ตอนที่แล้วตอนที่ 3 : ตกต่ำอย่างน่าเศร้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 : เมืองหลวงเวนีเรียร์

ตอนที่ 4 : สร้างอาติเฟค


หลังจากที่อเดลกลับมาบ้านเขาก็บอกเรื่องหนึ่งกับพ่อแม่ของเขาที่จะทำให้ทั้งคู่ถึงกับตกตะลึง

''พ่อแม่ผมมีเรื่องอยากจะบอก''

เมื่อพ่อแม่ของเขาได้ยินก็สงสัยเล็กน้อยก่อนจะหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะเพื่อฟังสิ่งที่อเดลต้องการจะบอก

''ผมอยากเข้าเรียนโรงเรียนที่มีการสอนเวทมนต์''

ทันทีที่ทั้งคู่ได้ยินก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนักเพราะทั้งคู่คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าลูกชายของทั้งเขาจะต้องขอร้องอะไรแบบนี้มาคัสผู้เป็นพ่อก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

''ได้สิลูก ว่าแต่ลูกอยากเรียนที่ไหนกันหล่ะ ?''

อเดลที่ได้ยินคำถามก็ส่ายหัวพร้อมกับเอ่ยถาม

''มันมีเยอะงั้นเหรอครับ ?''

พ่อของเขาพยักหน้าก่อนจะเริ่มอธิบาย

''ก็มีเยอะพอสมควรนะทั้งในทวีปนี้และทวีปเพื่อนบ้านรวมๆแล้วก็มีมากกว่า 20แห่งเลยทีเดียวและเพียงแค่ในทวีปนี้ก็มีมากกว่า 6แห่งเข้าไปแล้ว''

อเดลพยักหน้าเล็กน้อย

''แล้วที่ดีที่สุดหล่ะครับ ?''

''ดีที่สุดงั้นเหรอ ~ ?''

พ่อของเขาลูบคางพร้อมกับคิดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพร้อมกับตอบคำถาม

''ถ้าหากให้ดีที่สุดก็ต้องสถาบันเวทมนต์ที่ชื่อ วิทยาลัยเมอร์เซียที่อยู่ที่เมืองหลวงของทวีปนี้ละนะ''

''เมอร์เซีย...''

อเดลที่ได้ยินชื่อก็ลูบคางตัวเองเบาๆเพราะเหมือนเขาจะเคยได้ยินชื่อเมอร์เซียที่ไหนสักแห่ง หลังจากคิดอยู่สักพักเขาก็พอจะนึกได้ลางๆว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้จากชื่อตาแก่เมกัสคนหนึ่งและถ้าหากเขาจำไม่ผิดดูเหมือนตาแก่นั่นจะมีนามสกุลว่าเมอร์เซีย

อเดลเดาว่าหลังจากเขาเบื่อเรื่องราวของเวทมนต์แล้วเขาจึงได้สร้างโรงเรียนนี้ขึ้นโดยใช้นามสกุลของตัวเองตั้งเป็นชื่อของโรงเรียนหลังจากผ่านช่วงเวลาห้าร้อยปีมาโรงเรียนของเขาก็กลายเป็นวิทยาลัยเวทมนต์อันดับหนึ่งของทวีปนี้ไปโดยปริยาย

แต่ตัวของอเดลเองก็พอจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยากเพราะมีคนมากมายที่อยากทำงานร่วมกับเหล่าเมกัส และแน่นอนว่าเหล่าเมกัสพวกนี้ร่ำรวยมากกว่าราชาบางประเทศซะอีกพวกเขาจึงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินที่ไว้ใช้สร้างโรงเรียน หรือจ้างบุคลากรต่างๆมาสอนเด็กๆ

''เอางั้นก็ได้ครับ''

เมื่ออเดลยืนยันว่าจะเข้าวิทยาลัยเมอร์เซียทั้งคู่ก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะพูดขึ้น

''งั้นเดียวพ่อจะลองไปดูเรื่องค่าเล่าเรียนก็แล้วกันนะ พ่อเคยมีเพื่อนอยู่ที่เมืองหลวงบางทีเขาอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง''

อเดลพยักหน้าก่อนที่เขาจะปล่อยให้พ่อและแม่ของเขาปรึกษากันไปส่วนเขานั้นกลับขึ้นไปบนห้องอเดลคาดว่าค่าเล่าเรียนที่เมอร์เซียเทอมหนึ่งคงไม่ต่ำกว่าพันเหรียญทองแล้วยังมีอุปกรณ์กับหนังสือเรียนอีกซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่าสองร้อยเหรียญทอง

แต่ปัญหาเรื่องเงินนั้นคงหมดไปได้ด้วยโพชั่นที่เขากำลังจะสร้าง แต่ก่อนหน้านั้นเขาจำเป็นจะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญที่สุดเสียก่อนนั่นก็คือ แหวนมิติ อเดลนำแหวนเงินที่เขาซื้อมาจากตลาดออกมาพร้อมกับปากกาเวทมนต์และเลือดของมอนสเตอร์ระดับต่ำสองขวด

จากนั้นอเดลก็ถ่ายเทพลังเวทย์ของเขาเข้าไปในปากกาเวทมนต์ ทันทีพลังเวทย์ของอเดลถูกถ่ายเทเข้าไปในปากกามันก็ได้ส่องแสงสีฟ้าออกมาพร้อมกับลอยขึ้นเหนือพื้นห้องอย่างช้าๆจากนั้นอเดลก็เทเลือดของมอนสเตอร์ออกจากขวดพร้อมกับใช้พลังเวทย์ของเขาบังคับมันให้กลายเป็นรูปของวงเวทย์ดาวหกแฉกกลางอากาศ

อเดลใช้พลังเวทย์ของเขาควบคุมแหวนเงินให้ลอยอยู่กลางวงเวทย์ก่อนที่จะใช้ปากกาเวทมนต์จุ่มไปเลือดของมอนสเตอร์ที่อยู่ในขวดอีกขวดหนึ่งจากนั้นก็ใช้มันวาดรูปแบบอักษรรูนที่ซับซ้อนจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

อักษรรูนจำนวนมากค่อยๆปรากฏขึ้นพร้อมกับล้อมวงเวทย์ดาวหกแฉกเอาไว้ ยิ่งอเดลเขียนอักษรรูนเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่มานาที่อยู่ภายในห้องก็เริ่มปั่นป่วนมากขึ้นเท่านั้นนี้คือผลกระทบจากการที่เขียนอักษรระดับสูงพลังเวทย์ที่ถูกอัดแน่นอยู่ภายในอักษรรูนได้ส่งผลกับมานาที่ล่องลอยอยู่ในอากาศรอบๆทำให้เกิดการผันผวนขึ้นอย่างฉับพลันนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในขณะที่มีคนกำลังเขียนอักษรรูนแต่ผลกระทบนั้นก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอักษรและพลังเวทย์ที่ผู้เขียนใช้

( อธิบายเอาไว้ก่อนจะได้ไม่งง มานา คือสิ่งที่มีอยู่ทั่วไปนะครับมันล่องลอยอยู่รอบตัวเราเหมือนกับอากาศ ส่วนพลังเวทย์นั้นคือการที่เราดูดซับมานาเข้าไปในร่างกายและเปลี่ยนมันเป็นพลังเวทย์ คล้ายกับเราสูดออกซิเจนเข้าและหายใจออกเป็นคาร์บอไดออกไซด์ออกมา)

และนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมจะต้องมีห้องทำงานเฉพาะของมันเพื่อป้องกันไม่ให้พลังเวทย์ส่วนเกินรั่วไหลออกไปสร้างความปั่นป่วนกับกระแสมานารอบๆ หลังจากที่อเดลเขียนอักษรรูนตัวสุดท้ายเสร็จวงเวทย์ก็เรืองแสงสีดำเทาออกมาก่อนที่มันจะค่อยๆมีขนาดเล็กลงอย่างช้าๆและประทับลงบนแหวนเงิน

ทันทีที่วงเวทย์ถูกเขียนประทับลงไปในแหวนแล้วกระแสมานารอบๆห้องของอเดลก็กลับมาเป็นปกติ

อเดลถอนหายใจออกมาพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะบ่นขึ้นกับตัวเอง

''การเขียนอักษรรูนของกาลเวลาและห้วงมิติคงยากเกินไปสำหรับจอมเวทย์ขั้น 1 แต่ก็คือได้ว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ''

อเดลหยิบแหวนเงินที่ตอนนี้กลายเป็นแหวนที่มีลวดลายงดงามและอักษรที่ยากจะเข้าใจถูกสลักอยู่ทั้งด้านนอกและด้านในขึ้นมาตรวจสอบดูก้พบว่าตอนนี้แหวนเงินธรรมดาๆได้กลายเป็นอาติเฟคระดับต่ำไปเสียแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะทดสอบมันด้วยการที่ใช้มันเก็บของในห้อง

อเดลพยักหน้าพึงพอใจกับผลลัพธ์ของมันที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร

จากนั้นอเดลก็หันมาสนใจกับสมุนไพรที่กองอยู่ตรงพื้นห้องดูเหมือนว่าโพชั่นมานาระดับต่ำที่ถูกขายในห้องตลาดทั่วทั้งทวีปในตอนนี้จะขายกันอยู่ที่ห้าเหรียญเงินและสามารถฟื้นฟูมานาได้เพียงแค่ 5% เท่านั้นซึ่งในความคิดของอเดลมันจะเรียกว่าแพงเลยก็ได้เพราะเขาสามารถสร้างโพชั่นระดับต่ำที่มีผลฟื้นฟูมานา 20% ได้แต่นั่นก็ต้องมีวัตถุดิบที่ดีระดับหนึ่งด้วยเช่นกันในตอนนี้เขาคิดจะสร้างโพชั่นที่มีผลฟื้นฟูประมาณ 8% ด้วยสมุนไพรที่เขามีอยู่ในตอนนี้

เพราะหากเขาทำโพชั่นที่มีอัตราฟื้นฟูมากเกินไปอาจทำให้ถูกจับตามองได้

อเดลใช้หม้อที่เก่าๆของแม่ที่ไม่ได้ใช้แล้วมาต้นสมุนไพรและกลั่นมันด้วยพลังเวทย์ของเขาทำให้กลายเป็นโพชั่นและใส่มันในหลอดแก้วขนาดเล็ก สมุนไพรหนึ่งชุดสามารถสร้างโพชั่นระดับต่ำไปประมาณสี่สิบขวด เขามีสมุนไพรทั้งหมดสิบชุดเท่ากับเขาสามารถสร้างโพชั่นได้ถึงสี่ร้อยขวด

หลังจากที่เสียเวลาทั้งวันกับการทำโพชั่นอเดลก็เก็บมันไว้ในแหวนของเขาก่อนจะเดินลงไปกินข้าวเย็น

เมื่ออเดลลงมานั่งที่โต๊ะพ่อของเขาก็พูดขึ้น

''พ่อได้ติดต่อกับเพื่อนของพ่อแล้ว เขาบอกว่าการสอบเข้าเรียนที่เมอร์เซียนั้นจะมีขึ้นในอีก 2ปีข้างหน้าดังนั้นช่วงเวลาต่อจากนี้ขอให้ลูกเตรียมพร้อมสำหรับการสอบเข้าก็แล้วกัน''

อเดลพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

''แล้วค่าเรียนละครับ ?''

''เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พ่อกับแม่จะจัดการเองลูกต้องการเตรียมตัวก็แล้วกัน''

เมื่อเขาได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยและไม่ได้ตอบอะไรกลับเพราะยังไงเมื่อเขาไปถึงเมืองหลวงเขาก็คงจะหาเงินมาจ่ายค่าเรียนเองได้โดยการขายโพชั่นอยู่ดังนั้น เมื่อถึงเวลานั้นเขาค่อยเอาเงินมาคืนพ่อของเขาก็แล้วกัน

หลังจากกินข้าวเสร็จอเดลก็กลับมาที่ห้องพร้อมกับนั่งสมาธิและกระตุ้นรูนบนร่างกายพร้อมกับเริ่มดูดซับมานาเข้าสู่ร่างกายเพิ่มเติมเต็มขีดจำกัดพลังเวทย์ของเขา

——————————————————————————————————————————

ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั้งตอนนี้อเดลมีอายุครบ 10ปีแล้วและแน่นอนว่าวิทยาลัยเมอร์เซียก็เปิดรับสมัครนักเรียนใหม่แล้วเช่นกัน โชคดีที่วิทยาลัยเมอร์เซียนั้นไม่ได้จำกัดอายุในการสมัครเขาจึงไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป

อเดลถือกระเป๋าสำภาระลงมาจากห้องของตัวเองเมื่อลงมาด้านล่างเขาก็เห็นพ่อกับแม่ของเขากำลังยืนรอเขาอยู่

''เอาหล่ะลูกต้องเดินทางไปกับลุงเกร์ริคเขานะและก็นี้''

พ่อของเขายื่นจดหมายสองฉบับกับแผนที่มาให้อเดลก่อนจะอธิบายว่า

''นี้คือจดหมายแนะนำในการเข้าเรียน และก็นี้เป็นแผนที่ของบ้านเพื่อนพ่อหากลูกมีปัญหาอะไรก็สามารถไปขอให้เขาช่วยเหลือได้''

อเดลรับจดหมายกับแผนที่มาก่อนจะนำมันใส่กระเป๋าพร้อมกับกล่าวลาพ่อแม่ของเขา ก่อนจะเดินไปที่บ้านของลุงคริสที่เป็นพ่อค้าลุงเกร์ริคนั้นมักจะเดินทางไปเมืองหลวงทุกเดือนเพื่อนำสินค้าของหมู่บ้านไปขาย และยังซื้อของจากเมืองหลวงมาขายที่หมู่บ้านอีกด้วย

เมื่ออเดลมาถึงบ้านของเกร์ริคเขาก็ได้ทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่อเดลจะเดินขึ้นไปบนรถม้า เมื่อขึ้นมาแล้วลุงเกร์ริคก็ได้ถามกับอเดลว่า

''หนุ่มน้อยเธอจะไปที่เมืองหลวงทำไมงั้นเหรอ ?''

อเดลหันมายิ้มตอบ

''ผมจะไปเข้าเรียนที่วิทยาลัยเมอร์เซียนะครับ''

''โอ้ ~ เธอต้องเป็นจอมเวทย์ที่ได้แน่''

อเดลพยักหน้ารับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะมองไปทางหมู่บ้านขณะที่รถม้ากำลังแล่นออกห่างจากหมู่บ้านไปเรื่อยๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด