ตอนที่แล้ว Chapter II Scene 06
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป Chapter II Scene 08

Chapter II Scene 07


Chapter II Scene 07

ผมนั่งกินข้าวคนเดียวบนกองหินใหญ่ พวกเรานั้นพักเที่ยงใกล้ๆลำธารเล็กๆ ทำให้สัมผัสถึงบรรยากาศเย็นๆเล็กน้อย ผมจ้องมองกลุ่มเทรย์เวอร์นั่งกินข้าวเที่ยงที่ผมทำ โดยเฉพาะยัยลิลลี่ที่กินตะกละตะกลาม

ผมก้มมองถ้วยไม้ที่เตรียมมาด้วย มันมีสตูเนื้อเสือดำเขี้ยวดาบกับมันฝรั่ง มัน…ก็อร่อยหรอก แต่มันก็ไม่ได้อร่อยขนาดต้องร้องออกมาว่า ‘อร่อย!’

ผมคิดถึงอาหารของมิลาด้าจังแฮะ เอวาจะปลอดภัยไหมนะ? ก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากก็ได้มั่ง เพราะมีบาสเตียนอยู่นี่ เจ้านั้นก็เป็นตัวร้ายที่แข็งแกร่งสุดๆคนหนึ่งด้วย

สิ่งที่ผมควรเป็นห่วงคือพวกขยะพวกนี้มากกว่านะ ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ผมกำลังไปนั้นมันจะเป็นเหมือนเกมไหม? เพราะตอนนี้เนื้อหาของเกมผิดเพี้ยนจนผมใช้ความรู้ของเกมเอาตัวรอดไม่ได้แล้วสิ ขนาดหนึ่งในนางเอกหลักยังเป็นตัวร้ายเลย(หมายถึงราชินีอาซาเลีย) แถมยังไปร่วมมือกับนางร้ายลับอีกด้วย น่าปวดหัวจริง

“กำลังคิดอะไรเหรอ?” เสียงทักผมขึ้น

ผมเงยหน้ามองคนที่ทักผม ดาร์เลเน่นั้นเอง เธอมองถ้วยสตูเนื้อของผมที่ลดเพียงนิดเดียว เธอก็มานั่งข้างๆผม

ยัยนี้ ทั้งๆที่ผมปล่อยให้อยู่สองต่อสองกับเทรย์เวอร์ แทนที่จะขึ้นครูให้กับเทรย์เวอร์ เธอกลับตามผมเข้ามาหาผมในเต้นท์ แถมยังมาบังคับให้ผมมีอะไรด้วยอีก คนที่ควรไปทำไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเทรย์เวอร์

“นายไม่ค่อยกินเลยนะ? เดี๋ยวไม่มีแรงเข้าหรอก” ดาร์เลเน่ว่าแล้วก็คว้าถ้วยไปจากผม ก่อนจะตักมันขึ้นมาและทำท่าว่าจะป้อนผม

“อ้าปากสิ”

“ฉันกินเองได้”

“โกรธฉันเรื่องเมื่อเช้าอยู่เหรอ?”

ห่ะ! โกรธ? ทำไมผมต้องโกรธเธอ ผมล่ะไม่เข้าใจเธอจริงๆดาร์เลเน่

ผมทำเพียงกรอกตาไปมา ก่อนจะถอนหายใจยอมแพ้และยอมให้เธอป้อนข้าวดีๆ ก่อนที่ไวโอเลตจะวิ่งเข้ามาป้อนด้วย จนดูวุ่นวาย

“อีกไกลแค่ไหนเราจะถึง?” เทรย์เวอร์เดินเข้ามาถามผม ซึ่งปล่อยให้สาวๆได้จัดการทำความสะอาดถ้วยชามไป

ผมในตอนนี้ก็กำลังนั่งบนก้อนหินก้อนเดิมที่กินข้าวไป ผมกำลังมองแผนที่ที่กางบนตักตัวเอง พร้อมมองเข็มทิศในมือ

“เรามาถึงแล้ว ภูเขานั้น ตรงแหละ…” ผมดูจนแน่ใจและก็เงยหน้าตอบเทรย์เวอร์ ผมชี้ไปที่ผาที่ไกลออกไปเล็กน้อย

เทรย์เวอร์ก็มองตามมือไป ก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า

“เราต้องปีนผาเหรอ นายคิดว่ามีอะไรอยู่บนนั้นกัน?”

“ใช้เราต้องปีนมัน!” ผมว่าพร้อมลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปเก็บอุปกรณ์เข้ากระเป๋ามิติ แล้วเดินข้ามลำธารไปอีกฝ่าย

ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีผมก็มายืนอยู่หน้าผาสูงกว่าที่คิดเมื่อมองไกลๆ ผมมองไปด้านบนที่มันสูงจนไม่เห็นยอดเลยแฮะ จะปีนขึ้นไปคงเป็นไปไม่ได้ด้วย แต่ถ้าผมคนเดียวคงสามารถทำได้อยู่?

“นายจะรีบไปไหนห่ะ!” โอเรียนน่าโว้ยวายออกมาเมื่อตามผมทันพร้อมกับคนอื่นๆ

ผมไม่ได้สนใจเธอและพวกเธอหรอกนะ ผมไม่ได้ขอให้พวกนั้นตามมาด้วย ทำเป็นบ่นอยู่ได้ ผมหันไปหาไวโอเลตที่หายใจแรงเล็กน้อย

“ใช้เวทพาฉันขึ้นไป”

ถึงจะดูงุนงงหน่อยๆ แต่ไวโอเลตก็พยักหน้าและเดินเข้าหาผม ก่อนจะเริ่มใช้เวทของเธอ และในตอนนั้นเองก็ปรากฏวงเวทขนาดหนึ่งเมตรขึ้นมาใต้เท้าผม

ทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มก้าวเข้ามาอยู่ในวงเวทดังกล่าว และในตอนนั้นเอง ก็เริ่มมีต้นไม้งอกออกมา ตอนแรกๆมันก็ต้นเล็กน่ารักอยู่หรอกนะ แต่ไม่นานจากนั้น ต้นไม้ก็เติบโตด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ พุ่งขึ้นท้องฟ้า

ผมอุ้มไวโอเลตด้วยมือซ้าย ก่อนจะโดดขึ้นบนก้านไม้ที่แลดูแข็งแรงไม่หักง่ายๆบนยอด ตัวผมก็พุ่งทะยานไปพร้อมๆกับต้นไม้ ผมสามารถไปยินเสียงโวยวายของทุกคน แต่ใครสนล่ะครับ

ยอดต้นไม้นั้นพุ่งด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาเพียงไม่นาน ยอดไม้ก็โผล่พ้นผามาได้ ถึงแม้ว่าจะเลยไปเล็กน้อยก็ตาม แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไรกับผม ผมโดดลงพื้นอย่างนุ่มนวลโดยยังอุ้มไวโอเลตอยู่

ผมเห็นว่าโอเรียนน่ากับคุณหนูคายานั้นกำลังอ้วกแตกอยู่ ดาร์เลเน่ โนราและเทรย์เวอร์ เหมือนจะหน้าซีดนิดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับอ้วกออกมา ส่วนลิลลี่นั้นมีสีหน้าที่ปกติดี

แต่ผมก็ไม่สนใจพวกนี้มากหรอกนะ แต่ผมกำลังตกตะลึงกับทิวทัศน์ป่าไม้เบื้องหน้าผม ที่เป็นมุมมองจากด้านบน มัน…สวยกว่าที่คิดแฮะ?

“พี่คะ” เสียงไวโอเลตทักผมขึ้น

เอ่อใช่ผมลืมปล่อยไวโอเลตนี้ ผมวางเธอลง

จากมุมนี้ผมสามารถมองเห็นเมืองเอลฟ์ได้ด้วย เหมือนว่าจะมีใครเข้ามาสำรวจอดีตเมืองเอลฟ์นะ ทหารจะเมืองเหรอ?

“แปลกจริงๆ มีผาขนาดใหญ่ขนาดนี้ ทำไมพวกเราไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อนนะ?” ลิลลี่เดินมามองอดีตเมืองตัวเองพลางเกิดข้อสงสัยขึ้นมา

ไม่แปลกที่จะไม่มีใครพบเห็นที่นี่ เพราะถ้าไม่มีใครเดินเข้ามาใกล้ๆคงไม่สามารถเห็นได้ถึงมันจะมีขนาดใหญ่ขนาดไหนก็ตาม มันเป็นแบบนั้นเพราะอุปกรณ์เวทอะไรนี้แหละนะ แน่นอนว่าผมไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามทุกๆอย่างของใคร ถ้าตอบคำถามได้ทุกอย่าง เดี๋ยวก็มีใครสงสัยว่าผมรู้ได้ไง

ส่วนที่เรายืนอยู่นั้น เป็นพื้นที่ที่ถูกยกขึ้นสูงเหมือนภูเขา มันเหมือนต้นไม้ขนาดยักษ์ถูกตัดจนเหลือแต่ตออะไรประมาณนั้นแหละ

แต่จริงๆคือมันไม่ได้ถูกยกขึ้นหรอกนะ แต่ตกลงมาตั้งหากล่ะ ตั้งแต่พ้นปีก่อนน่ะ

“ว้าวทุ่งดอกไม้สวยจัง” ไวโอเลตตาเป็นประกายออกมา

เพราะว่าพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายสียังไงล่ะ อย่างกับทุ่งในฟันของเหล่าเด็กสาวจริงๆเลย และที่ใจกลางทุ่งดอกไม้นั้นเองก็มีอาคารที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราอลังการงานสร้างด้วยหินอ่อน บอกเลยว่ามันใหญ่สุดๆเลย

ไวโอเลตที่วิ่งไปเกือบถึงทุ่งดอกไม้กับลิลลี่ก็ได้หยุดลง ทุกคนเกิดข้อสงสัยจนต้องเดินไปทางพวกเธอ แต่ผมพร้อมรู้นะ เพราะคำอธิบายในเกมบอกอย่างชัดเจนว่า

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ ดั่งความฟันของเหล่าเด็กสาว แต่มันไม่ใช่เลย เพราะสถานที่แห่งนี้นั้นกลับเต็มไปด้วยซากศพ ความรุนแรง ความโหดร้าย เคียดแค้นชิงชัง ความเน่าเหม็นของกิเลสตัณหา สงครามและการฆ่าฟัน

ความสวยงามที่มองไกลๆ แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆนั้น มันกลับเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกในชุดเกราะจำนวนมาก ดอกไม้พวกนี้ ก็เกิดขึ้นจากซากศพ ใช้สารอาหารจากศพเหล่านั้น ทุกคนต่างหน้าซีดเผือดจากภาพตรงหน้า

“กะ-เกิดอะไรขึ้นที่นี่!?” เทรย์เวอร์เป็นตัวแทนถามคำถามที่ถามใครไม่รู้

“นี้แหละ ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่พวกแกภาคภูมิใจกัน…” ผมนั้นได้พึมพำออกมา ก่อนจะเดินย้ำลงทุ่งดอกไม้ โดยไม่สนใจโครงกระดูกมากมายที่ผมเหยียบลงไป

โครงกระดูกบางอันก็มีลักษณะที่มีเขา หางและปีก

“หมายความว่าไง? นายรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” เทรย์เวอร์ถามผม

แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ยังเดินตรงไปทางอาคารหินอ่อนที่มีความเสียหายจากสงคราม เกิดเสียง

กุบกับกุบกับ

ตลอดที่ผมย้ำเท้าลงไป มันเป็นเสียงกระดูกที่ผมได้เหยียบย่ำจนแตกหักนั้นเอง

ผมเห็นว่าคนแรกที่เดินตามผมมานั้นเป็นดาร์เลเน่ด้วยใบหน้าที่กลับมานิ่ง ก่อนจะเป็นไวโอเลตกล้าๆกลัวๆที่เดินมาพร้อมกับลิลลี่ จากนั้นก็เป็นโนราที่มีแววตาไร้ชีวิต ดาร์เลเน่ เทรย์เวอร์และโอเรียนน่าตามลำดับ ยกเว้นดาร์เลเน่กับโนราที่มีสีหน้านิ่งเงียบ

คนที่เหลือเวลาย่ำเท้าลงไป ก็จะแสดงถึงความน่ารังเกียจออกมา บางครั้งพบเธอก็หยุด และค่อยๆเดินกล้าๆกลัวๆต่อ

เดินเหยียบย่ำกระดูกมาประมาณห้านาทีได้ ในที่สุดผมก็มาถึงหน้าอาคารขนาดใหญ่ ที่ถึงแม้ว่าจะผ่านสงครามครั้งใหญ่มาก ก็ไม่มีท่าทีจะถล่มลงมาได้ง่ายๆ

‘ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าคงอยู่ที่นี่สินะ?’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด