ตอนที่แล้วบทที่ 6 สอบเข้าค่ายฝึกนักกีฬาอาชีพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 เหล่า Top 5 ของวงการ

บทที่ 7 ตีฝ่าสมรภูมิรบ


บทที่ 7 ตีฝ่าสมรภูมิรบ

ทั้ง 2 ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันอย่างง่ายดาย อย่างหนึ่งที่เขายอมเชื่อใจกัน เป็นเพราะว่านี่คือการสอบ และการสอบย่อมต้องการผู้ที่ผ่านการทดสอบ ซึ่งผู้ที่ผ่านการทดสอบ ไม่จำเป็นต้องมี 1 คน

การช่วยกันในเกม คือ ความสมัครใจกันของทั้ง 2 ฝ่าย และอีกอย่างคือ “ฝีมือ”  ฝีมือที่ทั้ง 2 แสดงใส่กันในช่วงไม่เกิน 15 วินาทีนี้ ต่างคนต่างได้ประเมินฝีมือกันคร่าวๆแล้ว

หากยังสู้กันต่อไปเช่นนี้ไม่จบละก็ ต่างฝ่ายต่างเจ็บหนักอย่างแน่นอน การมีความคิดเห็นที่ตรงกัน คือ สิ่งที่ดี และในตอนนี้ทั้ง 2 มีความเห็นตรงกัน จึงร่วมด้วยช่วยกัน

แต่เรื่องความไว้ใจ ทั้ง 2 ก็ยังไม่สามารถไว้ใจคนแปลกหน้าตรงนี้ได้เต็มร้อย  เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ทั้ง 2 จึงยังมีระแวงเล็กระแวงน้อย ไม่เปิดโอกาสให้แก่กันง่ายๆ

ตัวละครทั้ง 2 มุ่งไปยังจุดสีเขียวอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้วิ่งไปแบบผ่าแดด ผ่าฝน แต่เลือกการวิ่งแบบหลบซ่อน ไปมุมตรงนั้นที ตรงนี้ที ม้วนกลิ้งเข้าปล่องเหล็กบ้าง หยุดดูสถานการณ์บ้าง

การเคลื่อนที่ของพวกเขาทั้ง 2 ไม่ได้เน้นความรวดเร็วเป็นอันดับแรก แต่เน้นความปลอดภัยมากกว่า สิ่งที่พวกเขาคาดเดาในตอนแรก คือ สมรภูมิแห่งนี้มีไว้เพื่อให้ผู้สอบตีกันเองด้วยความเข้าใจผิด แต่ถ้าหากมีคนเข้าใจในจุดนี้แล้ว การทดสอบนี้ออกจะง่ายเกินไป

ทั้ง 2 จึงต้องเตรียมตัวรับมือกับ บางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเข้ามาตอนไหนก็ได้อยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางที่เคลื่อนที่ไปด้านหน้าก็มีคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว

“ผมชื่อซาโดนะ ถ้าคุณไม่หักหลังผม ผมก็จะไม่หักหลังคุณ”

“ฉันชื่อ มิร่า ถ้าคุณไม่หักหลังฉัน ฉันก็ไม่หักหลังคุณเช่นกัน”

“แน่นอน ผมไม่เคยหักหลังทีม แม้จะเป็นทีมแบบชั่วคราว”

“ก็ดี ไม่งั้นคุณจะเสียใจภายหลัง”

ซาโดและ มิร่า ออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปได้ไกลถึง 30% แล้ว ซึ่งผู้สอบคนอื่นๆ ได้ทยอยเข้ามาในสมรภูมิเรื่อยๆ พวกเขาทั้ง 2 ไม่ได้รู้เลยว่าเหตุการณ์ที่จุดเริ่มต้นในตอนนี้  เรียกว่าเป็นสนามมวยขนาดใหญ่ไปแล้ว

สนามมวยที่ไร้ซึ่งกรรมการ ส่วนเรื่องผลแพ้ชนะก็คือ หน้าจอใครขึ้นสีเทาและตัวละครลอยขึ้นฟ้าไป แสดงว่าคุณต้องเก็บข้าวของกลับบ้านไปทันที

แต๊ก ๆ ๆ  ๆ ๆ  ๆ ๆ  ๆ ๆ

เสียงเฮลิคอปเตอร์ ลำหนึ่งบินผ่านศีรษะของทั้งคู่ไป ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงใดๆ ทั้งคู่รีบหมอบคลานเข้าหาที่กำบังทันที ทิ้งระเบิด สกิลลับทิ้งระเบิด ของอาชีพพลปืน ทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์สู่พื้นผิวด้านล่างทันที รัศมีการทำลายล้างไม่ต้องให้คาดเดา ดูจากลูกระเบิดที่ทิ้งลงมา ใหญ่กว่าลูกระเบิดปกติประมาณ 12 เท่า

“วิ่ง” เป็นซาโดที่เคาะข้อความออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้ง 2 คนวิ่งออกซ้าย ออกขวา แยกกันไปเป็น 2 ฝั่ง

ตู๊มมมมมมมมมมมมมมมมม !! วินาทีที่ระเบิดตกถึงพื้น หากอยู่ในรัศมี 50% ของการระเบิด รับรองได้ว่าหน้าจอดับวูบแน่นอน

โชคดีที่รัศมีการทิ้งระเบิดกับตำแหน่งของทั้ง 2 ตอนนี้ ห่างไกลเกิน 70% ซึ่งเป็นไปได้ว่าการโจมตีนี้ เป็นการโจมตีแบบสุ่มพื้นที่ หากยังอยู่ในโซนนี้อีกต่อไป ไม่แน่ว่าระเบิดอาจจะทิ้งลงมาตรงกลางหัวก็เป็นได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน การเป็นนักกีฬาอาชีพมันไม่ง่ายดายถึงขนาดนั้น มีฝีมือแล้วก็ต้องมีดวงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

ทั้ง 2 วิ่งแยกกันซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว ไม่มีหลบเข้าที่กำบัง มีแต่วิ่งไปหน้า กระโดดข้ามซากปรักหักพัง และม้วนกลิ้งหลบสิ่งกีดขวางต่างๆในบางจังหวะ

“เอาอีกแล้ว” เสียงเฮลิคอปเตอร์มาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้บินสูงเหมือนครั้งก่อนๆ เพราะมันพบเจอเป้าหมายแล้ว มันบินต่ำเข้ามา ความเร็วในการบินเทียบเท่ากับ ความเร็วระดับ 80% ของการขี่ไม้กวาดโดยอาชีพแม่มด แต่การมาในคราวนี้ของมัน ไม่ได้ใช้ลูกระเบิดเหมือนคราวก่อน

ประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออก ทั้ง 2 ลุ้นทันทีว่าจะมีสิ่งใดออกมาจากประตูเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ และไม่นานนัก สิ่งที่โผล่ออกมาก่อนไม่ใช่คน แต่เป็นลำกล้อง ซึ่งทั้ง 2 ที่เห็นลำกล้องก็พอจะคาดเดาได้ทันทีว่า “พลปืนระยะไกล”

ปืนไรเฟิลอันหนึ่งชี้ออกมา มาในรูปแบบตั้งฐานเสียด้วย ลำกล้องส่องไปทาง Seeker ญ อย่างรวดเร็ว

ปั้งงงง !!! สกิลกระสุนแฝด ยิงออกมา ลูกกระสุนขนาดใหญ่และเร็วแหวกอากาศเข้าจู่โจม กระสุนลูกหนึ่งมุ่งไปยังทางที่ลำกล้องของมันเล็งเอาไว้ ส่วนกระสุนอีกลูกเลี้ยวไปยังทางที่ซาโดกำลังบังคับ Seeker ช วิ่งหนีอย่างสุดชีวิต

หากมีแค่พลปืนระยะไกลคนเดียว ด้วยฝีมือของทั้งคู่ไม่ยากนักสำหรับการหลบหลีก แม้สกิลที่ใช้ออกมาจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ

ในช่วงระยะที่กระสุนกำลังเข้าถึงตัว ทั้งคู่บังคับหลบหลีกกระสุนอย่างง่ายดาย แต่ทว่าทั้ง 2 คนไม่ได้รู้ตัวเลย ในขณะที่วิ่งอย่างสุดชีวิตนั้น ทั้ง 2 คนได้ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าไปยังโซนใหม่แล้ว

ซึ่งเป็นโซนของนักรบเวทย์มนตร์ บนพื้นสมรภูมิก็เหมือนกับพื้นที่ทั่วไปที่ไม่ได้แบ่งเป็นโซน แต่เมื่อทั้ง 2 ก้าวเท้าเข้าไปยังจุดนั้น นักรบเวทย์มนตร์ 10 คน ยืนตั้งแถวในแนวนอนรออยู่ตรงหน้าแล้ว

นักรบเวทย์มนตร์ 10 ตน ยืนอย่างสง่าผ่าเผย มาในชุดเกราะที่ดูเท่ และ สง่างาม ตามชุดเกราะมีจุดสีแดงขนาดเท่าลูกปิงปองประมาณ 12 จุด จุดเหล่านี้ต่างอัดไปด้วยพลังเวทย์มนตร์ อาวุธของนักรบเวทย์มนตร์ คือ อาวุธประเภททวน

นักรบเวทย์มนตร์ทั้ง 10 ไม่ได้กรู่เข้าใส่ศัตรูทันทีเมื่อมันเห็น แต่มันก้าวเท้าขวาขึ้นหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน มือซ้ายจับด้ามทวนไว้ประมาณตรงส่วนกลาง ส่วนมือขวาจับไว้ตรงสุดด้ามของทวน

การออกท่วงท่าของทั้ง 10 รวดเร็วและสวยงาม ทั้งยังออกท่วงท่าแบบซึ่งๆหน้า ซาโดและมิร่ามองดู ยังอดที่จะชื่นชมในใจไม่ได้ แต่ทว่าในขณะนี้ ไม่มีเวลาจะมาดูท่าสวยๆเหล่านี้ เพราะว่า การแสดงท่าทางของมันในขณะนี้ มีเพียงสิ่งเดียวจริงๆที่ในสมองของทั้ง 2 คิดออก “สกิลกระสุนเวทย์มนตร์”

เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยว เฟี้ยวๆ

กระสุนเวทย์มนตร์รวมๆแล้วเกือบร้อย ถูกยิงออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน และในขณะที่มันยิงออกมา มันไม่ได้อยู่เฉยๆ ตัวของมันเดินเข้าหาด้วย และ ยิงไปด้วย เพราะเดิมที นักรบเวทย์มนตร์เป็นสายอาชีพถนัดการต่อสู้ประชิดอยู่แล้ว

ในตอนนี้ทั้ง 2 เริ่มเข้าใจการทดสอบนี้เข้าไปอีกขั้น การเข้าใจในครั้งนี้หมายถึง การที่ไม่ต้องสู้ การหนีเพื่อผ่านด่าน ถ้าหากให้เราสู้จริงๆ เขาจะให้ Seeker เรามาใช้ทำไมกัน

ถ้าเรามัวแต่ เตะ และ ต่อย กว่าคู่ต่อสู้จะตาย ต้องใช้เวลาไปเท่าไหร่?  ไม่ต้องพูดถึง ตัว NPC ที่ใส่ Item อย่างเต็มสูบ การผ่านด่านเมื่อครู่ก็เป็นเครื่องช่วยยืนยันของพวกเขาอีกอย่าง

เมื่อก้าวเท้าเข้ามาตรงจุดนี้ พลปืนระยะไกล ก็ไม่ตามมาจู่โจมอีก คราวนี้เฮลิคอปเตอร์มันเริ่มบินว่อนในโซนเมื่อครู่แล้ว หากใครที่ดวงไม่ดีและผ่านเข้ามาซี้ซั้วละก็  โดนมันยำเละเป็นโจ๊กแน่

ระหว่างที่กระสุนกำลังพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีหยุดยั้ง  ทั้ง 2 ทำได้เพียงหลบไปมา ไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย  เพราะไม่มีสกิลอะไรให้ใช้ในการตอบโต้สักอย่าง เหมือนกับเป็นการฝึกบังคับควบคุมพื้นฐานชัดๆ

“หยุดตีกันได้แล้ว”

“พวกนายจะตีกันหาพระแสงอะไรวะ”

“ฉันต้องเอาคืนมัน มันต่อยฉันก่อน”

“ถ้าไม่สู้กับ NPC พวกนี้แล้วจะผ่านบททดสอบไปได้ยังไง?”

“ใครเป็น NPC กันวะ?”

ในตอนนี้ถ้อยคำต่างๆนาๆ จากผู้ที่พึ่งเข้ามาในสมรภูมิได้เด้งขึ้นในห้องแห่งนี้แบบไม่มีหยุด แล้วก็เป็นแบบที่ ซาโดและมิร่าคาดเดาจริงๆ

ในโซนจุดกำเนิด ผู้คนตีกันมั่วซั่วมาก บางคนเห็นเพื่อนสู้ เราสู้ด้วย บางคนก็หนี บางคนก็รู้ตัวแล้วว่ามันคือกับดัก และตอนนี้ก็มีคนผ่านเข้ามายังโซนต่อไปแล้ว

ซาโดและมิร่าเมื่อเห็นข้อความทางด้านซ้ายเริ่มเด้งขึ้นมาจากแชนแนลห้อง จึงลากมันออกและปิดไปในทันที เพราะตัวพวกเขาเองต้องใช้สมาธิในการรับมือกับ NPC พวกนี้

พวกมันก็มีฝีมือระดับไม่ธรรมดาเลยทีเดียว คนที่คิดค้นการสอบนี้ คงเอาโปรแกรมลอกเลียนแบบการเล่นของนักกีฬาอาชีพ ใส่ลงไปอย่างแน่นอน

แต่ถึงยังไงระบบก็คือระบบอยู่วันยังค่ำ หากไม่ขี้โกง ก็ไม่มีทางเก่งไปกว่า คนจริงๆ เพราะการเล่นของระบบย่อมมีสูตรที่ตายตัวของมันอยู่แล้ว

หลบซ้าย หลบขวา สไลด์ขึ้นหน้า ทวนยาวในมือของนักรบเวทย์มนตร์แทงออก ซาโดบังคับ Seeker หลบอย่างง่ายดาย แต่พวกมันไม่ได้มีคนเดียว ทวนอีก 2 เล่มแทงตามเข้ามา NPC อีก 2 คนเข้าล้อมพร้อมเปิดใช้ สกิลหมุนฟาด

ท่วงท่าการหมุนไหลลื่น ทวนยาวทั้ง 2 ฟาดมาพร้อมๆกัน ในชนิดแบบประสานงาน ซาโดบังคับตัวละคร ก้มย่อ หลบไปได้แบบเฉียดฉิว จากนั้นโจมตีสวนกลับ แทงเข่า การแทงเข่าครั้งนี้แทงเข้าใส่จุดสำคัญของนักรบเวทย์มนตร์อย่างจังๆ

แต่ “เชี่ยยยย!!” หลังจากแทงเข่าครั้งนี้เข้าเป้าเต็มๆ ในชนิดที่แบบถ้าเป็นชีวิตจริง คงจุกไปทั้งวัน แต่นี่ไม่ใช่ นี่เป็นเพียงเกม ไม่ได้มีจุดอ่อนแบบนั้นอยู่ในการตั้งค่าของระบบเกม

แทงเข่าครั้งนี้ ซาโดร้อง “เชี่ย” ออกมาก็เพราะว่า ไม่สะทบสะเทือน นักรบเวทย์มนตร์ร่างกายแทบไม่ขยับจากการแทงเข่าครั้งนี้เลย

“เลวจริงๆ” ซาโดพิมพ์ออกไปในแชทส่วนตัวถึงมิร่า

“เห็นแล้ว” เธอรีบตอบกลับ ในขณะที่เธอก็กำลังต่อสู้กับนักรบเวทย์มนตร์อยู่เช่นกัน ทั้ง 2 ไม่คาดคิดเลยว่า การโจมตีเมื่อครู่ NPC จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย

ถ้าเป็นการต่อสู้แบบจริงๆ แม้จะเป็นสกิลพื้นฐานแบบนี้ ก็ต้องได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่านี้ อย่างเช่น การแทงเข่าเมื่อครู่ อาจทำให้ถอยกลับหลัง หรือ ตัวลอยจากพื้นไป 1 นิ้ว แต่นี่ไม่ใช่ มันเหมือนเป็นการแทงเข่าใส่ภูผาหินชัดๆ

สรุปง่ายๆ คือ การโจมตีของ Seeker ไม่สามารถทำอะไร NPC ได้เลย

แล้วจะยืนทำอะไรตรงนี้ต่อหละ ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้ให้มันปวดหัว ถ้าขืนยังอยู่ต่อไปแล้วพลาดท่าเสียทีแก่ NPC พวกนี้ ต้องเก็บข้าวของกลับบ้านไปอย่างแน่นอน

เข่าที่แทงออกไปเมื่อครู่ชักกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมพร้อมที่จะหนี แต่ทวนจากด้านหลังก็แทงเข้ามาถึงตัวแล้ว สกิลแทงกระชาก

ซ๊วบ !! ทวนยาวแทงใส่แผ่นหลัง Seeker ช ที่ซาโดบังคับควบคุม พร้อมทั้งกระชากลงมาที่พื้น ซาโดไร้หนทางตอบโต้ จึงต้องยอมโดนกระชากลงมาอย่างง่ายๆ

มุมมองหน้าจอในตอนนี้จึงอยู่ในลักษณะ นอนดูดวงดาวบนท้องฟ้าในยามบ่าย และดวงดาวพวกนี้ยังตามติดมาด้วย 4 ทวนยาว ที่ฟาดลงมาพร้อมๆกัน

    นักรบเวทย์มนตร์ 4 ตน กระโดดฟาดลงไปยังตำแหน่งที่ Seeker ช ถูกกระชากลงมา ด้วยมุมมองที่ไม่ได้โดนกระชากลงไปแล้วหน้าคว่ำ ทำให้ไม่ต้องปรับอะไรเยอะแยะ เพียงแค่หาช่องวาง ณ จุดใดจุดหนึ่งและเริ่มลงมือหนีทันที

ระบบยังไงก็ยังเป็นระบบอยู่วันยังค่ำ ช่องโหว่ยังมีมาเสมอ เพียงแค่เร่งความเร็วมือขึ้นนิดหน่อย ก็สามารถหลบพ้นไปได้แล้ว

เริ่มจากกลิ้งออกไปยังตำแหน่งนักรบเวทย์มนตร์ตัวที่กระชากเราลงมา เพราะนักเวทย์ตนนี้พึ่งออกสกิลไปเมื่อครู่ ย่อมไม่สามารถเล่นใหญ่อะไรได้ทัน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นักเวทย์ตนนี้เพียงแค่ฟาดทวนตามลงมาแบบธรรมดาๆ

ซาโดบังคับตัวละครยกมือขึ้นช่วยป้องกันดาเมจได้เล็กน้อย แต่สามารถหลบการโดดฟาดจากทวนยาวหลากหลายเล่มได้ทันทั้งหมด

จากนั้นเขารีบม้วนกลิ้งไปทางฝั่งของ Seeker ญ ทันที “คิดว่าจะไม่รอดเสียแล้ว” มิร่าที่รับมือนักรบเวทย์มนตร์อย่างสบายๆ พิมพ์หยอกล้อขึ้นมาทันที หลังเห็น ซาโดบังคับควบคุมตัวละครของตนฝ่าดงเท้าออกมาได้

“ลองใจเธอหน่ะ” ลองใจเธอในทีนี้ของซาโดหมายถึง เขาแค่ลองแกล้งตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายดู เผื่อว่ามิร่าจะเผยธาตุแท้ของตนออกมา คือ การช่วย NPC จัดการกับซาโด

“เหอะๆ” เธอเข้าใจความหมายนี้ และตอบกลับเพียงสั้นๆเท่านั้น

อันที่จริงถ้าหากว่าการแทงเข่าครั้งนั้นของซาโด บังเกิดผลขึ้นมาตามการตั้งค่าแบบปกติของเกม เขาก็ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์นอนดูดวงดาว ในเมื่อทำแล้วไม่ได้ผล ทางเดียวที่จะรอดคือ ต้องหนี

ทั้ง 2 คนออกวิ่งอีกครั้ง สำหรับการวิ่งหนี ความเร็วในการวิ่งของนักรบเวทย์มนตร์เหนือกว่าทั้ง 2 เล็กน้อย และยังมีสกิลบางอย่าง เช่น พยัคฆ์พุ่งชน ช่วยในการเคลื่อนที่อยู่ด้วย โดยการแทงทวนยาวไปตรงๆและพุ่งไปพร้อมกับทวนเล่มนั้น ซึ่งเป็นสกิล Lv.45 ที่มีดาเมจอยู่ในระดับสูง

ระหว่างที่วิ่งหนีไป ซาโดก็เหลือบมองแผนที่ไปในตัวด้วย กว่าจะถึงจุดสีเขียวอีกตั้ง 37% ตอนนี้ออกจากจุดเริ่มต้นมาได้แล้ว 63% ถ้าคาดไม่ผิดละก็ ตรง 70% พวกมันอาจจะไม่ไล่ตามแล้ว เหมือนที่เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นบินกลับไปก็ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด