ตอนที่แล้วGE309 หยวนเหยา [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE311 แม้เป็นสหายก็ไม่อาจทดแทนได้ [ฟรี]

GE310 เป่ยเหยา [ฟรี]


ภายในห้องลับ เสียงครางกระเส่าที่อบอวนไปด้วยความสุขดังระงม การร่วมรักที่น่ารื่นรมย์ดำเนินไปในยามราตรี

หนิงฝานนั่งอยู่ปลายเตียง สีหน้าดูเจ็บปวดระบม หันมองสตรีผู้งดงามสองนางที่ยังหลับอยู่ด้วยแววตาซับซ้อน ราตรีที่ผ่านมา หนิงฝานพยายามทำทุกวิธีที่ทำให้ซีหลานเจ็บน้อยที่สุด ที่สำคัญ เขายังช่วยให้นางถึงจุดสุดยอดได้หลายครั้ง

คราบโลหิตที่เปื้อนบนที่นอน คือราคาความสุขที่ซีหลานต้องจ่ายไป

ส่วนสตรีอีกนาง หนิงฝานไม่กล้าดูดซับพลังนางแม้แต่น้อย เพียงร่วมรักเพื่อสำเร็จความใคร่ผ่านทางก้นของเท่านั้น นางทั้งงดงาม เย้ายวนอย่างที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น เขายังกังวลถึงปัญหาที่จะตามมา

เขาไม่มั่นใจว่านางเป็นมารดาของเป่ยเซี่ยวเหมิน หรือเป็นพี่สาวของเป่ยเซี่ยวเหมินกันแน่

อีกอย่าง นางก็เคยแต่งงาน ผ่านการมีสามี ไม่ได้เป็นสตรีพรหมจรรย์

สิ่งที่หนิงฝานไม่รู้ในยามนี้คือ เขาได้นำปัญหามาสู่ตนแล้ว

ภายในสร้อยหยินหยาง หลั่วโยว่หัวเราะพลางอาบน้ำอย่างมีความสุข

“น้องข้า… เจ้าสร้างปัญหาเข้าให้แล้ว! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าแท้จริงแล้วนางเป็นใคร?”

“นางเป็นใคร?”

“ถ้าเจ้าอยากรู้ก็ใช้วิชาคารมถามข้าดูสิ...”

นางหัวเราะพลางยิ้มอย่างพอใจ

ระดับพลังของหนิงฝานและนางต่างกันเกินไป วิชาคารมย่อมไม่ได้ผลกับนาง ในขณะที่หนิงฝานพูดคุยกับหลั่วโยว่อยู่นั้น ซีหลานก็รู้สึกตัวตื่น

นางหาวหวอด ยันตัวนั่ง แต่จู่ๆกลับรู้สึกเจ็บที่บริเวณจุดสงวน!

สีหน้านางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เหตุใดนางรู้สึกระบมเช่นนี้ เมื่อคืน นางทำอะไรกับลู่เป่ย!

สตินางเริ่มปั่นป่น นางพยายามนึกแต่นึกไม่ออก นางจำได้เพียงหมอกม่วง และความกล้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ จากนั้นนางกอด… จูบ… แล้วก็...

“ข้าแต่งงานไม่ได้อีกแล้ว!”

นางดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมกายพลางหันมองหนิงฝาน แล้วกล่าวคำด้วยความยากลำบาก

“ข้า...แต่งงาน...ไม่....”

“เจ้าดูตรงนี้สิ นี่รอยฟันเจ้ากัดข้า...”

“ไม่! หยุดพูดเลย! เจ้าล่วงเกินข้า… เจ้าเอาเปรียบข้า!”

นางกล่าวด้วยใบหน้าเห่อร้อนแดงก่ำ

ยามนี้ นางจำเรื่องราวได้ทั้งหมด นางกัดหนิงฝานไปหลายที่ ที่สำคัญ นางจำได้แม่นว่าตนเองได้ใช้ปากทำบางสิ่งกับหนิงฝานน้อยด้วย!

“ถ้าท่านพ่อรู้ข้าโดนด่าแน่!”

ปัญหาของนางไม่สมควรเก็บมาเป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย

“เด็กโง่...”

หนิงฝานส่ายหน้า ความไร้เดียงสาของนางคงไม่มีทางรักษาหาย แม้จะใช้โอสถดีขนาดไหนก็ตาม

หนิงฝานกุมมือนางพลางถ่ายปราณเพื่อช่วยสะกดปราณและโลหิตที่ปั่นป่วน

แต่เมื่อเขาเริ่มโคจรปราณ เขากลับต้องตกตะลึง เพราะปราณดั้งเดิม ปราณอสูร และปราณปีศาจเพิ่มพูนเป็นอย่างมาก

แม้ระดับพลังจะเพิ่ม แต่เส้นลมปราณของเขาแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย

เมื่อเขาลองสำรวจตันเถียนของตน เขาต้องตกตะลึงซ้ำ เพราะหลังจากร่วมรักกับพวกนาง วิชาแปลงหยินหยางของเขายกระดับไปถึงขอบเขตที่ 2 ขั้นสูงสุด

อีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุขอบเขตที่ 3 และเปิดโลกหยินเพื่อช่วยหลั่วโยว่ได้

“เป็นไงบ้าง? วิชาแปลงหยินหยางของเจ้ายกระดับไม่น้อยสิท่า! ดูเหมือนก้นของนางจะเป็นประโยชน์กับเจ้าไม่น้อย!” หลั่วโยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงอิจฉา

วิชาแปลงหยินหยางเป็นวิชาระดับสูง การยกระดับจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก หากนึกย้อนกลับไปในอดีต หนิงฝานยกระดับวิชาแปลงหยินหยางอย่างบากลำบากกว่าจะถึงขอบเขตที่ 2 แต่ราตรีที่ผ่านมา เพียงได้ร่วมรักกับสตรีลึกลับผ่านทางก้นของนาง กลับทำให้วิชาแปลงหยินหยางยกระดับจนเกือบจะทะลวงขอบเขตที่ 3

“ขอบเขตพลังนางอยู่ระดับไหนกัน ถึงได้มีแก่นหยินที่ทรงพลังขนาดนี้...”

“ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ร่างกายของพิเศษ ร่างกายของนางคือกายเจ็ดวิญญาณ การได้ร่วมรักกับนางจะทำให้เจ้ายกระดับได้ไม่น้อย”

หลั่วโยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข

หนิงฝานเองก็สมควรมีความสุข แต่ก็ไม่เชิงจะมีความสุขซะทีเดียว เพราะตนเพิ่งล่วงเกินก้นของสตรีที่ยิ่งใหญ่ไป หากนางตื่น เขาไม่รู้ว่าจะถูกสังหารหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ… นางไม่อุทานว่า ‘ข้าแต่งงานไม่ได้แล้ว’ เหมือนซีหลานอย่างแน่นอน

ในขณะที่หนิงฝานขบคิดอยู่นั้น สายตาที่เย็นชาจับจ้องมาที่แผ่นหลังของหนิงฝาน ทำให้เขารู้สึกราวกับมีกระบี่ที่แหลมคมจ่อท้ายทอยอยู่ ก่อนปรากฏน้ำเสียงที่โกรธแค้นและเย็นชา

“ข้าให้โอกาสเจ้าอธิบายมาว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่งั้นตาย!”

เจตนาสังหารที่รุนแรงแผ่กว้างเป็นรัศมีกว่าแสนลี้ เหล่าสัตว์อสูรทะเล หรือเหล่านายกองในอาณัติของหนิงฝานล้วนแตกตื่นหวาดกลัว

ทั้งหมดหันมองไปยังทิศทางของห้องลับที่หนิงฝานอยู่

“นายท่านทรงพลังมาก! เจตนาสังหารระดับนี้ไม่ใช่ขอบเขตตัดวิญญาณหรือไร้ดัดแปลงแน่นอน”

กุ่ยเฉินและเหล่านายกองนับถือเลื่อมใสหนิงฝานมากขึ้น เหล่าผู้ที่คิดจะหาโอกาสทรยศ ต่างก็เลิกล้มความคิดเหล่านั้นไป

ซีหลานที่อยู่ใกล้ๆเฝ้ามอง นางยังคงนั่งเอาผ้าห่มคลุมกาย นางคิดว่าไม่แปลกที่พี่สาวจะโกรธขนาดนั้น เพราะหนิงฝานได้ล่วงเกินนางไว้ไม่น้อย

หนิงฝานรู้ว่านางไม่ได้ล้อเล่น นางอยากได้คำอธิบายที่จะทำให้นางไม่ฆ่าหนิงฝานทิ้งซะก่อน

เมื่อตอนที่นางตื่นและพบว่าร่างกายของตนถูกล่วงเกิน นางแทบจะหลั่งน้ำตา เดิมทีนางคิดว่าทั้งหมดคือความฝัน แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือความจริง

หากยามนั้นนางไม่คิดว่าเป็นความฝัน นางคงฆ่าหนิงฝานไปแล้ว

“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” นางกล่าวด้วยเสียงสะอื้นพลางกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน

“ท่านอสูรอสูรตามล่า ข้าก็ช่วยท่านไว้”

“แล้วยังไงต่อ!”

ความโกรธในดวงตาของนางลดลง นางจำเหตุการณ์นั้นได้ นางทุ่มพลังไปไม่น้อยเพื่อสังหารอสูร กระทั่งบาดเจ็บสาหัส ร่วงหล่นจากพายุมิติ และถูกใครบางคนช่วยไว้

ที่แท้บุรุษผู้นี้เป็นคนช่วยนางไว้… นางสมควรขอบคุณผู้ที่ช่วยนาง แต่เขากลับฉวยโอกาสล่วงเกิน

“ในร่างของท่านมีพิษกร่อนเซียน ข้าช่วยถอนให้”

สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเย็นชา นางรู้ว่าตนเองต้องพิษกร่อนเซียน บุรุษผู้นี้ไม่ได้โกหก

นางลองโคจรปราณไปทั่วร่าง สัมผัสได้ถึงร่องรอยของพิษที่เพิ่งถูกถอนออกไป สถานที่เดียวที่มีพิษกร่อนเซียน นั่นคือโลกอสูร!

นางถูกพวกมันลอบจู่โจม นับเป็นเรื่องที่น่าแปลก อีกอย่าง พวกมันไปเอาพิษกร่อนเซียนมาจากใคร หรือจะมีผู้ที่คิดลอบสังหารนางจริงๆ?

ความโกรธที่มีต่อหนิงฝานเริ่มคลายลง

นางหลุดเข้าไปในพายุมิติ หนิงฝานเป็นผู้ช่วยนางออกมา ทั้งยังช่วยถอนพิษให้

บุรุษผู้นี้ช่วยนางเอาไว้ 2 ครั้ง สมควรหักล้างกับการล่วงเกินนาง

“สุดท่าน ท่านก็ปล่อยหมอกสีม่วงจู่โจมข้า จนพวกเราทั้งหมดต้องร่วมรักกัน” หนิงฝานพูดออกไปตรงๆ

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้นางอับอาย

“เจ้า! พูดจาไร้สาระ!”

“พี่ลู่เป่ยไม่ได้โกหก! หากจะตำหนิก็ตำหนิที่ตัวท่าน! หากท่านไม่ใช้หมอกม่วงกับพวกข้า ข้า...ข้าก็คงไม่...กับพี่หนิง!”

ซีหลานลุกยืนและเดินเข้าหาหนิงฝาน พลางห่อคลุมร่างด้วยผ้าห่ม

“จริงเหรอ? ข้านึกว่าเป็นแค่ความฝัน...”

นางสลายปราณสังหารทั้งหมด หลับตาด้วยความเศร้าใจ คาดไม่ถึงว่าตนต้องมาพลาดท่ากับมนุษย์

สิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง ไม่ใช่ความฝัน...

หมอกม่วงของนางทำให้นางพลาดท่า และยังทำให้ซีหลานต้องสูญเสียพรหมจรรย์ไปด้วย

หยวนเหยา... กายเจ็ดวิญญาณ… พลังแห่งการเย้ายวนที่น่าสะพรึงกลัว นางรู้เรื่องนี้ดี เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของนางเพียงคนเดียว หนิงฝานตั้งใจช่วยนางถึงสองครั้ง แต่นางยัง...

เช่นนั้นแล้ว จะตำหนิหนิงฝานได้ยังไง?

นางหลับตา น้ำตาไหลริน จนทำให้ซีหลานที่เห็นรู้สึกเศร้าใจ

“ไม่เป็นไร… ข้าไม่ตำหนิท่านหรอก”

“แต่ข้าตำหนิตัวข้าเองที่ไม่ดี...”

นางเร่งสงบอารมณ์ของตัวเอง พลางเงยหน้ามองหนิงฝาน และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ

“ข้าพอใจกับคำอธิบายของเจ้ามาก… เจ้าวางใจได้ ตราบใดที่เจ้าไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า… เจ้าชื่อลู่เป่ย เจ้าช่วยชีวิตข้าถึงสองครั้ง ข้าเองก็ควรตอบแทนเจ้าบ้าง”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ นางกลับจำได้ว่า อาภรณ์ของตนฉีกขาด กระเป๋าของนางก็สูญหาย บางทีอาจหล่นหายไปในมิติ

ใบหน้านางแดงก่ำ สีหน้าเขินอาย ดูเหมือนตอนนี้นางคงไม่อาจตอบแทนหนิงฝานได้

“ข้าขอโทษ กระเป๋าของข้าหาย… ข้าขอถ่ายทอดวิชาลับให้เจ้า หากเจ้าตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักสักพันปี ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก...”

แววตาของนางหนักแน่นมั่นคง นางมองเห็นแผ่นหยกที่วางอยู่บนโต๊ะ นางจึงเดินไปหยิบหยกแผ่นนั้น แล้วสลักบางสิ่งลงไป ก่อนจะโยนให้หนิงฝาน

ราตรีที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดสำหรับนาง แต่ยามนี้ นางกลับต้องตอบแทนหนิงฝานที่ช่วยเหลือนางไว้

เมื่อรับแผ่นหยกมา หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพสำรวจ พบวิชายกระดับทาสที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังพบวิธีการสร้างทาสและร่วมจู่โจมผสานกับทาสในลักษณะที่เป็นค่ายกล

“คราวนี้ ข้าก็ไม่ติดหนี้เจ้าแล้ว”

นางเอามือกุมอกพลางลุกนั่ง แต่เมื่อกำลังจะลุกยืน นางกลับรู้สึกเจ็บที่ก้น

นางตกตะลึง ยามนี้นางเพิ่งสังเกตุว่าปราณของนางลดระดับเหลือเพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง จากผลของผนึกที่อยู่ในร่างที่อสูรได้ผนึกไว้

“ข้ามีอาภรณ์ให้...”

หนิงฝานนำอาภรณ์ออกมาจากกระเป๋าแล้วห่มคลุมร่างให้นาง

นางงดงาม น่าถนุถนอม สูงศักดิ์ ดูแตกต่างจากสตรีทั่วไปอย่างชัดเจน

หนิงฝานช่วยประครองร่างนางให้ยืนได้มั่นคง แต่เมื่อหนิงฝานสัมผัสกาย ตัวนางกลับสั่นสะท้าน

“ขอบคุณ...” นางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

หนิงฝานลองกระตุ้นสร้อยหยินหยางเพื่อหวังจะถามความลับจากนาง แต่วิชากลับไม่เป็นผล นั่นหมายความว่าทั้งสองมีระดับพลังแตกต่างกันเกินไป

“ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร… ไม่รู้ว่าท่านมาจากที่ใด… ส่วนเรื่องเมื่อคืนข้าจะไม่บอกผู้ใด ท่านไม่ต้องกังวล… ข้าไม่รู้ว่าท่านมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร แต่ตอนนี้ ระดับของท่านอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง หากท่านฝืนออกไปนอกวังในสภาพที่บาดเจ็บ สัตว์อสูรที่อยู่ข้างนอกคงไม่ปล่อยท่านไว้แน่… จนกว่าท่านจะฟื้นฟูพลังเพียงพอที่จะป้องกันตัวเองได้ ระหว่างนี้ ขอให้ท่านเดินทางไปกับข้าก่อน”

นางไม่กล่าวแต่ผละมือออกจากหนิงฝาน เงยหน้ามองสบตา แต่ยิ่งมองจิตใจของนางยิ่งสับสน

นางรู้ว่าหนิงฝานกล่าวมีเหตุผล ยามนี้ระดับพลังของนางต่ำเกินไป ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส หากนางดึงดันที่จะไป นางไม่รอดแน่

คาดไม่ถึงว่าเซียนที่ยิ่งใหญ่เช่นนาง วันหนึ่งจะต้องอาศัยหนิงฝานเป็นที่คุ้มภัย

“ขอบคุณ… ก่อนที่ข้าจะหายดีและถอนผนึกออกไปได้ ข้าจะขออยู่ข้างกายเจ้า… ข้าชื่อเป่ยเหยา...”

หนิงฝานพยักหน้าเล็กน้อย นางแซ่เป่ย บางทีนางอาจเกี่ยวพันกับเป่ยเซี่ยวเหมินจริงๆ

“ข้าลู่เป่ย”

“ลู่เป่ย...” สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนซับซ้อน นางรู้สึกราวกับเคยถามชื่อของหนิงฝานไปในยามราตรีที่ผ่านมา...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด