ตอนที่แล้วGE465 อนุสรณ์ปีศาจชิ้นที่ 2 [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE467 หอคอยทองคำ [ฟรี]

GE466 สหายเก่า [ฟรี]


ผ่านไป 10 วัน ชวี่ฉิงได้เชิญหนิงฝาน หวางถิงสื่อ และยี่หยวนสื่อปรุงโอสถรักษาอาการป่วยให้ฉื่อเยวียน

โอสถที่ปรุงให้นางนั้น มีนามว่า ‘โอสถสะกดเพลิง’ เป็นโอสถที่จะช่วยสะกดความร้อนของนางได้เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งระดับของโอสถใกล้เคียงโอสถผันแปรที่ 6 มาก

หนิงฝานอ่านทำความเข้าใจตำรับโอสถอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าโอสถนั้นจะไม่เป็นอันตรายกับนาง แต่ที่แน่ๆ มันไม่สามารถรักษานางได้อย่างถาวร เพราะต้นเหตุของอาการป่วยของนางมาจากโลหิตของโม๋หลัว

เมื่อได้ชื่อของโอสถที่จะปรุง ชวี่ฉิงได้นำไปบอกกล่าวต่อบรรพบุรุษทั้ง 8 และพวกมันก็ยินยิม เพราะโอสถนั้นไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของนางเป็นการถาวรได้

ที่สำคัญ พวกมันก็ยังประหยัดแรงที่ไม่ต้องช่วยเหลือนางยามที่อาการของนางกำเริบ ซึ่งนับเป็นประโยชน์กับมันเช่นกัน

“พวกมันไม่ค่อยเป็นห่วงนางมากเท่าไหร่...” หนิงฝานถือตำรับโอสถพลางขมวดคิ้ว

หนิงฝานร่วมกับหวางถิงสื่อและยี่หยุนสื่อปรุงโอสถ เหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากของเผ่าปีศาจยักษ์ทำหน้าที่คุ้มกัน ไกลออกไปมีนักปรุงโอสถจำนวนมากคอยสังเกตุการณ์

วิชาปรุงโอสถที่ไม่ธรรมดาของหนิงฝาน ทำให้เหล่านักปรุงโอสถได้เปิดหูเปิดตา ผู้ที่เป็นแกนหลักในการปรุงโอสถคือหนิงฝาน ส่วนหวางถิงสื่อและยี่หยุนสื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย

เมื่อได้เห็นการปรุงโอสถของหนิงฝาน ผู้คนเริ่มเชื่อแล้วว่าความสามารถหนิงฝานต้องเหนือล้ำกว่านักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นสูงสุดแน่นอน บางคนถึงกับเรียกขานหนิงฝานว่า เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 คนที่ 8 ของโลก นอกจากนี้ หลายคนยังเชื่อว่า หากไม่ใช่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 7 คงยากที่จะหาผู้ที่มีความสามารถเหนือกว่าหนิงฝานได้

ด้วยศักดิ์ฐานะใหม่นั้น ย่อมไม่มีใครอยากเป็นศัตรู มีแต่ผู้ที่จะเข้ามาคบหาเป็นสหาย

การแสดงฝีมือของหนิงฝาน ทำให้นักปรุงโอสถมากมายมีความสุข นับเป็นการได้เปิดหูเปิดตาหาความรู้ เพราะยากนักที่ผู้ใดจะได้เห็นการปรุงโอสถระดับสูงเช่นนี้

เมื่อปรุงโอสถได้สำเร็จ หนิงฝาน หวางถิงสื่อ และยี่หยุนสื่อกก็ได้โอสถมิติเเป็นรางวัล

แม้ว่าหวางถิงสื่อและและยี่หยวนสื่อจะได้โอสถมิติไป พวกมันยังคงไม่อาจใช้ได้ เพราะยามนี้พวกมันอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณเท่านั้น

หลังจากรับรางวัลเสร็จ ทั้งสองก็เร่งกล่าวลากลับเกาะโอสถและตระกูลซัว เพราะกลัวจะเป็นอันตราย

ส่วนหยางกู่ขอติดตามหนิงฝานเพื่อศึกษาวิชาปรุงโอสถ แต่ด้วยหนิงฝานมีสิ่งที่ต้องไปทำ เขาจึงยังไม่อาจชี้แนะหยางกู่ได้

หยางกู่ในยามนี้นับถือหนิงฝานสุดหัวใจ โดยไม่สนว่าหนิงฝานจะมีอายุกระดูกเพียง 500 ปี

หนิงฝานบอกหยางกู่ว่าเขาต้องเดินทางไปร่วมงานประมูลที่เผ่าเขาคู่ จึงได้ชี้แนะการปรุงโอสถไปเล็กน้อย หากเสร็จธุระเขาจะไปยังเกาะโอสถเพื่อขอใช้สระล้างวิญญาณ เมื่อถึงยามนั้น เขาจะชี่แนะหยางกู่อีกครั้ง

นั่นทำให้หยางกู่กล่าวขอบคุณหนิงฝานเป็นการใหญ่ และตั้งตาคอยให้หนิงฝานไปยังเกาะโอสถเร็วๆ

โอสถมิติคือโอสถผันแปรที่ 6 ขั้นกลาง เป็นโอสถที่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นต้องการเป็นอย่างมาก

ยี่หยุนสื่อมีตระกูลซัวคอยปกป้อง ตัวมันและโอสถย่อมปลอดภัย แต่เกาะโอสถนั้นไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น หากมีผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงไปเยือน เกาะคงตกอยู่ในอันตราย

ดังนั้น หวางถิงสื่อจึงขอใช้ชื่อของหนิงฝาน ในฐานะนักปรุงโอสถพิเศษของเกาะ เป็นโล่กำบังคุ้มภัย หากผู้ใดมาเพื่อช่วงชิงโอสถมิติ ก็เท่ากับยั่วยุหนิงฝาน

หนิงฝานมีกษัตริย์พิรุณ กษัตริย์โอสถคอยปกป้อง ซ้ำยังได้รับการขนานนามว่าเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 คนที่ 8 ของโลก ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงหลายคนที่คิดจะช่วงชิงโอสถมิติของเกาะโอสถย่อมไม่กล้าลงมือ

แม้ว่าโอสถมิติจะล้ำค่า แต่การยั่วยุหนิงฝานก็ต้องตอบแทนด้วยชีวิต

ด้วยคำขอทั้งหมดนั้น หวางถิงสื่อก็ได้อนุญาติให้หนิงฝานใช้สระล้างวิญญาณได้ตามใจเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน

หลังจากงานปรุงโอสถจบลง นักปรุงโอสถมากมายแยกย้ายกลับ แต่ยังมีบางคนที่ยังรั้งอยู่ในทะเลส่วนใน

หนิงฝานไม่มีเวลาพบปะผู้ใด เพราะเขาต้องคอยช่วยฉุ่ยเยวียนดูดซับโอสถ

ด้วยที่ระดับพลังของนางยามนี้อยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 โอสถปีศาจที่หนิงฝานปรุงให้เกือบจะเทียบเท่าโอสถผันแปรที่ 6 หากให้นางกินเข้าไปคงได้ร่างระเบิดตายก่อน ดังนั้น หนิงฝานจึงต้องเป็นผู้ช่วยเหลือนางด้วยตัวเอง

ยามนี้ หนิงฝานและนางอยู่กันลำพังในสถานที่ลับแห่งหนึ่งในเผ่า มีข่ายอาคมขนาดใหญ่ป้องกัน ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามารบกวน

ภายในลานแห่งหนึ่ง สายลมเย็นเฉียบพัดพา หิมะโปรยปราย ฉุ่ยเยวียนทำสีหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดคุยกับหนิงฝาน เพราะนางยังโกรธเขาอยู่

“สาวน้อย มากินโอสถเถอะ” หนิงฝานยิ้มเจื่อน เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้นางยอมกินโอสถ

นางไม่ตอบและยังไม่ยอมมองหน้าหนิงฝาน

“ถ้าเจ้าไม่กินโอสถ ครั้งหน้าหากอาการเจ้ากำเริบ เจ้าจะแย่เอานะ… เจ้าไม่กลัวเหรอ?” หนิงฝานกล่าวขู่

“ไม่ต้องมาสนใจข้า ยังไงข้าก็ไม่ยอมกิน... แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้าประทับใจ ข้าจะยอมกินก็ได้” ในที่สุดนางก็ยอมกล่าว

“ทำให้เจ้าประทับใจ...” หนิงฝานส่ายหน้าอย่างไร้หนทาง

เรื่องป้อนโอสถให้นางไม่ใช่เรื่องยาก เขาแค่ทำให้นางหมดสติ แล้วค่อยป้อนโอสถนางก็ได้ แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้นกับนาง

ยามนี้หนิงฝานไร้หนทาง แต่เขารู้ดีว่านางนั้นน่าสงสารมาก จึงไม่อยากทำให้นางต้องทุกข์ใจอีก

หนิงฝานถอนหายใจพลางกล่าว “ข้าอุตส่าห์ทุ่มเทกายใจเพื่อปรุงโอสถให้เจ้า เจ้าจะไม่กินโอสถจริงๆเหรอ?”

“ข้า...” นางละอายใจ นางไม่อยากทำให้หนิงฝานเสียใจ

“ข้ากินโอสถก็ได้ แต่เจ้าต้องช่วยข้าดูดซับนะ… ข้ารู้ว่าถ้าข้าไม่ยอมกิน เจ้าจะเสียใจ...” นางก้มหน้าพลางกล่าว หลังจากนิ่งเงียบไปนาน นางก็เงยหน้าขึ้นพลางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ข้าป่วยเป็นโรคร้าย… น้องเขยจะช่วยรักษาข้าได้หรือเปล่า?”

“ได้สิ!”

“แล้วถ้าข้าหายป่วยแล้ว น้องเขยจะไม่เสียใจใช่มั้ย?”

“ใช่”

“ถ้า… ถ้าข้าไม่ยอมกินโอสถ น้องเขยจะเสียใจใช่มั้ย...” นางกล่าวถามด้วยสีหน้าวิตก

หนิงฝานจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวดเบาๆ “ใช่...”

“งั้น...ข้าจะยอมกินโอสถ” นางกล่าวพลางเดินไปยังที่พัก แต่ในระหว่างนั้นหนิงฝานได้อุ้มนาง และพานางไปแทน

ยามนี้ใบหน้าของนางเห่อร้อนและแดงระเรื่อ ความโกรธที่มีต่อหนิงฝานมลายหายไปหมด

แม้ว่านางจะเขินอาย แต่หนิงฝานกลับขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่ได้บอกนางว่า โอสถที่ปรุงให้นั้นไม่สามารถรักษานางได้ถาวร

วิธีการเดียวที่จะรักษานางได้ก็คือ เขาต้องรวบรวมอนุสรณ์ปีศาจให้ครบ ทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่บนอนุสรณ์ หาทางคลายตราประทับทาส และวิธีดูดซับโลหิตของโม๋หลัว จึงจะช่วยนางได้

และการจะช่วยนางนั้น เขาก็ต้องเป็นศัตรูกับบรรพบุรุษทั้ง 8 ของเผ่า เพราะนั่นคือการทำลายแผนการของมันทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้ทำให้หนิงฝานต้องกลัว เพราะเขามีศัตรูที่เก่งกาจกว่าพวกมันมาก

หนิงฝานพานางไปยังที่พักของนาง ที่นั่นไม่ได้ประดับตกแต่งสวยงามนัก มีเพียงแร่ที่ประดับไว้ตามผนัง ช่วยลดอุณหภูมิห้องให้เย็นลง

ด้วยโลหิตโม๋หลัวและตราประทับที่แผ่นหลังของนาง ทำให้อุณหภูมิร่างกายของนางสูงมาก อากาศที่เย็นจึงทำให้นางสบายตัวขึ้น

นอกจากนี้ ภายในห้องยังมีบุบผาและพืชพรรณที่งดงามประดับไว้ บุบผาเหล่านี้เติบโตได้ในพื้นที่อากาศเย็น ที่สำคัญ ภายในห้องยังมีตุ๊กตาหิมะที่ถูกปั้นเอาไว้ ลักษณะเหมือนตุ๊กตาหิมะที่หนิงฝานเห็น ยามที่ตามหาตัวฉุ่ยเยวียน

“น้องเขย… มีแค่เจ้าทำนั้นที่ตามหาข้าพบ… มีแค่เจ้าเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของข้า” นางกล่าวกับตนเอง

“เจ้าว่าอะไรนะ?” หนิงฝานไม่ได้สังเกตุริมฝีปากนาง และไม่ได้วิชาคารม จึงไม่เข้าใจที่นางกล่าว

“ปะ ปะ เปล่า!”

“อืม… ถ้างั้นถอดอาภรณ์เจ้าออก นอนลงบนเตียง แล้วอมโอสถไว้อย่าเพิ่งกลืน ข้าจะค่อยๆช่วยเจ้าดูดซับ”

“ถะ ถอดอาภรณ์?” นางขบริมฝีปากเบาๆ ใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหู

นางยังคงจำครั้งก่อนที่หนิงฝานปลดอาภรณ์ของนางได้ ครั้งนั้นนางทั้งโกรธทั้งอาย แต่สุดท้ายนางก็ยอมถอด เหลือไว้เพียงชิ้นผ้าที่ปกปิดหน้าอกและจุดสงวนของนางเอาไว้

แม้จะมีรูปร่างที่งดงามอยู่บ้าง แต่ด้วยร่างกายที่ผอมบาง หนิงฝานเดาว่านางคงหนักไม่ถึง 70 จิน

เขาให้นางนอนตะแคง จากนั้นใช้มือสัมผัสแผ่นหลังของนางเบาๆ เพื่อดูตราประทับที่ผนึกโลหิตของโม๋หลัวเอาไว้

นางไม่รู้ว่าหนิงฝานกำลังคิดอะไรอยู่ นางรู้แค่ว่ามือที่สัมผัสแผ่นหลัง ทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว

แต่ไม่นาน นางก็สัมผัสได้ถึงปราณเย็นๆสายหนึ่ง ถ่ายจากมือของหนิงฝานเข้ามายังแผ่นหลังของนาง แม้นางไม่รู้ว่าหนิงฝานทำอะไร แต่สิ่งที่นางรู้สึกได้คือความรู้สึกแปลกที่ร่างกายไม่เคยได้รับมาก่อน จนทำให้ความหวาดกลัว ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความรู้สึกสบาย

ตัวนางในยามนี้เหมือนกับฉุ่ยหลิงในอดีต และนางก็อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

หนิงฝานให้นางอมโอสถไว้ ลมหายใจของนางเริ่มถี่กระชั้น แววตาเริ่มพร่ามัว

“ดี...” หนิงฝานค่อยๆทำให้นางหลับไป และช่วยนางดูดซับโอสถอย่างราบรื่น

เมื่อช่วยนางดูดซับโอสถเสร็จ หนิงฝานนำผ้าห่มคลุมร่างนางเอาไว้ ลูบศีรษะของนางเบาๆก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ

ตัวนางที่บอบบางและอ่อนแอในยามนี้ เหมือนกับหนิงฝานในอดีตเป็นอย่างมาก

ยามนี้หนิงฝานวางใจเรื่องของนางได้เปราะหนึ่ง เขาจึงเตรียมตัวเพื่อจะเดินทางไปยังเผ่าเขาคู่

หนิงฝานมอบโอสถมิติให้กับหลิงคง ทำให้นางรู้สึกขอบคุณเขามาก ดูเหมือนการเดินทางไปยังเผ่าเขาคู่ นางจะไม่ได้ติดตามไปด้วยแล้ว

นอกจากนี้ หนิงฝานยังมอบผลไม้แห่งเต๋าให้ฉุ่ยหลิง แม้จะไม่ได้มีค่าเท่าโอสถมิติ แต่มันก็เหมาะสำหรับนางยามนี้

เมื่อทุกอย่างลงตัว หนิงฝานก็มีโอกาสได้อยู่กับฉุ่ยหลิงเพียงลำพัง เขาช่วยเหลือนางจัดการกับเส้นลมปราณ ดวงจิต และช่วยดูดซับผลไม้แห่งเต๋าเพื่อเตรียมให้นางทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ

หนิงฝานยังมอบโอสถต่างๆที่จำเป็นต่อการยกระดับในขอบเขตตัดวิญญาณไว้ให้นางอีกมาก เพราะหลังจากนี้นางต้องเก็บตัวฝึกฝนเพื่อยกระดับพลัง

หลิงคงและฉุ่ยหลิงต้องเก็บตัวฝึกฝน ผู้ที่จะติตตามหนิงฝานไปได้มีเพียงคนเดียวคือเฟินซื่อ หนิงฝานขบคิด เขามอบโอสถและของล้ำค่าให้กับหลิงคงและฉุ่ยหลิงไปแล้ว แต่ยังไม่ได้มอบสิ่งใดให้เฟินซื่อเลย จึงกลัวว่านางจะน้อยใจ

แม้ว่าเฟินซื่อจะเป็นสนมปีศาจของหนิงฝาน แต่เขาไม่ได้อยากทำให้นางเสียใจ ดังนั้นเขาจึงมอบโอสถจำนวนมาก ที่จะช่วยให้นางบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางได้เร็วขึ้นให้

หนิงฝานมุ่งออกจากเผ่าปีศาจยักษ์ ตรงไปยังเผ่าเขาคู่ด้วยความเร็วสูง

การประมูลที่จัดขึ้นภายในเผ่าเขาคู่ในครั้งนี้ ของประมูลหลักคือที่หนิงฝานต้องซื้อให้ได้คือต้นหม่ายู่หลานอายุ 4 หมื่นปี

ต้นหม่ายู่หลาน 4 หมื่นปีจะขายอยู่ที่ราคา 50 ล้านหยกสวรรค์ หนิงฝานได้หยกสวรรค์มาจากเผ่าปีศาจยักษ์พันล้าน นอกจากซื้อสมุนไพรหลักที่ต้องการแล้ว ยังเหลือหยกสวรรค์อีกมากให้เขาได้ซื้อของที่ต้องการ

แม้หยกสวรรค์เหล่านี้จะไม่ใช่ของเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะคืนพวกมัน เขาจะใช้ซื้อของเท่าที่เขาต้องการ

เผ่าเขาคู่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเผ่าปีศาจยักษ์ แต่ก่อนจะไปถึงที่นั่น ต้องผ่านเผ่าเนตรปีศาจก่อน

อนุสรณ์ปีศาจอีก 2 ชิ้นที่เหลือล้วนอยู่ในสถานที่ลับของพวกมัน การเดินทางของหนิงฝานในครั้งนี้ จึงหวังจะลอบชิงอนุสรณ์ปีศาจกลับมาด้วย

“ไหนๆก็มาแล้ว ข้าคงต้องแวะเผ่าเนตรปีศาจก่อน ค่อยไปซื้อสมุนไพรที่เผ่าเขาคู่… กษัตริย์โอสถเคยกล่าวถึง ‘ยู่กุ่ยโหว’ มันคือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกของเผ่าเนตรปีศาจ ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในทะเลไร้สิ้นสุด แต่ก็พ่ายให้กับกษัตริย์อัสนี”

“ข้าได้คุยกับยี่หยุนสื่อและกล่าวถามเรื่องยู่กุ่ยโหว… ในอดีตกษัตริย์อัสนีเคยเอาชนะมัน แต่ไม่ได้สังหารจนสิ้นซาก มันจึงใช้วิชาลับ สร้างร่างดวงจิตเพิ่มขึ้นมานับร้อย”

“กษัตริย์อัสนี สังหารดวงจิตของยู่กุ่ยโหวไป 99 ดวง เหลือเพียงดวงสุดท้ายที่เหลือพลังอยู่เพียง 1 ใน 100 ส่วน เทียบได้กับขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง… ยี่หยุนสื่อเล่าให้ข้าฟังว่า ดวงจิตสุดท้ายของยู่กุ่ยโหวได้สร้างดวงจิตย่อยอีก 9 ดวง ซึ่งยามนี้พวกมันบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นทั้งหมดแล้ว และมันก็เตรียมจะดูดกลืนดวงจิตย่อยเหล่านั้นเพื่อทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุด”

“ถ้าหากมันฟื้นคืนพลังเหมือนคราวอดีต ข้าคงหวั่นเกรง แต่ตอนนี้ข้าสามารถใช้ผ้าคลุมลวงสวรรค์ลอบเข้าไปชิงอนุสรณ์ปีศาจจากมันได้”

“อนุสรณ์ปีศาจชิ้นที่ 3 น่าจะชิงมาได้ไม่ยาก แต่ชิ้นสุดท้ายต้องหาข้อมูล...” หนิงฝานขมวดคิ้ว เพราะยามนี้เขาใกล้จะถึงอาณาเขตของเผ่าเนตรปีศาจแล้ว

หนิงฝานมุ่งเข้าสู่เขตของเผ่าเนตรปีศาจด้วยความเร็วสูง ไกลออกไป มีแคว้นที่อุดมไปด้วยปราณปีศาจที่ทรงพลัง มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้าออก หนิงฝานลอบผ่านพวกมันไปด้วยผ้าคลุมลวงสวรรค์

บริเวณนี้มีกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญนำคนกลุ่มใหญ่มุ่งสู่เผ่าเนตรปีศาจ คนเหล่านั้นเป็นทาส มีทั้งบุรุษ สตรี และปีศาจด้วยกัน ซึ่งพวกมันได้ชิงตัวมาจากทะเลส่วนนอก

ผู้นำคนกลุ่มนี้เป็นผู้เยาว์ที่ดูมีชื่อเสียงในเผ่า เขาตั้งใจจะสังหารพวกมันเพื่ออ่านความทรงจำ แต่ในระหว่างนั้น เขากลับสังเกตุเห็นสหายเก่าที่เป็นคนของแคว้นเยว่

สหายผู้นั้นเคยเป็น 1 ใน 10 ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดของแคว้นเยว่ คาดไม่ถึงว่าจะต้องมาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้

แม้ในอดีตชายชราผู้นี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้ไม่อยู่ในสายตาหนิงฝานแล้ว

เมื่อเวลาผันผ่าน ชื่อเสียงของทั้งสองก็เปลี่ยนไป หนิงฝานชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกพิรุณ แต่ชายชรากลับยังย่ำอยู่ที่เดิม

สหายเก่าผู้นั้นคือ ฉินสื่อหยู ยามนี้ทั้งมือและเท้าถูกล่ามด้วยตรวนเล็ก มันหวังจะเดินทางไปยังวิหารสาบสูญเพื่อเก็บตัวฝึกฝน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ทะเลไร้สิ้นสุด มันก็ถูกจับไปเป็นทาส

แม้จะมีวาสนาที่จะได้ทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่วาสนาที่น่าชื่นชมนั้นกลับถูกพรากไปทั้งหมด แม้กระทั่งชีวิตตนเองก็ยังไม่อาจบงการ

ฉินสื่อหยูผู้ยิ่งใหญ่ในแคว้นเยว่ เป็นได้เพียงมดปลวกในทะเลไร้สิ้นสุด

คนของเผ่าเนตรปีศาจมีทั้งขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ขอบเขตตัดวิญญาณ จนมันทำได้เพียงแค่อิจฉา

ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มที่เป็นตำนานในแคว้นเยว่ เป็นได้เพียงผู้เชี่ยวชาญทั่วไปในโลกอันกว้างใหญ่ ถ้าเกิดมันรู้ว่าทะเลไร้สิ้นสุดจะเป็นเช่นนี้ มันคงไม่เดินทางมาที่นี่ แต่ในขณะที่มันกำลังนึกเสียใจอยู่นั้น มหาสมุทรอันไพศาลกลับปั่นป่วน ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวปรากฏกายขวางทาง

ฉินสื่อหยูตกตะลึง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้เยาว์คนนั้นชัดๆ ดวงตาของมันกลับเบิกกว้าง

“เจ้าคือ...หนิงฝาน! ประมุขนิกายกุ่ยเยว่ สามีของจ้าวเมืองหนิง!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด