำนวนของอาชีพย่อยเช่นกัน ที่ทำให้ไม่มีใครสามารถไปยืนที่จุดสูงสุดของสังเวียนการต่อสู้ได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาเป็นผู้เล่นธรรมดา โดยปกติแล้วพวกเขาจะเลือกอาชีพเสริมสายเลี้ยงชีพเท่านั้น ที่สุดแล้ว นี่เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เล่นที่ไม่มีเงินหรือคนที่เล่นไม่เก่ง ถ้าพวกเขาต้องอธิบาย ก็จะมีเพียงน้ำตาเท่านั้น…

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา วิลเลียมเลือกที่จะเป็นนักรบสำหรับอาชีพหลัก ในขณะที่อาชีพเสริมของเขาคือนักสะสม สำหรับทักษะการยิงธนูของเขานั้น เขาเรียนรู้มันมาจากที่อื่น

แม้ว่าในที่สุดเขาจะกลายเป็นมืออาชีพระดับรีเจนดารี เขาก็ยังไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดอยู่ดี

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมครั้งนี้ เขาถึงอยากให้อาชีพเสริมของเขาเป็นสายเวทย์

อย่างไรก็ตาม อาชีพสายเวทย์นั้นยากที่จะเรียนรู้ พวกมันยากแบบที่ว่าโครตของโครตยากในการที่จะเรียนรู้มัน

แม้ว่าเขาไม่อยากรอให้ถึงระยะกระตุ้นที่เลเวล 40 ในการที่จะเรียนรู้เวทมนต์ จุดสำคัญคือเขาหาผู้สอนเวทมนตร์ที่ว่านั่นไม่เจอเลย…

ในตอนแรกเขาอยากจะไปที่เมืองดาร์คไนท์เพื่อใช้เส้นสายของเขาในการดูว่าจะมีใครที่เขาสามารถไปเรียนรู้เวทมนต์ด้วยได้บ้างไหม อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่จะสามารถสอนอาชีพเสริมนี้ให้กับเขาได้จะอยู่ในเมืองชายแดน!

โมเสส!

โมเสส โฮลีเวนน์ ผู้หาเลี้ยงตัวเองด้วยการทำนายอนาคตอยู่ในเมืองและสามารถทำทุกอย่างให้เป็นไปได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย

“ในเมืองแห่งนี้ ช่างตีเหล็กเช่น ตาแก่แฮงค์ และนักล่าอย่างเอริคและลูกชายของเขา ทั้งหมดนี้มีสายเลือดระดับอีปิค ตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่ที่ประมาณเลเวล 40 และเป็น NPC ที่มีอาชีพลับ พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด!” วิลเลียมมีความทรงจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับทั้งสามคน

“และสำหรับนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับอีปิคผู้ใช้ค้อน อาชีพเสริมของตาแก่แฮงค์คือช่างตีเหล็ก เขาไม่ได้มีแค่ทักษะกวัดแกว่งดาบที่เทียบเทียมกับคนแคระได้เท่านั้น แต่เขายังมีตัวตนลึกลับสุดประหลาดซ่อนอยู่อีกด้วย”

หลังจากที่เมืองชายแดนถูกยึดครองโดยอาณาจักรเหล็ก ตาแก่แฮงค์ก็ยังคงอยู่ฝ่ายกลางอย่างสบายๆ หลังจากนั้น เขาก็ออกจากอาณาจักรเหล็กและเปิดร้านตีเหล็กที่มีคุณภาพมากๆ แห่งหนึ่ง

วิลเลียมยังคงจำได้ว่าเขาเคยสั่งจองอาวุธชิ้นหนึ่งล่วงหน้า แต่เขาก็ไม่ได้รับมันจนกระทั่งปีที่สองของเบต้าที่เปิดให้เล่น…

ดังนั้น เขาจึงขายอาวุธอันนั้นให้กับผู้เล่นใหม่ที่ร่ำรวยคนหนึ่งไปอย่างลวกๆ และได้รับเงินจากมันมากโขเลยทีเดียว

“สำหรับนักล่านั่น เอริคเป็นทหารพรานดาร์คชาโดว์ ในขณะที่ลูกชายของเขาเป็นนักฆ่าดาร์คชาโดว์ พวกเขาทั้งสองเป็นผู้โชคร้ายที่หนีออกมาจากกลุ่มนักฆ่าดาร์คชาโดว์

“หลังจากที่พวกเขาออกจากเมืองชายแดน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับองค์กรดาร์คชาโดว์อยู่เป็นครั้งคราว หลังจากที่สังหารนักฆ่าหลายคนที่มาเพื่อลอบสังหารพวกเขา ชื่อเสียงของพวกเขาก็โด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งพวกเขาก็หายตัวไปและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปซ่อนตัวอีกครั้งหรือว่าพวกเขาถูกฆ่าไปแล้ว

“อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่เคยมีคนไร้ความสามารถบนทวีปแห่งนี้อยู่แล้ว อัจฉริยะล้าหลังมีอยู่ให้เห็นร่ำไป จากคำพูดของผู้เล่น เหล่าผู้ที่มีระดับรีเจนดารีนั้นมีให้เห็นกันอยู่ทุกที่ในขณะที่ระดับอีปิคนั้นไม่มีความพิเศษอะไร…”

“แน่นอน ตราบใดที่พวกเขามีอาชีพลับและอุปกรณ์ที่ดี พวกเขาก็จะแข็งแกร่งอยู่แล้วและจะไม่ถูกมองว่าเป็นพวกอ่อนแอ

“อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับโมเสสผู้วิเศษรอบด้าน พวกเขานั้นเทียบไม่ติดเลย!” วิลเลียมระบายออกมา

โมเสส

หนึ่งในผู้สืบทอดที่จะเป็นประมุขแห่งวิหารเวทมนต์!

ผู้ติดตามของนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่!

ชายผู้ทรยศพระเจ้า!

ผู้วิเศษรอบด้าน!

แผนที่เดินได้!

“เลเวลของชายคนนี้ต้องอยู่เหนือกว่าลิมิตสูงสุดของเวอร์ชั่นเกมอย่างไม่ต้องสงสัย” วิลเลียมแอบพูดไม่ออก สำหรับผู้ติดตามของประมุขแห่งวิหารเวทมนต์แล้ว โมเสสจะต้องมีสายเลือดรีเจนดารีอย่างแน่นอน พรสวรรค์และความสามารถติดตัวของเขาเหนือกว่าคนอื่นๆ

อีกอย่าง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความสามารถติดตัวอย่าง ‘การเป็นคนดูดี’...

มันอาจจะเป็นเพราะเขามีความสามารถติดตัวอันเยี่ยมยอดที่คล้ายคลึงกับความสามารถติดตัวอย่าง ‘ผู้วิเศษศักดิ์สิทธิ์’ ตั้งแต่เขาเกิด ความโชคดีของเขาจึงท่วมท้นและเป็นที่สุดแห่งที่สุด

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขานั้นฉลาดรอบรู้ในเวทมนต์ทุกสาขาและแถมยังทรงพลังยิ่งกว่าอาจารย์ของเขาอีก

รอบด้านหมายถึงอะไรงั้นหรอ?

ธาตุ: โลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟ, น้ำแข็ง, ดิน, ลม และสายฟ้า

มิติ: เวลาและสถานที่

ความลึกลับ: แสงอันศักดิ์สิทธิ์และความมืด

จิต: จิตวิญญาณและพลังจิต

อื่นๆ: การอัญเชิญ, จิตวิญญาณแห่งความตาย, นิมิต และอีกมากมาย

พูดสั้นๆ ว่ามีแต่เวทมนต์ที่คุณไม่อาจจินตนาการได้และไม่มีอันไหนเลยที่เขาไม่รู้…

ถูกต้องแล้ว

เขาทรงพลังขนาดนั้นเลยล่ะ

“อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่กล้าลีกหนีและกล้าคัดค้านการมีอยู่ของวิหารเวทมนต์จะต้องจบลงอย่างน่าเศร้า…” วิลเลียมอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“ฉันสงสัยว่าพ่อของฉันแข็งแกร่งขนาดไหนกันถึงทำให้ชายคนนี้มายังที่แห่งนี้และซ่อนตัวอยู่ที่นี่” วิลเลียมเกาหัว ไม่ว่าจะคิดยังไง เขายอมตายดีกว่าที่จะเชื่อว่าคนระดับนี้จะต้องการความคุ้มครองจากพ่อเขา

เพราะโมเสสนั้นเป็นตำนานตัวจริง

เขาเป็นระดับตำนานคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งสามจักรวรรดิ

“เฮ้ แต่นั่นน่าจะเป็นโมเสสภาคหลัง เขาไม่น่าจะเป็นผู้วิเศษในตำนานตอนนี้ ใช่มั้ย?”

วิลเลียมลูบคางของเขาในขณะที่จมลงสู่ความคิด

รอยยิ้มของท่านลอร์ดค่อยๆ ฉายแววความบ้าอย่างไม่รู้ตัว…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด