ตอนที่แล้วGE466 สหายเก่า [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE468 อนุสร์ปีศาจชิ้นที่ 3 [ฟรี]

GE467 หอคอยทองคำ [ฟรี]


กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญของเผ่าเนตรปีศาจมีด้วยกันกว่า 100 คน แต่ไม่มีผู้ใดสัมผัสถึงการมาถึงของหนิงฝานได้

ส่วนใหญ่แล้วคนของเผ่าเนตรปีศาจไม่ค่อยได้ออกจากอาณาเขตของเผ่า จึงทำให้พวกมันไม่รู้จักหนิงฝาน

เมื่อพวกมันเห็นหนิงฝานขวางทาง จึงมองหนิงฝานด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายอายุกระดูกแค่ 500 ปี พวกมันก็ยิ่งดูแคลน

พวกมันไม่กล่าวถามว่าเหตุใดถึงขวาง แต่พวกมันกลับกล่าวเย้ยหยันทันที

“เด็กนั่นมาได้จังหวะพอดี ถ้าเอามันไปขายเป็นกระถางขัดเกลา น่าจะได้หยกสวรรค์ไม่น้อย… ไปจับมันมา!”

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณออกคำสั่ง ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มนับ 10 พุ่งทะยานเข้าหนิงฝานพร้อมกับเชือกที่จะใช้พันธะนาการ

เมื่อผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มลงมือด้วยตัวเอง ฉินสื่อหยูทำได้เพียงกลืนน้ำลาย เพราะมันคิดว่าหนิงฝานคงไม่รอด

หากจะกล่าวว่ามันและหนิงฝานเป็นสหายก็คงไม่ถูกนัก เพราะเคยพบหนิงฝานที่งานประมูลในเมืองฉีเหม่ยเพียงครั้งเดียว ซึ่งฉินสื่อหยูในคราวนั้น เป็นผู้ช่วยของหนิงฝาน

คราวนั้นหนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 5 แต่เขาเติบใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น เขากลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้น และแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม

เท่าที่ฉินสื่อหยูจำได้ หนิงฝานเพิ่งมาทะเลไร้สิ้นสุดได้ไม่กี่สิบปี อย่างมากก็น่าจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น

ดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มหลายคน เหตุใดจะรับมือพวกมันได้

“ไม่อยากมองเลยจริงๆ ถึงสหายเต๋าหนิงจะทรงพลัง แต่เหตุใดจะสู้จำนวนพวกมันได้… สุดท้ายคงถูกจับมาเป็นทาสเหมือนข้า”

ฉินสื่อหยูส่ายหน้าพลางถอนหายใจ สุดท้ายหนิงฝานคงถูกจับมาเป็นทาสนเหมือนกัน

แต่แล้วสีหน้าของมันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจู่โจมหนิงฝาน เขาเพียงยกมือขึ้นเล็กน้อย ปราณกระบี่สีดำพุ่งเข้าฟาดฟันผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นและปลิดชีพพวกมันในพริบตา

“นั้นมัน...ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ทำลายแคว้นระดับล่างได้ง่ายๆ กลับตกตายอย่างง่ายดาย!” ฉินสื่อหยูไม่อยากเชื่อสายตา ยามนี้คนของเผ่าเนตรปีศาจรู้แล้วว่าหนิงฝานทรงพลังมาก ผู้ที่เป็นผู้นำในขอบเขตตัดวิญญาณของพวกมันจึงคิดจะลงมือเอง

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่โทษฐานที่สังหารคนของเผ่าเนตรปีศาจคือความตาย!” ทันทีที่กล่าวจบ มันซัดฝ่ามือไปเบื้องหน้า ปราณปีศาจที่ทรงพลังก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์พันจ้าง ตรงเข้าใส่หนิงฝาน

ฝ่ามือที่จู่โจมเต็มกำลังของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ สามารถสังหารขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ในพริบตา พลังระดับนั้นทำให้ฉินสื่อหยูสั่นสะท้าน เพราะมันเพิ่งเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณลงมือเป็นครั้งแรก

“ไม่มีทางรับมือได้แน่… ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจู่โจมเต็มกำลัง ตัวตนระดับนี้ไม่ใช่ผู้ที่สหายเต๋าหนิงจะรับมือได้ สหายเต๋าไม่รอดแน่!” ทันทีที่กล่าวจบ มันกลับต้องตกตะลึงอีกครั้ง

หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทางแล้วชี้นิ้วเบื้องหน้า เสียงระเบิดดังกึกก้องปรากฏ ฝ่ามือที่ทรงพลังขอบเขตตัดวิญญาณถูกทำลาย

ปราณกระบี่ใหญ่นับหมื่นจ้างปรากฏ พุ่งตรงเข้าหาผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณผู้นั้น แล้วปลิดชีพสังหาร จนร่างของมันระเบิดเป็นละอองโลหิต ดวงจิตถูกสะบั้นจนแทบไม่มีโอกาสรอด ก่อนจะถูกหนิงฝานชิงมาเป็นของตน

บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด ทุกคนตกตะลึงในการตายของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ และความแข็งแกร่งของหนิงฝาน

บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด… แต่ไม่นานนัก คนของเผ่าเนตรปีศาจกลับเริ่มวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง

หนิงฝานขยับมือ ปราณกระบี่ที่ทรงพลังไล่ล่าสังหารคนของเผ่าเนตรปีศาจทีละคนๆ และใช้วิชาอ่านความทรงจำพวกมัน

หลังจากได้ข้อมูลมากพอแล้ว หนิงฝานก็สังหารพวกมันทิ้งทั้งหมด

ฉินสื่อหยูและคนอื่นๆจ้องมองหนิงฝานด้วยความหวาดกลัว ต่อให้เป็นคนโง่ก็รู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมาก

ฉินสื่อหยูพยายามจ้องมองหนิงฝานชัดๆ ว่าผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวเบื้องหน้าคือหนิงฝานที่มันรู้จักจริงหรือเปล่า

ในอดีตมันประทับใจในตัวหนิงฝานมาก และสลักภาพของหนิงฝานเอาไว้ในใจ เป็นไปไม่ได้ที่มันจะจำผิด

เมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว หนิงฝานยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 5 แต่ยามนี้ เขากลับแข็งแกร่งพอจะปลิดชีพผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้

หากคนของแคว้นเยว่รู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกมันคงตกตะลึง

ฉินสื่อหยูจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาซับซ้อน มันอยากจะพูดคุยด้วย แต่ก็รู้ว่าสถานะในยามนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว มันจึงไม่กล้าพูด

มันขบคิดว่าหนิงฝานจะทำยังไงกับเหล่าทาส สังหารพวกมันทั้งหมดเหมือนคนของเผ่าเนตรปีศาจ หรือปล่อยให้เป็นอิสระ

ในขณะที่มันกำลังขบคิด หนิงฝานก็ค่อยๆเดินมาหา

หนิงฝานไม่ได้ปลดปล่อยปราณปีศาจ เพราะเกรงว่าฉินสื่อหยูจนทนรับไม่ได้

“สหายเต๋าฉิน ไม่ได้พบกันนาน? ท่านคงเดินทางมาที่นี่เพื่อทะลวงขอบเขต… ท่านยังจำข้าได้หรือเปล่า?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

ฉินสื่อหยูนับเป็นคนรู้จักจากแคว้นเยว่ แม้ในอดีตจะเคยบาดหมาง แต่มันก็เคยมอบฝักกระบี่โบราณให้ ทำให้หนิงฝานได้ครอบครองปราณกระบี่ที่ทรงพลัง

แม้หนิงฝานจะสังหารศัตรูไปมากมาย แต่เขาไม่เคยสังหารสหายของตน

สีหน้าฉินสื่อหยูแปรเปลี่ยนโศกเศร้า ผู้เยาว์ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรในวันนั้น ก้าวขึ้นมายังจุดที่มันไม่อาจเอื้อมได้ถึง

ในเมื่อหนิงฝานลดตัวลงมาพูดคุยกับคนอย่างมัน มันก็ไม่สนใจสิ่งใด ยิ้มรับและกล่าวตอบ “ผู้อาวุโสหนิงแข็งแกร่งมาก ผู้เยาว์ไม่กล้าเทียบตนเป็นสหาย”

“ข้ามีคำถามจะถามท่าน หากท่านตอบได้ ท่านก็ไปกับพวกเขาได้”

ฉินสื่อหยูตกตะลึง มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะยอมปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ

“ผู้อาวุโสมีคำถามใดเชิญถามเถอะ หากข้าตอบได้ ข้าตอบคำถามของท่านทั้งหมด”

“ข้าอยากู้เรื่องราวของแคว้นเยว่ เรื่องของเมืองฉีเหม่ย เมืองหนิง นิกายกุ่ยเชว่ นิกายเพลิงเมฆา… สหายเต๋าจิงสั่วเองบรรลุดวงจิตแรกเริ่มหรือยัง? เขารวบรวมแคว้นเยว่เป็นหนึ่งเดียวได้หรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินหนิงฝานกล่าวถามถึงแคว้นเยว่ มันก็เร่งบอกกล่าวเรื่องราวต่างๆออกมาทั้งหมด

มันรู้ว่าหนิงฝานไม่ได้สนใจแคว้นเยว่เท่าไหร่ เพราะสิ่งที่หนิงฝานใจคือภรรยาของตนและเหล่าสหาย ดังนั้น มันจึงเล่าถึงจื่อเฮ่อ หลานเหม่ย ไป่ลู่ และคนอื่นๆที่เกี่ยวพันกับหนิงฝาน รวมถึงจิงสั่ว ซู่ฉิง และกุ่ยเชว่สื่อ

ยามนี้จื่อเฮ่อบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว ที่สำคัญ นางยังรับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองหนิงและเจ้าเมืองฉีเหม่ย

หลานเหม่ยเองก็บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด นางรับตำแหน่งเป็นประมุขนิกายกุ่ยเยว่แทนผู้เป็นบิดา ที่กำลังเก็บตัวเพื่อทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม

ไป่ลู่รับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสของนิกายกุ่ยเชว่ และตอนนี้ นางกำลังเก็บเพื่อตัวทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ

จิงสั่วกลับไปยังแคว้นเยว่ด้วยพลังในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ทำให้ไม่มีผู้ใดในแคว้นกล้าเป็นศัตรู จึงรวบรวมแคว้นให้เป็นปึกแผ่นได้อย่างง่ายดาย และจิงสั่วก็คอยเป็นที่คุ้มภัยให้กับคนของหนิงฝาน

ส่วนศิษย์ของหนิงฝาน...ชูชิง ยามนี้บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แล้ว จึงกลายเป็นคนสำคัญของแคว้นเยว่ไป

เหตุที่จื่อเฮ่อและเหล่าสตรีของหนิงฝานยกระดับพลังได้เร็ว เป็นเพราะทั้งหมดมีศักดิ์ฐานะเป็นภรรยาอาจารย์ของหนิงฝาน จึงได้ชูชิงช่วยปรุงโอสถให้

จิงสั่วและชูชิงจะช่วยทำให้แคว้นเยว่ยกระดับเป็นแคว้นระดับกลาง นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคอยปกป้องแคว้นเยว่อย่างลับๆ ป้องกันไม่ให้ศัตรูที่ทรงพลังเข้าแคว้น อีกไม่นาน แคว้นเยว่คงจะยกระดับไปมาก

สิ่งที่ฉินสื่อหยูบอกเล่าทำให้หนิงฝานรู้สึกวางใจ เขาดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีสิ่งที่เขาต้องตระหนก...

หนิงฝานกระตุ้นเจตจำนงค์แห่งความทรงจำ แผ่พลังเข้าชำระล้างความทรงจำที่โหดร้ายให้เหล่าทาสทุกคน จนทำให้สภาพจิตใจของพวกมันดีขึ้น ควรทรงจำที่เลวร้ายกับเผ่าเนตรปีศาจถูกลบหาย รวมถึงความทรงจำที่พวกมันได้พบหนิงฝานก็ถูกลบไปด้วยเช่นกัน

หนิงฝานจากไปเงียบๆ ไม่นานเหล่าทาสรวมถึงฉินสื่อหยูก็สะดุ้งราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน

“แปลกมาก… เหตุใดข้ารู้สึกราวกับเพิ่งได้คุยกับสหายเก่า หรือจะเป็นเพียงความฝัน?” ฉินสื่อหยูส่ายหน้า มันลืมเรื่องที่ได้พบหนิงฝานและได้พูดคุยกันเมื่อครู่ไปจนหมด แต่เมื่อมันเห็นเศษซากของคนเผ่าเนตรปีศาจ มันก็หวาดกลัวจนฉี่แทบราด

คนของเผ่าเนตรปีศาจที่ตายอยู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มทั้งนั้น และยังมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณด้วย

ใครกันที่สังหารคนเหล่านี้?

ต่อให้คิดหาเหตุผลก็คิดไม่ออก ดังนั้นฉินสื่อหยูและเหล่าทาส จึงพากันหากุญแจแก้โซ่ตรวนตามเศษซากคนของเผ่าเนตรปีศาจ...

ณ เมืองส่องสวรรค์ เผ่าเนตรปีศาจ

หนิงฝานยืนอยู่บนภูเขาที่ไม่ไกลจากเมืองนัก ข้อมูลที่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่สังหาร ทำให้เขารู้ว่า เมืองส่องสวรรค์แห่งนี้เป็นเมืองหลวงของเผ่า ยู่กุ่ยโหวเก็บตัวรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ ซึ่งอนุสรณ์ปีศาจก็สมควรอยู่กับมันเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ หนิงฝานยังได้ข้อมูลสำคัญมาอย่างหนึ่ง คือข้อมูลของสนมปีศาจของเผ่าเนตรปีศาจ

นางถูกกักบริเวณอยู่ภายในเผ่า ไร้ซึ่งอิสระภาพ ทุกการกระทำต้องทำเพื่อเผ่าเสมอ

เผ่าเนตรปีศาจได้ฝึกฝนสตรีในเผ่านับ 10 ในลักษณะเดียวกับที่ฝึกฝนสนมอสูร ปิดหูปิดตาพวกนาง กักขังไร้ซึ่งอิสระภาพ เพื่อคอยรับใช้ช่วยเหลือ

“สนมปีศาจเผ่าเนตรปีศาจ...” หนิงฝานขมวดคิ้ว

จากข้อมูลที่เพิ่งได้ อนุสรณ์ปีศาจไม่ได้อยู่กับยู่กุ่ยโหวตามที่เขาเข้าใจ แต่อยู่กับสนมปีศาจเพื่อให้นางทำความเข้าใจและไขความ

ยู่กุ่ยโหวรู้ดีว่าต่อให้มันครอบครองอนุสรณ์ปีศาจเอาไว้ ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ จึงต้องอาศัยสนมปีศาจไขความลับ

“ข้าแค่ต้องหาสนมปีศาจให้พบ แล้วข้าจะได้อนุสรณ์ปีศาจชิ้นที่ 3” ดูเหมือนการชิงอนุสรณ์ปีศาจของเผ่าเนตรปีศาจจะง่ายกว่าที่เขาคิด

แต่ก่อนที่เขาจะเริ่มหา เขากลับต้องขมวดคิ้ว เพราะจู่ๆราชาสุสานบุบผากลับปรากฏตัวเหนือท้องนภาเมืองส่องสวรรค์ กลิ่นหอมของบุบผากระจายฟุ้ง ทำให้คนในเมืองตื่นตระหนก

แต่ในขณะเดียวกัน ภายในเมืองได้ปรากฏเสียงที่เย็นชาสายหนึ่ง พร้อมกับปราณปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว

“ไม่ทราบว่าราชาสุสานบุบผามาที่เผ่าของข้ามีจุดประสงค์อันใด!” กลิ่นอายพลังที่แฝงมากับเสียงคือขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง

“ยู่กุ่ยโหว… ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะต้องการอนุสรณ์ปีศาจ” ราชาบุบผากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“อนุสรณ์ปีศาจ? ฮึ่ม! ราชาสุสานบุบผา ดูเหมือนเจ้าจะเพิ่งพลาดอนุสรณ์ปีศาจจากเผ่าปีศาจยักษ์มา ร่างกายก็ยังบาดเจ็บอยู่ คิดจะมาช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจจากเผ่าข้าต่องั้นเหรอ? ข้าไม่ได้อ่อนแอพอที่จะให้เจ้าได้ข่มเหงหรอกนะ”

ยู่กุ่ยโหวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยเจตนาสังหาร หากราชาสุสานคิดช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจจริง มันก็จะลงมือสั่งสอน

ราชาสุสานบุบผาขมวดคิ้ว แม้มันจะไม่พอใจในคำกล่าวของยู่กุ่ยโหว แต่หลังจากความผิดพลาดในเผ่าปีศาจยักษ์ มันก็ตระหนักว่าเผ่าปีศาจไม่ได้อ่อนแออย่างที่มันคิด

หากเป็นร่างจริงของมันก็คงเอาชนะได้ไม่ยาก แต่หากเป็นดวงจิตที่ 2 ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นที่มันมาในคราวนี้ จึงไม่ได้คิดมาช่วงชิง แต่คิดที่จะนำสิ่งของล้ำค่ามาแลกเปลี่ยน

“ข้านำสมบัติล้ำค่ามาแลกเปลี่ยนกับอนุสรณ์ปีศาจ” ราชาบุบผากล่าว มันมั่นใจว่าหากยู่กุ่ยโหวได้เห็นสมบัติของมัน ต้องนำอนุสรณ์ปีศาจมาแลกเปลี่ยนด้วยอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นราชาสุสานบุบผาจะนำสมบัติมาแลกเปลี่ยน ยู่กุ่ยโหวตกตะลึงและเร่งถอนปราณปีศาจไป

“นี่เจ้า!”

ยู่กุ่ยโหวคิดไม่ออกมาว่าราชาสุสานบุบผาจะนำสมบัติอะไรมาแลกเปลี่ยนกับอนุสร์ปีศาจ

แม้ว่าอนุสรณ์ปีศาจจะล้ำค่ามาก แต่ไม่ว่ามันจะพยายามคิดเท่าไหร่ ก็ไม่อาจไขความจริงที่อยู่ในอนุสรณ์ปีศาจได้ ดังนั้นการแลกเปลี่ยนอนุสรณ์ปีศาจกับสมบัติที่เป็นประโยชน์แทน เผ่าเนตรปีศาจน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า

ราชาสุสานบุบผานำหอคอยสีทองออกมา ลักษณะของมันคล้ายกับวิหารสาบสูญ ราวกับเป็นสมบัติที่อยู่อาศัย ซึ่งภายในจะมีการไหลเวียนของเวลาที่เร็วกว่าโลกภายนอก

ยู่กุ่ยโหวตกตะลึง มันสัมผัสได้ว่า หอคอยทองคำนั้นมีการไหลเวียนของเวลาที่เร็วกว่าโลกภายนอกอย่างน้อย 16 เท่า!

หากมันได้ครอบครองหอคอยทองคำนั่น นอกจากตัวมันจะเก็บตัวฝึกฝนได้แล้ว คนในเผ่าของมันก็ยังใช้ได้เช่นกัน

มันเริ่มต้องการที่จะแลกอนุสรณ์ปีศาจกับหอคอยนั่นอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อขบคิดดูแล้ว เรื่องที่สำคัญเช่นนี้มันต้องหารือกับผู้อาวุโสคนอื่นๆในเผ่าก่อน

“เรื่องสำคัญเช่นนี้ข้าต้องหารือกับคนในเผ่าก่อน เชิญราชาสุสานบุบผาเข้ามาพักก่อนเถอะ”

“ย่อมได้” ราชาสุสานบุบผารับคำ

หนิงฝานที่ซ่อนตัวอยู่เห็นทุกสิ่ง เขาเริ่มขบคิดหาแผนการ

“ข้าว่าพวกมันคงตกลงกันไม่ได้… ถ้าเกิดข้าช่วงชิงอนุสรณ์ปีศาจของยู่กุ่ยโหว และช่วงชิงหอคอยทองคำจากราชาสุสานบุบผา พวกมันคงคิดว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่ายแล้วก็เริ่มกัดกันเอง”

“หอคอยทองคำนั่น… ถ้าข้าเดาไม่ผิด มันสมควรเป็นสมบัติที่วิหารสาบสูญสร้างขึ้น เดิมทีมีถึง 8 ชั้น แต่ด้วยเป็นสมบัติที่มีข้อบกพร่อง จึงน่าใช้ได้เพียงแค่ 7 ชั้นเท่านั้น”

ดูเหมือนการมาเยือนเผ่าเนตรปีศาจคราวนี้จะโชคดีไม่น้อย เขาต้องชิงหอคอยทองคำนั่นมาด้วยให้ได้

ต่อให้เวลาภายในเดินเร็วกว่าภายนอกกว่า 16 เท่า แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกสนใจ

สำหรับหนิงฝานแล้ว เผ่าเนตรปีศาจและราชาสุสานบุบผาล้วนเป็นศัตรู ในเมื่อมีโอกาสช่วงชิงสมบัติของพวกมัน เหตุใดเขาจะปล่อยให้หลุดมือ

ในขณะที่หนิงฝานเริ่มเคลื่อนไหว สตรีในอาภรณ์ดำนางหนึ่งในอยู่ในเมืองส่องสวรรค์ กลับมีความรู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ทำไมจู่ๆดวงจิตของข้าถึงเชื่อมโยงกับดวงจิตของบางคน… เขาเป็นใครกัน”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด