Returning From The Immortal World - 369
.......................................................................................................................................................................................
ท่าทางของถังเหว่ยเองก็เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงซึ่งรวมไปถึงหลี่เสี่ยวจี่ด้วย
21 ?
มันสมองของตระกูลซันที่มีอำนาจนั้นก็มีประมาณแค่30คนเท่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาฆ่าไปเท่าไหร่กัน ? แล้ววันนี้อีก 1 ชั่วโมงถังซิ่วเองก็ได้ฆ่าไปอีก 21 งั้นหรอ ?
หากพูดอีกนัยหนึ่งคือ
แกนหลักของตระกูลซันเกือบถูกฆ่าแทบทั้งหมด
ถังเหว่ยเองก็ได้กลืนน้ำลายพร้อมกับถามออกมาว่า
“น้องชาย นาย............ไม่ได้โกหกใช่ไหม ? นายฆ่าคนในบัญชีดำไปถึง 21 คนเลยงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“แน่นอนเพราะบัญชีนี้ฉันเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง ฉันสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าใครเป็นใครยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็พบเรื่องที่น่าสนในเป็นอย่างมาก ไม่นานหลังจากนี้ตระกูลซันจะไม่เป็นศัตรูของเราอีกต่อไป”
ถังเหว่ยเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“หมายความว่ายังไงงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ยิ้มตอบพร้อมพูดว่า
“เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”
ณ ตอนนี้เอง
ที่บ้านหลักตระกูลซันเองก็มีชายชรา อ่อนแอ ป่วยและพิการที่รีบตรงมาที่สวนบ้านทันที พวกเขาได้ตะโกนออกมา เมื่อหน่วยลาดตระเวนได้มาถึงพร้อมกับนำศพออกมาแล้วพวกเขาก็ร้องไห้โหยหวนกันทันที
หลี่ยี่ได้เดินไปพร้อมกับหน่วยลาดตระเวนสองคนด้วยท่าทางออกคำสั่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้สั่งให้นำศพไปรวมกันที่ลาน
ณ ตอนนี้
เขารู้สึกโชคดีเป็นอย่างมากเพราะจากบ้านที่ถูกฆ่านั้นอยู่ไม่ห่างจากเขามากทว่าศัตรูกลับไม่ได้ลงมือกับเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนตระกูลซันอยู่แล้ว
อำเภอกัง ลิเวอร์เบย์
ซันเฟย์หลี่และเหยาซินหัวเพิ่งจะวางแผนการกันเสร็จ พวกเขาได้แบ่งกองกำลังของกันและกัน แม้ว่าวันนี้พวกเขาจะเสียหายเป็นอย่างมากแต่ซันเฟย์หลี่เองก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าสามารถล้มตระกูลถังได้แม้ว่าจะต้องใช้ความช่วยเหลือของตระกูลเหยาก็ตาม พวกเขาจะขึ้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดกวนหยาง
“ริ้งงงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงง”
เสียงเรียกเข้าเองก็ดังขึ้นและขัดจังหวะการพูดคุยของทั้งสองคน
คิ้วของซันเฟย์หลี่เองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพบว่าคนที่โทรมานั้นคือภรรยาของเขา ทันใดนั้นเขาเองก็รู้สึกแปลกๆพร้อมกับกดปุ่มตอบรับแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า
“ฉันกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องสำคัญ เดี๋ยวจะกลับไปช่วงค่ำๆหากว่าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญก็อย่าได้มารบกวนฉัน”
“สามี เกิดอุบัติเหตุขึ้น”
เสียงร้องไห้ของภรรยาเขาก็ได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย
ท่าทางของซันเฟย์หลี่เองก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะถามออกมาทันทีว่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
“ตระกูลของเราจบสิ้นแล้ว !”
ภรรยาของเขาเองก็ได้สะอื้นออกมา
ซันเฟย์หลี่ได้ตะโกนออกมาอย่างดังว่า
“ฉันยังไม่ตายและตระกูลของเราก็ไม่มีทางจบสิ้น ! ไหนพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ?”
หญิงคนนั้นเองก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำตาที่เอ่อนองว่า
“สามี มีคนบุกเข้ามาในบ้านหลักของเราและฆ่าคนไปมากมาย เฟย์หวูตาย ซันเหว่ยตาย เขวียนจินก็ตาย ผู้สืบทอดสายตรงของเราทั้งหมดตาย แกนหลักของตระกูลเองก็ตายไป 21 คน”
“อะไรนะ ?”
ซันเฟย์หลี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยความโกรธโดยทันที
เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินไปเพราะบ้านหลักของเขามีกองกำลังที่แข็งแกร่งวางเอาไว้มากมายแล้วมันจะไปมีคนที่สามารถลอบเข้าไปฆ่าคนได้ไง ?
และ .....
สามารถฆ่าแกนหลักของตระกูลไปได้มากมายขนาดนั้น ?
“อีเวร นี่เธอล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม ? เรื่องนี้มันไม่ตลกนะ”
หญิงสาวคนนั้นเองก็ได้สะอื้นออกมาหนักกว่าเดิมพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ได้ล้อเล่น ฉันพูดจริงๆ ตระกูลซันของเราจบแล้ว”
ร่างกายของซันเฟย์หลี่เองก็สั่นพร้อมกับโทรศัพท์ของเขาได้ตกลงไปที่พื้นโดยทันที
เหยาซินหัวเองก็ได้ถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“หัวหน้าตระกูลซัน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ?”
ซันเฟย์หลี่เองก็ได้เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าที่เป็นห่วงของเหยาซินหัวก่อนที่จะหมดแรงบนโซฟาแล้วพูดว่า
“ตาย แกนหลักของตระกูลฉันตายหมดแล้ว”
ท่าทางของเหยาซินหัวเองก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาได้กระชากคอเสื้อของซันเฟย์หลี่ขึ้นมาก่อนที่จะตะโกนว่า
“นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ? ใครมันจะไปมีความสามารถพอที่จะฆ่าแกนหลักของตระกูลซันได้ ?”
ซันเฟย์หลีเองก็ได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
“ฉันก็ไม่รู้ ภรรยาของฉันเป็นคนโทรมาบอกว่าหากไม่รวมหน่วยลาดตระเวนที่ตายไปก็มีแกนหลักของตระกูลตายไป21คน”
เหยาซินหัวเองก็ได้ปล่อยคอเสื้อของหัวหน้าตระกูลซันทันทีก่อนที่จะแสดงใบหน้าที่หวาดกลัวออกมาแล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว เขาใช้แรงทั้งหมดเพื่อกลืนน้ำลายเพราะตระกูลซันนั้นเป็นถึงเจ้าถิ่นของจังหวัดนี้ แกนหลักที่มีอำนาจระดับสูงเองก็มีประมาณ30คนก่อนหน้านี้ก็ตายไปหลายคนและตอนนี้ตายเพิ่มไปอีก 21คน
นั่น.......
แล้วมันยังจะไปเหลืออยู่อีกกี่คน ?
เหยาซินหัวเองก็ได้ข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้พร้อมกับตะโกนออกมาว่า
“ไปกัน เราจะไปที่ตระกูลซันทันที”
จังหวัดฟูคัง ตระกูลฮ่วง
ฮ่วงจินฟูที่กำลังหลับอยู่นั้นก็ได้ตื่นขึ้นโดยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเขา หลังจากที่เขาต่อสายสนทนาแล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ใช่แล้ว
จากข้อมูลที่เขาเพิ่งได้มานั้นทำให้เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แกนหลักของตระกูลซันถูกฆ่าล้างตระกูลภายในข้ามคืนเท่านั้น จำนวนของศัตรูเองก็ไม่เป็นที่แน่ชัดแต่ว่าน้อยมาก เท่าที่พบก็มีเพียงแค่2คนเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า ห้องอาหารร้อยงานฉลอง.......แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าไปเป็นศัตรูกับพวกเขาตระกูลซันก็ต้องจบอย่างแน่นอน ตระกูลเหยา....หากว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองส่งคนทั้งหมดออกมาก็น่าจะสามารถฆ่าล้างตระกูลเหยาได้.....โดยไม่มีปัญหา ?”
ฮ่วงจินฟูเองก็ได้ตระหนักพร้อมกับโทรไปหาเบอร์ๆหนึ่งทันที
“เพื่อนเก่า เร่งให้เร็วขึ้นหน่อย อย่างดีก็ควรจะเป็นวันพรุ่งนี้ที่ใบหยางจะได้กลับไปตระกูลของเขา”
“ฉันรู้แล้ว เมื่อกี้เพิ่ง........”
“นายเองก็ได้รับข่าวแล้วงั้นหรอ ?”
“ใช่ !”
ฮ่วงจิงฟูเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ตอนนี้นายน่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดไหนกัน ? อย่าว่าแต่ตระกูลซันเลยต่อให้เป็นตระกูลฮ่วงของฉัน หาก.........ตระกูลของฉันก็สามารถถูกฆ่าล้างตระกูลได้ภายในข้ามคืน”
“เพื่อนจินฟู ไหนนายลองพวกฉันมาหน่อยสิว่าขุมพลังของห้องอาหารร้อยงานฉลองนี่คืออะไรกันแน่ ?”
เสียงของชายวัยกลางคนเองก็ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย
ฮ่วงจินฟูได้ฝืนยิ้มพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ฉันเองก็ไม่รู้ มันลึกลับและน่ากลัวเป็นอย่างมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนของห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นเป็นคนที่ไม่เตะตาเลยแม้แต่น้อย”
“ฉันเข้าใจแล้ว นายวางใจได้เลยว่าฉันจะไม่ส่งคนไปตรวจสอบเบื้องหลังพวกเขาอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นฉันก็จะจัดการเรื่องที่รับมอบหมายมาให้เร็วที่สุด อ่อใช่ หากว่านายได้พบกับ.....ลองถามเขาดูหน่อยว่าต้องการจะเปิดสาขาที่จังหวัดกวนหยางหรือไม่ ตระกูลของฉันจะช่วยเหลือและไม่ขวางทางเขาอย่างแน่นอน”
“ได้”
การสนทนาได้สิ้นสุดลง
ท่าทางของฮ่งจินฟูเองก็ซับซ้อนมากๆ หลังจากที่เขาวางสายแล้วก็ได้สวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เขามองไปที่บรรยากาศที่มืดมิดก่อนที่จะถอนหายใจ
“ใครจะไปคิดกันว่าค่ำคืนที่เงียบสงบแบบนี้ตระกูลซันจะได้รับความเสียหายไปขนาดนั้น ? การที่ตระกูลชูเข้าหาห้องอาหารร้อยงานฉลองได้นั้นก็ถือเป็นเรื่องดี หลังจากนี้ตระกูลฮ่วงของฉันเองก็คงจะได้ร่วมมือกับตระกูลชูแบบลับๆ”
เมืองหลวง
ถังเกาเชิงได้ตื่นขึ้นจากเสียงรอบข้าง ทันใดนั้นเขาก็ได้โทรไปหาถังซิ่วก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
หากเทียบกับถังเกาเชิงแล้วหัวหน้าตระกูลเหยา เหยาชิงซุนนั้นข่มตาหลับไม่ลง เขาได้นั่งอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะโทรไปหาเหยาซินหัวพร้อมทั้งพูดแค่สี่คำเท่านั้น
“เปลี่ยนรุกเป็นรับ”
เช้าวันรุ่งขึ้น
รถAudiสองคันเองก็ได้ขับไปถึงเซฟเฮ้าส์แถวๆแม่น้ำ หลังจากนั้นชายวัยกลางคนหลายคนก็เข้าไปหลายนาทีก่อนที่จะรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องขังที่ไม่มีอะไรเลย ใบหยางกำลังนั่งมองไปที่กำแพงสี่มุมพร้อมกับสูบบุหรี่ที่ได้มาจากผู้กำกับการเพราะก่อนหน้านี้ชายคนนั้นเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขามาก่อน
เขารู้ดีว่า
ตัวเองจบแล้ว
มีความเป็นไปได้มากมายที่ตระกูลของเขาเองก็จะต้องจบตามไปด้วย
เขาโทษว่าทำไมท่านชายถึงได้เลือกที่จะยืนข้างตระกูลถัง เขาเข้าใจถึงสถานการณ์ของตระกูลถังดี พวกเขาแถบจะไม่สามารถเรียกว่าเป็น 1 ใน 3 ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดได้อีกแล้ว
“ตอนนี้ตระกูลถังเองก็มีกองกำลังวางเอาไว้ในจังหวัดกวนหยาง สงสัยก็คงจะแทบไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ ? การที่จะมาช่วยเราก็คง....ยาก”
ใบหยางเองก็ได้ถอนหายใจออกมา
“แกร๊งงง........”
ขณะนี้เองที่ประตูเหล็กได้เปิดออกพร้อมกับเจียงหยางเหว่นได้เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจมากมาย
“ผู้กำกับการเจียง คุณมาทำอะไรงั้นหรอ ?”
ใบหยางเองก็ได้ถามออกมา
เจียงหยางเหว่นเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เพื่อนหยาง ก่อนหน้านี้ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งมาว่านายได้ถูกปล่อยตัวแล้วยิ่งไปกว่านั้นข้อหาทั้งหมดถูกยกเว้ย อ่อใช่ทางผู้ว่าเองก็ได้บอกมาว่านายควรจะรีบกลับบ้านไปนะ หลังจากที่กลับไปแล้วเขาก็เชิญให้นายไปทานข้าวด้วย”
“คุณพูดว่าอะไรนะ ?”
ใบหยางเองก็ได้แสดงใบหน้าที่ตกตะลึงออกมาพร้อมกับถามทันที
เจียงหยางเหว่นเองก็ได้พูดคำเมื่อครู่ซ้ำก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เอาล่ะเพื่อนหยาง เราพบว่ามันมีคนใส่ความนายดังนั้นพวกเราเองก็ได้จับมันมาแล้ว พากมันเป็นคนจากตระกูลซันและไม่นานก็จะถูกนำมาขังที่นี่แทนนาย”
ใบหยางเองก็ได้กลืนน้ำลายกลับลงไปก่อนที่จะมองไปที่ตำรวจหลายนาย
เจียงหยางเหว่ยเองก็เข้าใจได้ถึงความหมายของใบหยางทันที เขาได้โบกมือให้กับตำรวจคนอื่นๆเพื่อให้พวกเขาออกไป หลังจากที่ในห้องเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้วเขาก็ได้พูดว่า
“เพื่อนหยาง นายอยากจะรู้อะไรล่ะ ?”
ใบหยางได้ถามออกมาว่า
“ผู้กำกับการหยาง นี่มันมีเหตุผลอะไรกัน ?”
เจียงหยางเหว่ยได้ถอยหลังกลับไปหลายก้าวและดูว่าไม่มีใครอยู่ก่อนที่จะเดินมาข้างๆใบหยางแล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า
“ตอนนี้จังหวัดของเรามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ศูนย์ใหญ่ของสตาร์ไลท์กรุ๊ปของตระกูลถังโดนเผาไปใช่ไหม ? เมื่อวานนี้มีใครบางคนไปเผาบริษัทของตระกูลเหยาและตระกูลซันยิ่งไปกว่านั้นมีคนกว่า2-3ร้อยคนที่ถูกลอบสังหาร”
“นี่มันยังไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ตระกูลซันนั้นน่าอนาถเป็นอย่างมาก เมื่อวานนี้มีใครบางคนได้ลอบเข้าไปในบ้านหลักพร้อมกับฆ่าแกนหลักของตระกูลไปแทบทั้งหมด นอกจากหัวหน้าตระกูลซันแล้วก็เหลือแค่แกนหลักที่ประจำอยู่ในจังหวัดอื่นเท่านั้น”
ใบหยางเองก็ได้แสดงรอยยิ้มที่มีความสุขออกมา
ความน่าอนาถของตระกูลซันและตระกูลเหยานั้นทำให้เขานึกถึงตระกูลถังทันที ถึงขั้นที่เขายืนยันได้เลยว่าคนที่ทำได้ขนาดนี้มีแค่ตระกูลถังเท่านั้น