ตอนที่แล้วตอนที่ 30: ด้วยความเคารพนับถือ เกินความเข้าใจ [ฟรี 06 มิ.ย. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32: จัตุรัสคงอยู่ ความปวดหัวของเมฆา [ฟรี 13 มิ.ย. 63]

ตอนที่ 31: กลุ่มคนในโลกใต้ดิน [ฟรี 07 มิ.ย. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 31: กลุ่มคนในโลกใต้ดิน

ยวินหยางส่ายหน้าเล็กน้อย “ยังไม่ถึงเวลา”

เหล่าเหมยยิ่งสับสนและประหลาดใจมากขึ้น

ยังไม่ถึงเวลางั้นหรือ? ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วตอนไหนล่ะ? หรือจะเป็นตอนที่ท่านดูถูกและยั่วยุทุกคนที่อยู่รอบข้าง?

“เหล่าเหมย ขุดเกี่ยวกับอาชญากรรมในอดีตของเซี่ยอู่เยวียนทั้งหมดที” ยวินหยางไม่คิดอธิบายขณะเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นอีกเรื่องแทน

“ได้แน่นอน” เหล่าเหมยยิ้มให้กับคำขอดังกล่าว “ข้าใช้ความมีอิสระในการเตรียมบันทึกทันทีที่ทราบว่านายน้อยข้องเกี่ยวกับความสับสนวุ่นวายในที่พักครอบครัวเซี่ยแล้ว

“วิเศษ!” จากนั้นยวินหยางกล่าวอย่างเริงร่าว่า “เตรียมคัดลอกแล้วส่งไปให้จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหัน”

“ข้ายังต้องส่งด้วยความ… รอบคอบอีกหรือเปล่า?”

“แน่นอนสิ”

เหล่าเหมยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจะไปตอนเที่ยงคืน”

“ดี”

จากนั้น ยวินหยางหันแล้วเดินไปห้องทางขวาที่มีเพียงแสงสว่าง “ข้าเดาว่าไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะจัดการเรื่องราวได้ดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้ว”

ดาบหยกภักดีฟางโม่เฟยยังคงเก็บตัวเงียบตั้งแต่วันที่ทั้งสองคาดเดาตัวตนของอีกฝ่าย เขาแทบไม่พูดและไม่ทำอะไรนอกจากฝึกฝน รักษาบาดแผล กิน ดื่มและนอนในแต่ละวัน

การเดินเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขา ต่อให้ค้ำโต๊ะขณะเดินรอบห้อง เขาถึงขั้นรู้สึกว่าลมหายใจจะขาดห้วงจะเกิดอาการหอบในไม่ช้า ขณะยวินหยางเฉลิงฉลองในคืนนั้น ฟางโม่เฟยไม่ได้เข้าร่วมกับนายน้อยแต่กลับฝึกฝนแทน เขากำลังรอ รอให้ยวินหยางมาหาในท้ายที่สุด เขาไม่รู้ว่าการเผชิญหน้าจะจะออกมาในรูปแบบไหน แต่มั่นใจได้เลยว่ายวินหยางต้องมีแรงจูงใจถึงได้ให้เขาอยู่ต่อแบบนี้

ในที่สุด เขาได้ยินยวินหยางเข้ามาใกล้

ครั้งนี้ ไม่มีการสอบถาม ไม่มีการเชือดเฉือนทางวาจา ยวินหยางเข้ามาและนั่งลง

“พี่ฟาง อาการเป็นยังไงบ้าง?” ยวินหยางถามด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“ข้าฟื้นตัวเร็ว เร็วกว่าที่จะคิดว่ามันเป็นไปได้” ฟางโม่เฟยคล้ายกับประหลาดใจต่อความสามารถฟื้นตัวขณะกล่าวต่อว่า “หากเป็นสถานการณ์อื่น ชายผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นข้าคงตายไปแล้วหากไม่มีแพทย์ฝีมือดียื่นมือเข้าช่วยกับมณีล้ำค่าแห่งสวรรค์และปฐพีเพื่อรักษาพลังชีวิตเอาไว้ ด้วยขอบเขตบาดแผล ข้าประหลาดใจที่ถึงขั้นหาทางกลับมามีสติได้ทว่า ข้าได้ตรวจสอบรอบข้างขณะนอนอยู่บนเตียงคนไข้แล้ว ยาที่ข้ากินไปเหล่านี้เป็นเพียงยาธรรมดาเท่านั้น การที่ข้าสามารถยืนขึ้นได้ในตอนนี้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว”

ลึก ๆ แล้ว ฟางโม่เฟยประหลาดใจ เขาท่องในโลกวิชายุทธมาชั่วชีวิต แค่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ มันเกิดขึ้นกับเขา เพราะไม่รู้ว่ามันถึงกับเกิดขึ้นได้อย่างไรจึงทำให้ยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้น

ขณะยวินหยางสอบถามเรื่องสุขภาพ ฟางโม่เฟยรู้สึกถึงสัมผัสแห่งความขุ่นเคืองประหลาดที่อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าพี่ฟาง ถึงแม้ข้าจะดูเหมือนชายอายุสามสิบ แต่ความจริงผ่านร้อนมาแปดสิบครั้งแล้ว ไม่อวดดีไปหน่อยหรือที่เด็กหนุ่มอย่างเจ้ามาเรียกข้าว่าพี่ฟาง?

ทว่า มันเป็นเรื่องยาก เจ้าของเสียงที่เอ่ยถามด้วยความกังวลคือชายผู้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

“ไม่ว่าจะเป็นไปได้อย่างไรหรือเพราะเหตุใด ข้ายังอยากขอบคุณที่นายน้อยยวินทำดีเช่นนี้ให้” ฟางโม่เฟยพยักหน้าเล็กน้อยอย่างยอมรับกับความเอื้ออาทรของผู้มีพระคุณ

“มันก็แค่ความพยายามเล็กน้อย โปรดอย่าพูดถึงมันอีกเลย” ยวินหยางยิ้มกว้างซุกซนและกล่าวว่า “อีกอย่าง ถ้าอยากขอบคุณข้า สิ่งที่ท่านมอบให้มันมากเกินพอแล้วล่ะ”

หัวใจของฟางโม่เฟยจมดิ่งขณะถามว่า “นายน้อยยวิน เจ้าพูดถึง… แมวอสนีหรือ?”

รอยยิ้มของยวินหยางมากขึ้นอย่างมีนัยขณะตอบว่า “แมวอสนี? ทำไมกัน พี่ฟาง ถ้าพวกมันเป็นแมวอสนี คงไม่มีค่าพอให้ท่านกล่าวถึงเมื่อครู่หรอก”

ริมฝีปากของฟางโม่เฟยกระตุกจนยากจะซ่อนความกังวลเอาไว้เมื่อได้ฟังความเห็นเป็นนัยของยวินหยาง

“ที่ข้าอยากรู้คือเรื่องนี้ พี่ฟาง ดาบหยกภักดี หาทางไปเอา… แมวอสนีเหล่านี้มาได้ยังไง?” ยวินหยางถามด้วยสีหน้าสับสนยิ่ง “จากความรู้ที่มีจำกัดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แมวอสนีมีบ้านเกิดอยู่ในป่าไร้พรมแดน ถึงแม้พวกมันจะไม่เดินทางเข้าสู่ใจกลางพื้นที่ แต่ยังเป็นสุดยอดผู้ปกครองของรอบนอกอยู่ดี!”

ยวินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ดาบหยกภักดี ฟางโม่เฟย ระดับที่เจ็ดขั้นสูงสุดและชั้นหกของลมปราณวิเศษ เขาครอบครองดาบหยกภักดีสีขาวที่ไม่มีวันแตกหัก เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาเรียนรู้วิถีแห่งดาบและบรรลุความยิ่งใหญ่สุดบรรยายได้ภายในหนึ่งทศวรรษแล้ว เขาท่องโลกวิชายุทธ ผ่านการต่อสู้ดุเดือดนับไม่ถ้วนจนไปถึงระดับที่เจ็ดขั้นสูงสุดของลมปราณวิเศษที่อายุห้าสิบหกปี ความพ่ายแพ้เดียวที่เขาเคยประสบมาจากมือของบุคคลสวมหน้ากากสวมชุดมิดชิดบุกมาตอนกลางคืน ถูกกล่าวขานว่าเป็นกระบี่ลมหมุน หวังจื่อฝู หลังจากสิ้นฤทธิ์ ฟางโม่เฟยหายไปสามปีเต็มก่อนจะหาทางกลับมาสู่โลกใบใหญ่ได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกครั้ง

ภายนอก ฟางโม่เฟยยังคงเป็นก้อนหินอ่อนน่าประทับใจ แต่ลึก ๆ แล้ว เขาตกตะลึงยิ่งเมื่อได้ยินยวินหยางร่ายความสำเร็จอันน่าประทับใจให้ฟัง

นับตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการต่อสู้ของเขากับสหายและศัตรูถูกจดบันทึกในรายงานของยวินหยางเป็นอย่างดี สิ่งที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าคือความจริงที่ฟางโม่เฟยไม่เคยพบตัวตนของชายผู้หาทางจัดการเขาได้ สหายหนุ่มคนนี้กลับเปิดเผยข้อมูลที่เขาใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อพยายามพลิกปฐพีหา

เสียงของฟางโม่เฟยสั่นเครือเล็กน้อยขณะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นายน้อยยวิน ข้อมูลของเจ้าละเอียดจนเหลือเชื่อ”

“ละเอียดหรือ?” เสียงหัวเราะของยวินหยางไม่มีอารมณ์ขันเลย “นี่เป็นเพียงความจริงที่คนทั่วไปก็รู้ ทว่า ยังมีอีกเรื่องราวที่ยังถูกเก็บเอาไว้ในความมืด ท่านอยากฟังเรื่องพวกนั้นไหมล่ะ?”

ฟางโม่เฟยตื่นตัว “ในความมืดหรือ?”

ราวนักปราชญ์มากความรู้ ยวินหยางวางแขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลังขณะมองนอกหน้าต่าง กล่าวราวกับกำลังอ่านสิ่งที่อยู่บนแผ่นหนัง “ฟางโม่เฟย ชื่อเล่นดาบหยกภักดี ทว่า ถึงจะใช้คำว่า ‘ภักดี’ มันออกจะเป็นการอวดดีไปเสียหน่อย ฟางโม่เฟยไม่ใช่ชายผู้ก่ออาชญากรรมชั่วร้าย แต่ไม่ควรค่ากับคำว่า ‘ภักดี’ ในมือของฟางโม่เฟย มีอาวุธอีกชิ้นหนึ่ง เมื่อถูกปลดปล่อยออกมาจะถึงตาย โดยส่วนตัวแล้ว ข้าเชื่อว่าความลับที่ห้อมล้อมอาวุธชิ้นนี้คือเหตุผลที่คำว่า ‘ภักดี’ ยังคงอยู่ อาวุธชิ้นนี้ช่วยปกปิดได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ”

ฟางโม่เฟยอ้าปากค้างด้วยความแตกตื่น

“ภายนอก ฟางโม่เฟยเป็นเพียงนักล่าสัตว์ร้ายวิเศษธรรมดา ทว่า เขาหายไปครึ่งเดือนเป็นอย่างต่ำ หากนานกว่านั้นจะกินเวลามากกว่าสามเดือน… ไม่มีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ราวกับเป็นการฝึกฝนทั่วไปในหมู่ผู้ฝึกยุทธ”

“ทว่า ทุกครั้งที่ฟางโม่เฟยหายไป พวกเราจะทราบข่าวยอดฝีมือวิชายุทธชั้นห้าถึงชั้นเจ็ดได้รับบาดแผลหรือเสียชีวิต พวกเขาแข็งแกร่งและหนุ่มในโลกวิชายุทธหรือไม่ก็ชราภาพจนถูกลืมเลือน แม้กระทั่งผู้ที่เก็บตัวก็ไม่เว้น หลังจากความตายมาเยือน ฟางโม่เฟยจะกลับมาต่อสายตาของคนทั่วไป ในความเห็นของข้าผู้ต่ำต้อย นี่ทำให้คิดได้ว่าฟางโม่เฟยมีอีกตัวตนหนึ่ง…”

ยวินหยางไม่หันศีรษะแต่สามารถสัมผัสได้ว่าฟางโม่เฟยกำลังสั่นสะท้าน

“ถ้าการสันนิษฐานของข้าถูกต้อง อีกตัวตนของฟางโม่เฟยจะต้องเป็นนักฆ่าแน่นอน แต่สมาคมไหนที่เขาสังกัดล่ะ? ตอนนี้ สามสมาคมนักฆ่าสามที่โดดเด่นในโลกวิชายุทธมีดังนี้ หนึ่ง กลุ่มคนในโลกใต้ดิน สอง หอดาบสีชาด สาม หอคอยเลือดเย็น หอคอยเลือดเย็นให้บริการด้วยเงื่อนไขและราคาที่ชัดเจน ข้าคิดว่าไม่เหมาะกับนิสัยของท่านหรอก สมาชิกของหอดาบสีชาดชื่นชอบการใช้กระบี่ในการแลกเปลี่ยน สามารถตัดมันออกไปได้เช่นกัน ความเป็นไปได้เดียวที่เหลืออยู่ก็ต้องเป็นกลุ่มคนในโลกใต้ดิน”

ยวินหยางหันออกจากหน้าต่างแล้วกล่าวเสียงต่ำ มองฟางโม่เฟยผู้มีใบหน้าซีดเผือดและดวงตาสับสนเพราะความตกตะลึง “มีสิบราชาในกลุ่มคนในโลกใต้ดิน ตัดสินจากผู้ล่วงลับภายในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่รอบพื้นที่โยวเยี่ยน ใช่แล้ว นี่คืออาณาเขตของศาลที่หนึ่ง ราชาฉินก่วงแห่งกลุ่มคนจากโลกใต้ดิน รากฐานการฝึกฝนของฟางโม่เฟยยังไม่ถึงระดับที่จะสังหารได้อย่างอิสระและยังอยู่ต่ำกว่าราชาฉินก่วง ดังนั้น ถ้าข้อสันนิษฐานของข้าแม่นยำ…”

ยวินหยางยิ้มมีชัยขณะมองตรงมาที่ฟางโม่เฟย “…ฟางโม่เฟยน่าจะเป็นนักฆ่าภายใต้ราชาแห่งสิบศาล ศาลที่หนึ่ง ราชาฉินก่วงจากกลุ่มคนในโลกใต้ดิน องค์กรนักฆ่าอันดับต้น ๆ ของโลก! เมื่ออ้างอิงจากรากฐานการฝึกฝนของฟางโม่เฟย เขาน่าจะเป็นนักฆ่ามากฝีมือที่สุดภายในกลุ่มคนในโลกใต้ดิน น่าเสียดาย อันดับของท่านภายในองค์กรน่ากลัวนี้ไม่สามารถก่อเกิดขึ้นได้ ขออภัยที่ข้าก้าวล่วงเกินถึงขั้นนี้”

หยดเหงื่อขนาดเท่าถั่วเหลืองไหลลงจากหน้าผากของฟางโม่เฟยขณะยืนโงนเงนภายใต้น้ำหนักคำกล่าวอ้างของยวินหยาง เขารู้สึกเหมือนกับถูกแฉจนหมดเปลือก ถูกดึงออกจากเงามาอยู่ใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้าสุดบรรยาย เขาไม่หลงเหลือความลับอีกแล้ว!

“ไปเอาข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากไหน?” ฟางโม่เฟยรู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นรัว น้ำเสียงแห้งและแหบพร่า

“จากลูกน้องของข้า ข้าต้องขอโทษอีกครั้งด้วย” ยวินหยางกล่าวอย่างเฉยชา “ข้าต้องถามเขาเกี่ยวกับฟางโม่เฟย แต่ที่ได้มาส่วนใหญ่กลับเป็นสิ่งที่ข้าสันนิษฐานเอาไว้อยู่แล้ว… ยิ่งกว่านั้น มันไม่ถึงขั้นเปิดเผยอันดับของพี่ฟางในฐานะนักฆ่ามือดีที่สุดของศาลที่หนึ่ง ราชาฉินก่วง ชายผู้น่าสงสารเสียใจนัก เขารีบแสวงหาการยกโทษให้ทันที”

แสวงหาการยกโทษให้!

ฟางโม่เฟยแทบจะล้มทั้งยืน ข้อมูลประณามชุดนี้มากพอจะเปิดเผยตัวตนของเขาแล้ว แต่ถึงกับต้องให้ลูกน้องแสวงหาการยกโทษให้อีก! อีกฝ่ายถึงขั้นกล่าวว่ามันยังครอบคลุมไม่มากพอ! ฟางโม่เฟยรู้สึกได้ว่าสมองกำลังเละเป็นโจ๊กภายใต้ความวิตกยิ่งนี้ เขาหอบหายใจหนัก กำลังจะหมดสติอีกครั้ง

“แน่นอน ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ข้าเก็บเอาไว้” ยวินหยางกล่าว “มีส่วนเกี่ยวกับครอบครองของพี่ฟาง ตอนพี่ฟางเริ่มเผยสัญญาณสนใจผู้หญิงเป็นครั้งแรก การเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ช่วงเวลาและสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนิสัยและอื่น ๆ อีกมากมาย รายงานยังเต็มไปด้วยข้อมูลท่าทีของพี่ฟางที่มีต่อครอบครัว พอวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้แล้ว พวกเราสามารถควบคุมท่านผ่านพวกเขาได้ ควบคุมลูกหลานของท่าน รวมถึงคนที่พวกเขาชอบด้วย มีข้อมูลนิดหน่อยเกี่ยวกับจิตวิญญาณผู้น่าสงสารเหล่านั้นที่พี่ฟางฆ่าไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่ขุ่นเคืองกับเรื่องเหล่านี้ ผู้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคู่กรณีที่มีเงินมากพอจะสั่งฆ่าพวกเขาได้…”

ยวินหยางอ้าปากหายใจหลังจากพูดมายืดยาว “ข้ามีทั้งหมดนี่ พี่ฟางอยากดูไหมล่ะ?”

“ไม่… ไม่จำเป็น” ฟางโม่เฟยคือชายผู้พ่ายแพ้ ดวงตาคล้ายกับของซากศพไร้จิตวิญญาณ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าเพียงแค่เหตุการณ์เดียวที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติจะทำให้ตกมาอยู่ในมือของปีศาจชั่วร้ายตนนี้!

“ประสบการณ์ชีวิตของพี่ฟางต้องน่าสนใจแน่นอน” ยวินหยางคล้ายกับสงสัยเกี่ยวกับอดีตของเขามาก “แน่นอน ทุกคนเคยได้ยินถึงพละกำลังดาบหยกภักดี… แต่ใครจะรู้ล่ะว่าพี่ฟางผู้มีคุณธรรมคนนั้นจะถึงกับเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนในโลกใต้ดินที่มืดมิดและชั่วร้าย?”

ฟางโม่เฟยหลั่งเหงื่อไม่หยุด

“พูดตามตรง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยที่ข้าไม่ได้สนใจมากนัก” ยวินหยางเดินไปที่โต๊ะแล้วเทน้ำใส่แก้ว กล่าวว่า “ทว่า ข้าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอื่นมากกว่า เรื่องรากฐานการฝึกฝนของท่าน พี่ฟางไม่มีทางพ่ายแพ้เสือดำคราสแน่นอน ที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือไม่เพียงแค่พี่ฟางชนะมันเท่านั้น ท่านยังเอาชนะคู่ของมันและฉวยโอกาสจับลูกเสือดำคราสทั้งสี่ตัวมาได้อีกด้วย!”

สีหน้าของฟางโม่เฟยเต็มไปด้วยความอึดอัดยิ่ง สิ่งมีชีวิตวิญญาณอย่างเสือดำคราสจะต้องเป็นฝ่ายกำจัดลูกของพวกมันก่อนหากเผชิญหน้ากับความตาย! นี่คือความรู้สามัญภายในโลกสัตว์ร้ายวิเศษ ยิ่งระดับของสัตว์ร้ายวิเศษสูงเท่าไหร่ นิสัยของมันยิ่งออกไปทางนั้นมากตามไปด้วย

“ถึงกระนั้น พี่ฟางหลบหนีออกมาได้สำเร็จและนำลูกสี่ตัวนี้เข้าเมืองเทียนถัง” ยวินหยางกล่าวต่อ “ข้าอยากฟังเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อันน่าทึ่งนี้”

สีหน้าของฟางโม่เฟยขมขื่นขึ้น เขาถอนหายใจหนักแล้วกล่าวว่า “ใครบางคนเจอพวกมันเข้าโดยไม่ตั้งใจ เป็นเสือดำคราสหนึ่งคู่ สัตว์ร้ายเพศเมียบาดเจ็บสาหัสและมีลูก พวกมันถูกโจมตีโดยกลุ่มสัตว์ร้ายวิเศษระดับสูงอีกกลุ่มก่อนจะหนีไปพร้อมบาดแผล…”

“หลังจากไล่ตามไป พวกเรารวมกลุ่มห้าคนเพื่อมุ่งหน้าสู่ป่าไร้พรมแดนด้วยกัน”

จากนั้นสีหน้าของฟางโม่เฟยเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกขณะกล่าวต่อว่า “ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นขณะเสือดำคราสได้รับบาดเจ็บสาหัส ในบรรดาพวกข้าห้าคน บาดเจ็บสาหัสสี่คนและตายหนึ่งคน”

ยวินหยางฟังอย่างเงียบงันจนอดที่จะเผยรอยยิ้มลึกลับไม่ได้

“จากนั้นพวกข้าสี่คนกลับบ้าน เก็บไว้คนละตัว ข้าได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดขณะที่อีกสองคนอยู่คนละข้างกัน เมื่อกำลังจะไปถึงส่วนนอกของป่าไร้พรมแดน ข้าถูกซุ่มโจมตี ในตอนนั้น ดาบสองเล่มแทงมาที่ฝั่งซ้ายและขวาของแผ่นหลังข้าจนทะลุไปถึงหน้าอกทั้งสองฝั่ง ในเวลาเดียวกัน ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสที่หลังศีรษะ”

ยวินหยางขมวดคิ้ว “ถูกต้องแล้ว ข้าเห็นบาดแผลทั้งสองด้านของแผ่นหลังและหน้าอก พวกมันดูราบเรียบเกินไป ดาบไม่ได้รับการขัดขืน ราวกับว่าท่านประมาทเอง”

“สามพี่น้องพวกนั้น…” ฟางโม่เฟยเกรี้ยวกราด “พวกข้า…พวกข้าเคย… เป็นพี่น้องร่วมสาบานมามากกว่าสี่สิบปี ผูกมัดกันด้วยหนึ่งคำสาบาน พวกข้าอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบหน พี่น้องร่วมสาบานที่เผชิญความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน”

ยวินหยางถอนหายใจแผ่วเบาขณะพูดอย่างเงียบงันว่า “ถ้าเป็นพี่น้องกันจริง… ทำไมต้องผูกมัดด้วยคำสาบานด้วย? ถ้าไม่ใช่พี่น้องกัน คำสาบานจะมีประโยชน์อะไร?”

สิ้นคำพูดเหล่านั้น ฟางโม่เฟยรู้สึกเหมือนกับสายฟ้าฟาดเข้าเต็มแรง เสียงฟ้าผ่าราวลางร้ายดังมาจากไกล ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด