ตอนที่แล้วNYSS บทที่ 9: อุปสรรคน่าหวาดหวั่นกว่าพันไมล์
ทั้งหมดรายชื่อตอน

NYSS บทที่ 10: สาวสวยแสนพิเศษ


NYSS บทที่ 10: สาวสวยแสนพิเศษ

มีคนมากกว่าร้อยคนที่นั่น พวกเขาทุกคนล้วนสวมชุดขนสัตว์หรูหรา และมีอาวุธที่มีราคาแพง

ท่ามกลางกองกำลัง มีเลื่อนหิมะขนาดใหญ่หลายคัน

ทุกคนล้วนดวงตาสดใส ผิวเป็นประกายเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความทระนง โดยรวมแล้วพวกเขาดูไม่เหมือนคนชั่วร้าย

“เฮ้...คุณตรงนั้น คุณตรงนั้น พาผมไปด้วย…”

หยางติงเทียนวิ่งออกมาและยืนท่ามกลางถนนขวางทางพวกเขาไว้ เขาชูมือทั้งสองขึ้นโบกและตะโกนเสียงดัง

กองทหารล้วนอยู่บนหลังมาและวิ่งด้วยความเร็วสูง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนเถื่อนวิ่งออกมาขวางถนนจากที่ไหนก็ไม่รู้พร้อมกับโบกมือและตะโกนอย่างสิ้นหวัง

“หยุด”

“พร้อมรบ”

ชายในชุดคลุมสีแดงที่นำกองกำลังโบกมือ และกองกำลังทั้งหมดก็หยุดลงทันที หลังจากนั้นธนูพิเศษกว่าสิบคันก็ถูกเล็งมายังหยางติงเทียน

ชายที่เป็นผู้นำใช้สายตาคมกริบกวาดมองหยางติงเทียนและถามเสียงเย็นเยียบว่า “เจ้าเป็นใคร ทำไมเจ้าจึงขวางทางพวกเรา เจ้ามิกล้วความตายรึ”

คนผู้นี้เป็นคนหนุ่มที่กล้าหาญอย่างยิ่ง เขานั่งอยู่บนหลังม้าจ้องมองหยางติงเทียนอย่างหยิ่งทระนง

หยางติงเทียนยับยั้งความตื่นเต้นในใจไว้ หายใจลึกสองสามครั้งและตะโกนประโยคในภาษาเผ่าเมาลีสองสามคำ เขาได้วางแผนนี้ไว้ก่อนหน้านั้น เขาจะแกล้งทำตัวเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของเผ่าเมาลี

ชายบนหลังม้าไม่ได้ตอบคำ แต่เสียงมีเสียงสดใสดังมาจากเลื่อนหิมะที่ด้านหลัง

“ซีเหมินเยียน ทำไมเราจึงหยุด ใครเป็นคนที่ตะโกนร่ำร้องด้านหน้านั่น” เสียงนี้เป็นเสียงของหญิงสาวใจร้อนที่พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คำพูดของเธอทุกคำล้วนแสดงถึงความใจร้อน

ชายในชุดสีแดงหันไปอย่างเคารพนบนอบ สายตาของเขาเร่าร้อนและสิ้นประกายราวกับว่าทุกคำที่เปล่งออกมาจากหญิงสาวนี้ทิ่มแทงเข้าไปลึกในใจเขา ชื่อของเขาคือ ซีเหมินเยียน

“น้องหญิง เป็นคนเถื่อนเมาลีที่มาขวางทางเรา ข้ามิเข้าใจว่าเขาตะโกนว่าอะไร” ซีเหมินเยียนกล่าวอย่างกระตือรือล้นและเคารพ

“คนเถื่อนเมาลี เผ่าเมาลียังเหลืออยู่รึ มิใช่ว่าพวกเขาสูญสิ้นไปหมดแล้ว” หญิงสาวพลันรู้สึกตื่นเต้นหุนหัน “ขอดูหน่อยซิ” เธอกำลังจะเปิดประตูเลื่อนออกมา

“เยียนเยียน อย่าออกมา คนเถื่อนนี้เปลือย ภาพที่เห็นจะทำให้ตาเจ้าแปดเปื้อน” ซีเหมินเยียนรีบตอบอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป ประตูเลื่อนหิมะถูกผลักเปิดออกและหญิงสาวก็เดินออกมา

นั่นเป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนลูกไฟ หยางติงเทียนมองดูเธอด้วยตาเบิกค้าง เธอช่างสวยเป็นที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น นั่นเป็นอกใหญ่ใบหน้าเด็กในตำนาน

ใบหน้าเล็กขาวหิมะของเธอสวยงามหาใดเปรียบ วงหน้าราวกับหยกที่แกะสลักจากสรวงสวรรค์ ดวงตากระจ่างของเธอกลมโต สวยงาม เต็มไปด้วยเพลิงเร่าร้อน เธอมีจมูกตรงสมบูรณ์แบบและปากสีแดงทับทิมเร่าร้อนชัดตา จนผู้ที่ได้เห็นปรารถนาจะจุมพิต

เมื่อตัดสินจากใบหน้าสวยงามของเธอแล้ว เธอยังเป็นสาววัยรุ่น อย่างไรก็ตามร่างกายที่นุ่มนวลภายใต้ใบหน้านั้นเติบโตเต็มสาวและยั่วยวนหาใดเปรียบ ร่างกายเต็มวัยได้สัดส่วนนั้นมีส่วนโค้งเว้าอย่างประณีตสุดเปรียบเปรย

ถันของเธอตระหง่านดุจยอดเขา ขนาดของมันเป็นสิ่งที่หยางติงเทียนไม่เคยเห็นมาก่อน เอวเล็กของเธอมีไขมันที่เหมาะสม มีสะโพกที่เติบโตเต็มสาวและกลมราวกับดวงจันทร์

ร่างอันอ่อนหวานเติบโตเต็มสาวและอ่อนละมุนตัดกันอย่างชัดเจนกับใบหน้าที่บอบบางขาวหิมะคล้ายตุ๊กตา แน่นอนว่าเธอเป็นหญิงวัยรุ่นแต่เธอกลับครอบครองร่างกายโค้งเว้าร้อนแรงและนุ่มนวลเช่นนั้น

หญิงสาวเป็นอกใหญ่ใบหน้าเด็กในตำนาน ที่สุดของที่สุดของเหล่าหญิง หยางติงเทียนถึงกับตะลึง ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวนี้สวมชุดบางที่ยิ่งขับเน้นความยั่วยวน

เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่จากศีรษะจรดปลายเท้าล้วนเป็นสีแดงเร่าร้อน กระทั่งเครื่องประดับหยกบนศีรษะก็ยังเป็นสีแดงเร่าร้อน เมื่อเธอยืนบนหิมะ เธอจึงดูเหมือนเป็นกองไฟกลุ่มหนึ่งที่ปลุกความปรารถนาของเหล่าชาย

ในอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทุกคนล้วนสวมชุดขนสัตว์หนา กระทั่งซีเหมินเยียนที่ดูแข็งแกร่งก็ไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงหญิงสาวคนนี้ที่สวมชุดแสนบาง ราวกับว่าเธอไม่กลัวความหนาว

ทันทีที่เธอก้าวออกมาจากเลื่อน เธอดึงดูดสายตาของชายทุกคน หลังจากนั้นชายที่ด้อยกว่าต่างพากันเลี่ยงสายตาไม่กล้าที่จะจ้องมองอีกต่อไป มีเพียงชายหนุ่มหยิ่งทระนงไม่กี่คนรวมถึงซีเหมินเยียนที่ยังคงพากันมองอยู่

เมื่อหญิงสาวที่คล้ายกองไฟนี้ออกมาจากเลื่อน สายตาของเธอก็จับจ้องไปยังหยางติงเทียน สายตาของเธอถือว่าแข็งกร้าวสำหรับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอยิ้มเล็กน้อยเปี่ยมไปด้วยความหยิ่ง

“นี่คือคนเถื่อนรึ มิมีอะไรน่าดูเลย” หญิงสาวยังคงยิ้มต่อไป

แน่นอนว่าหยางติงเทียนย่อมดูไม่ดี เขาเปลือยเปล่า เส้นผมหนวดเคราของเขาเหมือนกอหญ้า ตามจริงแล้วเขาไม่ได้ดูเหมือนคนเถื่อน แต่ดูแย่ยิ่งไปกว่านั้น

สุดท้าย สายตาหญิงสาวก็หยุดอยู่ที่เป้าของหยางติงเทียน เพราะว่าหยางติงเทียนมีร่างเก้าหยาง ดังนั้นเขาจึงมีทุกสัดส่วนที่สมบูรณแบบ เกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ความอายเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นของเธอถูกครอบงำด้วยความป่าเถื่อนของเธอแทน เธอตำหนิว่า “สมกับเป็นคนเถื่อน เขากระทั่งดูเหมือนเป็นสัตว์ป่า”

วิธีที่เธอใช้มองดูหยางติงเทียนแน่นอนว่าเหมือนกับเธอมองดูสัตว์ป่า แม้ว่าเธอจะจ้องมองดูตรงหว่างขาของผู้ชาย แต่นั่นก็เหมือนกับว่าเธอเพียงแค่กำลังประเมินม้า ท่าทางของเธอทั้งยะโสและป่าเถื่อน

อย่างไรก็ตาม ซีเหมินเยียนไม่อาจรับได้ เขาไม่อาจทนรับความจริงที่ว่าเทพธิดาของเขากำลังจั้องไปที่หว่างขาของหยางติงเทียน เขารู้สึกว่านั่นทำให้ความบริสุทธิ์ของเธอแปดเปื้อน และผลลัพธ์ทำให้ความโกรธของเขาปะทุขึ้นมา เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะตอนหยางติงเทียน

“เอาล่ะ ข้ามองคนเถื่อนนี้พอแล้ว ใช้แส้ของเจ้าไล่เขาไป ให้เขาออกไปให้พ้นจากเส้นทางของเรา” หญิงสาวกล่าวขณะที่เธอหันกายกลับไปยังเลื่อน

“ตกลง” ซีเหมินเยียนยิ้มเย็นเยียบ เขาแกว่งแส้และฟาดไปยังหยางติงเทียน

หยางติงเทียนโกรธ หญิงสาวคนนี้ช่างสวยงามแต่กลับเถื่อนอย่างไม่น่าเชื่อ เธอบอกให้ใครสักคนเฆี่ยนเขาออกไปอย่างไร้ความคิด อย่างไรก็ตามเนื่องในขณะนั้นเขากำลังทำท่าทางเหมือนคนเถื่อนเมาลี ดังนั้นเขาจึงร้องอย่างป่าเถื่อนไปยังหญิงสาวด้วยภาษาเมาลี

ซีเหมินเยียนก็โกรธอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาเฆี่ยนหยางติงเทียนด้วยแส้หนักกว่าเดิม แส้คมจนกระทั่งถ้ามันฟาดถูกโดนตรงเป้าของเขา เขาต้องกลายเป็นขันทีไปในทันที หยางติงเทียนจึงยื่นมือออกไปเพื่อคว้าจับแส้ไว้

ขณะที่หญิงสาวกำลังจะขึ้นไปบนเลื่อน เธอพลันหันไปมองบริเวณอกของหยางติงเทียน จากนั้นเธอรีบวิ่งไปยังเขาขณะที่ตะโกนว่า “หยุด”

สีหน้าซีเหมินเยียนเปลี่ยนไปทันที อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเลือกได้แต่หยุดในทันที “เยียนเยียน เจ้ากำลังทำอะไร อย่าเข้าไปใกล้คนเถื่อนนี้ เขาสุดโสโครก อย่าให้พยาธิบนตัวเขาติดตัวเจ้า”

“หุบปาก เจ้ามิมีอำนาจที่จะบอกข้าว่าต้องทำอะไร” หญิงสาวตอบกลับด้วยเสียงเย็นเยียบ ฟังดูเหมือนเธอรำคาญจนสีหน้าของซีเหมินเยียนดูแย่

หญิงสาวยืนอยู่ห่างจากหยางติงเทียนประมาณครึ่งเมตร เธอปิดจมูกด้วยมือข้างหนึ่งทำท่าเหมือนกับว่าเธอไม่อาจทนกลิ่นของเขาได้ จ้องมองไปยังบริเวณอกของหยางติงเทียน

หยางติงเทียนอยู่ชิดกับวัยรุ่นสาวอกใหญ่ใบหน้าเด็กในตำนานนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น กระทั่งรู้สึกกระหาย

“ของสิ่งนี้ของเจ้าขายให้กับข้า” หญิงสาวชี้ไปยังแหวนที่หยางติงเทียนสวมไว้รอบคอ

***********

หยางติงเทียนมองไปยังที่หญิงสาวร่างสูงบางชี้ เขาตระหนักได้ว่าเธอกำลังพูดถึงเครื่องประดับเพลิงที่เขาสวมเอาไว้

เครื่องประดับนี้เป็นสัญลักษณ์แทนความรักระหว่างอาจารย์ของเขาและภรรยา มันยังเป็นสิ่งที่ใช้พิสูจน์ตัวตนของหยางติงเทียนด้วย เขาตื่นเต้นเกินไปกับการปรากฏตัวขึ้นของคนอื่นจนทำให้เขาลืมที่จะซ่อนมันไว้

นอกจากที่เขาไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าและไม่มีที่จะซ่อนเครื่องประดับเพลิง ซึ่งเป็นหยกที่สลักไว้เป็นรูปเปลวเพลิง มันไม่ได้แพงหรือหายากเพียงเป็นสัญลักษณ์พิเศษเฉพาะของความรัก ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นเหตุว่าทำไมหยางติงเทียนจึงสวมมันไว้อย่างเปิดเผยบนอกซึ่งเขาไม่น่าจะจำเป็นที่จะต้องกังวลว่ามันจะดึงดูดความสนใจที่ไม่พึงประสงค์

หญิงสาวเบื้องหน้าเขาสวมเต็มไปด้วยอัญมณีเครื่องประดับ ทุกชิ้นที่เธอสวมบนร่างรวมทั้งหยกบนแส้ ล้วนมีค่ากว่าพันเหรียญทอง ดังนั้นเธอไม่ควรสนใจเครื่องประดับเพลิงราคาถูกที่หยางติงเทียนสวม

แต่ทว่าหญิงสาวคนนี้เร่าร้อนโดยธรรมชาติ เครื่องประดับเพลิงปลดปล่อยพลังวิญญาณที่แจ่มชัดออกมาโดยบังเอิญราวกับว่ามันเป็นดวงเพลิงที่แท้จริง คุณสมบัตินี้ย่อมดึงดูดความสนใจของหญิงสาวคนนี้

เธอได้เติบโตมาในครอบครัวร่ำรวย กระทั่งยามเมื่อเธอเป็นเด็กเธอก็สามารถที่จะได้รับทุกสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้เธอจึงออกคำสั่งว่า “ให้เนื้อคนเถื่อนนี้ห้าสิบกิโลกรัม และทองร้อยเหรียญ เพื่อซื้อเครื่องประดับจากอกเขา”

ซีเหมินเยียนหัวเราะขื่นขม เทพธิดาของเขามาจากตระกูลร่ำรวยและไร้ความคิดว่าสิ่งต่างๆมีค่ามากน้อยต่างกันอย่างไร เธอตัดสินด้วยพื้นฐานตามความพึงพอใจของตนเอง เธอไม่รู้ถึงค่าของเงินหนึ่งร้อยเหรียญทอง ซึ่งพอเพียงให้ครอบครัวห้าครอบครัวอาศัยได้อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเครื่องประดับเพลิงที่สวมใส่โดยคนเถื่อนนี้มีการแกะสลักที่เพิเศษเฉพาะ แต่วัสดุที่ใช้ในการแกะสลักเป็นเพียงแค่หยกธรรมดาที่สลักรูปไฟ ร้อยเหรียญทองที่เธอเสนอสำหรับหยกที่สลักเป็นรูปเพลิงนี้สามารถฝังร่างคนเถื่อนนี้ได้ทั้งเป็น

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งของเธอได้ มิฉะนั้นจะมีผลกระทบที่รุนแรงอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ซีเหมินเยียนจึงโบกมือและชายคนหนึ่งก็ออกมาจากด้านหลังถือถุงขนาดใหญ่ใส่เนื้อปรุงสุกและถุงใส่เหรียญทอง

เนื้อห้าสิบกิโลกรัมสามารถถือได้ว่าหนักมาก แต่ซีเหมินเยียนถือมันราวกับว่ามันเบาถึงที่สุด

“ปัง…” เนื้อห้าสิบกิโลกรัมถูกโยนไปยังหยางติงเทียน ถุงใส่ทองก็ถูกโยนไปยังแทบเท้าเขา ถุงเปิดออกและทองก็กระจายออกมา พวกมันล้วนสดใสส่องแสงสว่างบาดตา

“ดี สิ่งนี้เป็นของข้าแล้วตอนนี้ ตอนนี้เจ้าจากไปได้พร้อมเหรียญทองและเนื้อ…”

หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ มือของเธอก็ยื่นไปคว้าจับเครื่องประดับไฟบนอกหยางติงเทียนด้วยเจตนาที่จะคว้ามันไป

“ข้ามิขาย…” หยางติงเทียนกล่าวด้วยเสียงโกรธเคือง เขาใช้มือซ้ายจับมือเล็กขาวหิมะของหญิงสาวไว้

ถึงแม้ว่าหยางติงเทียนได้เพียงแค่ฝึกหมัดเจิ้งหยางและพลังฟ้าดินประสาน และเพิ่งผ่านการหยั่งรู้ เขาก็ยังคงรวดเร็วยิ่ง ถึงแม้ว่าพลังการฝึกปรือของหญิงสาวไม่ต่ำต้อย แต่เธอก็ยังถูกหยางติงเทียนจับไว้ได้ในระยะประชิด

เมื่อมือเธอถูกจับไว้โดยหยางติงเทียน เธอมีปฏิกิริยาเหมือนกับถูกผึ้งต่อย เธอดูโกรธเคืองเป็นอย่างมากและกรีดร้องออกมา ซีเหมินเยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอก็โกรธยิ่งกว่า เขาได้แต่สัมผัสเทพธิดาของเขาในความฝัน แต่ตอนนี้เธอถูกสัมผัสโดยคนเถื่อน เขาโกรธจนกระทั่งจนต้องดึงเอาแส้ที่คล้ายเปลวไฟออกมาอีกอันและฟาดลงไปบนศีรษะของหยางติงเทียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด