ตอนที่แล้วGE431 ล่าสังหาร (8) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE433 รับกระบี่! [ฟรี]

GE432 ราชามังกรตะวันออกผู้หวาดกลัว [ฟรี]


ดรรชนีกระบี่ทลายสวรรค์… อานุภาพของมันทรงพลังจนยากจะจินตนาการ แต่หากจะกล่าว มันทรงพลังยิ่งกว่าธนูดับดารา

แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานยังไม่เคยใช้มันในโลกแห่งความเป็นจริง เขาเพียงเคยใช้ในโลกแห่งความฝันเมื่อยามที่เผชิญหน้ากับโม๋หลัว

ความเข้าใจในคราวนั้น เกือบจะทำให้หนิงฝานเข้าใจดรรชนีกระบี่อย่างทะลุปรุโปร่ง จนทำให้ผสานดรรชนีกระบี่ทั้ง 5 เข้าด้วยกันได้

แต่ด้วยระดับพลังของหนิงฝานในยามนี้ ทำให้เขายังไม่อาจผสานดรรชนีกระบี่มากกว่า 3 ดรรชนีได้ ดังนั้น ระดับที่หนิงฝานใช้ได้ คือผสานดรรชนีกระบี่ทั้ง 3 เข้าด้วยกัน

หนิงฝานแหงนหน้ามองเส้นแสงทั้ง 7 ที่กำลังดิ่งลงมา เขารู้ว่าเส้นแสงเหล่านั้นทรงพลังมาก และเป็นสิ่งที่ราชามังกรภาคภูมิใจ

ต่อให้เป็นขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง การจู่โจมนี้ยังทำให้พวกมันหวาดกลัว ไท่หยู โม่เหลย และคนอื่นๆยิ่งไม่อาจรับมือกับการจู่โจมนี้ได้… แต่หนิงฝานต้องรับมัน!

หนิงฝานขยับนิ้วแรก ภูเขา สายน้ำ และพื้นดินพังพินาศ พลังที่ได้จากพวกมันทั้งหมด มารวมอยู่ที่นิ้ว

หนิงฝานขยับนิ้วที่สอง ปราณกระบี่ที่ทรงพลังเริ่มก่อตัว อานุภาพของดรรชนีกระบี่เพิ่มพูนมหาศาล จนทำให้เส้นแสงทั้ง 7 สั่นเทาราวกับหวั่นเกรง

แต่เมื่อหนิงฝานขยับนิ้วที่ 3 ปราณกระบี่ก่อตัวชัดเจน อานุภาพยกระดับเป็นเท่าทวี ปลายกระบี่ชี้ไปบนท้องนภาราวกับท้าทายสวรรค์

ในรัศมีแสนลี้รอบกาย รอยแยกมิติปรากฏเป็นจำนวนมาก ปราณกระบี่ดูดซับพลังมิติจนกลายเป็นสีดำสนิท แผ่กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลที่มันเคยปลิดชีพมา

ในชั่วพริบตานั้น เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงของผู้ที่ตกตายภายใต้คมดรรชนีกระบี่ ถูกกักขังไม่อาจหวนคืนสู่วัฏสงสาร

การปรากฏขึ้นของปราณกระบี่ที่เกิดจากการผสาน 3 ดรรชนีกระบี่ของหนิงฝาน ราวกับทำลายบ่วงโซ่ที่พันธะการเจ้าของเสียงเหล่านั้น ปลดปล่อยให้พวกมันได้กลับคืนสู่การเวียนว่ายอีกครั้ง

ดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานดูราวกับไม่ได้มีไว้พรากชีวิต แต่มีไว้เพื่อปลดปล่อยชีวิตกลับคืนสู่วังวน

บางทีผู้ที่คิดค้นวิชาดรรชนีกระบี่อาจเคยสังหารศัตรูมาแล้วมากมาย มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่ถูกที่ถูกพรากชีวิตไป โดยไม่อาจหวนคืน

“บรรพบุรุษกระบี่...” หนิงฝานหลับตา สัมผัสถึงความรู้สึกที่หลั่งไหลเข้ามา แม้เขาจะไม่เคยพบผู้ที่คิดค้นวิชานี้ แต่เขาก็รู้สึกนับถือ

เส้นทางแห่งเต๋านั้นไม่ได้ราบรื่น ต้องผ่านการเข่นฆ่าสังหารมามากมาย เพราะหากไม่สังหารศัตรูให้สิ้น วันหนึ่งพวกมันก็จะหวนกลับมาสังหารเรา… แต่เมื่อถึงคราวตาย ต่อให้แค้นเคืองเช่นใดก็ไม่อาจนำติดตัวไปได้ ดังนั้น การได้ส่งดวงจิตที่ผูกพันธ์เหล่านั้นให้กลับสู่การเวียนว่าย จึงนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี

แววตาหนิงฝานเป็นประกาย แฝงด้วยพลังอันลึกลับ

ด้วยพลังและความเข้าใจในพลังแห่งชีวิต ทำให้หนิงฝานใช้ดรรชนีกระบี่ได้ทรงพลังขึ้น

เขารู้สึกกระจ่างในคำว่าพลังแห่งชีวิตอย่างบอกไม่ถูก

ภายในหัวปรากฏความรู้สึกของคน 4 ผู้

โม๋หลัวผู้โหดเหี้ยม… ไท่ซูผู้เถรตรง… บรรพบุรุษกระบี่ผู้เรียบเฉย… และเทพกษัตริย์สื่อเซ้าที่ยิ้มร่า

ปราณกระบี่ของหนิงฝานทรงอานุภาพขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำแสงทั้ง 7 เส้นสั่นเทาราวกับจะพังทะลาย ทำให้ราชามังกรหวาดกลัวไปถึงดวงจิต

“ปราณกระบี่นั่นมันอะไร… ทำไมถึงทำให้ข้าหวาดกลัวได้ขนาดนี้! เป็นไปไม่ได้”

ราชามังกรสั่นเทา ดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อ

ในระหว่างที่มันตกตะลึงอยู่นั้น ปราณกระบี่ของหนิงฝานกลับตรงเข้าปะทะกับเส้นแสงทั้ง 7 ทะลวงทำลายพวกมันไปทีละเส้น

แม้จะทำลายเส้นแสงเหล่านั้นไปทั้งหมด แต่อานุภาพของปราณกระบี่กลับลดทอนลงเพียง 1 ใน 3 ส่วน

เมื่อทะลวงเส้นแสงเหล่านั้นได้ทั้งหมด ปราณกระบี่แปรสภาพเป็นเส้นแสงสีดำจำนวนมาก เข้าพันธะนาการร่างราชามังกร

แม้ราชามังกรจะทรงพลัง แต่ไม่อาจทำลายเส้นแสงสีดำเหล่านั้นได้ ซ้ำยังถูกพันธะนาการไว้แน่นจนไม่อาจเคลื่อนไหว

มันไม่อยากเชื่อว่าการจู่โจมที่ทรงพลังที่สุดของมัน จะไม่อาจต้านรับปราณกระบี่ของหนิงฝานได้

ในระหว่างที่พันธะนาการนั้น เส้นแสงสีดำได้แทรกผ่านเข้าไปใต้เกร็ดมังกรแล้วทะลวงร่างของมัน จนโลหิตไหลนองราวกับลำธาร

“อ้า~~”

ราชามังกรแผดเสียงร้องลั่น เกร็ดมังกรที่แข็งถูกแทรกผ่าน ปราณกระบี่จำนวนมหาศาลเข้าทะลวง จนทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส

โม่เหลย ไท่หยู เหลยฉียี่ และคนอื่นๆที่เห็นภาพการต่อสู้ต่างแทบหยุดหายใจ

เมื่อยามที่ราชามังกรจู่โจมด้วยหยกมังกรเหลือง พวกมันรู้ว่าไม่อาจต้านทาน

แต่เมื่อเห็นดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานที่ทำลายหยกมังกรเหลือง พวกมันรู้สึกราวกับหนิงฝานคือเซียนที่ลงมาสยบราชามังกร

“ดรรชนีกระบี่ของสหายเต๋าซัวหมิง ทรงพลังเทียบเท่าขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงที่จู่โจมเต็มกำลัง ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงก็ไม่กล้าต้านรับตรงๆ… หรือสหายเต๋าซัวจะอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง?”

“ราชามังกรแพ้แล้ว! สหายเต๋าซัวหมิงเอาชนะราชามังกร แต่หากราชามังกรถูกสังหาร ‘ราชามังกรตะวันออก’ อาจลงมาที่นี่ด้วยตัวเอง!”

เสียงอุทานดังมาจากรอบทิศ ดวงจิตอัสนีที่ทรงพลังเป็นจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ภายในชั้น 24 เฝ้าดูการต่อสู้ของหนิงฝานและราชามังกรด้วยความหวาดกลัว

การที่หนิงฝานเอาชนะราชามังกรได้ แสดงว่าเขาแข็งแกร่งจนพวกมันไม่กล้ายั่วยุ

หนิงฝานไม่สนใจสายตาของดวงจิตอัสนีเหล่านั้น ยามนี้เขาแปลงร่างเป็นยักษ์ทมิฬสูงใหญ่ 5 พันจ้าง สวมเกราะทองคำเป็นประกาย อ้าปากดูดกลืนเอาเศษซากหยกมังกรเหลืองที่ถูกทำลายเข้ามาในร่าง

หนิงฝานก้าวเข้าหาราชามังกร จับร่างที่กลายเป็นมังกรในยามที่ใช้หยกมังกรเหลืองของมัน มันเหวี่ยงฟาดลงพื้นอย่างต่อเนื่อง

ราชามังกรยามนี้ไร้ซึ่งพลังต่อต้าน เพราะอาการบาดเจ็บที่มันได้รับจากดรรชนีกระบี่ของหนิงฝานนั้นรุนแรงเกินไป

การถูกจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปราณภายในร่างของมันปั่นป่วน ทะเลสติเสียหายอย่างรุนแรง อาการบาดเจ็บเพิ่มพูนยากจะรักษา และสติก็เริ่มจะหลุดลอยอย่างช้าๆ

“ซัวหมิง! เจ้ารนหาที่ตาย เจ้ากล้าทำให้ราชาผู้นี้บาดเจ็บ! ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“น่ารำคาญ!”

หนิงฝานในร่างยักษ์คำรามลั่น เขาจะไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้เด็ดขาด

เขาจับร่างของราชามังกรขึ้นมา ดึงเอาเส้นเอ็นมังกรภายในร่างของมัน ดึงเกร็ดมังกรทั่วร่างออก หักเขาคู่บนศีรษะ และเด็ดปีกของมันทั้งสองข้าง

ราชามังกรหมดสภาพ ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล โลหิตไหลนองราวชะโลมทั่วทุกหนแห่ง แววตาที่เย่อหยิ่งหายไปเหลือเพียงความหวาดกลัว!

“ซัวหมิง เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้… ไม่อย่างนั้นนายแห่งข้า...ผู้ปกครองชั้น 90 ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

ทันทีที่สิ้นคำกล่าวของราชามังกร แรงกดดันที่ใกล้เคียงกับขอบเขตไร้แบ่งแยกปรากฏในชั้น 24!

“ชี่หลงกล่าวถูกแล้ว… ถ้าเจ้ากล้าสังหารคนของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” ทันที่สิ้นเสียง ชายชราในอาภรณ์ทองคำปรากฏตัว

การปรากฏตัวของมันทำให้ดวงจิตอัสนีที่เห็นเปล่งเสียงอุทาน

“ราชามังกรตะวันออก! ผู้ปกครองแห่งหอคอยชั้น 90… เขามาช่วยราชามังกรด้วยตนเอง!”

“มีข่าวลือว่าราชามังกรตะวันออกฝึกฝน จนระดับพลังบรรลุถึงจุดสูงสุดของขอบเขตไร้ดัดแปลง หากไม่เพราะหอคอยอัสนีแห่งนี้จำกัดพลังไว้ไม่ให้บรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก ป่านนี้ราชามังกรตะวันออกคงบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกไปแล้ว!”

“คาดไม่ถึงว่าราชามังกรตะวันออกจะมาด้วยตัวเอง ต่อให้ซัวหมิงแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่มีทางสู้ราชามังกรตะวันออกได้แน่!”

การปรากฏตัวของราชามังกรตะวันออก ทำให้ไท่หยู โม่เหลย และเหลยฉียี่สิ้นหวัง

แค่ราชามังกรที่อยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ก็ทำให้พวกมันหวาดกลัวแล้ว แต่กลับมีราชามังกรตะวันออกเพิ่มท่… และย่อมทรงพลังกว่าราชามังกรจนเทียบไม่ติด

ราชามังกรตะวันออกทรงพลังในขอบเขตกึ่งไร้แบ่งแยก หากไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในขอบเขตไร้แบ่งแยก ย่อมไม่มีผู้ใดต่อกรกับมันได้!

“สหายเต๋าซัว! เรารีบไปกันเถอะ ราชามังกรตะวันออกไม่ใช่ผู้ที่เราจะรับมือได้” เหลยฉียี่กล่าวเตือน

“ไม่จำเป็น! มันไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก!”

แววตาของหนิงฝานเผยเจตนาสังหาร มือกระชับร่างราชามังกรแน่น แล้วกระชากจนร่างของมันขาดเป็นสองท่อน โลหิตสาดกระจายราวกับสายน้ำหลาก

ราชามังกรคิดว่า การที่ราชามังกรตะวันออกลงมาด้วยตนเอง จะทำให้มันรอดพ้นจากอันตราย แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม หนิงฝานไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่าย ซ้ำยังลงมือสังหารมันอย่างโหดเหี้ยม

“บัดซบ! เจ้ากล้าท้าทายข้า!” ราชามังกรตะวันออกเปล่งเสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยโทสะ มันคาดไม่ถึงว่าผู้เยาว์ในขอบเขตตัดวิญญาณจะกล้าสังหารคนของมันต่อหน้า และเมื่อครู่ หนิงฝานยังกล้ากล่าวว่ามันไม่กล้าทำอะไรเขา

ช่างหาญกล้านัก!!

ราชามังกรตะวันออกแผดเสียงคำราม เท้าก้าวไปเบื้องหน้า ยกมือสูงแล้วฟันลงมาราวกับง้าว ส่งปราณที่ทรงพลังและคมกริบเข้าใส่หนิงฝาน

แต่ในชั่วพริบตานั้น หนิงฝานเปล่งแรงกดดันในขอบเขตไร้แบ่งแยก จนทำให้ราชามังกรตะวันออกตกตะลึง

“ขะ...ขอบเขตไร้ดัดแปลง! เจ้าเป็นใครกันแน่!”

“ไสหัวไปซะ! แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ราชามังกรตะวันออกเร่งสลายปราณของตนด้วยความตระหนก

มันสงสัยว่าเหตุใดผู้เยาว์ในขอบเขตตัดวิญญาณถึงใช้การจู่โจมในขอบเขตไร้แบ่งแยกได้

แม้ตัวมันจะแข็งแกร่งและเย่อหยิ่งเพียงใด แต่ก็ไม่อาจทำได้เมื่ออยู่ต่อหน้าขอบเขตไร้แบ่งแยก

แม้ระดับจะห่างชั้นกับขอบเขตไร้แบ่งแยกเพียงก้าวเดียว แต่ความต่างของพลังกลับต่างกันราวพิภพและสวรรค์ ดังนั้น เมื่อหนิงฝานกระตุ้นอนุสรณ์ตะวันจันทรา เปล่งแรงกดดันในขอบเขตไร้แบ่งแยก มันสัมผัสได้ทันทีว่า หากหนิงฝานจู่โจม มันไม่มีทางรอดแน่

“เด็กนั่นสามารถจู่โจมในระดับไร้แบ่งแยกได้ ข้าไม่ควรยั่วยุมัน!”

“ที่มันไม่ยอมจู่โจมข้า มันมีเจตนาแค่เพียงขู่และไล่ให้ข้ากลับไป แสดงว่าการจะใช้การจู่โจมระดับนั้นต้องแลกมาด้วยบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา มันจึงไม่อยากจู่โจมข้าให้เสียเปล่า”

“คาดไม่ถึงว่าเจ้าชี่หลงจะไปยั่วยุคนที่ทรงพลังขนาดนั้นเข้า”

“ได้ยินว่าเด็กนั่นมีระฆังที่สามารถทำลายพลังมิติได้ หากข้าได้มันมา ข้าย่อมกลายเป็นผู้ไร้เทียมทาน… แต่นั่นต้องแลกกับการที่ต้องรับการจู่โจมระดับไร้แบ่งแยกของมัน สิ่งที่ได้ย่อมไม่คุ้มเสีย”

“ช่างเถอะ… แค่ไม่ต้องไปยุ่งกับมันก็พอ!”

ราชามังกรตะวันออกขบคิดร้อยแปด ก่อนจะขบฟันและยอมจากไปแต่โดยดี

สิ่งที่ปรากฏทำให้ดวงจิตอัสนีทั้งหมดตกตะลึง ราชามังกรตะวันออกปรากฏตัวเพื่อข่มขู่หนิงฝาน แต่หนิงฝานกลับไม่หวาดกลัว ซ้ำยังลงมือสังหารราชามังกรต่อหน้า เหตุใดราชามังกรตะวันออกถึงต้องถอยไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่แปลกที่พวกมันจะไม่รู้ เพราะหนิงฝานแผ่แรงกดดันข่มขู่เพียงราชามังกรตะวันออกเท่านั้น

หนิงฝานส่ายหน้า หากเขาจู่โจมมัน แม้จะมีโอกาสไม่น้อยที่จะสังหารมันได้ แต่ก็มีโอกาสไม่น้อยที่มันจะรอดเช่นกัน

กว่าหนิงฝานจะรวบรวมพลังใส่อนุสรณ์ตะวันจันทราได้ไม่ใช่เรื่องง่าย การที่เอามาใช้กับราชามังกรตะวันออก จึงนับว่าสูญเปล่าเป็นอย่างมาก

ยามนี้ขีดจำกัดของหนิงฝานอยู่เพียงชั้น 24 หากขึ้นไปในชั้นที่สูงกว่านี้ ต่อให้เขาแปลงร่างเป็นปีศาจได้ ก็ไม่สามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้อยู่ดี

หนิงฝานดูดซับเลือดเนื้อ และปฐมอัสนีของราชามังกร เก็บหยกอัสนี และใบไผ่อัสนีทองคำดำไป

ตอนนี้เขามีใบไผ่อัสนีทองคำดำทั้งหมด 24 ใบ มากพอที่จะให้หงยี่ และมากพอที่จะเก็บไว้ใช้เอง

“ถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว… อาการบาดเจ็บของเยว่เอ๋อร์ร้ายแรง ไม่อาจรั้งรอได้ต่อไป… โยว่เอ๋อร์ก็เช่นกัน...”

หนิงฝานคืนร่างเป็นมนุษย์ ความอ่อนล้ารุมเร้าจนต้องรีบกินโอสถฟื้นฟู เพื่อฟื้นฟูร่างกายและปราณ

หนิงฝานมีเกราะอัสนีที่ทรงพลังป้องกัน ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การต่อสู้อันรุนแรงที่ดำเนินมา ก็ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนล้า ปราณภายในร่างเหือดแห้ง

หากได้ดูดซับปฐมอัสนีอีก 9 หมื่นดวง เกราะอัสนีของหนิงฝานจะทะลวงระดับ 4 แต่ยามนี้หนิงฝานไม่ได้มีเวลามากพอให้ขึ้นไปยังชั้นที่สูงขึ้น จึงต้องพักเรื่องเกราะอัสนีไว้ชั่วคราว

หนิงฝานหันมองไปยังเหล่าดวงจิตอัสนีที่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นเดินไปหาเหลยฉียี่และคนอื่นๆ

“ยินดีด้วยสหายเต๋าซัว ที่เจ้าสังหารราชามังกรได้ด้วยมือของเจ้า ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าสมควรสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งหอคอยแล้ว”

“ถูกต้อง… คาดไม่ถึงว่านอกจากสหายเต๋าจะสังหารชี่หลงได้แล้ว ยังไล่ให้ราชามังกรตะวันออกถอยกลับไปได้ ดูท่ามันจะหวาดกลัวไพ่ตายของสหายเต๋ามาก”

เหลยฉียี่และคนอื่นๆกล่าวชมหนิงฝาน แต่ในหมู่คนทั้งหมด เหลยฉียี่จ้องมองหนิงฝานราวกับมีบางสิ่งแอบแฝง

ชายชราถูมือพลางกล่าวด้วยสีหน้ากล้าๆกลัวๆ “สหายเต๋าซัวจะไปแล้วใช่มั้ย?”

“อืม...”

“เอ่อ… ข้าว่าสหายเต๋าซัวอาจจะลืมเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องทำก่อนจะไป” ชายชรากล่าวเตือนหนิงฝานเป็นนัย กลัวว่าหนิงฝานจะลืมเรื่องที่รับปากว่าจะมอบหยกอัสนีทั้งหมดให้

“เรื่องอะไร...ข้าลืมไปแล้ว” หนิงฝานแกล้งกล่าวไปว่าลืม ทำให้ชายชราตกตะลึง สีหน้าหม่นหมองลงทันที

จบแล้ว… จบสิ้นแล้ว… เขาลืมเรื่องที่รับปากเอาไว้ทั้งหมด!

หนิงฝานยิ้มพลางยื่นถุงหยกอัสนีให้ “ข้าล้อเล่น ข้าไม่ผิดคำสัญญาหรอก”

หนิงฝานยิ้มพลางป้องมือให้โม่เหลยและไท่หยู “ขอบคุณพวกท่านที่มาช่วย ข้าต้องตอบแทนพวกท่านอย่างแน่นอน”

“*กระแอม~* พวกข้าไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลย เจ้าต่างหากที่แข็งแกร่งและจัดการทุกอย่างเพียงลำพัง” ไท่หยูและโม่เหลยยิ้มเจื่อน แม้พวกมันจะอยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง ทั้งยังเป็นถึงผู้ปกครองชั้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝานและราชามังกร กลับไร้พลังที่จะทำอันใดได้

“ตัวข้ามีเรื่องสำคัญมากต้องไปทำ จึงต้องจากที่นี่ไปก่อน แต่ข้าเชื่อว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง… ข้าขอลา!”

หนิงฝานหันมองคนของวังสมบัติสวรรค์พลางป้องมือให้ จากนั้นสวมผ้าคลุมลวงสวรรค์แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เขาจากไปแล้ว… เขาไม่ได้สนใจจะปกครองที่นี่ แต่ชื่อเสียงของเขาจะยังคงอยู่ เหมือนกับกษัตริย์อัสนีปู้ซัว… บางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์เท่านั้น” โม่เหลยถอนหายใจ

“ในอนาคตเขาอาจจะกลับมาที่นี่อีก เมื่อถึงยามนั้นเขาคงแข็งแกร่งขึ้นจนพวกเราเทียบไม่ติด แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังอยากจะประลองกับเขาอีกสักครั้ง” แววตาไท่หยูปรากฏเจตนาต่อสู้ ชายชราจะเฝ้ารอวันที่จะได้สู้กับหนิงฝานอีกครั้ง

เหลยฉียี่ที่รับกระเป๋าหยกอัสนีที่หนิงฝานมอบให้ ไม่ได้สนใจจำนวนหยกอัสนีที่ได้ ชายชราเพียงจ้องมองในทิศทางที่หนิงฝานจากไป พลางกล่าวในใจ “พวกเราต้องได้พบกันอีก...”

หนิงฝานสวมผ้าคลุมลวงสวรรค์ มุ่งผ่านไปยังชั้น 1 อย่างรวดเร็วโดย... เมื่อผ่านไปหนึ่งวัน เขาก็กลับออกจากหอคอยอัสนีได้

การเข้าไปเยือนหอคอยอัสนีในครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับกระดูกนิ้วของจักรพรรดิอัสนีไท่ซู ได้ทำลายตราประทับปีศาจภายในร่าง ได้ครอบครองเกราะอัสนีที่ทรงพลัง แม้ระดับพลังของเขาไม่ได้เพิ่มพูน แต่ก็ทำให้เขาทรงพลังขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า

เมื่อเห็นปราณสีดำที่ปรากฏบนดวงจิตของตน หนิงฝานขมวดคิ้ว

การที่เขาไม่อาจดูดซับโลหิตของโม๋หลัวได้อย่างสมบูรณ์ และฝืนใช้วิชาแปลงปีศาจ ทำให้ได้รับผลกระทบที่ร้ายแรง

ยามนี้ดวงจิตของเขาถูกย้อมด้วยปราณสีดำมากกว่า 5 ใน 10 ส่วน หากเขายังฝืนใช้วิชาแปลงปีศาจต่อไป คงมีปัญหาตามมามากมาย

แต่สิ่งที่ยังโชคดีคือดวงจิตของหนิงฝานทรงพลัง ยามนี้มันกำลังนั่งประสานมือ ต่อสู้ขับไล่ปราณปีศาจอย่างเต็มที่

แต่อย่างน้อยกว่าจะลบล้างปราณปีศาจเหล่านั้นได้หมด คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน หมายความว่าในระหว่างนั้น เขาจะแปลงร่างเป็นปีศาจไม่ได้อีก

“ถ้ากลับไปยังทะเลส่วนใน หากไม่จำเป็นจริงๆ ข้าจะไม่แปลงร่างเป็นปีศาจเด็ดขาด แม้ว่าข้าจะทรงพลังขึ้นมาก แต่ผลข้างเคียงก็มากเช่นเดียวกัน หากข้ายังฝืน ดวงจิตของข้าจะได้รับความเสียหายร้ายแรง”

“การจะดูดซับโลหิตของโม๋หลัวย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะดูดซับ ข้าต้องเดินทางไปเยือนเผ่าปีศาจยักษ์ เผ่าหกปีก เผ่าเขาคู่ และเผ่าเนตรปีศาจ เพื่อหาวิธี...”

หนิงฝานสงบใจก่อนจะกลับออกจากโลกอัสนีเบื้องบน คืนสู่โลกอัสนีเบื้องล่าง

เมื่อหนิงฝานมาถึง แววตาหงยี่แปรเปลี่ยนเย็นชา ราวกับไม่พอใจที่หนิงฝานเข้าไปในนั้นเป็นเวลานาน

“ข้ารอเจ้ามาตั้ง 10 วัน ทำไมถึงกลับมาช้า… แล้วเจ้าได้สิ่งนั้นกลับมาหรือเปล่า?”

“โชคดีที่ข้าหาใบไผ่อัสนีมาได้มากกว่าที่ท่านขอเล็กน้อย”

หนิงฝานลองหยั่งสัมผัสตัวหงยี่อีกครั้ง ถึงตัวเขาในยามนี้จะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่เขายังสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากตัวนาง ราวกับนางทรงพลังยิ่งกว่าราชามังกรตะวันออก แม้ว่านางจะอยู่เพียงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นก็ตาม

“นี่เจ้ากล้าหยั่งสัมผัสพลังข้าเหรอ?” สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเย็นชา นางเคยเตือนหนิงฝานแล้วว่าอย่าทำแบบนี้อีก

แต่เมื่อคิดถึงคำกล่าวของหนิงฝานว่านำใบไผ่อัสนีทองคำดำมาได้มากกว่า 7 ใบ นางก็พยายามสะกดความโกรธของตนเองไว้ ไม่ถือสาหาความหนิงฝานอีก

“ดูจากปราณสังหารของเจ้า ดูเหมือนเจ้าจะสังหารดวงจิตอัสนีในหอคอยไปไม่น้อย? เจ้าฆ่าพวกมันไปเท่าไหร่? แล้วได้ใบไผ่อัสนีมากี่ใบ?” นางประหลาดใจกับบรรยากาศแปลกๆที่แผ่ออกมาจากหนิงฝาน

“ข้าบอกไม่ได้ว่าสังหารไปมากเท่าไหร่ แต่ข้าอยากให้ท่านลองเดา ว่าข้าได้ใบไผ่อัสนีมากี่ใบ?” หนิงฝานไม่อยากอวดอ้างว่าสังหารดวงจิตอัสนีไปมากมาย เขาจึงเปลี่ยนให้นางเป็นคนคาดเดาแทน

การเข่นฆ่าไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี แต่การก้าวเดินในเส้นทางของผู้ฝึกตน ย่อมต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ต่อให้สังหารไปมากมายเพียงใด ก็ไม่มีใครนับเอามาเป็นเกียตริภูมิของตนเอง

“เจ้าให้ข้าเดาเหรอ?” นางขมวดคิ้ว นางเป็นคนกล่าวถามก่อน แต่สุดท้ายหนิงฝานกลับให้นางเป็นฝ่ายคาดเดา

“หรือท่านกลัวว่าจะเดาไม่ถูก?”

“ข้านี่นะกลัว?” นางยิ้มเย้ยหยัน นางไม่เคยกลัวสิ่งใดอยู่แล้ว

นางเป็นสตรีที่งดงาม แม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มเย้ยหยัน แต่มันก็ทำให้นางงดงามขึ้นมากจนหนิงฝานตกตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่ายามที่นางยิ้ม นางจะงดงามได้ขนาดนี้

“ด้วยระดับพลังของเจ้า ถ้าไม่เกิดสิ่งไม่คาดฝัน น่าจะพิชิตชั้น 7 ได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่น่าจะเกินชั้น 10… ข้าเดาว่าเจ้าได้ใบไผ่อัสนีมา 10 ใบ!” นางกล่าวตอบ

“ข้าได้มากกว่านั้น...”

“นี่เจ้าขึ้นไปถึงชั้น 11 เลยเหรอ?” นางอุทานด้วยความประหลาดใจ

ชั้น 11 ขึ้นไป ผู้ที่คุ้มครองใบไผ่อัสนีทองคำดำคือขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง

“เจ้าคงขึ้นไปชั้นสูงมากพอดู...” แม้นางจะไม่ยกย่องผู้ใดง่ายๆ แต่หนิงฝานในยามนี้ ทำให้นางนับถือในความแข็งแกร่ง

นางก้าวเท้าเข้าหาหนิงฝาน หยุดยืนเบื้องหน้าในระยะประชิด แววตาที่เย็นชาจับจ้องใบหน้า ราวกับไม่อาจทนกับการหยอกล้อของหนิงฝานได้

การได้อยู่ใกล้กับนางขนาดนี้ ทำให้หนิงฝานได้กลิ่นกายที่หอมหวลของนางอย่างชัดเจน

“เรามาแลกเปลี่ยนกัน… ข้าจะมอบใบไผ่อัสนีให้ท่าน 14 ใบ แต่ท่านต้องแลกสมุนไพรแสนปี 1 ชนิด ต่อใบไผ่อัสนี 1 ใบ”

“เจ้าต้องการใบใผ่อัสนีทองคำดำด้วยเหรอ? ใบไผ่อัสนีทองคำก็เพียงพอที่จะรักษาขอบเขตไร้ดัดแปลงแล้ว… ฉะนั้นใบไผ่อัสนีทองคำดำย่อมไม่เป็นประโยชน์กับเจ้า” นางกล่าว

“ท่านเองก็อยู่ขอบเขตไร้ดัดแปลง เหตุใดท่านต้องใช้ต้องใบไผ่อัสนีทองคำดำ?” หนิงฝานถามย้อน

“ช่างเถอะ... เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า เจ้ามีใบไผ่อัสนีทองคำมากกว่า 14 ใบงั้นเหรอ?” นางประหลาดใจ

“ประมาณนั้น… ท่านเห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนของข้าหรือเปล่า?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

“ข้าไม่ต้องการถึง 14 ใบหรอก… ข้าขอแค่ 12 ใบก็พอ… ตอนนี้เจ้าบอกมาได้แล้วว่า เจ้าได้ใบไผ่อัสนีมาทั้งหมดกี่ใบ?”

“24 ใบ”

“นี่เจ้าขึ้นไปถึงชั้น 24 เลยเหรอ!” นางตกตะลึง นางยอมรับว่าดูแคลนหนิงฝานเกินไป แต่หากสิ่งที่หนิงฝานกล่าวเป็นจริง เขาก็สามารถช่วยเหลือนางได้อย่างแน่นอน

“ความแข็งแกร่งของเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจมาก… ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปพบบางคน” นางกล่าวกับหนิงฝานด้วยแววตาเรียบเฉย

“ใคร?” เขาไม่ไว้ใจนาง แม้นางจะรับปากว่าจะไม่หักหลังเขาก็ตาม

“คนของตระกูลซัวบนเกาะไผ่อัสนี พวกเขามีสมุนไพรแสนปี แต่เจ้าจะไม่เชื่อสิ่งที่ข้ากล่าวก็ได้!” เมื่อกล่าวเสร็จนางก็จากไป

หนิงฝานขมวดคิ้ว แต่ก็เลือกที่จะติดตามนางไปอยู่ดี

หากจะช่วยเยว่หลิงคง แค่ใบไผ่อัสนีทองคำก็พอแล้ว แต่เขาอยากจะช่วยหลั่วโยว่ จึงต้องการสมุนไพรแสนปีเพื่อทำให้นางดูดซับพลังจากใบไผ่อัสนีทองคำดำได้

เขายังไม่ได้ให้ใบไผ่อัสนีกับหงยี่ในยามนี้ เพราะการที่เขายังมีมันอยู่ในมือ ทำให้ไม่จำเป็นต้องกลัวว่านางจะหักหลัง

สำหรับหนิงฝานแล้ว สมุนไพรแสนลี้ล้ำค่า แต่สำหรับนางกลับไม่นับเป็นอันใด

“บุตรสาวของกษัตริย์อัสนีมีศักดิ์ฐานะสูงส่ง… ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็ยังมองว่าสมุนไพรแสนปีล้ำค่ามาก แต่นางกลับทำราวกับมันไร้ค่า”

“ข้ามีทั้งผ้าคลุมลวงสวรรค์ มีทั้งอนุสรณ์ตะวันจันทรา ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลซัว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัว”

“หงยี่เองก็ดูราวกับจะเห็นว่าข้าสำคัญ แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะสนใจเพียงดรรชนีหมอกเมฆาม่วง แต่เมื่อนางสัมผัสได้ว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นมาก นางคงมองข้าใหม่… คงอีกนานกว่าข้าจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง แต่การที่ยกระดับร่างกายไปยังขอบเขตกายทองคำน่าจะง่ายดายกว่า หากข้ายกระดับรอยสักอสูรได้อีกครั้ง ข้าก็น่าจะทะลวงขอบเขตกายทองคำ เมื่อถึงยามนั้น คงไม่มีขอบเขตไร้ดัดแปลงคนไหนกล้าดูแคลนข้า!”

หนิงฝานมั่นใจ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะบรรลุขอบเขตกายทองคำที่แท้จริง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด