ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 324
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 326

Returning From The Immortal World - 325


.......................................................................................................................................................................................

ขณะที่ฉีหนานได้ออกไปจากห้องโถงที่ชั้นหนึ่งนั้นถังซิ่วและฮูชิงซ่งเองก็ได้มาถึงพอดี เป็นเพราะหน้าตาที่ฟกช้ำของฮูชิงซ่งทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยเองก็เอาแต่จ้องมองไปที่เขา

“สวัสดีค่ะ กี่ท่านค่ะ”

พนักงานต้อนรับหญิงเองก็ได้เดินเข้ามาถามพร้อมกับรอยยิ้ม

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปรอบๆพื้นที่และพยักหน้าแบบเงียบๆ บรรยากาศของที่นี่ดีมากๆพร้อมกับการตกแต่งที่หรูหราซึ่งห้องอาหารที่เขาไปมาก่อนหน้านี้ไม่สามารถเทียบได้เลย

“สามคน”

พนักงานต้อนรับเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ห้องส่วนตัวนั้นเกือบจะเต็มหมดแล้วค่ะ พวกคุณนั่งที่ชั้นแรกได้ไหมค่ะ ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ไม่มีปัญหา”

ไม่นานหลังจากนั้น ภายใต้การนำทางของพนักงานต้อนรับพวกเขาก็ได้ไปถึงมุมเงียบๆมุมหนึ่ง แม้ว่ารอบๆจะแบ่งกันหลายโต๊ะมากแต่ตรงนี้ก็ไม่มีเสียงดังรบกวนแม้แต่น้อย

“ท่านทั้งสองต้องการเมนูแบบไหนดีค่ะ ?”

“ไม่จำเป็นต้องเลือก เอาอะไรก็ได้ที่เป็นเมนูพิเศษของทางร้านมา เอาเนื้อ ผัก ปลาและซุบก็พอ”

ถังซิ่วได้พูดออกมา

พนักงานหญิงเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยิ้มว่า

“มีข้อจำกัดอะไรในการบริโภคไหมค่ะ ?”

“ไม่มี”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไป

หญิงต้อนรับเองก็ได้โค้งตัวให้พร้อมกับพูดว่า

“ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่นะคะ”

ขณะที่หญิงสาวได้เดินออกไปฮูชิงซ่งเองก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาชื่นชมว่า

“ลูกพี่ถังนี่ช่างสุดยอดจริงๆ ร้านอาหารนี่หรูหราขนาดนี้แต่กลับไม่ดูเมนูแม้แต่นิดเดียวแต่ก็กลับสั่งอาหารชุดพิเศษทันที ดูเหมือนว่านายจะใจใหญ่ทันทีที่ทานอาหารกับครูฮั่นเลยนะ”

ถังซิ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้แล้วก็พูดว่า

“ใครบอกว่าฉันรวยกันล่ะ ? เราเป็นแค่นักศึกษาจนๆเท่านั้น ครูฮั่นนั้นแหละที่ควรจะเป็นคนจ่ายเงินใช่ไหม ?”

“อะไรนะ ?”

ฮูชิงซ่งเองก็พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“นี่เราจะให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวงั้นหรอ ? แม้ว่าเธอจะเป็นครูก็ตามแต่อายุก็ไม่น่าจะห่างกับเราเท่าไหร่นัก ลูกพี่ถัง หากว่านายมีเงินไม่พอฉันก็จะเลี้ยงอาหารมื้อนี้เอง”

นี่มันเป็นอุดมการณ์ของลูกผู้ชาย !

ถังซิ่วเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาและสิ่งที่ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกนั้นคือรูปลักษณ์ของเขาเหมือนกับคนที่ขาดเงินงั้นหรอ ? เยวี่ยไคเองก็คิดว่าเขาเป็นคนจนแล้วตอนนี้ฮูชิงซ่งเองก็คิดเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากจะโดดเด่นหรืออวดรวยดังนั้นเขาเองก็ไม่อยากจะไปอธิบายอะไรเกี่ยวกับการเข้าใจผิดของฮูชิงซ่งแต่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ล้อเล่นหน่า จะให้ครูฮั่นหรือนายมาจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ได้อย่างไรกัน กินให้อิ่มไปเลย”

“เอาล่ะ ในกรณีที่นายไม่มีเงินก็สามารถบอกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ”

ฮูชิงซ่งเองก็ได้พูดออกมาตรงๆพร้อมกับไม่ได้พูดอะไรต่อไป

ในไม่กี่ปีมานี้ตระกูลของเขาร่ำรวยขึ้นอย่างมากแต่การมากินที่ร้านอาหารที่หรูหราขนาดนี้เป็นครั้งแรกดังนั้นเขาจึงลังเลเล็กน้อย

ห้องวีไอพีที่ชั้น4

เหมี่ยวเหวินถังและเพื่อนๆกำลังดื่มกัน พวกเขาเป็นถึงบอสของบริษัทชั้นนำดังนั้นเวลาพูดกันจึงไม่ได้เอะอะเหมือนพ่อค้าในตลาดแต่จะรักษาท่าทางเอาไว้ พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันเล็กน้อยก่อนที่จะคุยเรื่องธุรกิจกัน

“ก๊อก ก๊อก....”

เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นซึ่งมันขัดจังหวะการพูดคุยของพวกเขาทั้ง4คน หลังจากนั้นประตูก็ได้ถูกเปิดออกและพบกับใบหน้าของฉีหนานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับไวน์ชั้นเลิศในมือของเธอ

“คงไม่รบกวนใช่ไหม ?”

ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

นักธุรกิจต่างๆเองที่เห็นการมาถึงของฉีหนานนั้นก็ได้มองไปที่กันและกันอย่างงงงวยและประหลาดใจส่วนเหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้ถามออกมาว่า

“คุณคือ ?”

ฉีหนานได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉัน ฉีหนาน เป็นรองผู้จัดการห้องอาหารร้อยงานฉลองและตามธรรมเนียมของห้องอาหารของเรานั้นหากว่ามีแขกผู้ทรงเกียรติมากินดื่มที่ห้องอาหารของเรานั้นผู้ที่มีอำนาจของทางร้านก็ต้องมาต้อนรับแต่บอสเหมี่ยวเป็นถึงแขกผู้ทรงเกียรติในหมู่แขกผู้ทรงเกียรติ”

เรื่องต้อนรับนี่เหมี่ยวเหวินถังพอเข้าใจ

แต่.......

เหมี่ยวเหวินถังได้ลุกออกไปจับมือกับฉีหนานก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“หัวหน้าฉี อะไรคือแขกผู้ทรงเกียรติในหมู่แขกผู้ทรงเกียรติ ? มันหมายความว่าไง ? ฉันจำได้แค่ว่าห้องอาหารนี้มีแค่แขกผู้ทรงเกียรติเท่านั้น”

ฉีหนานได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เราได้รับข่าวมาจากเกาะจิงเหมินว่าคุณและบอสเซ่าหมิงเจิ้งนั้นเป็นแขกผู้ทรงเกียรติในหมู่แขกผู้ทรงเกียรติของห้องอาหารเราเพราะพวกคุณเป็นเพื่อนของบอสเรา”

เหมี่ยวเหวินถังได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“บอสคุณ ? หมายถึงกู่เสี่ยวเสวี่ย ?”

ฉีหนานได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“บอสคนใหม่ของเรามีชื่อว่าถังซิ่ว”

“ถังซิ่ว ?”

ท่าทางของเหมี่ยวเหวินถังเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับความไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองคืออะไร ความแข็งแกร่งของกู่เสี่ยวเสวี่ยซึ่งทำให้เขาไม่สามารถหยั่งถึงได้แต่ถังซิ่วที่สามารถฝ่าค่ายกลเข้าไปได้ถึงกับขึ้นเป็นบอสเลย ?

ทันใดนั้น

เหมี่ยวเหวินถังก็รู้ได้ทันทีว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับถังซิ่วน้อยมากและเข้าใจได้แล้วว่าทำไมเขาถึงได้เป็นแขกผู้ทรงเกียรติในหมู่แขกผู้ทรงเกียรติ

ฉีหนานได้เปิดขวดไวน์ออกพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“บอสเหมี่ยว ฉันนับถือคุณและขอดื่มให้แด่คุณสามแก้วและหวังว่าจะมีความสุขกับห้องอาหารของเรา”

“ดี”

“ดื่ม”

หลังจากที่ดื่มเข้าไปทั้งสามแก้วแล้วเหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า

“ไม่คิดเลยว่าเพื่อนถังจะได้เป็นบอสของห้องอาหารแห่งนี้ ฉันรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาแข็งแกร่งและลึกลับแต่ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเขาต่ำไปอยู่ดี ไม่อยากจะคิดเลยว่าในอนาคตเขาจะไปได้ถึงไหน”

ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“บอสของเราเป็นเหมือนดั่งมังกรในหมู่ชายอยู่แล้ว ไม่สามารถวัดความสำเร็จในอนาคตของเขาได้แน่นอน”

ซางเยวี่ยหมิงซึ่งเป็นบอสของซิงหยากรุ๊ปจากเซี่ยงไฮ้ที่มีสินทรัพย์รวมกันกว่าหมื่นล้านและรองประธานบริษัทโฆษณาจากเซี่ยงไฮ้ผู้ซึ่งมีสถานะสูงส่ง เขาได้ถามออกไปด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจว่า

“หัวหน้าฉี เราเองก็ได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้มานานแล้วแต่ไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับห้องอาหารนี้เลยคุณบอกหน่อยได้ไหมว่าแขกผู้ทรงเกียรติเป็นอย่างไร ?”

ฉีหนานเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันว่าให้บอสเหมี่ยวเป็นคนอธิบายน่าจะดีกว่า ! ฉันยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการดังนั้นคงไม่รบกวนการสนทนาของพวกคุณแล้ว ขอตัวค่ะ”

เมื่อพูดจบ ฉีหนานเองก็หันหน้าเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม

ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้มองไปที่เหมี่ยวเหวินถังพร้อมถามออกมาว่า

“ไหนเพื่อเหมี่ยวลองว่ามาหน่อยสิ”

เหมี่ยวเหวินถังได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“พวกนายรู้แค่ว่าฉันเป็นนักธุรกิจใช่ไหมแต่จริงๆแล้วฉันเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธด้วย แม้ว่าห้องอาหารร้อยงานฉลองที่เกาะจิงเหมินจะทำตัวไม่โดดเด่นนักแต่มีรากฐานที่แข็งแกร่งและไม่สามารถหยั่งถึงได้ ที่นั่นมีค่ายกลถูกจัดวางเอาไว้และมีชื่อว่าค่ายกลพันโคจร มัน.......”

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

พวกเขาทั้งหมดก็เข้าใจได้เกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างจากปากของเหมี่ยวเหวินถัง ตอนนี้พวกเขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของห้องอาหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก พวกเขารู้สึกสนใจจริงๆ

เหมี่ยวเหวินถังได้มองไปที่ท่าทางของคนทั้งสามก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“จำไว้ว่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปโดยเด็ดขาดแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ความลับแต่บางทีก็อาจจะทำให้เราเสียชีวิตได้”

ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ไม่ต้องเป็นห่วง เราเข้าใจดี อย่างไรก็ตามบอสของห้องอาหารแห่งนี้ ถังซิ่วคนนั้นคือใครกัน ? จากที่ได้ยินเมื่อครู่แล้วเขาน่าจะมีความสัมพันธ์กับนายใช่ไหม ?”

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังและตรงไปตรงมาว่า

“เขาเป็นเพื่อนของฉันและเรารู้จักกันบนเกาะจิงเหมิน หลังจากนั้นเราก็ได้สร้างสายสัมพันธ์กัน หากพูดกันตามตรงคือเขาช่วยชีวิตฉันไว้ พวกเรารู้จักกันมากว่า20ปีแล้ว ฉันไม่มีทางโกหกพวกนายหรอก”

ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้พูดว่า

“นายพูดต่อสิ”

เหมี่ยวเหวินถังพูดว่า

“ถังซิ่วนั้นแข็งแกร่งมากส่วนเรื่องที่แข็งแกร่งขนาดไหนคือฉันเองก็ยังกลัวเขาเช่นกัน เขาเป็นคนที่ลึกลับซึ่งแต่ละครั้งที่ได้คลุกคลีกันก็จะทำให้ฉันตกตะลึงเสมอ ฉันรู้ว่าเขาเข้าเป็นนักศึกษาปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และหวังว่าเจ้าถิ่นอย่างพวกนายจะไม่ไปล่วงเกินเขาไม่เช่นนั้นชะตากรรมของพวกนายจะต้องจบอย่างน่าอนาถแน่นอน”

ซางเยวี่ยหมิงเองก็ได้หัวเราะออกมาพร้อมพูดว่า

“นี่เพื่อนเหมี่ยว นายพูดเล่นใช่ไหม ? ถังซิ่วที่นายพูดถึงเป็นแค่เด็กนักศึกษาปีหนึ่งงั้นหรอ ?”

กู่ชางหมิน บอสของบริษัทบันเทิงดิ่งเชินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“นายพูดเล่นใช่ไหมเพื่อน ? เด็กนักศึกษาจะไปแข็งแกร่งได้ขนาดไหนกัน คนที่แข็งแกร่งจริงๆก็คงจะเป็นผู้อาวุโสของเขา ?”

เหมี่ยวเหวินถังได้มองไปที่พวกเขาโดยที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อย่างไรก็ตามเขาได้มองไปที่เพื่อนเก่าอีกคน จินซิงกุย ซึ่งเป็นบอสของบริษัทอสังหาฯจินดาด้วยความประหลาดใจเพราะใบหน้าของเขามืดมนและตื่นตระหนก

ทันใดนั้น จินซิงกุยเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“เพื่อนเหมี่ยว ในเมื่อนายกับถังซิ่วเป็นเพื่อนกันดังนั้นแนะนำเขาให้ฉันรู้จักบ้างได้ไหม ? นายวางใจได้เลยว่าฉันจะไม่ให้นายเหนื่อยเปล่าแน่นอน หลังจากที่กลับไปที่บ้านแล้วฉันจะให้หยกกิเลนกับนายเอง”

เหมี่ยวเหวินถังได้โบกมือพร้อมพูดว่า

“แม้ว่าฉันจะอิจฉาเรื่องหยกกิเลนของนายก็จริงแต่ไม่สามารถรับมันเป็นของตอบแทนเรื่องนี้ได้ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีและหลังจากนี้หากว่ามีโอกาสฉันก็จะพานายไปแนะนำกับเขา”

“ขอบคุณมากๆ”

จินซิงกุยได้พูดอย่างตรงไปตรงมา

ซางเยวี่ยหมิงได้ชะงักไปพร้อมกับกู่ชางหมินเองก็ถามออกมาด้วยใบหน้าที่สงสัยว่า

“เพื่อนจิน นาย.......”

จินซิงกุยเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“อย่าได้ถามฉันเลย ฉันไม่กล้าบอกพวกนายหรอกแต่พวกนายทั้งสองควรจะจำคำพูดของเพื่อนเหมี่ยวเอาไว้ว่าหากวันไหน........คนในตระกูลของนายกล้าไปล่วงเกินถังซิ่วก็รับรองได้เลยว่าตระกูลของนายจะต้องย่อยยับอย่างแน่นอน”

ซางเยวี่ยหมิงและกู่ชางหมินเองก็ได้มองไปที่กันและกันด้วยความตกตะลึง พวกเขาจะไม่เชื่อเลยหากว่าแค่เหมี่ยวเหวินถังเป็นคนพูดทว่าเมื่อรวมจินซิงกุยไปด้วยแล้วพวกเขาก็จำต้องเชื่อ

หรือว่า

เด็กหนุ่มคนนั้นมันน่ากลัวขนาดนั้นเลย ?

พวกเขาได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า

เหมี่ยวเหวินถังเองก็รู้สึกสงสัยเรื่องที่จินซิงกุยรู้เกี่ยวกับถังซิ่วเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องถามจากปากจินซิงกุยให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“มาเถอะ เรามาดื่มกัน”

เหมี่ยวเหวินถังได้ระงับความอยากรู้เอาไว้พร้อมกับยกแก้วขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด