ตอนที่แล้วGE308 สาวงามและอสูร [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE310 เป่ยเหยา [ฟรี]

GE309 หยวนเหยา [ฟรี]


วังราชาหมึก หนิงฝานออกคำสั่งและเก็บตัวฝึกฝน

“ยามนี้ ให้ฉิงซวนดูแลเมืองมังกรสมุทร กุ่ยเฉินดูแลวังราชาหมึก เช่าคังดูแลภูเขากุ่ยซ่ง ซงมู่ดูแลเมืองนักโทษทางใต้ และให้พวกเจ้าทุกคนสร้างอนุสรณ์ของข้าไว้ที่เมืองด้วยคืนนี้ แยกย้ายได้!”

คำสั่งของหนิงฝานทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณตกตะลึง

ทุกคนถูกหนิงฝานประทับตราวิญญาณอสูร ความเป็นความขึ้นอยู่กับหนิงฝาน

“นายท่านไม่ฆ่าพวกเราจริงๆเหรอ… โชคดีจริงๆ”

“แต่ทำไมนายท่านต้องให้สร้างอนุสรณ์?”

“ข้าเองก็ไม่เข้าใจ...”

“ทำๆไปเถอะ การที่นายท่านจะปกครองทะเลใต้เพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ อีกอย่าง แค่ทำตามคำสั่ง อย่าไปขัดขืนจะดีที่สุด”

นายกองคนอื่นๆไม่รู้ว่าทำไมหนิงฝานถึงให้สร้างอนุสรณ์เอาไว้ เหตุที่ทำเช่นนั้นเพราะหลั่วโยว่เป็นคนแนะนำ

หนิงฝานไม่สามารถเอาทุกสิ่งไปจากที่นี่ได้ และหากเขาชิงดาราจักรพรรดิได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือเปล่า

พูดง่ายๆก็คือ เขาไม่อาจพากองทัพอสูรของที่นี่ออกไปด้วยได้

ดังนั้นหลั่วโยว่จึงแนะนำว่าให้หนิงฝานอนุสรณ์ของตนไว้ แม้วันหนึ่งอำนาจทุกอย่างไม่อาจควบคุม แต่จะยังคงมีผู้ที่เคารพหนิงฝานอยู่

ที่สำคัญ อนุสรณ์ยังเป็นอุปกรณ์ในการรวบรวมพลังแห่งเพลิงธูป

เซียนนั้นแบ่งออกด้วยกัน 3 ประเภท คือเซียนอสูร เซียนมนุษย์ และเซียนปีศาจ

ร่างของเซียนแต่ละประเภทสามารถยกระดับได้ด้วยการฝึกฝนวิชา แต่สัมผัสเทพนั้น สามารถยกระดับได้ด้วยการดูดซับพลังแห่งเพลิงธูป

นอกจากจะใช้ยกระดับสัมผัสเทพแล้ว เพลิงธูปยังใช้ในการปรุงโอสถและเป็นไพ่ตายในการสังหารศัตรูได้

ภายในห้องลับ หนิงฝานมือ นำรูปปั้นสีทองออกมา

แม้จะเป็นเพียงรูปปั้น แต่หากมีคนกราบไหว้บูชา พลังแห่งความเชื่อของคนเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังแห่งเพลิงธูปเก็บสะสมไว้ในรูปปั้น

“น่าเสียดายที่เอากองทัพที่นี่ไปด้วยไม่ได้”

“ก็ใครบอกให้ที่นี่ถือกำเนิดโดยจักรพรรดิดาราหล่ะ ถ้าเกิดเจ้าได้ดาราจักรพรรดิไป ที่นี่ก็อาจจะล่มสลายไปเลยก็ได้”

หลั่วโยว่กล่าวตอบ หลังจากหนิงฝานช่วยสตรีนางนั้นได้ หลั่วโยว่ก็ไม่ยอมนอน

“ที่นี่มีอสูรดาราอยู่มาก พวกที่เป็นทาสรับใช้เจ้าก็มากไม่แพ้กัน ต่อให้เจ้าไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีใครกล้าขัดขืนหรอก… อสูรของทะเลใต้ส่วนใหญ่เป็นอสูรแก่นทองคำ หากที่นี่ไม่ล่มสลาย อสูรแก่นทองคำนับ 100 ล้านตัวที่เคารพบูชาอนุสรณ์เจ้า เจ้าก็จะได้พลังแห่งเพลิงธูปมากขึ้น และได้บรรลุเซียนเร็วขึ้น”

“อืม… แต่ก็ช่างเถอะ ถึงข้าจะได้อสูรที่ทรงพลังเป็นกองทัพแต่ถ้าพาออกไปโลกภายนอกคงจะมีปัญหาตามมาไม่น้อย… แต่ยังดีที่ข้าได้ดวงจิตอสูรตัดวิญญาณมา 300 ดวง อย่างน้อยพวกมันจะช่วยยกระดับให้ทาสของข้าได้ ที่สำคัญ ถ้าข้าดูดซับโลหิตอสูรและสลายพิษหนอนม่วงจนหมด ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยแน่”

หนิงฝานเก็บรูปปั้น เก็บทาสเข้ากระเป๋า ก่อนที่เขาจะจากวังดาราแห่งนี้ไป เขายังเหลือปัญหาเล็กๆน้อยๆที่ต้องสะสาง

หนิงฝานลุกออกจากห้องลับของตน มุ่งไปยังห้องลับอีกห้อง แต่เมื่อเขาผลักประตูเข้าไปภายใน สายลมเย็นที่ทำให้สดชื่นพัดพา

เขาเห็นซีหลานพับแขนอาภรณ์ และนำน้ำมาช่วยชำระล้างกายให้กับสตรีที่ช่วยมา

ซีหลานเป็นองค์หญิงของเผ่าสมุนไพร ดังนั้น ทักษะการใช้สมุนไพรและการปรุงโอสถของนางจึงล้ำเลิศ

จากอาการบาดเจ็บที่รุนแรง โลหิตไหลไม่หยุด หลังจากได้สมุนไพรและการรักษาของซีหลานไป โลหิตของนางก็หยุดไหล

เมื่อชำระกายเสร็จ ซีหลานอุ้มสตรีนางนั้นมานางยังที่นอน เช็ดตัวและเช็ดคราบโลหิต

สตรีนางนั้นงดงามราวกับนางสวรรค์ ผิวพรรณผุดผ่อง รูปร่างได้สัดส่วน หน้าอกเอิบอิ่มอุดมสมบูรณ์ หน้าท้องแบนราบ เรียวขาได้และสะโพกได้สัดส่วน ราวกับเป็นสตรีในฝันของบุรุษทุกผู้

ซีหลานตกใจที่หนิงฝานเข้ามา และเร่งนำผ้าห่มผืนบางห่มคลุมร่างสตรีนางนั้นไว้ พลางกล่าวด้วยความขุ่นเคือง

“ลู่เป่ย! เจ้าจะเข้ามาแบบนี้ไม่ได้ เจ้าเป็นบุรุษนะ! ตอนนี้ข้าทำความสะอาดร่างกายให้พี่สาวคนนี้อยู่ เจ้าออกไปได้แล้ว ถ้าเจ้ายังยืนจ้องอยู่แบบนี้ เดี๋ยวนางก็แต่งงานไม่ได้เหมือนข้า!”

“หืม? ทำไมเจ้าถึงแต่งงานไม่ได้? ข้าเข้าใจว่าเจ้าอยากแต่งงานกับข้าเสียอีก?”

“ค… ใครอยากแต่งงานกับเจ้า! ข้าไม่เคยพูดแบบนั้นซะหน่อย… อีกอย่าง ท่านพ่อคงไม่เห็นด้วย!” ซีหลานกล่าวด้วยสีหน้าลนลาน

“อืม… งั้นถ้าบิดาเจ้าอนุญาติ เจ้าก็จะแต่งงานกับข้าใช่มั้ย?”

“ข… ข้า… ข้า” นางพูดไม่ออก

นางไม่กล้ารับ นางเป็นสตรีที่อ่อนต่อโลก หากกล่าวถึงเรื่องแต่งงาน นางจริงจังกับมันมาก เพราะนางจะต้องอยู่กับสามีของนางไปตลอดชีวิต

เมื่อเห็นใบหน้าซีหลานแดงก่ำ หนิงฝานก็ไม่หยอกล้อนางอีก เขาหันไปสนใจสตรีที่หลับอยู่แทน

แม้จะมีผ้าห่มคลุมกายปิดบัง แต่ไม่อาจเลี่ยงสายตาที่เฉียบคมของหนิงฝาน จะห่มหรือไม่ห่มก็มีค่าเท่ากัน

นางถูกอสูรจากโลกอสูรไล่ล่ามาทะเลใต้ แต่นางก็ทุ่มกำลังสังหารอสูรตนนั้น เพียงแต่หนิงฝานเก็บแก่นอสูรของมันไป ส่วนซากร่างก็เก็บเอาไว้ในโลกเย่าหยวน เพราะสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างสมบัติได้

ตามที่หลั่วโยว่ได้บอก อสูรเหล่านี้อาศัยอยู่ในมิติที่เป็นเอกเทศน์ ในระหว่างที่มีเซียนเดินทางผ่านมิติ พวกมันจะลอบจู่โจม สังหาร และดูดซับพลังของเซียนผู้นั้นเพื่อให้ตนเองบรรลุเซียน

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เซียนส่วนใหญ่ไม่อยากมาโลกมนุษย์

การที่สังหารอสูรเหล่านั้นได้ แสดงว่าเป็นเซียนที่ทรงพลังมาก

บาดแผลที่นางได้มาจากการต่อสู้นั้นร้ายแรงมาก แต่ซีหลานกลับใช้เวลาเพียง 1 วันในการทำให้นางพ้นขีดอันตราย

ยามนี้อาการบาดเจ็บของนางทรงตัว ในร่างนางมีผนึกอยู่ 2 ชนิด หนึ่งเป็นผนึกที่คอยกักระดับพลังของนางเอาไว้

ผนึกจำกัดพลังไว้มากสุดเพียงขอบเขตไร้แบ่งแยก แต่นั่นใช่ว่าจะทำให้นางสู้พวกมันไม่ได้ หากนางไม่ถูกลอบจู่โจม นางคงไม่อยู่ในสภาพนี้

ผนึกอีกชนิดคือผนึกของอสูรเหล่านั้น เป็นการจำกัดพลังของนางให้อยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม!

แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ นอกจากมันจะลดระดับขอบเขตพลังของนางลง 3 ขอบเขตใหญ่ ภายในผนึกยังแฝงไปด้วยพิษ เป็นพิษที่พวกมันสร้างขึ้นเป็นพิเศษ

ทั้งหมดนั้นทำให้หนิงฝานคิดว่า การที่นางถูกลอบจู่โจม อาจเป็นแผนของคนในแดนสวรรค์ ซึ่งผู้ที่วางแผนสังหารนางได้นั้น สมควรเป็นผู้ที่หนิงฝานไม่อาจแตะต้องได้ในยามนี้

หนิงฝานเพียงช่วยเหลือนาง เรื่องอื่นๆไม่ใช่ธุระของเขา

“ทำไมเจ้ายังไม่ออกไปอีก ข้าจะชำระกายให้พี่สาวคนนี้ต่อ...” ซีหลานไปเตรียมผ้าผืนใหม่มา พลางเร่งเร้าหนิงฝาน

“ถ้าเกิดข้าออกไปนางจะตาย… นางต้องพิษที่รุนแรงมาก”

หนิงฝานเดินไปข้างที่นอนพลางดึงผ้าห่มออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของนาง

“นี่เจ้า! ข้าไม่เห็นจะสัมผัสได้ว่านางต้องพิษตรงไหน เจ้าโกหกข้า เจ้าแค่อยากดูเรือนร่างของนางเท่านั้น!” ซีหลานเร่งเอามือปิดตา ใบหน้าแดงก่ำ แต่ดูเหมือนนางจะปิดตาผิดคน!

“เจ้าไม่เห็นเหรอว่านางถูกลงผนึกไว้ในร่าง?” หนิงฝานทาบฝ่ามือลงบริเวณท้องน้อยของสตรีนางนั้น ความเย็นที่เขาสัมผัสได้ทำให้เขาตกใจ

“เป็นผนึกของโลกอสูร… โดยที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็น”

ดวงตาข้างซ้ายของหนิงฝานเปล่งแสงสีม่วง ทำให้เขามองเห็นผนึกที่อยู่ในร่างของนางอย่างชัดเจน ไม่แปลกที่ซีหลานจะไม่เห็น

หนิงฝานถ่ายปราณจากฝ่ามือลงสู่หน้าท้องของนาง ทำเช่นนั้นอยู่ชั่วธูปไหม้หมดดอก ก่อนที่ร่างกายของนางจะเกิดปฏิกิริยา

บนหน้าผากของนางปรากฏข่ายอาคมสีเงิน ตามร่างกายปรากฏรอยสลักข่ายอาคมสีโลหิต

ข่ายอาคมนี้เป็นฝีกมือของโลกอสูร!

“ในผนึกของโลกอสูรมีพิษที่ชื่อว่า ‘พิษกร่อนเซียน’ อยู่”

ซีหลานตกตะลึง ไม่แปลกที่หนิงฝานจะดึงผ้าห่มออกเพื่อช่วยรักษานาง เพราะนางต้องพิษที่รุนแรงมาก

ซีหลานไม่รู้ว่าพิษกร่อนเซียนรุนแรงขนาดไหน และไม่รู้ว่าทำไมสตรีนางนี้ถึงได้ต้องพิษชนิดนี้ได้

“พิษกร่อนเซียนหนึ่งหยดล้ำค่ายิ่งกว่าผลไม้แห่งเต๋าเซียน แต่ก็สังหารเซียนได้ง่ายๆ! หากว่านางไม่แข็งแกร่งจริง ป่านนี้นางคงตายไปแล้ว… ผู้ที่วางแผนสังหารนางสมควรมีสถานะสูงส่งในแดนสวรรค์”

หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหากช่วยนาง จะนำปัญหาใหญ่ตามมา

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หนิงฝานก็ยังเลือกที่จะช่วยนางอยู่ดี เพราะเขาเห็นแก่หลั่วโยว่

“จะถอนพิษให้นางได้ยังไง...” หลั่วโยว่กล่าวด้วยความกังวล

“วางใจเถอะ!” หนิงฝานไม่กล่าวให้มากความ เขาประครองร่างนางหนุนตัก จากนั้นนำเหรียญหยกเหรียญหนึ่งออกมา

เหรียญเทพกษัตริย์พิษ ถึงมันจะถอนพิษได้ แต่หนิงฝานไม่มั่นใจว่ามันจะถอนพิษกร่อนเซียนได้หรือเปล่า

หนิงฝานขยับนิ้วเป็นท่าทาง เหรียญหยกแปรสภาพเป็นก้อนหยกขนาดเล็ก

หนิงฝานจับปากนางอ้าออก แล้วใส่ก้อนหยกเข้าไปในปากโดยวางไว้เหนือลิ้น

การได้สัมผัสลิ้นและริมฝีปากของนาง ตอนแรกหนิงฝานไม่ได้สนใจอะไร แต่ไม่นานเขากลับต้อง

ประหลาดใจ

นางฝึกฝนวิชาในฝ่ายธรรมะ แต่ร่างกายของนางกลับดูราวกับเกิดมาเพื่อทำให้บุรุษลุ่มหลง

แม้หนิงฝานมีวิชาแปลงหยินหยางยังยากจะสงบใจ

นี่เหรอกายเจ็ดวิญญาณที่หลั่วโยว่บอก?

เมื่อนางอมก้อนหยกไว้ชั่วครู่ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง โลหิตที่ปนพิษจำนวนมาก พุ่งทะลักออกมาจากลำคอ

หนิงฝานขมวดคิ้ว เหรียญเทพกษัตริย์พิษไม่ธรรมดา แต่การที่นางกระอักโลหิตออกมานั้น ยังคงหลงเหลือพิษในร่างบางส่วน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะนางหมดสติ จึงไม่อาจควบคุมพลังของเหรียญตราได้

“ดูเหมือนพิษจะถูกถอนออกมาจากร่างไม่น้อย แต่ยังหลงเหลือบางส่วนที่เรายังไม่อาจวางใจได้” หากปล่อยทิ้งไว้ พิษร้ายจะสังหารนาง ซีหลานจึงรู้สึกสงสาร

“ต้องขับพิษออกจากร่างกายให้หมด!”

หนิงฝานสัมผัสริมฝีปากของนาง ถ่ายปราณกระตุ้นก้อนหยก ส่งไอเย็นจากก้อนหยกแผ่ไปทั่วร่างของนาง

หนิงฝานเคลื่อนปลายนิ้วจากริมฝีปากลงมาที่คอ ไหปลาร้า ก่อนเคลื่อนลงมาที่หน้าอกช้าๆ

สีหน้านางแปรเปลี่ยน แม้จะหมดสติ แต่นางขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด

พิษค่อยๆถูกขับออกอย่างช้าๆ แต่กลับกัน ยิ่งหนิงฝานสัมผัสกายนางมากเท่าไหร่ สติและลมหายใจของเขาก็เริ่มปั่นป่วนมากเท่านั้น

เรือนร่างของนางส่งผลกับบุรุษในระดับที่น่าสะพรึงกลัว จนเกือบจะทำให้หนิงฝานประครองสติไม่ไหว หากตนขาดสติขึ้นมา คงลงเอยด้วยการร่วมรักกับนาง พร้อมกับร่างของตนที่ระเบิดจนตายเพราะไม่อาจทานพลังนางไหว

เมื่อพิษถูกขับออกจากร่างกายส่วนบน รอยสลักราวกับข่ายอาคมบนร่างกายส่วนบนของนางก็หายไป เหลือเพียงส่วนล่าง

หนิงฝานขบฟัน สองมือคว้าจับข้อเท้าทั้งสองข้างของนาง ก่อนค่อยๆเคลื่อนขึ้นมายังน่องขา

หนิงฝานพยายามข่มใจอย่างสุดความสามารถในขณะที่เขาเคลื่อนมือขึ้นไปบริเวณต้นขา และจุดที่ไวต่อความรู้สึกที่สุด!

เมื่อพิษถูกเคลื่อนมารวมกันในจุกเดียว บริเวณท้องน้อยของนางก็ปรากฏรอยฝ่ามือขนาดใหญ่

พิษในร่างสลายแต่ผนึกยังอยู่!

แต่แล้วเรื่องที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น… ในขณะที่พิษสลาย มือของหนิงฝานยังสัมผัสร่างกายนางอยู่ และทันใดนั้น นางลืมตาขึ้น!

ทันทีที่นางลืมตา ความรุนแรงของแรงกระตุ้นจากร่างกายนางที่มีต่อหนิงฝานก็เพิ่มพูนมหาศาล

หมอกสีม่วงปรากฏ ปกคลุมหนิงฝานและซีหลาน

ซีหลานอุทานด้วยความตกใจ แต่ชั่วพริบตานั้น ดวงตาของนางกลับพร่ามัว รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว ราวกับต้องการให้หนิงฝานโอบกอดนางไว้

ดวงตาของสตรีนางนั้นก็พร่ามัวเช่นกัน นางยังคงไร้สติ ไม่อาจแยกแยะสิ่งรอบข้างได้

แม้ระดับพลังของนางจะถูกผนึก แต่แรงกระตุ้นจากร่างกายของนางกลับยังทรงพลังในระดับเซียนอยู่

นางจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาที่พร่ามัว ใบหน้าเหม่อลอยราวกับกำลังจมอยู่ในโลกแห่งความฝัน

“ตั้งแต่ที่สามีข้าตายในสงคราม… นี่ก็พันปีแล้วที่ข้าไม่ได้มีความฝันเช่นนี้… แต่ทำไม ความฝันถึงได้ดูเหมือนจริงนัก จนเห็นหน้าของบุรุษเบื้องหน้าอย่างชัดเจน… ข้ามันสตรีไร้ยางอาย ถึงขนาดฝันเรื่องร่วมรักกับบุรุษในขอบเขตตัดวิญญาณ...”

“มันคือความฝัน… เป็นแค่ความฝัน...”

นางปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับความฝัน ราวกับมันเกิดขึ้นเป็นปกติ

นางคิดว่ายามนี้นางอยู่ในโลกของความฝันที่เหมือนจริงมาก แต่ถึงนางจะพยายามหยุดความฝัน นางกลับยังอยู่ในโลกแห่งความฝันเช่นเดิม

ทำไมข้าถึงออกจากฝันไม่ได้!“

นางสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากร่างกายหนิงฝาน ยามนี้ จุดที่ไวต่อความรู้สึกของนางเริ่มมีของเหลวไหลออกมา ก่อนที่นางจะลุกนั่งและอิงกายเข้ากับแผ่นอกหนิงฝาน

“ในเมื่ออยู่ในโลกแห่งความฝัน ข้าก็มีสิทธิ์ที่จะรักกับคนผู้นี้...”

สองมือนางประครองใบหน้าหนิงฝาน ใบหน้าที่งดงามเงยมองด้วยแววตาหลงไหล

“ข้าชื่อหยวนเหยา… ยอดรัก...ชื่อของเจ้า...”

“ละ...ลู่เป่ย”

จิตใจหนิงฝานปั่นป่วน หมอกม่วงของนางทรงพลังเกินไปจนสร้อยหยินหยางไม่อยู่ในการควบคุม

ในขณะเดียวกัน นางเริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ และประทับริมฝีปากของนางเข้ากับริมฝีปากหนิงฝาน

ซีหลานที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มทำบางสิ่งแปลกๆ นางแนบกายเข้ากับแผ่นหลังของหนิงฝาน จากนั้นเงยหน้าใช้ลิ้นเลียที่ใบหูของเขา

“ลู่เป่ย… ข้าอึดอัด… ช่วยข้าที”

หนิงฝานไม่อาจทนต่อการยั่วยวนได้อีกต่อไป หมอกม่วงและสตรีลึกลับผู้นี้มีแรงกระตุ้นที่ทรงพลังมาก หากไม่ได้ร่วมรักกับพวกนาง เขาคงตายก่อน

หากเขาร่วมรักกับซีหลาน จะไม่เป็นอันตราย แต่กับสตรีนางนี้ แม้ไม่ได้ดูดซับพลัง แต่แค่แก่นหยินในร่างนางหยดเดียว ก็ทำให้หนิงฝานร่างระเบิดได้

“ดูซิว่าเจ้าจะทำยังไง ฮ่าฮ่า!”

หลั่วโยว่เย้าหยอก นางวางใจที่สตรีลึกลับปลอดภัย แต่เมื่อเห็นว่านางจะร่วมรักกับหนิงฝาน หลั่วโยว่ก็เกิดสนใจขึ้นมา

“นางคือบุบผางามล้ำค่าที่ไม่ว่าผู้ใดก็อยากได้มาครอบครอง… แต่ถ้าเจ้าได้ครอบครองเรือนร่างของนาง เจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับแดนสวรรค์และโลกทุกใบ!” หลั่วโยว่ยิ้ม นางอยากดูว่าหนิงฝานจะทำยังไง

“น้องข้า...เจ้ากลัวว่านางจะเป็นมารดาของเป่ยเซี่ยวเหมินใช่มั้ยหล่ะ?” ยิ่งเฝ้ามอง นางก็ยิ่งสนใจเหตุการณ์มากขึ้น...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด