ตอนที่แล้วGE430 ล่าสังหาร (7) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE432 ราชามังกรตะวันออกผู้หวาดกลัว [ฟรี]

GE431 ล่าสังหาร (8) [ฟรี]


วิชาของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงนั้นทรงพลัง สามารถเปลี่ยนพลังมิติมาเป็นปราณของตน เท่ากับว่าขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงจะมีปราณใช้ราวกับไร้ที่สิ้นสุด

พลังมิติที่ราชามังกรกักเก็บไว้ที่ใต้เท้าของมันนั้น มีมากเทียบเท่ากับปราณของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางรวมกัน 10 คน

แต่หากเทียบกันแล้ว พลังมิติที่ราชามังกรเก็บไว้ คล้ายกับแผนภาพอัสนีไท่ซูของหนิงฝานที่กักเก็บปราณเอาไว้เช่นกัน ดังนั้นหากมีปราณกักเก็บไว้มากพอ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่ทรงพลังเพียงลำพัง ก็ยังมีปราณให้ใช้ต่อกร

โดยทั่วไปแล้วพลังมิติที่ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงกักเก็บเอาไว้ จะไม่มีผู้ใดทำลายได้หากไม่ทรงพลังมากกว่าจนเทียบไม่ติด

แต่สุดท้ายพลังมิติที่ราชามังกรกักเก็บไว้ก็ถูกระฆังทะเลตะวันออกของหนิงฝานทำลาย นั่นทำให้ราชามังกรต้องการช่วงชิงระฆังมาเป็นของตน

เมื่อพลังมิติถูกทำลาย เหลยฉียี่ก็นำคนของวังสมบัติอนันต์และทาสของมันระดมจู่โจมราชามังกร

แม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก แต่ราชามังกรยังยิ้มราวกับไร้ซึ่งความหวาดกลัว โคจรพลังตะวัน จันทรา และดาราเตรียมพร้อม

ก่อนที่ศัตรูจะเข้ามาถึงตัว มือของราชามังกรกลายเป็นกรงเล็บมังกรที่เปล่งแสงระยิบระยับราวกับดารา

มันง้างกรงเล็บ เหวี่ยงตะปบเข้าใส่เหล่าศัตรูที่ตรงเข้ามา เส้นแสงพลังที่เกิดจากกรงเล็บวาบผ่านท้องนภา ทุกหนแห่งที่มันพาดผ่านราวกับมิติบริเวณนั้นถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

“วิชามิติ กรงเล็บฉีกจันทรา!”

วิชากรงเล็บที่ทรงพลังตรงเข้าใส่เหลยฉียี่และคนของมัน ผู้ที่ถูกกรงเล็บพาดผ่าน เกราะป้องกันจะถูกทำลาย ร่างกายเกิดแผลราวกับใบมีดกรีดเฉือน โลหิตสาดกระจาย อาการบาดเจ็บเข้าขั้นร้ายแรงจนแทบไร้กำลัง

ทาสทั้ง 200 ตนของเหลยฉียี่ถูกกรงเล็บฉีกร่างไป 50 ตน แต่ที่เหลือรอดมาก็ล้วนแต่เสียหายอย่างหนัก ความแข็งแกร่งลดลงไปมาก

นั่นคือพลังการจู่โจมที่รุนแรงของราชามังกร ที่แม้แต่เหลยฉียี่และคนของมันก็ไม่อาจต้านทาน

“เหลยฉียี่ เจ้ายังไม่คู่ควร!”

ราชามังกรไม่เห็นชายชราและวังสมบัติอนันต์อยู่ในสายตา ผู้ที่มันสนใจมีเพียงหนิงฝาน ไท่หยู และโม่เหลยเท่านั้น

หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น ราชามังกรทรงพลังกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ยามนี้ ขอบเขตพลังของมันสมควรบรรลุขั้นสูงสุดของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง

แต่นั่นไม่ได้ทำให้หนิงฝานหวาดกลัว ผิดกับไท่หยูและโม่เหลยที่เริ่มหวาดกลัว

“เป็นไปไม่ได้! เมื่อพันปีที่แล้วมันยังไม่ทรงพลังขนาดนี้ แต่นี่แค่จู่โจมครั้งเดียวถึงกับเอาชนะขอบขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น 6 ตน และทาสอีก 200 ตนได้!”

“อา... ข้ารู้! อีกครึ่งก้าวมันจะบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงแล้ว มันจึงทรงพลังกว่าทั่วไป ข้าว่าสหายเต๋าซัวรีบถอยเถอะ พวกเราสู้มันไม่ได้หรอก! หากยังรั้งอยู่ก็มีแต่จะรนหาที่ตายเท่านั้น!”

ไท่หยูและโม่เหลยตกตะลึงกับพลังของราชามังกร พวกมันจึงเปลี่ยนใจอยากถอย

หากเป็นเมื่อก่อนพวกมันคงหนีโดยไม่สนผู้ใด แต่ยามนี้มันเริ่มเป็นห่วงหนิงฝาน จึงชักชวนให้หนี

แต่น่าเสียดายที่หนิงฝานไม่คิดหนี

เขารู้ดีว่าตนเองอยู่เพียงขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางที่อยู่ในจุดสูงสุด

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีบางสิ่งที่จะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้...เป็นไปได้!

“ส่งระฆังทองนั่นมาซะ แล้วข้าจะคงศพที่สมบูรณ์ให้เจ้า! เจ้าเป็นเด็กที่ทรงพลังจนคาดไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้น...ตัวเจ้าก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตาข้า หากมดอย่างเจ้าจะเอื้อมคว้าดารา ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!”

ราชามังกรจ้องมองหนิงฝานและคนอื่นๆราวกับจ้องมองมดไร้ค่า

ต่อให้หนิงฝานทำลายพลังมิติที่มันกักเก็บไว้ได้ แต่มันก็ยังมั่นใจว่าจะสังหารหนิงฝานได้ในชั่วพริบตา

“มด? เจ้าคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ?” แววตาหนิงฝานเปลี่ยนไปจากเดิม ราวกับเขากลายเป็นคนละคน

สิ่งที่จะเปลี่ยนจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ของหนิงฝานคือโลหิตของโม๋หลัวที่อยู่ในร่าง

เขากระตุ้นโลหิตโม๋หลัว ลวดลายสีดำปรากฏขึ้นบนดวงจิต อาภรณ์ขาวที่สวมทับร่างกายถูกเปลี่ยนให้เป็นสีดำด้วยปราณปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว เกราะอัสนีปรากฏสวมทับร่าง ทำให้หนิงฝานดูคล้ายกับเทพอัสนีที่ชั่วร้าย

เขาคู่หนึ่งเริ่มงอกออกมาบนศีรษะ ดวงตาที่สามเปิดขึ้นกลางหน้าผาก แผ่นหลังปรากฏปีก 3 คู่ แต่ร่างกายไม่ได้ขยายใหญ่ตามเผ่าปีศาจยักษ์ แรงกดดันที่แผ่ออกมาในยามนี้ ราวกับทำให้มิติโดยรอบถูกแช่แข็ง

หนิงฝานในยามนี้ดูราวกับผู้เป็นนายเหนือปีศาจทั้งมวล ดูราวกับผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาแห่งปีศาจ ดูราวกับเป็นนายแห่งเหล่าปีศาจโบราณทั้ง 9!

“วิชาแปลงปีศาจ!” สีหน้าโม่เหลยและไท่หยูแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เหล่าคนของวังสมบัติอนันต์ที่บาดเจ็บสาหัสล้วนตกตะลึง

ตำนานกล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจมีวิชาลับมากมาย ที่ถ่ายทอดผ่านทางสายเลือด... วิชาแปลงปีศาจคือความสามารถที่ได้มาจากการดูดซับโลหิตปีศาจ เพื่อทำให้ตนเองสามารถกลายร่างเป็นปีศาจได้

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ วิชาแปลงปีศาจที่ถ่ายทอดผ่านทางสายเลือดนั้น ต้องเป็นโลหิตของปีศาจโบราณที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งยามนี้มันหายสาปสูญ แต่เหตุใดหนิงฝานถึงมีในครอบครอง?

หนิงฝานแปลงร่างเป็นปีศาจได้อย่างไร?

“คาดไม่ถึงว่ามดปลวกอย่างเจ้าจะใช้วิชาแปลงปีศาจได้... แต่เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าวิชานั้นจะทำให้เจ้าสู้ข้าได้? มันก็เป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆเท่านั้น”

“อืม!”

หนิงฝานกล่าวพลางหันมองไท่หยู โม่เหลย และคนอื่นๆพลางกล่าว

“พวกท่านถอยไปก่อน!”

“เจ้าคิดจะต่อสู้กับราชามังกรเพียงลำพังงั้นเหรอ? มันเสี่ยงเกินไป!”

ไท่หยูและโม่เหลยเป็นห่วงหนิงฝาน แต่ในขณะเดียวกันนั้น หนิงฝานกลับก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ก่อนที่เงาร่างของเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ความเร็วของหนิงฝานเพิ่มพูนจนโม่เหลยและไท่หยูไม่อาจมองตามได้ทัน และแรงกดดันที่ทรงพลังของเขารุนแรงเกินไป แม้จะไม่ได้เจตนาปล่อยออกมา แต่ก็ยังทำให้ทะเลสติของไท่หยูและโม่เหลยได้รับผลกระทบ

หลังจากแปลงร่างเป็นปีศาจ ร่างกายของหนิงฝานยกระดับไปจนถึงขอบเขตกายทองคำที่ 1 แต่เมื่อผสานกับกายปีศาจของเขาแล้ว ทำให้ร่างกายของเขาทรงพลังไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตกายทองคำที่ 2

ในชั่วพริบตาที่เงาร่างหนิงฝานหายไป ราชามังกรขมวดคิ้วแน่น ก่อนที่หมัดคู่จะกระแทกเข้าแผ่นหลังของมันอย่างรุนแรง โดยที่มันไม่อาจตอบสนองได้ทัน

หนิงฝานปรากฏตัวและหายไปราวกับภูติพราย ความเร็วของเขาในยามนี้ รวดเร็วเทียบเท่าขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง

“วิชามิติ… มังกรคู่!”

ราชามังกรชกหมัดไปเบื้องหน้า มังกรทมิฬ 2 ตนพุ่งทะยานแหวกนภา

หนิงฝานปรากฏกาย จ้องมองมังกร 2 ตนที่ทะยานเข้าหาโดยไร้ซึ่งความกลัว

หมัดมังกรคู่นี้สามารถสยบไท่หยูและโม่เหลย แต่เมื่อหนิงฝานแปลงร่างเป็นปีศาจ ในสายตาของเขา มันไม่ทรงพลังมากพอที่จะทำอันตรายเขาได้

หนิงฝานยืนนิ่งให้มังกรทมิฬทั้งสองเข้าปะทะร่าง ความเสียหายที่พวกมันสร้างขึ้น แค่เพียงทำให้เกราะอัสนีสั่นสะเทือนเล็กน้อย

แต่ก่อนที่อานุภาพของหมัดจะสลายไป หนิงฝานกลับอ้าปากดูดกลืนเอาพลังหมัดของราชามังกรเข้าไปในร่าง แล้วดูดซับจนกลายเป็นพลังของตน

เมื่อดูดซับพลังเข้าร่าง หนิงฝานกลับต้องประหลาดใจ เพราะด้วยโลหิตของโม๋หลัว มันทำให้หนิงฝานซึมซับวิชาที่เกิดจากการขัดเกลาร่างกายของราชามังกร ผ่านทางพลังที่ดูดกลืนเข้ามาได้

สีหน้าราชามังกรแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันไม่อาจทะลายการป้องกันของเกราะอัสนีทองคำได้!

“เกราะนั่นมันอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ทรงพลังขนาดนั้น!”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก! วิชามิติ มังกรคู่!”

หนิงฝานชกหมัดไปเบื้องหน้า มังกรทมิฬสองตนปรากฏ แผดเสียงร้องคำรามดังสนั่น

เหตุที่หนิงฝานใช้วิชาได้ เป็นเพราะโลหิตของโม๋หลัว และมันยังทำให้ความเข้าใจในวิชาหมัดมังกรคู่ของราชามังกรเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หมัดมังกรคู่ที่เขาชกออกไป ทรงอานุภาพยิ่งกว่า

“บ้าน่า!”

ราชามังกรแตกตื่น วิชาของมันถูกช่วงชิงไปต่อหน้า

แม้จะมีความเข้าใจในวิชา แต่ด้วยที่ยังไม่คุ้นเคย หนิงฝานจึงใช้หมัดมังกรคู่ไม่ได้ราบรื่นนัก แต่หากเทียบเรื่องอานุภาพของหมัด หมัดมังกรคู่ของหนิงฝานทรงพลังยิ่งกว่า และใช้ออกได้สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าราชามังกรมาก

*ตูม!*

เสียงระเบิดดังสนั่น มังกรคู่กระแทกเข้ากลางอกของราชามังกร จนเกราะคุ้มกายของมันถูกทำลาย

ราชามังกรตกตะลึงและโกรธแค้น มันคาดไม่ถึงว่าหมัดมังกรคู่ของหนิงฝานจะทรงพลังจนทำให้เกราะที่มันสวมเอาไว้แตกออกได้ แม้มันจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่การที่ถูกหนิงฝานทำให้บาดเจ็บ ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างมาก

มันไม่เข้าใจว่าเหตุใดหนิงฝานที่เพิ่งจะต่อสู้กับมัน ถึงได้ลอกเลียนวิชาของมันได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้

“โลหิตของโม๋หลัวช่วยให้ดูดซับและทำความเข้าใจกับวิชาที่เกิดจากการขัดเกลาร่างกายของผู้อื่นได้ ซ้ำยังทำให้เข้าใจยิ่งกว่า และทรงพลังยิ่งกว่า… นี่สินะความแข็งแกร่งของโลหิตปีศาจโบราณ!”

หนิงฝานค่อยๆสงบใจ เป็นครั้งที่เขาได้แปลงร่างเป็นปีศาจที่แท้จริง และมันก็ทำให้เขาได้รู้ถึงความอัศจรรย์ของโลหิตปีศาจโบราณด้วย

บางทีเหตุที่เผ่าพันธุ์ปีศาจโบราณถูกทำลาย อาจเป็นเพราะความสามารถทางสายเลือดที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้

‘ดวงจิต’ เผ่าพันธุ์อสูร ทำให้เข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์ สร้างเป็นวิชาที่ทรงพลัง...

‘โลหิต’ เผ่าพันธุ์ปีศาจ ทำให้เข้าถึงวิชาที่เกิดจากการฝึกฝนร่างกาย ทำให้ใช้ออกได้อย่างสมบูรณ์...

โลหิตฟู่ลี่ ทำให้หนิงฝานได้ครอบครอง ‘ดวงจิต’ ของเผ่าพันธุ์อสูร

ส่วน ‘โลหิต’ ของโม๋หลัว ทำให้หนิงฝานได้ครอบครองของ ‘โลหิต’ ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ

แต่ด้วยระดับพลังที่ยังไม่สูงพอ ทำให้หนิงฝานยังไม่เข้าใจพวกมันมากพอถึงขนาดที่จะใช้พวกมันได้ตามใจ

“หมัดมังกรคู่เป็นเพียงวิชาระดับไร้ดัดแปลงขั้นต้น ถึงเจ้าจะใช้ได้ก็ไม่นับเป็นอันใด... แต่ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะลอกเลียนวิชาระดับไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้!”

ราชามังกรโคจรพลังมิติผสานกับพลังตะวัน จันทรา และดารา ก่อนจะใช้วิชากรงเล็บฉีกจันทราจู่โจม!

วิชานี้ของมันทรงพลังกว่าวิชาหมัดมังกรคู่มาก แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานกลับยังไร้ซึ่งความกลัว... เขากระตุ้นโลหิตปีศาจภายในร่าง ดวงตาข้างขวาปรากฏดาราปีศาจ 3 ดวง

เดิมทีหนิงฝานไม่ค่อยได้ใช้ดาราปีศาจมากนัก เพราะอานุภาพของมันไม่ได้ทรงพลังมากพอ แต่หลังจากกระตุ้นโลหิตของโม๋หลัว เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนราวกับว่าดาราปีศาจทั้ง 3 กำลังเดือดพร่าน

เพียงแต่ดาราดวงที่สำแดงอานุภาพมากที่สุดคือดาราดวงที่ 2 ซึ่งกลายเป็นเหมือนที่สิงสถิตของโลหิตโม๋หลัว

ความสามารถของดาราดวงที่ 2 เปลี่ยนไป ถูกแทนที่ด้วยเนตรของโม๋หลัว

ตาซ้ายฟู่ลี่… ตาขวาโม๋หลัว...

ตาซ้ายมองข่ายอาคมหรือสิ่งที่ปิดซ่อนอำพรางได้ทั้งหมด ส่วนตาขวาที่ถูกแทนที่ด้วยโลหิตโม๋หลัว กำลังค่อยๆแสดงพลังที่มันมี

เมื่อการผสานระหว่างดาราปีศาจดวงที่ 2 และโลหิตโม๋หลัวเสร็จสิ้น หนิงฝานมองเห็นในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อน!

เขาเห็นถึงการไหลเวียนของโลหิตในร่างราชามังกรอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด ตำแหน่งใด หนิงฝานเห็นราวกับเป็นโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของตน

หากสามารถมองเห็นการไหลเวียนของโลหิตในร่างได้ ก็เท่ากับว่า วิชาที่เกิดจากการขัดเกลาร่างกาย อยู่ในกำมือของหนิงฝานทั้งหมด

ซึ่งนั่น ทำให้หนิงฝานมองเห็นถึงเส้นทางการไหลเวียนของโลหิต ยามที่ราชามังกรใช้วิชากรงเล็บฉีกจันทราอย่างชัดเจน จึงทำให้เขาสามารถใช้วิชาเดียวกันกับมันได้ โดยที่ความเข้าใจในวิชา และความสมบูรณ์แบบยามใช้ออก บรรลุถึงจุดที่เหนือกว่า!

“กรงเล็บฉีกจันทรา!”

หนิงฝานใช้วิชาแทบจะพร้อมกับราชามังกร แต่ระดับและอานุภาพของวิชา สูงส่งกว่าราชามังกรมาก

*ตูม!*

เสียงปะทะของกรงเล็บมังกรดังสนั่น ตำแหน่งที่พวกมันเคลื่อนผ่านปรากฏรอยแยกมิติขนาดใหญ่ ราวกับท้องนภาถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

กรงเล็บฉีกจันทราของหนิงฝานทรงพลังกว่าราชามังกรอย่างเห็นได้ชัด หักล้างทำลายกรงเล็บของมัน กระทั่งตรงเข้ากลางอก ทิ้งรอยแผลลึกราวกับถูกกรงเล็บขนาดใหญ่ข่วน 5 รอย โลหิตสาดกระจาย และบาดเจ็บไม่น้อย

หนิงฝานคงสีหน้าสงบ แม้ต่อให้กรงเล็บฉีกจันทราของเขาไม่อาจหักล้างกับกรงเล็บฉีกจันทราของราชามังกรได้ มันก็ยังทะลวงเกราะอัสนีของเขาไม่ได้อยู่ดี

“บัดซบ! นี่เจ้าลอกเลียนวิชาข้า! ลำพังแค่เกราะของเจ้าแล้ว เจ้าไม่มีอะไรดีเลยเหรือไง? เจ้าไม่กล้าสู้กับข้าด้วยพลังของเจ้าหรือไง?” ราชามังกรคำรามด้วยโทสะ การจู่โจมทั้งสองครั้งของหนิงฝานทำให้มันบาดเจ็บ แต่หนิงฝานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

หนิงฝานไม่ได้สนใจในคำกล่าวของมัน เพราะการลอกเลียนวิชาซ้ำยังยกระดับวิชาได้สูงขึ้น หรือเกราะอัสนีที่แข็งแกร่ง ล้วนมาจากความสามารถของเขาทั้งสิ้น

หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้าพร้อมกับเงาร่างที่หายไปอีกครั้ง แต่ในชั่วพริบตาถัดมา เขาปรากฏตัวเบื้องหน้าราชามังกรแล้วระดมหมัดเข้าใส่โดยไร้ซึ่งวิชาใดๆเสริม

*ตูม ตูม ตูม*

ราชามังกรคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะตอบรับคำท้า ดวลหมัดกับมันอย่างตรงไปตรงมาในระยะประชิด

ระดับร่างกายของมันอยู่ขอบเขตกายทองคำที่ 2 ส่วนหนิงฝานอยู่เพียงขอบเขตกระดูกหยกขั้นสูงสุด

แต่เมื่อได้ประลองหมัดกับหนิงฝานตรงๆ มันจึงรู้ว่าหนิงฝานในร่างปีศาจไม่ได้ด้อยไปกว่ามันแม้แต่น้อย

แต่ละหมัดที่ชกทรงพลังมากพอที่จะถล่มขุนเขา แต่ละฝ่ามือที่ซัดทรงพลังมากพอที่จะฉีกกระชากมิติ

ผ่านไปหลายพันหมัด หนิงฝานยังคงมุ่งเน้นไปที่การจู่โจมเพียงอย่างเดียว เพราะเขามีเกราะอัสนีที่ทรงพลังมากพอที่จะไม่ต้องกังวลเรื่องการป้องกัน

ดังนั้น ต่อให้ราชามังกรจู่โจมเข้าเป้า ก็ต้องถูกเกราะอัสนีต้านไว้

ผิดกับมันที่โดนหมัดและฝ่ามือของหนิงฝาน จนทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล

ยิ่งนานไป เกร็ดมังกรที่ปกคลุมร่างของมันยิ่งหลุดร่วงเสียหาย อาการบาดเจ็บที่ได้รับก็ยิ่งมากขึ้น

การต่อสู้ด้วยมือเปล่าของหนิงฝานและราชามังกร ทำให้ทุกคนที่เห็นตกตะลึง และไม่กล้าสอดมือ

การต่อสู้อย่างรุนแรงยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง รอยแยกมิติยังคงปรากฏขึ้นอย่างเนื่องจากการปะทะ

ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน หนิงฝานยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ ผิดกับราชามังกรที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น และอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง

เหตุการณ์ต่างๆเริ่มพลิกผัน จากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใน 24 ชั้นแรก กำลังกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบลงช้าๆ

หนิงฝานเองก็ประหลาดใจกับวิชาแปลงปีศาจ ที่ทำให้ตนเองทรงพลังมากพอที่จะเอาชนะราชามังกรได้

*ตูม!*

ราชามังกรถูกซัดร่วงลงจากท้องนภา ไม่ว่ามันจะพยายามทำลายเกราะอัสนีของหนิงฝานยังไง ก็ไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน

เกราะอัสนีนั่นทรงพลังกว่าที่มันคิดเอาไว้มาก จนต่อให้มันทุ่มทุกสิ่งที่มี ก็ไม่มีทางทะลวงเกราะอัสนีของหนิงฝานได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ ผู้ที่จะต้องถูกสังหารก็คือตัวมัน!

“บัดซบ! ข้าไม่มีวิธีเอาชนะมันได้เลย! แต่ต่อให้ต้องใช้สิ่งนั้น ข้าก็ต้องฆ่ามันให้ได้! สมบัติไร้ดัดแปลง หยกมังกรเหลือง!”

ราชามังกรที่ถอยห่างจากหนิงฝาน นำหยกสีเหลืองรูปร่างคล้ายมังกรออกมา 7 ชิ้น

เมื่อมันกระตุ้นหยกทั้ง 7 ชิ้น หยกเหล่านั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นมังกรที่สูงใหญ่ 6 พันจ้าง สยายปีกราวกับปกคลุมไปทั่วท้องนภา

หยกมังกรเหลืองคือสมบัติระดับไร้ดัดแปลงขั้นกลาง แต่เมื่อมันถูกกระตุ้นรวมกัน 7 ชิ้น อานุภาพที่เปล่งที่ออกมาได้จึงเทียบได้กับสมบัติระดับไร้ดัดแปลงขั้นสูง

การใช้สมบัติเหล่านี้ได้จำเป็นต้องใช้ปราณจำนวนมหาศาล ซึ่งต่อให้เป็นราชามังกรก็ไม่อาจใช้ได้ง่ายนัก

หนิงฝานขมวดคิ้ว หยกเหล่านั้นทรงพลังมากพอที่จะทะลวงการป้องกันของเกาะอัสนีได้

“สวรรค์พ่าย… มังกรเหลืองตระหง่าน! มังกรเหลืองสยบสวรรค์!”

เมื่อร่ายเคล็ดความเสร็จ มังกรเหลือทั้ง 7 ตนแปรสภาพเป็นเส้นแสง 7 เส้น

“สยบ!”

เส้นแสงทั้ง 7 เส้นดิ่งเข้าหาหนิงฝาน อานุภาพของพวกมันทรงพลังมากพอที่จะสังหารของเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูง และนี่คือการจู่โจมที่ทรงพลังที่สุดของราชามังกร

“ข้าเองก็มีวิชาที่ทรงพลังที่สุดเหมือนกัน… ข้าจะแสดงให้เจ้าได้ประจักษ์! ดรรชนีกระบี่ทะลายสวรรค์… ทะลายที่ 3!”

หนิงฝานชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องนภา ปลายนิ้วชี้เปล่งแสงเจิดจ้าจนทำให้ผู้ที่มองเห็นตกตะลึง!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด