ตอนที่แล้วGE352 อธิบายมา [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE354 ซัวหมิงผู้ไม่อาจยั่วยุ [ฟรี]

GE353 ไสหัวไป [ฟรี]


ลั่วเซินเหยียบกระบี่พุ่งทะยานหนีสุดชีวิต แม้มันจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่ด้วยการหนุนเสริมของกระบี่ จึงรวดเร็วเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง

เพียงแต่ยักษ์ตนนั้นรวดเร็วยิ่งกว่า เหตุใดมันจะหลบหนีได้ทัน

“ทำไมยักษ์ที่แบกเกาะมาทั้งเกาะถึงได้เร็วขนาดนั้น มันเป็นใครกันแน่!”

ลั่วเซินหวาดกลัว แต่เมื่อมันสังเกตุดีๆ เกาะที่ยักษ์ตนนี้แบกมาด้วยคือเกาะกู่ซูที่มันและหวางคุณไปทำลาย

หัวใจของมันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และใครกำลังไล่ล่ามันอยู่

แต่ที่มันไม่เข้าใจคือ แค่เกาะเล็กๆอย่างเกาะกู่ซู ทำไมถึงทำให้ยักษ์ตนนี้โกรธแค้นได้ขนาดนี้

มันรู้แค่ว่าต้องรีบหนีไปให้ถึงเกาะหยิงซัว หากไปถึงที่นั่นได้ ผู้เชี่ยยวชาญนับล้านจะช่วยมันจัดการกับยักษ์ตนนี้

ซึ่งยักษ์ที่ว่าก็คือหนิงฝาน

ร่างกายของหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่ 3 แต่หากนับรวมกายปีศาจของเขาด้วย ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งทัดเทียมขอบเขตกระดูกหยกที่ 4 จึงสร้างร่างยักษ์ได้สูงถึง 3000 จ้าง

หากเป็นทั่วไปหนิงฝานจะไม่แปลงร่างเป็นยักษ์ แต่ตอนนี้ เขาโกรธที่มีคนทำลายเกาะกู่ซู จึงได้แปลงเป็นยักษ์เพื่อถล่มสมาพันธ์สังหารหมิงให้ราบคาบ

ปราณสังหารที่อัดแน่นในจิตใจยากจะสลาย เจตนาสังหารเพิ่มพูน ทางเดียวที่จะสยบมันได้คือต้องสังหาร!

มีอยู่หลายครั้งที่หนิงฝานโกรธแค้นมาก ครั้งแรกที่ป่าแห่งภูติพราย เขาทำลายเผ่าครามทั้งเผ่าเพียงลำพัง ครั้งที่สองคือวังดารา เขาสังหารอสูรในดาราสมุทรไปมากมายนับไม่ถ้วน… แต่ความโกรธในยามนี้ต่างจากครั้งอื่นๆ

ที่ผ่านมาหนิงฝานโกรธแค้นและสังหารก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรู

แต่ยามนี้ เขาโกรธแค้นและสังหารก็เพื่อเกาะกู่ซู สถานที่ที่มีความทรงจำดีๆของเขาอยู่ สถานที่ที่มีคนสนิทของเขาอยู่

หากจะสังหารผู้ใด หนิงฝานจะไม่ทำไปโดยปล่อยให้อารมณ์ควบคุม แต่ยามนี้ เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของฉุ่ยหลิงที่ไหลรินด้วยความเศร้า เห็นสีหน้าที่เคียดแค้นของเสี่ยวฉือ เห็นไป๋ซูที่หวาดกลัวจนตัวสั่น เห็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องเกาะกู่ซู ทำให้หนิงฝานยามนี้คิดอยู่เพียง สิ่งเดียว… นั่นคือ ‘ฆ่า’

หนิงฝานกลายร่างเป็นยักษ์ ขุดยกเอาเกาะกู่ซูในส่วนที่ชโลมไปด้วยโลหิตขึ้นมาจากพื้นดิน ปล่อยให้ผู้ที่รอดชีวิตย้ายไปส่วนที่เหลือ ความโกรธเกลียดและแรงอาฆาตเพิ่มพูน เหล่าผู้คนที่รอดชีวิตหวาดกลัว คนเหล่านั้นคาดไม่ถึงว่านายท่านซัวที่ทุกคนรู้จัก จะกลายร่างเป็นยักษ์สูง 3 พันจ้างได้

“ท่านลุงซัวแข็งแกร่งมาก ถึงขนาดแปลงร่างเป็นยักษ์ได้!” เหล่าเด็กๆที่เคยล้อเลียนหนิงฝานในวันวาน บัดนี้หวาดกลัว

“เจ้าหนูที่ชนะหมากกระดานข้า ที่แท้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ที่สังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางได้ในพริบตา”

“หลานฉุ่ยหลิง… สามีของเจ้าแข็งแกร่งมาก! เขากำลังจะไปแก้แค้นให้พวกเรา!”

หวางซื่อที่ยังรอดชีวิต กินโอสถเพื่อสะกดอาการบาดเจ็บ ยามนี้ มันดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“อืม… ท่านพี่จะไปแก้แค้นให้พวกเรา!” ฉุ่ยหลิงเช็ดน้ำตา นางโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก

เสี่ยวฉือในยามนี้หมดสติ ไป๋ซูเฝ้าอยู่ข้างกายเสี่ยวฉือไม่ห่าง แต่นางยังคงหวาดกลัวไม่หาย

ในที่สุดไป๋ซูก็ได้รู้ว่านายท่านซัวไม่ใช่มือกระบี่ แต่เป็นผู้ที่ใช้กระบี่

ผู้ที่ตกตะลึงไม่ได้มีเพียงคนของเกาะกู่ซู ลั่วเซินเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน แม้ว่ามันจะอาศัยกระบี่จนเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแล้ว แต่หนิงฝานที่แบกเกาะขนาดใหญ่เอาไว้ ยังรวดเร็วยิ่งกว่า

เมืองกู่ซูตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลส่วนนอก แต่เกาะหยิงซัวที่ลั่วเซินกำลังจะไป ตั้งอยู่ทางสุดขอบตะวันออกของทะเลส่วนนอก

หนิงฝานไล่ตามลั่วซูผ่านเกาะน้อยใหญ่มากมาย ผู้เชี่ยวชาญที่พบเห็นเร่งถอยห่างด้วยความกลัว

“ยักษ์สูงสามพันจ้าง มันผู้นั้นเป็นใคร ถึงได้มีระดับร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนั้น!”

“อาจไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด มันแค่ใช้วิชาภาพลวงตา ทำให้เราเห็นยักษ์ที่กำลังแบกเกาะเอาไว้”

“ปราณสังหารของคนผู้นั้นเองก็รุนแรงมาก ไม่รู้ว่ามันกำลังจะไปที่ไหน!”

“นั่นลั่วเซิน! ข้าจำได้ คนที่เหยียบกระบี่อยู่ตรงนั้นคือลั่วเซิน!”

“ว่าไงนะ! 1 ใน 50 ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดหน่ะเหรอ? ถ้าข้าจำไม่ผิดมันเข้าร่วมสมาพันธ์สังหารหมิง แต่ยักษ์นั่นเป็นใครถึงได้ตามล่ามัน! ยักษ์นั่นไม่รู้หรือไงว่าสมาพันธ์สังหารหมิงหนุนหลังลั่วเซินอยู่”

ยิ่งฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ยิ่งมีวิชาเสริมร่างกายมากเท่าไหร่ ยามแปลงร่างเป็นยักษ์ ร่างกายก็จะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น… ยักษ์ที่สูงใหญ่ 3 พันจ้างนั้น ผู้ที่แปลงร่างได้คือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีบางวิชาและสมบัติบางอย่าง ที่สามารถขยายร่างให้ใหญ่ได้ถึง 3 พันจ้าง แต่ก็เป็นเพียงภาพลวงตา

ผู้ที่เห็นต่างให้ความสนใจกับการตามล่า คนเหล่านั้นสงสัยว่ายักษ์ตนนี้คือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจริงหรือเปล่า แต่เมื่อยักษ์ตนนั้นหันมองพวกมัน พวกมันรู้สึกราวกับถูกกระบี่กรีดเฉือน และสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว

“ไสหัวไปซะ!”

เพียงคำกล่าวสั้นๆ แต่กลับทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นสั่นสะท้าน พวกมันรู้สึกราวกับว่าดวงจิตในร่างกำลังจะระเบิด

“เป็นแรงกดดันที่น่ากลัวมาก! ยักษ์นั่นไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นยักษ์จริงๆ! เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดจริงๆ!”

“คนผู้นั้นไม่ได้มีแค่ร่างกายที่ทรงพลัง แต่ยังมีเจตจำนงค์กระบี่...เจตจำนงค์กระบี่ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา!”

“หนีเร็ว! ถอยให้ห่างจากยักษ์นั่น”

“ทำไมข้ารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของยักษ์นั่น… แววตานั่น… ใช่แน่ๆ เป็นเขาแน่ๆ!”

“ท่านหมายถึงใคร?”

“ซัวหมิง! ปีศาจซัวหมิง! เขาไม่รอให้สมาพันธ์สังหารหมิงเข้าหา แต่เขากำลังไปทำลายพวกมันด้วยตัวเอง!”

ผู้ที่ได้ยินคำของชายชราล้วนหวาดกลัว ‘ซัวหมิง’ ได้กลายเป็นคำต้องห้ามของผู้เชี่ยวชาญหลายคน เหตุที่ผู้คนหวาดกลัวไม่ใช่เพราะซัวหมิงมีระดับพลังสูงส่ง แต่เป็นเพราะความโหดเหี้ยม ห้าวหาญ และบ้าคลั่ง จนไม่มีผู้ใดรับมือได้

ณ เกาะแห่งหนึ่ง…

ทะเลโดยรอบเกาะเป็นสีม่วงประกาย ผู้นำของนิกายอักขระม่วงเก็บตัวฝึกฝนอยู่ที่นี่

ทะเลแถบนี้อุดมไปด้วยปราณพิเศษชนิดหนึ่ง เหมาะกับผู้ที่ฝึกฝนวิชาอักขระ

ประมุขนิกายอักขระม่วง สัวถง ได้กล่าวไว้ว่า “หากจะให้อักขระแสดงปาฏิหารย์ ต้องสร้างปาฏิหารย์ให้อักขระเสียก่อน”

ดังนั้น ทุกช่วง 10 ปี จะมีผู้เชี่ยวชาญจากนิกายอักขระม่วงผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูแลข่ายอาคมขนาดยักษ์ กินพื้นที่เป็นวงกว้างนับล้านลี้ เพื่อกักเก็บปราณที่แผ่ออกมาจากทะเล ไม่ให้แพร่ออกไปภายนอก เสริมให้การฝึกวิชามีผลดียิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน มีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มนับ 10 นำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำของตน ออกตรวจตราเฝ้ารักษาข่ายอาคม ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ให้ผ่านข่ายอาคมเข้ามา เว้นแต่ศิษย์นิกายอักขระม่วง และผู้ที่ครอบครองอักขระของนิกาย

เรือลำเล็กหลาย 10 ลำ หวังจะมุ่งผ่านข่ายอาคมเข้าไปก็ถูกห้ามไว้ เรือเหล่านั้นเองก็ไม่ต่อต้าน เพราะเมื่อได้รู้ว่าผู้ที่ห้ามคือนิกายอักขระม่วง เรือเหล่านั้นก็เร่งถอยห่าง

ทะเลไร้สิ้นสุดรู้จักกันในนาม ดินแดนแห่งผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละกลุ่มจะครอบครองส่วนต่างๆเป็นของตน การที่ทะเลส่วนต่างๆจะมีเจ้าของจึงไม่ถือเป็นเรื่องแปลก

“ช่างเถอะ… เดี๋ยวพวกข้าอ้อมไปก็ได้ แต่ต้องอ้อมไปเป็นล้านลี้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลากี่เดือน...”

ผู้เชี่ยวชาญที่โดยสารเรือมาล้วนถอนหายใจ แต่ในชั่วลมหายใจนั้น เสียงคลื่นขนาดยักษ์ถาโถมดังมา

ไกลออกไปแสนลี้ ยักษสูงใหญ่ 3 พันจ้างกำลังแบกเกาะทะยานเข้ามา

แต่ด้วยระยะทางที่อยู่ไกลจนเกินไป จึงไม่มีใครรู้ว่ายักษ์ตนนั้นใหญ่ขนาดไหน

“ผู้เชี่ยวชาญขยายร่าง? ที่อยู่บนไหล่นั่นมันอะไร? เดี๋ยวนะ! มันกำลังมุ่งมาทางนี้!”

“มันเป็นใครถึงคิดจะล่วงเข้ามาในเขตของนิกายอักขระม่วง หากม่านพลังนี่ถูกทำลาย จะส่งผลกับการฝึกวิชาของประมุขนิกาย แบบนี้นิกายอักขระม่วงไม่ยอมแน่!”

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบนเรือกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ผู้อาวุโสของนิกายอักขระม่วงคนหนึ่งแค่นเสียงเย็นชาพลางกล่าว

“พลธนูอยู่ไหน? เล็งเจ้ายักษ์นั่น มันคิดจะทะลวงข่ายอาคมของเราเข้ามา ฆ่ามันทิ้งซะ!”

“ขอรับ!”

ทันทีที่สิ้นคำสั่ง พลธนูนับหมื่นปรากฏกาย เล็งธนูไปยังยักษ์ตนนั้น

ชายชราผู้สั่งการได้รับคำสั่งมาว่า หากใครก็ตามที่คิดขัดขวางการฝึกฝนของประมุขนิกาย คนผู้นั้นต้องถูกกำจัด

แต่ถึงอย่างนั้น กลับไม่มีผู้ใดตำหนิในความคิดของชายชรา เพราะในทะเลไร้สิ้นสุดแห่งนี้ พลังคือทุกสิ่ง ผู้ใดทรงพลังกว่าย่อมถูกต้องเสมอ

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่บนเรือถอนหายใจ แม้จะไม่รู้ว่ายักษ์คนนั้นเป็นใคร แต่การที่ตรงเข้ามายังเขตของนิกายอักขระม่วง คงไม่พ้นถูกคนของนิกายอักขระม่วงสังหาร

แต่เมื่อผ่านไปชั่วลมหายใจ สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญบนเรือและคนของนิกายอักขระม่วงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

ยักษ์ตนนั้นรวดเร็วขนาดที่ข้ามผ่านระยะทางกว่าแสนลี้ได้ในระยะเวลาไม่นาน

ช่างเป็นความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว!

เมื่อเงาร่างของยักษ์ตนนั้นชัดขึ้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญยิ่งตกตะลึง

ยักษ์ใหญ่สูง 3 พันจ้าง บนไหล่แบกเกาะขนาดใหญ่ทะยานมา

“ยักษ์สูง 3 พันจ้าง! ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด! บัดซบเอ้ย!”

ผู้อาวุโสของนิกายอักขระม่วงหวาดกลัว แค่กลิ่นอายที่ยักษ์ตนนั้นเปล่งออกมา ก็แทบจะทำให้ดวงจิตของมันแตกสลาย!

ชายชรารู้ว่าคนผู้นี้ไม่อาจยั่วยุ ไม่อาจยิงลูกศรจู่โจมได้

แต่ในชั่วพริบตานั้น แรงกดดันที่ทรงพลังอีกสายปรากฏ แสงสีม่วงพุ่งทะยานออกมาจากเขตของนิกายอักขระม่วงปรากฏเป็นร่างของชายชราผู้หนึ่ง จ้องมองยักษ์ตนนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น! ประมุขนิกายอักขระม่วง สั่วถง! 1 ใน 13 ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแห่งทะเลส่วนนอก

“เจ้าเป็นใคร! หยุดเดี๋ยวนี้! ที่นี่คืออาณาเขตของนิกายอักขระม่วง จงเลี่ยงเส้นทางนี้ซะ!”

คำกล่าวของสั่วถงแฝงด้วยอำนาจที่ทรงพลังของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ หากระดับต่ำกว่าขอบเขตตัดวิญญาณจะไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ

ทันทีที่กล่าวจบ อักขระสีม่วง 12 อักขระปรากฏ แต่ละอักขระทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น

หากยักษ์ตนนี้ไม่เปลี่ยนเส้นทาง ชายชราจะระดมจู่โจมใส่ทันที!

“ไสหัวไป… ไม่งั้นตาย!” หนิงฝานจ้องมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา ซัดฝ่ามือไปเบื้องหน้า อานุภาพฝ่ามือที่รุนแรงส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์รูปฝ่ามือ ตรงเข้าใส่สั่วถง!

สั่วถงสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง

มิติรอบข้างปริแตก คลื่นยักษ์ถาโถม อานุภาพที่ทรงพลังนี้สามารถสังหารมันได้ในพริบตา!

ซัวถงเร่งทะยานหนีอย่างสุดชีวิต ฝ่ามือเข้าปะทะกับข่ายอาคมยักษ์ เสียงระเบิดดังสนั่น ข่ายอาคมแตกสลายในพริบตา

เหล่าผู้เชี่ยวชาญและสั่วถงที่เห็นหวาดกลัว ข่ายอาคมขนาดยักษ์ที่ใช้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มกว่าหลายร้อยคนเสริมพลัง พังทะลายลงในพริบตา

ข่ายอาคมนี้สามารถต้านการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางได้ แต่ยามนี้ ข่ายอาคมกลับถูกทำลายในฝ่ามือเดียว!

สั่วถงรู้ว่าฝ่ามือเมื่อครู่ไม่ได้ซัดมาเพื่อจงใจสังหารมัน เพียงแค่ขู่มันเท่านั้น ไม่อย่างนั้น มันคงไม่อาจหลบฝ่ามือนั้นได้แบบฉิวเฉียด

“สั่วถง! ข้ามีสัมพันธ์อันดีกับสหายของเจ้า วันนี้ข้าจะไม่เอาความ… แต่หากครั้งหน้ายังทำแบบนี้อีก ข้าจะทำลายนิกายเจ้าทิ้งซะ!”

ทันทีที่กล่าวจบ ปราณสังหารของยักษ์ตนนั้นปะทุ ปกคลุมไปทั่วท้องนภา

สั่วถงจดจำน้ำเสียงนี้ได้ เสียงของคนผู้นี้คือผู้ที่รับฝ่ามือ 5 ผสานของเหยียนซ่งสื่อเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้ คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่จะยั่วยุได้!

“เจ้าคือซัวหมิง!” สั่วถงแตกตื่น ที่แท้ยักษ์เบื้องหน้าคือซัวหมิง

เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซัวหมิงทรงพลังมากพอที่จะรับมือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้น แต่ผ่านมาอีก 20 ปี ยามนี้ซัวหมิงทรงพลังจนสามารถสังหารมันได้ในพริบตา!

หนิงฝานพุ่งทะยานข้ามสั่วถง ไล่ตามลั่วเซินไปอย่างไม่ลดละ เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เห็นเหตุการณ์นิ่งอึ้งไม่อาจเคลื่อนไหว

คนเหล่านั้นไม่รู้ว่ายักษ์ตนนั้นคือใคร... เมื่อข่ายอาคมถูกทำลาย สั่วถงต้องหยุดเก็บตัวฝึกฝนชั่วคราว มันเองก็ไม่กล้าเข้าขวางหนิงฝานเพราะกลัวจะถูกสังหาร

หนิงฝานแข็งแกร่งพอที่จะสังหารมันได้ในพริบตา ยามนี้หนิงฝานแค่ต้องการผ่านอาณาเขตของมันไปเท่านั้น มันจึงทำได้เพียงถอนหายใจ มันไม่กล้ายั่วยุหนิงฝาน

“ท่านประมุข? ทำยังไงกันดี? ข่ายอาคมถูกทำลายไปแล้ว ปราณที่เรารวบรวมไว้ให้ท่านสลายไปหมด ท่านไม่อาจฝึกฝนได้ต่อแล้ว...” ผู้อาวุโสนิกายอักขระม่วงกล่าวพลางถอนหายใจ

“ยังพอฝึกฝนได้อยู่! ปราณสังหารของซัวหมิงรุนแรงมาก หากใครยั่วยุเข้าคงถูกสังหารทันที… ดูจากทิศทางแล้ว มันน่าจะไปสมาพันธ์สังหารหมิง… ข้าต้องติดตามไปดูที่นั่น หากสมาพันธ์ถูกทำลาย ขุมกำลังในทะเลส่วนนอกคงมีชะตากรรมไม่แพ้กัน… นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก!”

เมื่อย้อนนึกถึงอานุภาพของฝ่ามือหนิงฝานเมื่อครู่ สั่วถงยังหวาดกลัวไม่หาย

“เกาะหยิงซัวยั่วยุซัวหมิง… พวกมันสมควรโดนแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง นิกายอักขระม่วงของเราห้ามยั่วยุซัวหมิงเด็ดขาด! เจ้าตงฉวนชวนข้าเข้าร่วมสมาพันธ์สังหารหนิง ดีที่ข้าปฏิเสธไป ช่างโชคดีจริงๆ… ดูซิเจ้าตงฉวนจะรับมือยังไง? มันยั่วยุคนบ้าเข้าให้แล้ว!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด