ตอนที่แล้วGOI ตอนที่ 93 อำนาจ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGOI ตอนที่ 95 มีข้อผิดพลาด!?

GOI ตอนที่ 94 ทดสอบ!


“เขาเป็นยอดฝีมือหนึ่งในร้อยของอันดับต่อสู้ พวกเจ้าทั้งหมดรวมกันก็สู้เขาไม่ได้”

เสวี่ยอิ่งอธิบายสถานการณ์ให้ป๋ายเสี่ยวเฟยจากข้างหลังด้วยเสียงที่มีเพียงเขาที่ได้ยิน

เสวี่ยอิ่งที่ว่างมาทั้งเดือนราวกับเป็นคอมพิวเตอร์ นางได้เปลี่ยนจากคนหลงทางที่ไม่รู้ว่าศาลายาอยู่ที่ใดไปเป็นสารานุกรมของสถาบัน นางป้อนข้อมูลทุกอย่างใส่หัวไว้หมดแล้ว

อีกทั้ง ความรู้ของนางยังครอบคลุมไปถึงความลับส่วนบุคคลที่มีเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้...

ป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งยินดีทั้งหวาดกลัว เขายินดีเพราะเขาไม่ต้องเสียเวลาไปสืบเรื่องที่เขาต้องการเพราะสามารถถามเสวี่ยอิ่งได้ แต่เขาหวาดกลัวเพราะเล่ห์กลของเขาบางอย่างไม่อาจหลุดพ้นจากการตรวจสอบของนางเช่นกัน...

แต่นั่นเป็นเรื่องที่ดีภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน และมันทำให้ป๋ายเสี่ยวเฟยหลบเลี่ยงวิธีที่ผิดเมื่อจัดการกับบางเรื่อง

“ข้าขอโทษที่รบกวนท่าน ศิษย์พี่ ข้าคิดว่าท่านเข้าใจผิดเรื่องข้า ถึงแม้ความสัมพันธ์ของข้ากับศิษย์พี่หลายคนไม่ถือว่าดีนัก แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขารุกรานข้าก่อน หากข้าไม่ตอบโต้ ข้ายังจะเรียกตัวเองว่าชายชาตรีได้อีกหรือ?”

“สำหรับเรื่องเมื่อครู่ ข้าขอเป็นตัวแทนสหายนักเรียนเพื่อขออภัย พวกเราเป็นฝ่ายผิดจริงๆ”

ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างไม่เย่อหยิ่งไม่อ่อนน้อม ใครจะไปคาดคิดว่าเขาเป็นแค่อันธพาลจากหุบเขา?

ต้องขอบคุณการพบปะพูดคุยกับศิษย์พี่หญิงในอันดับบุปผาตลอดทั้งเดือน ป๋ายเสี่ยวเฟยในยามนี้สามารถเอ่ยอย่างสุภาพได้มากกว่าเดิม!

สงเฉิงไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ่ย แต่เขาไม่อาจหาสิ่งใดเพื่อโต้แย้ง และถึงแม้เขาจะเกลียดชังสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยกระทำ เขาก็ไม่ใช่คนที่จงใจใส่ร้ายผู้อื่น

“พวกเราสามารถแข่งกันได้หากเจ้าเข้าสู่อันดับต่อสู้ในวันหนึ่ง แต่ในปัจจุบัน เจ้ายังไม่คู่ควรให้ข้าลงมือ”

สงเฉิงเอ่ยแล้วจึงจากไป ทุกย่างก้าวราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว กลิ่นอายอหังกาไม่อ่อนลงสักเสี้ยว

นี่คือกลิ่นอายของยอดฝีมือในอันดับต่อสู้ อย่างที่สงเฉิงเอ่ยไว้ นอกจากกลายมาเป็นสมาชิกในอันดับต่อสู้แล้ว ไม่มีใครสามารถสัมผัสความรู้สึกนี้

“พวกเจ้าต่อแถวกันต่อ เราจะแข็งแกร่งแบบเขาไม่ช้าก็เร็ว”

ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้ถึงสิ่งที่ศิษย์ใหม่คนอื่นคิดอย่างชัดเจนเพราะเขาก็เป็นศิษย์ใหม่เช่นกัน...

“ลูกพี่ป๋าย พวกท่านควรจะไปต่อแถวข้างหน้า พวกเราล้วนรู้สึกละอายใจหากให้ท่านอยู่ข้างหลัง”

ศิษย์ปีใหม่ที่เอ่ยตั้งแต่แรกเปิดปากอีกครา สิบกว่าคนในแถวแรกๆ ยกคิวของตนให้เพราะพวกเขารู้สึกขอบคุณป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างแท้จริง

“ก็ได้ ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจ”

การปฏิเสธมากเกินไปจะทำให้เขาดูเหมือนเสแสร้ง ป๋ายเสี่ยวเฟยนำศิษย์ห้องคนเถื่อนเดินไปยังข้างหน้าหลังจากตอบรับ หวงเทียนฮั๋วถูกเมินตลอดทั้งบทสนทนา

“ยินดีต้อนรับ มีเพียงหกคนที่สามารถเข้ารับการทดสอบได้ในหนึ่งครั้ง ใครจะไปก่อน?”

พนักงานเผยรอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนราวกับไม่รู้สึกรู้สาอันใดกับเสียงเอ็ดตะโรเมื่อครู่

“พวกเจ้าไป ข้าจะไม่ทดสอบ”

ป๋ายเสี่ยวเฟยถอยหลังหนึ่งก้าวพลางเอ่ย สีหน้าไร้พลังปรากฎขึ้น

ศิษย์ห้องคนเถื่อนตั้งใจจะโน้มน้าวป๋ายเสี่ยวเฟย แต่พวกเขากลืนคำพูดทั้งหมดไปเพราะพวกเขาไม่อาจเกลี้ยมกล่อมป๋ายเสี่ยวเฟยได้หากเขาตัดสินใจแล้ว

จากทฤษฏีผู้หญิงมาก่อน สือเฉินและพวกก้าวเท้าไปยังห้องทดสอบขณะที่ผู้ชายรออย่างกระวนกระวายอยู่ข้างนอก

‘เอ่อ...‘

‘แปลกเล็กน้อย หืม...’

บททดสอบควบคุมหุ่นเชิดแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือทดสอบปราณกำเนิด เนื้อหาง่ายดายอย่างมาก แค่ใส่ปราณกำเนิดเข้าไปในลูกบอลทรงกลมสุดแรงเกิด ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับว่าจะใส่ปราณกำเนิดได้มากสุดเท่าใดในเวลาสองวินาที

ส่วนที่สองคือบททดสอบความสามารถในการแบ่งจิต วิธีคือการควบคุมหุ่นเชิดลูกบอลเวทย์ระดับขาว หุ่นเชิดระดับต่ำเช่นนี้ไม่ต้องทำพันธสัญญา ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ่นเชิดที่ควบคุมได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ นักเชิดหุ่นต้องควบคุมลูกบอลเวทย์ให้ได้อย่างน้อยสี่ลูกหากต้องการควบคุมหุ่นเชิดสองตน

ส่วนที่สามคือทดสอบวิญญาณ เพื่อทดสอบว่านักเชิดหุ่นจะสามารถทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดตัวที่สองได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ หากวิญญาณไม่กล้าแกร่งพอ นักเชิดหุ่นอาจโดนแรงตีกลับ

และยังเป็นบททดสอบที่ใช้เวลามากที่สุด อ้างอิงจากระดับของบททดสอบ นักเชิดหุ่นต้องเข้าไปในค่ายกลมายาของแต่ละระดับ หากสามารถออกจากค่ายกลได้ก็ถือว่าสอบผ่าน

หลังจากทั้งหกหญิงเข้าไป หลินหลีเป็นคนแรกที่กลับออกมาภายในเวลาสามสิบนาที ในขณะเดียวกัน ผลลัพธ์ของนางถูกส่งให้เสวี่ยอิ่ง

ปราณกำเนิด:ระดับสูงขั้นสอง -ความสามารถในการแยกจิต:หุ่นเชิดสี่ตัว -ผ่านระดับสุดยอดของค่ายกลมายาระดับสูง -การตัดสินสุดท้าย:ควบคุมหุ่นเชิดสี่ตนได้อย่างไร้ที่ติ!

“หลินหลี เจ้าควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้ตั้งนานแล้ว ใช่หรือไม่? เหตุใดเจ้ายังมีหุ่นเชิดแค่ตัวเดียว?”

น้ำเสียงของเสวี่ยอิ่งแฝงความประหลาดใจ นางอยากถามคำถามนี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาส อย่างไรเสียหลินหลีก็เป็นลูกสาวของหลินหนีฉาง ไม่มีทางที่นางจะขาดแคลนเรื่องเงิน

“แม่ข้าบอกว่าหุ่นเชิดของข้าพิเศษ ข้าต้องมีความสามารถควบคุมหุ่นเชิดได้อย่างน้อยสี่ตนก่อนจึงจะสามารถทำพันธสัญญากับหุ่นเชิดตัวที่สองได้”

หลินหลีพูดออกมาง่ายๆ อย่างเชื่อฟัง สีหน้าน่ารักบวกกับท่าทางเป็นผู้ใหญ่ทำให้ศิษย์นักเรียนโดยรอบเหม่อมองอย่างโง่งม

ในปัจจุบัน มีข่าวลือกระจายออกไปว่าหนึ่งในหลินหลีหรือหูเซียนเอ๋อร์จะได้เข้าสู่อันดับบุปผา และศิษย์พี่หลายคนที่ได้ยินข่าวลือเริ่มรวบรวมข้อมูลของทั้งสองดรุณี แต่ศิษย์ใหม่ทุกคนล้วนประพฤติตนเป็นอย่างดี

เพราะนอกจากฉายาของเทพธิดาแล้ว ทั้งสองยังมีฐานะเป็นพี่สะใภ้...

ไม่มีใครในหมู๋ศิษย์ใหม่ที่โง่พอจะสู้กับป๋ายเสี่ยวเฟยเรื่องหญิงสาว พวกเขาจึงทำได้แค่ปาดน้ำลายที่ไหลออกมาเมื่อพบหน้าสองโฉมสะคราญ...

“แล้วแม่ของเจ้าเตรียมหุ่นเชิดตัวที่สองไว้แล้วหรือ?”

เสวี่ยอิ่งถามราวกับกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงของหลินหลี พูดจริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ติดต่อกับคนระดับสูงเช่นหลินหลี

“แม่บอกว่าแม่ได้สอนทุกอย่างที่สามารถสอนหมดแล้ว และข้าทำได้เพียงพึ่งพาตนเองในเรื่องอื่น”

หลินหลีเอ่ยอย่างจริงใจก่อนจะรีบวิ่งไปข้างกายป๋ายเสี่ยวเฟย

“ข้าควบคุมหุ่นเชิดตัวที่สองได้แล้ว อยากให้ข้าเลือกแบบไหน?”

ถึงแม้หลินหลีจะไปเยี่ยมเยือนศาลาไร้ตัวตนกับพวกสือเฉินอยู่บ่อยครั้ง แต่นางไม่เคยเลือกหุ่นเชิดอย่างจริงจัง ทุกคนคิดว่านางมีแผนอยู่ในใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น...

นางคงกำลังรอฟังความคิดเห็นของป๋ายเสี่ยวเฟย!

“แน่นอนว่าต้องเป็นหุ่นเชิดที่เหมาะสมและทำให้เจ้าสังหารศัตรูภายใต้สถานการณ์ทุกอย่าง มิเช่นนั้นหากเจ้าตกอยู่ในอันตรายเพราะข้าช่วยไม่ได้คงไม่เป็นการดี”

ป๋ายเสี่ยวเฟยแตะจมูกหลินหลี นางแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานเมื่อได้ยิน

ภายในระยะเวลาสองเดือนอันสั้น หลินหลีกล่าวได้ว่าได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงพวกนี้จดจ่ออยู่กับสีหน้าและอารมณ์ที่นางแสดง

หากกล่าวว่าหลินหลีเป็นเพียงเด็กเล็กอายุหกเจ็ดขวบเมื่อนางเข้ามาในสถาบัน เช่นนั้นนางก็คงอายุราวๆ สิบสองสิบสามได้แล้ว อีกทั้งสีหน้าที่สามารถแสดงออกมาได้ก็เพิ่มพูนขึ้นมาก

แต่สีหน้าพวกนี้จะปรากฎขึ้นต่อหน้าของป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นส่วนใหญ่...

“ให้ความสนใจกับสถานที่และสถานการณ์ อย่าให้มันมากไปนัก!”

เสียงของเสวี่ยอิ่งดังขึ้น แผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวเฟยเย็นเยียบขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้ เมื่อเขาหันหลังกลับไปมอง ป๋ายเสี่ยวเฟยเห็นสีหน้าที่แวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของฆาตกร...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด