ตอนที่แล้วตอนที่ 75 ยีนลิงหิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 77 ยีนวิญญาณ

ตอนที่ 76 เส้นทาง


ยีนมีลำดับขั้นตั้งแต่ 0 1 2 3

ถนนของผู้บ่มเพาะดวงดาวยังเป็นเส้นทางวิวัฒนาการของยีน ด้วยการยกระดับของยีนแต่ละขั้น มันจะทำให้พลังชีวิตพวกเขาใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตในตำนานขึ้น

ในยุคโลกโบราณ สิ่งมีชีวิตโบราณล้วนเป็นเผด็จการของห่วงโซ่อาหาร ไดโนเสาร์ ลิงยักษ์...

การมียีนขั้น1หมายความว่าคุณได้รับพลังที่ตรงกับสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่ม ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

ดังนั้น หากยีนชั้น0คือรากฐานของการวิวัฒนาการยีน หรือที่เรียกว่ายีนพื้นฐาน งั้น ยีนชั้น1ก็จะเป็นยีนแรกเริ่ม

ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่อาจเทียบได้กับระดับเหนือธรรมชาติ

อะไรจะนับเป็นเหนือธรรมชาติ?

พลังและอายุขัยที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป!

พลังอย่างเดียวคงไม่พอ หากอายุขัยไม่เพิ่ม งั้นพลังชีวิตพวกเขาก็คงไม่อาจก้าวกระโดด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้บดขยี้ดาวได้ด้วยหมัดเดียว มันก็ยังไม่สำคัญหลังผ่านไปร้อยปี

สำหรับพลัง มันไม่มีอะไรไปมากกว่าสิ่งประดิษฐ์

มีคำพูดในการบ่มเพาะโบราณอยู่ การบ่มเพาะต้องทำด้วยความคิดที่ดีและเพื่อจุดประสงค์อันเหมาะสม ไม่อย่างนั้น มันจะเป็นการทำร้ายตัวเอง

ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาว การบ่มเพาะของทั้งลักษณะและสุขภาพร่างกายคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ การเสริมทั้งพลังและอายุขัยคือแก่นแท้ของการบ่มเพาะ สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิตได้

หากยีนขั้น1เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเผด็จการ งั้นขั้น2ก็เป็นก้าวแรกสู่เส้นทางของผู้อยู่เหนือธรรมชาติ

เมื่อคนเข้าสู่อาณาจักรของยีนชั้น2 อายุขัยพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามร้อยปี นับเป็นสามเท่า มีเพียงขั้นนี้เท่านั้นที่คนจะถือว่าเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาตินั่นทำให้ยีนขั้น2เป็นที่รู้จักกันว่ายีนเหนือธรรมชาติ

โดยไม่ต้องสงสัย เส้นทางของซุนหงอคงคือเส้นทางตำนานที่เฟิงหลินยืนอยู่

ทุกๆชั้นในเส้นทางตำนานมีความสอดคล้องกัน ยีนลิงหินคือขั้นแรก แล้วอะไรจะเป็นขั้นสอง?

เพื่อก้าวต่อไป เขาต้องคิดให้ออกก่อน

ถนนในเส้นทางตำนานนี้ต้องมีการวิเคราะห์เรื่องราวของตำนาน หักล้างจากแต่ละขั้นของการเติบโตและประสบการณ์ของตัวละครในตำนาน

เรื่องราวเหล่านี้จะกำหนดเส้นทางบ่มเพาะ แต่การเริ่มต้นต้องใช้ศักยภาพพันธุกรรม

ตัวอย่างเช่น เฟิงหลินรู้ว่าในฐานะพระผู้สร้างของตำนานจีน เส้นทางตำนานของผานกู่ย่อมไร้เทียมทาน แต่ทว่า เส้นทางสู่การวิวัฒนาการพันธุกรรมมันย่อมต้องใช้ศักยภาพพันธุกรรมจำนวนมาก

เขารู้ว่าจุดสูงสุดของเส้นทางนี้คือพันธุกรรมผานกู่ แต่เขาไม่มีเงื่อนงำถึงต้นไม้พันธุกรรมมันเลย

ทีละขั้น คนจะต้องอนุมานทุกยีนจากบนลงล่างและรวมพวกมัน ศักยภาพพันธุกรรมที่ใช้ไปย่อมมากเกินกว่าเขาจะจัดการได้

นับตั้งแต่ที่เขาปลุกยีนลิงและยีนหิน เฟิงหลินก็คิดว่าซุนหงอคงเป็นเส้นทางที่ดีสุดและเป็นเส้นทางเดียวที่เขาสามารถเดินไปได้

หรือบางที เขาสามารถรอจนกว่าพลังชีวิตเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งก่อนทิ้งข้อจำกัดของเส้นทางซุนหงอคงและมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้และอิสรภาพไร้สิ้นสุด

กล่าวกันว่า นี่คือสิ่งที่อยู่ไกลในอนาคต เรื่องที่อยู่ในมือเร่งด่วนกว่ามาก หลังงานเสร็จและสลัดตัวเขาออกจากชะตากรรมได้ เมื่อนั้นเขาจะบรรลุอิสรภาพอย่างแท้จริง

ไม่อย่างนั้น ทั้งหมดเหล่านี้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าจินตนาการ

ในเทพนิยาย พลังของนักบุญและเทพจะเติบโตเท่าทวีเมื่อประสบการณ์เพิ่มขึ้น ยีนถ่ายทอดจะเติบโตขึ้นอย่างเป็นขั้นตอน

แต้มพันธุกรรมที่ยืดหยุ่นของเฟิงหลินนั้นเพียงพอและสามารถเสริมได้ตลอดเวลา แม้กระนั้น หากเขาไม่เข้าใจทิศทางของการวิวัฒนาการเขาและเพิ่มแต้มอย่างบ้าคลั่ง งั้นเขาก็คงจบด้วยการทำร้ายตัวเอง

เหนือสิ่งอื่นใด พันธุศาสตร์มีกฏของมัน เขาไม่อยากพบว่าตัวเองเจอทางตันของเส้นทางบ่มเพาะเพราะความใจร้อน

เฟิงหลินเริ่มค้นหาขั้นต่อไปของการวิวัฒนาการทางพันธุกรรม

สำหรับคนปกติ มันเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาขั้นต่อไปที่พวกเขาควรทำโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากคนอื่น

แต่ทว่า การบ่มเพาะพันธุกรรมเป็นไปตามเส้นทางในตำนาน

เฟิงหลินมีความรู้เกี่ยวกับตำนานของโลกโบราณและสามารถใช้มันเป็นแนวทางเขา กำจัดความเสี่ยงในการสูญเสียทิศทาง

การใช้ความรู้เขาในเทพนิยายก็เพื่อเลือกเส้นทางเขาและมีสมการพันธุกรรมเพื่ออนุมานความเป็นไปได้ มันอาจกล่าวได้ว่าองค์ประกอบทั้งสองนี้เสริมกันและกัน เฟิงหลินรับประกันได้ว่าเขาจะไม่หลงทางตราบเท่าที่เขาใช้ความสามารถอย่างชาญฉลาด เส้นทางการบ่มเพาะเขาดูสดใสอย่างไม่อาจเปรียบ

หลังยีนหิน ยีนอะไรที่จะตามมาบนเส้นทางของซุนหงอคง?

เฟิงหลินเดาว่ามันเป็นยีนลิงหินวิญญาณในตอนแรก แต่ก็ไม่มั่นใจว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างมันกับยีนลิงหิน

เขามีความเข้าใจอย่างดีถึงเทพนิยาย แต่นั่นก็แค่เรื่องราวในบันทึก บางทีรายละเอียดจากความจริงอาจถูกลบไปทีละน้อยตามกาลเวลาและต้องใช้เวลาสำรวจ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ใช่ซุนหงอคงตริงๆและเช่นนั้น เขาจึงทราบทุกรายละเอียดของตำนาน

สิ่งเดียวที่เฟิงหลินรู้คือเส้นทางตำนานของซุนหงอคงต้องมีลำดับขั้นที่เกี่ยวข้องกับยีนซุนหงอคงและยีนขั้น0มันก็ประกอบไปด้วยยีนลิงและยีนหิน รวมถึงยีนขั้น1อย่างยีนลิงหินแล้ว เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับส่วนที่เหลือ

นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขาจึงสันนิษฐานว่ายีนขั้น2ในเส้นทางบ่มเพาะนี้คือยีนซุนหงอคงและมองว่ายีนลิงหินคือตัวแปร จากนั้นเขาก็พยายามแก้มันด้วยสมการพันธุกรรม

แต่ทว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมการทางพันธุกรรมเขา และศักยภาพพันธุกรรมก็ยังนิ่งเช่นกัน

ทำไมละ?

การเปิดใช้สมการทางพันธุกรรมควรลดศักยภาพพันธุกรรมไม่ใช่หรอ?

เฟิงหลินสับสน นี่คือครั้งแรกที่สมการทางพันธุกรรมล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม หลังสงบสติลง เขาก็คิดถึงมัน สมการพันธุกรรมมักเป็นประโยชน์มาเสมอ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลวตอนนี้

นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!

เขาคาดการณ์

ดูเหมือนว่ายีนซุนหงอคงจะไม่ใช่ยีนขั้น2 แต่ต้องเป็นยีนระดับสูงกว่านั้น

ความแตกต่างระหว่างเกรดพันธุกรรมพวกเขาสูงมากและไม่อาจผสมกันได้โดยตรง นี่คือสาเหตุที่สมการพันธุกรรมไม่ได้ผล

เกี่ยวกับความสามารถของยีนซุนหงอคง เขาสามารถสำรวจมันได้ในอนาคต

ทึกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!

ตำนานเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาเส้นทางบ่มเพาะ

เรื่องราวของซุนหงอคงเต็มไปด้วยประสบการณ์ ในตำนาน พลังของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เฟิงหลินนึกถึงประสบการณ์ของซุนหงอคงและระลึกว่าก่อนเขาจะได้เคารพพระอาจารย์โพธิ์เป็นอาจารย์เขาและได้ชื่อ เขาเป็นที่รู้จักในนามราชาลิงสุดหล่อจากภูเขาผลไม้

ราชาลิงสุดหล่อต้องอยู่ภายในยีนถ่ายทอดด้วย

หรือยีนขั้น2เขาจะเป็นยีนราชาลิง?

ครั้งนี้ เฟิงหลินสันนิษฐานว่ายีนราชาลิงเป็นยีนขั้น2และใช้ยีนลิงหินเป็นตัวแปรอีกครั้งก่อนค้นหาผลลัพธ์

ถึงกระนั้น สมการพันธุกรรมก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนก่อนหน้า

นี่หมายความว่าเส้นทางวิวัฒนาการนี้ยังมีความแตกต่างในเกรดและไม่อาจรวมกันได้โดยตรง

ยีนราชาลิงนั้นสูงกว่าขั้น2เป็นแน่ และต้องมียีนขั้นที่ต่ำกว่ามัน

เฟิงหลินเริ่มผสานผ่านตำนานของซุนหงอคงตั้งแต่ต้น

ซุนหงอคงเกิดในฐานะลิงหินวิญญาณ  มีความว่องไวและสง่างามกว่าลิงอื่น แสงสีทองส่องไปทั่วทุกทิศทางเมื่อเขาเกิด เขาพิชิตอาณาจักรลิงและกลายเป็นราชาลิงสุดหล่อก่อนเดินไปบนเส้นทางของความเป็นอมตะ เขาเดินทางไกลก่อนกราบพระอาจารย์โพธิเป็นอาจารย์และได้รับชื่อซุนหงอคง...ท้ายที่สุด เขาก็คร่าชีวิตคนในตำหนักสวรรค์และประกาศตัวว่าเป็นมหาเทพเทียมฟ้า

เฟิงหลินไม่หยุดนึกถึงเรื่องราวและจิตใจเขาก็ชัดเจนขึ้น

ตามความรู้เขา ยีนราชาลิงถือเป็นยีนขั้น3 ส่วนยีนซุนหงอคงควรเป็นยีนขั้น4หรือ5

ความเป็นไปได้เดียวที่เหลือสำหรับยีนขั้น2คือยีนลิงหินวิญญาณ

ทำไมเขาถึงจะไม่ลองตั้งแต่ต้นละ?

จิตใจเขาร่ำร้อง ไม่ใช่ว่าลิงหินก็เหมือนกับลิงหินวิญญาณงั้นหรอ?

เฟิงหลินคิดว่าพวกมันเหมือนกัน ความแตกต่างเดียวคือชื่อ

มันดูเหมือนจะไม่จริงซะแล้ว

ตำนานเป็นเส้นทางโดยรวม มีความลึกลับอีกมาก

ความเชี่ยวชาญในตำนานเหล่านี้ช่วยให้เฟิงหลินสร้างมันขึ้นมาได้เท่านั้น แม้จะมีความรู้ชัดเจนถึงเส้นทาง รายละเอยีดภายในก็ยังต้องใช้การวิเคราะห์อีกมาก

เฟิงหลินเริ่มอนุมานจากสิ่งนี้ ใช้ยีนลิงหินวิญญาณเป็นเป้าหมายและยีนลิงหินเป็นตัวแปร

พลังงานกลุ่มดาวเริ่มขยับเข้าสู่แผนที่พันธุกรรม

ตามคาด มีการเคลื่อนไหวแล้ว!

เฟิงหลินรู้สึกยินดีมาก การลงของศักยภาพพันธุกรรมหมายความว่ายีนลิงหินวิญญาณต้องเป็นการวิวัฒนาการของยีนลิงหิน

ศักยภาพพันธุกรรม –20% -20% -20%...

ศักยภาพพันธุกรรมเขาลดลงไป180%อย่างรวดเร็ว

การลดลงเหมือนการกระแทกหัวของเขาอย่างแรง มันราวกับมีการพัฒนาในทุกลำดับขั้น สูตรวิวัฒนาการจะยิ่งซับซ้อนมากเรื่อยๆ ขยายขอบเขตการใช้ศักยภาพมากกว่าเดิม

มันดูเหมือนว่าเขาต้องหาศักยภาพพันธุกรรมให้มากกว่านี้ในอนาคตอันใกล้

ท้ายที่สุด หลังศักยภาพพันธุกรรมเขาลดไป320% กลุ่มดาวทั้งสามก็แตก

เส้นทางอันชะดเจนของการผสมพันธุกรรมปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา

มีเพียงสูตรพันธุกรรมเดียวเท่านั้น

เฟิงหลินแหงนมองด้วยความประหลาดใจก่อนสีหน้าเขาจะแปลกไป

ยีนลิงหินx10+ยีนวิญญาณx10 = ยีนลิงหินวิญญาณ???

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด