ตอนที่แล้วตอนที่ 33: บันทึกผนึกโชคชะตา! [ฟรี 13 มิ.ย. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน

ตอนที่ 34: ในค่ำคืนอันน่ากลัว ตอบแทนคุณและพยายามลอบสังหาร


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 34: ในค่ำคืนอันน่ากลัว ตอบแทนคุณและพยายามลอบสังหาร

ในช่วงเช้าวันเดียวกัน รัฐมนตรีช่วยว่าการแห่งสภาสงครามเซี่ยอู่เยวียนยังรอความยุติธรรมที่พ่อตารับปากว่าจะให้ เขาอยู่ท่ามกลางความคิดว่าจะซ้ำเติมบาดแผลของยวินหยางที่ถูกจับตัวไว้อย่างไรเมื่อที่พักถูกห้อมล้อมด้วยทหารยาม

เพียงแค่คำสั่งเดียว ทั้งครอบครัวจะถูกส่งเข้าคุก นอกจากภรรยาผู้ถูกปกป้องโดยราชครูหลิวจะได้กลับที่พักราชครูนั้น ที่เหลือจะถูกกักขังเอาไว้อย่างแน่นหนา คำตัดสินจะเป็นประกาศว่าประหารชีวิตหลังจากผ่านไปสามวัน!

เรื่องราวเหล่านี้จะทำให้ทุกคนตกตะลึง

ผู้กระทำผิดสมควรถูกลงโทษไม่ใช่หรือ? ทำไมฝ่ายที่ถูกทำร้ายถึงต้องเข้าคุกด้วย?

เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นคลื่นใต้น้ำไหลเข้าหาครอบครัวเจ้าหน้าที่ในเมืองเทียนถัง สารดังกล่าวชัดเจน “นายน้อยของขุนนางชั้นสูงเมฆาสวรรค์ไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องล้อเล่น”

มันเป็นความคิดที่น่ากลัว

ขณะที่เหตุการณ์เหล่านี้ดำเนินไป จี้หลิงกระทืบเท้าอย่างรุนแรงในห้องนภาหมายเลข 1 ของโรงเตี๊ยมหรูหราที่สุดในเมืองเทียนถัง “ทำไมชายน่ารังเกียจคนนั้นถึงไม่ถูกจับกุม?!”

มีผู้หญิงอีกหลายคนอยู่ในห้องอย่างเกียจคร้าน บ้างเอกเขนกอยู่บนเตียงของจี้หลิง เท้าคล้ายหยกละเอียดอ่อนกำลังกระตุกอย่างเกียจคร้านขณะเตะเตียงอย่างไม่ใส่ใจ หญิงสาวจากครอบครัวมีอิทธิพลในเมืองเหล่านี้ดูสง่างามงดหยดย้อยในสายตาของคนทั่วไป แต่ต่อหน้าสหายที่ดีที่สุด พวกนางไม่คิดที่จะรักษาภาพลักษณ์ที่พยายามปั้นขึ้นมาอย่างหนักให้คนข้างนอกเห็น

“อ้าว โกรธอะไรกันน่ะ น้องเล็ก? ชายน่ารังเกียจงั้นหรือ?” หนึ่งในหญิงสาวถามโดยแสร้งประหลาดใจ “น้องเล็กจี้พบชายคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? พวกข้าพลาดไปได้อย่างไร?”

จี้หลิงพ่นลมออกจมูก “พวกเจ้าอยากจะรู้จักเขาหรือ? ถ้าไปพบเข้าล่ะก็เตรียมถูกหลอกได้เลย! เขาจะไม่สนใจอะไรจนกระทั่งพวกเจ้าเบื่อไปเอง!”

“โห ถ้ามีคนแบบนั้น พวกข้าพี่ ๆ อยากรู้จักเขาเสียแล้วสิ” หญิงสาวส่งยิ้มสดใส “น่าตื่นตาอะไรอย่างนี้!”

จี้หลิงพ่นลมออกจมูก บุ้ยปาก กลอกตาไปมา น่าตื่นตางั้นหรือ? รอให้เขาไม่สนใจพวกเจ้าก่อนเถอะ ผู้หญิงอย่างพวกเจ้าจะได้รู้ว่าน่าตื่นตามันเป็นยังไง!

ผ่านไปสักพัก หญิงสาวห้าถึงหกคนเข้ามารุมล้อม

“เขาชื่ออะไรหรือ?”

“สูงเท่าไหร่?”

“หล่อไหม?”

“หน้าตาดีหรือเปล่า?”

“อ้วนหรือไม่?”

“ช่วยบรรยายรูปร่างเขาให้ฟังหน่อยสิ!”

“ภูมิหลังครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร?”

หญิงสาวอีกคนถึงขั้นทำตัวหว่านเสน่ห์ขณะกล่าวว่า “แหม จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกอยากพบองค์ชายขึ้นมาเสียเหลือเกิน!”

จี้หลิงดีดหน้าผากอีกฝ่าย “อย่างพวกเจ้าไม่มีหวังหรอก!”

“บอกพวกข้าสิ! พาพวกข้าไปดูหน่อย”

“ใช่ พวกเราอาจจะสามารถแบ่งกันได้!”

“ลูกแมวตัวนี้ไม่อยากแบ่งใครแน่ ทุกคน ทำให้นางบอก!”

“ลุย!”

“ช่วยข้าด้วย!” จี้หลิงกรีดร้องโดยแสร้งไม่พอใจขณะหญิงสาวเอาตัวทับนางอย่างสนุกสนาน ไม่ช้ามันกลายเป็นภาพโกลาหล แขนขาสั่นไหวไปมาพร้อมเสียงหัวเราะอย่างยินดีที่ลอยไปตามอากาศ

เมื่อยวินหยางเดินออกจากห้อง เขาเห็นเหล่าเหมยและฟางโม่เฟยกำลังยืนอยู่ที่ประตู

“มีอะไร?” ยวินหยางประหลาดใจที่พบชายสองคนอยู่ใกล้ทางเข้าราวรูปปั้นเงียบงัน

เกิดอะไรขึ้น?

คงไม่เป็นไรถ้ามีเพียงเหล่าเหมยยืนที่นี่ แต่เป็นการยากที่ฟางโมเฟยจะมายืนด้วย แถมยังยืนตัวตรงเหมือนเสาอีก!

“นายน้อย มีคนที่ชื่อเฉินซานอยู่นอกประตู เขานั่งอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” เหล่าเหมยอธิบาย “จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่ไปไหนเลย”

ยวินหยางพยักหน้าแล้วตอบว่า “ว่าต่อเลย”

จากนั้นฟางโม่เฟยพูดว่า “นายน้อย ข้าไม่สามารถบอกความรู้สึกได้ ตอนฝึกฝนเมื่อคืน ข้ารู้สึกได้เลือนลางถึงตัวตนจำนวนหนึ่งในที่พัก”

“พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือ” ฟางโม่เฟยมองต่ำอย่างเศร้าโศกขณะกล่าวต่อว่า “คล้ายกับกำลังตามหาบางสิ่ง นายน้อยต้องระวังเรื่องนี้เอาไว้ด้วย”

ฟางโม่เฟยผู้น่าสงสาร เมื่อคืนคงหวาดกลัวมากสินะ ถึงแม้จะไม่รู้เหตุผลที่ความเร็วการฝึกฝนและการฟื้นฟูสติดีขึ้นอย่างมหาศาลเป็นเพราะอะไร แต่ฟางโม่เฟยยินดีที่จะใช้มันเพื่อตรวจสอบรอบข้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นเหมือนอย่างที่จินตนาการเอาไว้

ทั่วผิวหนังของเขาขนลุกขณะรู้สึกได้ถึงตัวตนคนแปลกหน้าเข้ามาในที่พักยวิน เมื่อคนแรกออกไป อีกคนเข้ามา บ้างก็มาเป็นกลุ่มสามถึงห้าคน ยิ่งกว่านั้น ฟางโม่เฟยสามารถรู้ได้ว่าผู้ที่เหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือระดับที่ห้าถึงระดับที่หกขั้นสูงสุด พวกเขาบางคนถึงขั้นเหนือล้ำกว่าเขา แถมยังมีจำนวนมากอีกด้วย การเข้าออกดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่ำห้าสิบถึงหกสิบครั้งจนกระทั่งตกกลางดึก หากเป็นคนเดียวที่เข้ามาสำรวจ เช่นนั้นต้องมียอดฝีมืออย่างต่ำห้าสิบถึงหกสิบคนผู้เหยียบย่างผ่านที่พัก!

นี่คิดว่ามาเดินตลาดสดกันหรือไง?

ฟางโม่เฟยหลั่งเหงื่อด้วยความหวาดกลัว เขาคิดว่าหากอยู่ในที่พักยวินแล้วจะปลอดภัยและสงบสุขกว่า ไม่รู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น มันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดินทางเข้าสู่สถานที่อันตรายที่ในโลกวิชายุทธ

ยวินหยางยิ้มเจื่อน “ไม่เป็นไร ปล่อยพวกเขาไปเถอะ อยากมาก็ให้มา พวกเรามีทางหลวงที่ราบเรียบกว้างขวางอยู่ที่นี่แล้ว”

รอยยิ้มของเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะถอดความ

ฟางโม่เฟยกะพริบตาด้วยความสับสน เขาอยากถามว่า “ท่านยิ้มทำไม? เป็นเจ้าของบ้านแต่ถูกคนอื่นทำเหมือนกับตลาดสดเชียวนะ! ราวกับว่าพวกเขาเตรียมพร้อมจะเดินทอดน่องเพื่อมาเริ่มการแลกเปลี่ยนที่นี่ยังไงยังงั้นเลย!”

ก้อนขนสี่ตัวตามหลังยวินหยางขณะกลิ้งไปทั่วห้องเพื่อเล่นซุกซนไปมาอยู่บนพื้น ฟางโม่เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เช่นกัน

คนเหล่านั้นต้องมาที่นี่เพื่อพยายามระบุตำแหน่งลูกสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าแน่ ๆ แต่กลับทำพลาดทั้งที่อยู่ใต้จมูก เอาแต่ค้นหาเหมือนมาเดินในตลาด เขาคิดว่านายน้อยต้องยิ้มกว้างเพราะเรื่องนี้มันช่างน่าขบขันยิ่งนัก ฟางโม่เฟยยิ้มกลับให้ยวินหยางด้วยความเข้าใจตรงกัน

ทว่า ฟางโม่เฟยคิดผิด ยวินหยางไม่ได้ยิ้มเพราะเรื่องนี้…

ช่วงเช้าตรู่ ยวินหยางได้รับนามบัตรห้าใบกับบัตรเชิญหนึ่งใบ นายน้อยใหญ่ทั้งสี่คนจากตะวันออก ตะวันตก ใต้และเหนืออยากมาพบยวินหยางเพื่อหล่อหลอมสายสัมพันธ์ โดยเฉพาะซีเหมินวั่นไต้ผู้ได้รับความสูญเสียมากที่สุดก่อนหน้านี้กลับแสดงท่าทีต้องการออกมาซื่อตรงมากที่สุด

นามบัตรอื่นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมละมุน มันเป็นสีชมพูที่เขียนอย่างละเอียดเรียบร้อย อ่านได้ใจความว่า “พวกข้าได้ยินชื่อของนายน้อยยวิน เหล่าพี่สาวนับถือนายน้อยยวินมานานแล้ว ดังนั้น พวกข้าอยากไปเยี่ยม…”

นั่นแหละส่วนสำคัญ ยวินหยางประหลาดใจกับนามบัตรนี้ก่อนครุ่นคิดถึงจุดกำเนิดของความเป็นไปได้ เมื่อมองดู เหล่าพี่สาวจากซ่องอยากมาหางั้นหรือ? พวกนางคาดหวังอะไรกับการมาที่นี่? ยวินหยางลูบหน้า รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้รับความสนใจ

บัตรเชิญอีกใบตรงประเด็นยิ่ง ยวินหยางประหลาดใจที่ได้รับบัตรเชิญจากที่พักจอมพล จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันเตรียมงานฉลองเรียบง่ายและเชิญยวินหยางให้ไปร่วมรับประทานในคืนนี้

ยวินหยางถอนหายใจ

“คนเหล่านี้อยากมาเยี่ยมเพราะอะไรกันนะ?” ยวินหยางกล่าวต่อ “เชิญพวกเขาเข้ามา”

เหล่าเหมยนึกสนุกขณะตอบว่า “ไม่ใช่ที่นี่”

ยวินหยางจนคำพูดสักพัก ทำไมถึงให้นามบัตรถ้าหากไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามา? พวกเจ้านำนามบัตรมาส่งผ่านประตู เช่นนั้นก็ต้องรอข้างนอกแล้วเข้ามาเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าบ้านแล้วสิ

นามบัตรมันต้องแบบนี้

มันยังหมายความว่าในเมื่อตอนนี้บัตรอยู่ในมือของเจ้าบ้านแล้ว แขกต้องอยู่นอกประตู น่าเสียดาย แขกหายไปไหนแล้วไม่รู้!

“สหายเหล่านี้ไม่คิดจะทำตามหลักจรรยาบรรณทั่วไปหรือไง?” ยวินหยางรู้สึกโมโหกับการขาดมารยาททั่วไป พวกนางล้วนเป็นสมาชิกชั้นสูงของครอบครัวมีอิทธิพล ทำไมจะไม่รู้? ทำไมพวกนางถึงส่งนามบัตรแต่ไม่เข้ามาด้วยตัวเองล่ะ?

ยวินหยางปล่อยวางความคิดอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่สนหรอกว่าจะมาหรือไม่มา”

ขณะเดินออกจากประตูที่พัก เขาสะดุดเฉินซานผู้กำลังนั่งอยู่ด้านข้างทางเดิน ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและซีดเซียว แสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นที่ยังอยู่หน้าประตูทั้งคืน

“เฉินซาน กลับบ้านไป” ยวินหยางพูดอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

ทว่า  เฉินซานยืนกรานที่จะอยู่ “ความใจดีของนายน้อย สำหรับผู้ต้อยต่ำคนนี้สูงส่งยิ่งกว่าสวรรค์ กว้างยิ่งกว่าปฐพี นายน้อยถึงกับเข้าสู่ช่องแคบเลวร้ายเพื่อผู้ต้อยต่ำคนนี้ จะให้ผู้ต้อยต่ำคนนี้จากไปทั้งอย่างนั้นได้อย่างไร? ผู้ต้อยต่ำคนนี้จะรออยู่ที่นี่ หากเจ้าหน้าที่อยู่ที่นี่เพื่อมอบความผิดให้กับนายน้อย ผู้ต้อยต่ำคนนี้รู้ว่าควรทำอย่างไร”

ยวินหยางตอบว่า “ปัญหาได้รับการคลี่คลายแล้ว ทั้งครอบครัวของเซี่ยอู่เยวียนถูกจับขังคุก เจ้าไม่ทราบเรื่องนี้หรือ?”

“นี่เป็นความจริงหรือ?” เฉินซานลุกขึ้นยืน ดวงตาทอประกายด้วยความยินดี “เจ้าคนชั่วช้านั่นทำแต่เรื่องต่ำทราม สุดท้ายมันก็พบกับวันนี้!”

ยวินหยางยิ้ม

“ในเมื่อคลี่คลายแล้ว ผู้ต้อยต่ำคนนี้ควรกลับบ้าน ไม่ดีต่อนายน้อยนักหากข้ายังอยู่ที่นี่” เฉินซานกล่าวต่อ “แต่สำหรับความใจดีอันมากล้นของนายน้อย… ถ้านายน้อยต้องการสิ่งใดในอนาคต ผู้ต้อยต่ำคนนี้จะเสี่ยงทุกวิถีทาง ต่อให้ตายก็ยอม!”

จากนั้นเขาคุกเข่าคำนับสองครั้งก่อนจากไป

ยวินหยางไล่ตามไป ดันทองคำหนึ่งแท่งเข้ามือแล้วกล่าวว่า “เมื่อกลับถึงบ้าน จงใช้ชีวิตให้สุขสบาย” เขาอยากพูดอะไรอีก แต่กลับนึกคำพูดไม่ออก ชายชาติทหารผู้เคยหลั่งเลือดบนสมรภูมิ ตอนนี้เป็นคนพิการน่าอับอายที่ต้องดิ้นรนมีชีวิตรอด ถึงอย่างนั้นความอุทิศต่อผู้มีพระคุณและเครือญาติยังหลงเหลืออยู่

เฉินซานทำได้เพียงรับเอาไว้หลังจากปฏิเสธความเมตตาของยวินหยางซ้ำไปมา เขางุนงงยิ่ง ดวงตาทอประกายด้วยความชื้นและความซาบซึ้งขณะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ว่า “ขอบคุณ นายน้อย! เฉินซานรู้สึกซายซึ้งยิ่งต่อความเอาอกเอาใจของนายน้อย! เฮ้อ ในช่วงปีนั้นที่เก้าใหญ่ยังควบคุมโลก ใครในชาตินี้บ้างที่กล้าไม่ให้ความเคารพต่อทหารผ่านศึก? น่าเสียดายที่ทวยเทพตามืดบอดจนไม่ให้พรกับคนดี นับตั้งแต่เก้าใหญ่จากไป พวกข้าผู้ต้อยต่ำกลับ…”

เขาไม่สามารถกล่าวประโยคได้จบขณะหยดน้ำตาร้อนสองหยดหลั่งออกมาที่แก้ม เขาขอบคุณยวินหยางอีกครั้งก่อนหันหลังจากไป

ขณะเมืองร่างที่กำลังถอยไปของเฉินซาน ยวินหยางรู้สึกถึงคลื่นอารมณ์ “ในช่วงปีนั้นที่เก้าใหญ่ยังควบคุมโลก ใครในชาตินี้บ้างที่กล้าไม่ให้ความเคารพต่อทหารผ่านศึก?”

“พวกข้าอยู่ที่นี่ ยังอยู่ที่นี่ อยู่ที่นี่เสมอ” ยวินหยางกล่าวอย่างเงียบงันในใจ

เขากลับลานบ้านด้วยกำลังใจที่ต่ำลง

“คำเชิญของจอมพลเฒ่า…” ยวินหยางขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสงสัยในตัวตนของข้า แต่มันเพราะอะไรล่ะ? เพราะเมื่อวานข้าเล่นงานเซี่ยอู่เยวียนหรือ? คดีของเซี่ยอู่เยวียนพัวพันกับประกาศิตเก้าสวรรค์ ดูท่าจอมพลเฒ่ากำลังมองข้าเป็นผู้บุกทะลวงงั้นหรือ?”

ยวินหยางยิ้มขรึม ไม่ว่าจะเหตุผลใด ครั้งนี้เขาต้องไป

ยวินหยางเดินอยู่ข้างในช้า ๆ ดื่มด่ำกับความคิดก่อนขมวดคิ้วเมื่อพลันรู้สึกได้ถึงความซาบซ่าของนิมิต ขณะปวดตามสัญชาตญาณ เขาขดตัวเองกับพื้น

ต๊อก! ต๊อก! ต๊อก!

เสียงโลหะกระทบดังขึ้นขณะกริซบินสามเล่มแทงลึกเข้าไปในต้นไม้ตรงหน้ายวินหยางราวกับสายฟ้าสามสายเคลื่อนลงมาก่อนจะเกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว

แม้ยวินหยางจะก้มต่ำลง เขาได้เคลื่อนตัวราววิญญาณไปอยู่หลังต้นไม้แล้ว ด้วยการบิดร่างกาย เขาหายไปในอากาศ

ในเวลาเดียวกัน เหล่าเหมยพุ่งออกไปที่ลานบ้านพร้อมแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนทิ้งร่องรอยของเงาเอาไว้ในอากาศ

มันคือการพยายามลอบสังหาร!

บนหลังคาฝั่งตรงข้าม ชายสวมหน้ากากในชุดสีดำมองดูภายในที่พักยวินด้วยสายตาที่ตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ แม้กระทั่งรากฐานการฝึกฝนทักษะวิเศษของเขาที่ไปถึงระดับที่ห้าขั้นสูงสุด แต่ถึงกับเล่นงานมดที่ไม่ถึงระดับที่หนึ่งขั้นสูงสุดพลาด! ที่แย่ยิ่งกว่า เขาไม่แม้แต่จะเข้าใจว่าตัวเองทำพลาดได้อย่างไร เขาเพียงทราบว่าจู่ ๆ เป้าหมายทิ้งตัวลงกับพื้นก่อนจะออกท่า พื้นที่ที่เป้าหมายยึดครองล้วนว่างเปล่าตอนกริซบินหลุดมือไป!

เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?

ชายสวมหน้ากากในชุดดำแทบสบถออกมาเสียงดัง “เหล่าจื้อเคยเป็นนักฆ่ามาหลายปี ถึงอย่างนั้นกลับไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้มาก่อน!”

==================

ประกาศแจ้ง : เนื่องด้วยผู้แปลเรื่อง ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ มีปัญหาสุขภาพ ดังนั้นจึงขอพักการแปลอย่างไม่มีกำหนดครับ ต้องขออภัยทุกท่านครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด